'ธนาธร' ชูธง ผู้บริหารท้องถิ่นในแบบกทม. ผู้บริหารสูงสุดต้องมาจากการเลือกตั้งของปชช.

'ธนาธร'ชูธง จุดหมายสูงสุดของการกระจายอำนาจที่แท้จริงคือการที่ทุกจังหวัดมีรูปแบบการปกครองท้องถิ่น เหมือนกับกรุงเทพฯ ผู้บริหารสูงสุดของจังหวัดต้องมีเพียงคนเดียวมาจากการเลือกตั้งของประชาชน 

(13 ก.ค.65) เฟซบุ๊กแฟนเพจ Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โพสต์ข้อความว่า

ท้องถิ่นในแบบ กทม. คือ end game ที่ประเทศไทยต้องไปให้ถึง

เมื่อวานนี้ ผมได้มีโอกาสรับเชิญไปพูดคุยในรายการ The Politics ของมติชน เรื่องการรณรงค์ปลดล็อกท้องถิ่น ที่คณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกล ตลอดจนประชาชนทุกภาคส่วนจากทุกจังหวัด ร่วมกันรณรงค์ชักชวนเข้าชื่อ จนเราได้มากว่า 8 หมื่นรายชื่อ และได้มีการยื่นต่อรัฐสภาไปแล้ววันนี้

ในช่วงหนึ่งของรายการ พิธีกร อุณเอ๊ก-คุณอ๊อฟ ได้ถามผมถึงกรณีของคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่เป็นกระแสและความหวังให้แก่คนจำนวนมาก ว่าสุดท้ายแล้วปรากฏการณ์นี้กำลังบ่งบอกอะไรกับเรา

ผมตอบไปว่าในท้ายที่สุดแล้วปรากฏการณ์แห่งความหวังนี้ คือจิตวิญญาณของการกระจายอำนาจ ที่มีการต่อสู้ขับเคลื่อนกันมาตั้งแต่สมัยการรณรงค์ พ.ร.บ.จังหวัด … มหานคร มาจนถึงการรณรงค์ปลดล็อกท้องถิ่นของเราในวันนี้ นั่นคือจิตวิญญาณแห่งความปรารถนา ที่จะให้แต่ละพื้นที่มีอำนาจในการจัดสรรทรัพยากรของตัวเอง

กรุงเทพมหานครฯ เป็นจังหวัดเดียวที่ไม่มีการเลือกตั้งนายก อบจ.กรุงเทพฯ ขณะที่จังหวัดอื่น ๆ มีโครงสร้าง อบจ. จากการเลือกตั้ง อยู่คู่กับผู้ว่าราชการจังหวัดที่มาจากการแต่งตั้ง และนี่คือโครงสร้างที่มีปัญหามาก เพราะนายก อบจ. ต่างต้องอยู่ภายใต้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่มาจากส่วนกลาง

ดังนั้น หากถามผมว่าจุดหมายสูงสุด (end game) ของการกระจายอำนาจที่แท้จริงคืออะไร สำหรับผม นั่นคือการที่ทุกจังหวัดมีรูปแบบการปกครองท้องถิ่น เหมือนกับกรุงเทพมหานครฯ

ตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของแต่ละจังหวัด จะเรียกว่าผู้ว่าราชการจังหวัด นายก อบจ. ประธานจังหวัด ฯลฯ จะเรียกชื่อว่าอะไรก็ได้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

สาระสำคัญที่สุด คือการที่ผู้บริหารสูงสุดของจังหวัดคนนั้น ต้องมีเพียงคนเดียว และคน ๆ นั้นต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชนเท่านั้น ไม่มีบุคคลอื่นที่แต่งตั้งจากส่วนกลางมามีอำนาจทับซ้อนกันแบบที่เป็นในปัจจุบัน โดยคน ๆ นั้นและผู้บริหารจังหวัดมีอิสระในการจัดสรรทรัพยากรในจังหวัดของตนเอง โดยไม่ต้องรอรับคำสั่งจากส่วนกลาง

ดังนั้น ปรากฏการณ์การได้รับเลือกตั้งอย่างท่วมท้นของคุณชัชชาติ ที่ตามมาด้วยการลงมือลงแรงทำงานอย่างแข็งขันของคุณชัชชาติ การสะท้อนและการรับฟังข้อคิดเห็นจากประชาชนอย่างท่วมท้น จนในที่สุดกลายเป็นปรากฏการณ์แห่งความหวังขึ้นมา

ผมเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าคุณชัชชาติจะเป็นผู้ว่าฯ ที่ดี เพราะคุณชัชชาติมาจากการแต่งตั้งโดยประชาชน ใช้อำนาจของประชาชน ในนามประชาชน เพื่อรับใช้ประชาชน ทำให้อย่างน้อยที่สุดเราพูดได้อย่างมั่นใจ ว่าคุณชัชชาติคือผู้ว่าฯ ที่ดีกว่าผู้ว่าฯ ที่มาจากการแต่งตั้งแน่นอน

และยิ่งเมื่อบวกกับความตื่นตัวทางการเมืองของประชาชนทุกวันนี้ ที่เป็นสิ่งที่คอยผลักดัน กำกับควบคุม และตรวจสอบถ่วงดุลคุณชัชชาติ ให้ต้องฟังเสียงของประชาชน ทำในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประชาชน และทำตามความต้องการของประชาชนมากที่สุด

ดังนั้น ด้วยความที่คุณชัชชาติมาจากประชาชน มีเจตจำนงที่ต้องการทำงานด้านบริหารให้ดี ผมเชื่อว่าคุณชัชชาติจะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง จะทำให้ประชาชนเห็นได้ว่าการเลือกตั้งผู้บริหารที่มาจากประชาชน ย่อมดีและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้มากกว่า

กระแสความต้องการที่คนในจังหวัดต่าง ๆ เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดของตัวเอง คือความปรารถนาที่อยากเห็นจังหวัดของตนเองได้มีผู้บริหารที่มาจากการเลือกตั้ง อยู่ภายใต้การตรวจสอบของประชาชน และเป็นความหวังของประชาชนได้ในแบบเดียวกัน

พลังแห่งความหวังนี้จะขยายตัวออกไปอย่างงอกงามได้ ก็แต่เมื่อในท้ายที่สุดแล้ว end game ของการกระจายอำนาจ ที่สังคมไทยต้องไปให้ถึงให้ได้ คือการที่ทุกจังหวัดในประเทศไทย มีโครงสร้างบริหารในแบบเดียวกันกับกรุงเทพมหานครฯ

และนั่นจะทำให้ปรากฏการณ์ “ชัชชาติฟีเวอร์” ไม่ใช่สิ่งที่คนต่างจังหวัดได้แต่ร่วมยินดีมีความหวังแบบห่างๆ อีกต่อไป แต่จะกลายเป็นสิ่งที่คนไทยทั้งประเทศ สามารถสัมผัสจับต้องได้ และเลือกได้ด้วยการจรดปลายปากกา ให้ได้ผู้บริหารท้องถิ่นแบบคุณชัชชาติในจังหวัดของตัวเอง


ที่มา : https://www.facebook.com/ThanathornOfficial/posts/pfbid0w1LsxnqhV1XxyzfNpmwqY67dZSkt95Sg2MidaSAKSeHSGEv74szAWtTZgdhAHNNgl
https://www.thaipost.net/x-cite-news/180031/