เรื่องวุ่นๆ กรุงเทพกลางแปลง หลังคนคลองเตยไล่กลุ่มยกเลิก 112 ที่เตรียมเปิดบูทรำลึก 'วัฒน์ วรรลยางกูร’ ผู้เขียนนิยายมนต์รักทรานซิสเตอร์

กลายเป็นเรื่องวุ่นๆ ในการจัดงานกรุงเทพกลางแปลงที่ศูนย์เยาวชนคลองเตย หลังกลุ่มเคลื่อนไหวยกเลิกมาตรา 112 ถูกปฏิเสธตั้งบูทรำลึกผู้เขียนนิยายมนต์รักทรานซิสเตอร์ เหตุนำลูกโป่งข้อความ 'วัฒน์ วรรลยางกูร ยกเลิก 112' เข้ามา ฟากคนคลองเตยขับไล่ ถามสรุปให้ฉายหนังหรือมาการเมือง ขณะที่ 'ปิยบุตร-เจี๊ยบ คลองถม' ได้ทีขยี้ เปรียบเหมือนตัวละครถูกไล่ ส่วน 'จอม ไฟเย็น' เผยเบื้องหลังจะเปิดตัววงดนตรี 'กิโยติน' เตรียมเพลงไว้แล้ว แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้น

วันนี้ (16 ก.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่กรุงเทพมหานครได้จัดกิจกรรม "กรุงเทพกลางแปลง" ฉายหนังกลางแปลงทั่วกรุงเทพฯ ตามนโยบายของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างความสุขให้คนกรุงเทพฯ และกระตุ้นเศรษฐกิจ ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ศูนย์เยาวชนคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ ได้มีการจัดงานฉายหนังกลางแปลง เรื่อง 'มนต์รักทรานซิสเตอร์' แต่ปรากฏว่าในช่วงเย็นได้มีกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า 'กลุ่มนาดสินปฏิวัติ' นำโดย น.ส.กัลยมน สุนันท์รัตน์ หรือมิ้นท์ ฉายาเจ๊เขียว นำลูกโป่งข้อความ 'วัฒน์ วรรลยางกูร ยกเลิก 112' เข้ามาในพื้นที่งาน แต่ทางผู้จัดงานที่ได้รับมอบหมายจากสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยไม่อนุญาตให้เข้ามาทำกิจกรรม จึงเกิดการโต้เถียงกัน

ขณะที่นางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือ 'ป้าเป้า' ผู้สูงวัยที่เป็นขวัญใจผู้ชุมนุมกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าราษฎร ได้มีปากเสียงกับชายชาวคลองเตยรายหนึ่ง ต่อมาชาวคลองเตยหลายรายรวมตัวกันไล่กลุ่มนาดสินปฏิวัติ และป้าเป้าออกจากพื้นที่ โดยชาวคลองเตยคนหนึ่งตะโกนว่า "สรุปแล้วนี่มาฉายหนังให้ดูหรือมาการเมือง" ขณะที่ตำรวจ สน.ท่าเรือได้ยึดลูกโป่งดังกล่าว ก่อนที่แกนนำจะตามไปรับคืน

ทันทีที่เรื่องนี้เกิดขึ้น เฟซบุ๊ก 'Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล' ของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ก็ได้โพสต์ข้อความ เราต่างมีโอกาสกลายเป็น “แผน” และ “บักเสี่ยว” โดยระบุว่า ในภาพยนตร์เรื่อง “มนต์รักทรานซิสเตอร์” ซึ่งนำมาจากนวนิยายของนายวัฒน์ วรรลยางกูร มีฉากหนึ่งที่ “แผน” และ “บักเสี่ยว” หลบหนีออกจากงานตัดอ้อยได้ “บักเสี่ยว” มีเรื่องทะเลาะกับเจ้าของไร่อ้อย “แผน” เข้าไปช่วย “บักเสี่ยว” จนเกิดการมะรุมมะตุ้มกัน แผนและบักเสี่ยววิ่งหนีออกจากไร่อ้อย หลบขึ้นรถบรรทุกเข้าไปถึงในเมือง เร่ร่อน นอนข้างทาง คุ้ยหาของในขยะ จนได้เข้าไปในงานเลี้ยงไฮโซที่ให้ผู้ร่วมงานแต่งชุดแฟนซี และจัดระดมทุนให้คนบริจาคทำบุญช่วยเหลือผู้ยากไร้

ด้วยสภาพการแต่งกายของแผนและบักเสี่ยว ที่มอมแมม สกปรก เสื้อขาด อันเนื่องมาจากการทำงานในไร่อ้อยและหลบหนีออกมา นอนข้างถนน ทำให้คนที่มาร่วมงานเลี้ยงเข้าใจว่าทั้งสองคือแขกที่ได้รับเชิญมาร่วมงาน และเลือกแต่งแฟนซีสไตล์คนจน ไร้บ้าน เมื่อเป็นเช่นนั้น แผนและบักเสี่ยวเลยทำเนียนอยู่ในงาน มีผู้รากมากดี ไฮโซ เข้ามาคุยกับเขามากมาย ยกยอปอปั้น แนะนำตัวตามประสางานปาร์ตี้ไฮโซ ทั้งสองคนกินอาหารด้วยความหิวโหย ในที่สุด พวกเขาก็ถูกจับได้ เลยโดนคนจัดงานหิ้วตัวโยนออกมา จากเสียงอ่อนหวานแนะนำตัวโอภาปราศรัยตามสำเนียงผู้รากมากดีของบรรดาแขกเหรื่อ ก็กลายเป็นเสียงก่นด่าสาปส่งใส่แผนและบักเสี่ยวแทน จากงานบุญให้ “คนรวย” สำลักความดีด้วยการช่วย “คนจน” ก็กลายเป็น งานบุญที่ให้ “คนรวย” ไล่ “คนจน” ออกจากงาน

เมื่อเย็นวันที่ 15 ก.ค. กรุงเทพมหานครจัดฉาย “หนังกลางแปลง” ที่คลองเตย ตามแนวนโยบายการเปิดพื้นที่สาธารณะในกรุงเทพมหานครของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อให้คนกรุงเทพฯ ได้พักผ่อนหย่อนใจและได้เสพงานศิลปวัฒนธรรม กำหนดการฉาย เป็นภาพยนตร์เรื่อง “มนต์รักทรานซิสเตอร์” มีผู้กำกับ ดารานำชาย หญิง ร่วมสนทนา ก่อนเริ่มงาน มีนักกิจกรรมถือลูกโป่งรูป วัฒน์ วรรลยางกูร พร้อมข้อความยกเลิกมาตรา 112 พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้างาน ส่วนในโลกออนไลน์ ความเห็นที่ปรากฏในไลฟ์ และรายงานข่าวมีคนมากมายบอกว่า…พวกนี้ไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้หรือไงว่าเขาฉายหนังไม่ใช่งานการเมือง อยากรณรงค์ยกเลิก 112 ไปทำที่อื่น บางคนไปไกลขนาดว่า เดี๋ยวผู้ว่าฯ ของเราจะเดือดร้อน … เราทุกคนต่างก็มีโอกาสกลายเป็นแผนและบักเสี่ยว

ขณะที่ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์รูปภาพและข้อความในเฟซบุ๊กว่า "ริมน้ำที่วังเวียง ถ่ายภาพนี้ไว้ราวต้นปี 62 สองพี่น้อง วัฒน์ วรรลยางกูร กับอุ๊ ไฟเย็น เลือกลี้ภัยหลังรัฐประหาร เสียชีวิตแล้วทั้งคู่ สำหรับพี่วัฒน์เป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันก่อนได้ย้ายไปฝรั่งเศส วัฒน์ วรรลยางกูร คือเจ้าของบทประพันธ์ #มนต์รักทรานซิสเตอร์ หนังกลางแปลงที่ถูกนำออกฉายที่ชุมชนคลองเตยเมื่อคืนนี้ ระหกระเหินลี้ภัยคดี 112 ถูกตามไล่ล่า 8 ปีสุดท้ายไปเสียชีวิตที่ฝรั่งเศสต้นปี 65 ที่ผ่านมา เจ้าของบทประพันธ์ผู้ยืนยันตลอดชีวิตถึงสิทธิในการพูดและการแสดงออกทางการเมือง แต่เพียงแค่ลูกโป่งสีขาวเล็กๆ ที่มีรูปวัฒน์อยู่คู่กับข้อความ #ยกเลิก112 บนลูกโป่งนั้นเพื่อรำลึกถึงการพลัดพรากล้มหาย กลับถูกห้ามนำเข้าบริเวณงานอ้างว่า "ผิดกาลเทศะ" #กรุงเทพกลางแปลง"

ทั่งนี้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งเข้าไปแสดงความคิดเห็นว่า "ผมว่าเขาห้ามก็อาจจะมีเหตุผลนะครับ เทศกาลหนังกลางเเปลงเป็นงานที่อยากให้ทุกคนทุกฝ่ายมีผ่อนคลายกันไม่อยากให้มีประเด็นทางการเมือง เเละอีกประการมันมีเด็กๆ น้อยอยู่กันเยอะครับ ถ้าจะเรียกร้องเรื่อง 112 อันนี้เห็นด้วยนะครับ แต่ไม่ควรเอาทุกที่เป็นที่ยกเลิก 112" ปรากฏว่า นางอมรัตน์อธิบายว่า "ควรยืดหยุ่นเพื่อให้เกียรติเจ้าของบทประพันธ์ต้นฉบับของภาพยนตร์ที่นำมาฉายในวันนั้นได้ค่ะ ต้องระหกระเหินจนตายในต่างแดนเพราะกฎหมายนี้ แค่ลูกโป่งเพื่อการรำลึกไม่ใช่ไฮด์ปาร์กหรือมีการรบกวนใดๆ"

ข้ามมาที่ด้านเฟซบุ๊ก 'จอมไฟเย็น' ของนายนิธิวัต วรรณศิริ หรือ จอม ไฟเย็น สมาชิกวงดนตรีที่ชื่อว่า 'ไฟเย็น' ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 หลบหนีไปประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความสาระสำคัญก็คือ กลุ่มที่ถือลูกโป่งดังกล่าว คือทีมจัดบูทรำลึกนายวัฒน์ วรรลยางกูร ผู้ประพันธ์นิยายเรื่องนี้ ที่ได้ประสานงานล่วงหน้ามา 3 วันแล้วว่าในบูทจะมีไวนิลประวัตินายวัฒน์ กิจกรรมเล่นเกมแจกหนังสือของนายวัฒน์ มีลูกโป่งประดับบูทและแจกในงาน และมีกิจกรรมร้องเพลงของนายวัฒน์และเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว แต่พอถึงวันจริง ถูกทีมออแกไนเซอร์มาเททีมจัดบูททิ้งหน้างานเมื่อเวลา 14.00 น. วันดังกล่าว อ้างว่าเพราะไม่ได้แจ้งก่อนว่าในลูกโป่งจัดบูทมีข้อความ 'ยกเลิก 112' และทีมงานที่ชื่อมุก อ้างว่าเป็นตัวแทนจากสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ซึ่งเป็นเจ้าภาพงาน เป็นคนเอาลูกโป่งส่งให้ตำรวจยึดไป ก่อนที่ทีมจัดบูทจะไปตามทวงคืนจากตำรวจ สน.ท่าเรือมาได้

"ไม่ใช่จู่ๆ เขาจะเข้าไปยุ่งกับงานแบบที่หลายคนเข้าใจผิด แต่ทีมจัดบูทรำลึกนายวัฒน์ได้เตรียมงานจัดบูทกันมาหลายวันแล้ว และยังได้รับความอนุเคราะห์ป้ายไวนิลชีวประวัติและหนังสือของนายวัฒน์ที่จะใช้แจก มาจากกลุ่มสหายของนายวัฒน์ที่เป็นเจ้าภาพจัดงานรำลึกให้นายวัฒน์ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาอีกด้วย ที่น่าเศร้าที่สุดก็คือ ที่จริงแล้วกิจกรรมร้องเพลงในบูทงานนี้จะเป็นการเปิดตัวครั้งแรกอย่างเป็นทางการของงานวัฒนธรรม วงดนตรีวงใหม่ ชื่อวง 'กิโยติน' โดยเตรียมเพลง 'ดอกลา' ของประยูร ลาแสง หรือพระไม้ ที่นายวัฒน์ได้นำมาขับร้องไว้ เพลงคนสร้างบ้าน เพลงไพร่สร้างวังเวียง ไพร่เลี้ยงแผ่นดิน ที่นายวัฒน์ได้ประพันธ์ไว้ถึงความสำคัญของชนชั้นแรงงานมาขับร้อง และปิดท้ายด้วยเพลงทหารเกณฑ์คนเศร้า ที่นายวิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ได้แต่งไว้ประกอบภาพยนตร์ดังกล่าว แต่กิจกรรมที่เตรียมมาทั้งหมดก็มิได้เกิดขึ้น" นายนิธิวัตระบุ

ที่มา: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9650000067693