นายปิยวัฒน พันธ์สายเชื้อ ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย และคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎรเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรอย่างจริงใจ ไม่ควรทำเพียงเพื่อที่จะได้ใช้งบประมาณแผ่นดินหาเสียงล่วงหน้าช่วงปลายอายุขัยรัฐบาล โดยระบุว่า รัฐบาลต้องจริงใจกับเกษตรกรในการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตร ไม่ควรหวังเพียงใช้งบประมาณประเทศเพื่อปูฐานทางการเมืองในอนาคต การที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบกลาง วงเงิน 2,000 ล้านบาท จากเงินสำรองจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรไปนั้น จะต้องมีความจริงใจที่จะช่วยเหลือเกษตรอย่างแท้จริง เพราะเรื่องหนี้สินเกษตรกรนั้นเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน ทำให้พี่น้องเกษตรกรหลายล้านคนต้องตกอยู่ในวังวนหนี้สิน ไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมารัฐบาลก็ไม่เคยให้ความสำคัญแก้ไขปัญหาในส่วนนี้

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สารภาพเองว่าไม่ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูอาชีพให้เกษตรกร เห็นได้จากกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ตั้งแต่ปี 2563-2565 กองทุนฯ ไม่เคยได้รับการจัดสรรงบสนับสนุนจากรัฐบาลแต่อย่างใด จึงทำให้กองทุนฯ มีงบประมาณไม่เพียงพอในการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้สินพี่น้องเกษตรกร

“การแก้ไขปัญหาหนี้เกษตรกร ต้องครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ทุกกลุ่มเกษตรกร อย่าทำเพียงส่วนใดส่วนหนึ่ง น่าประหลาดใจที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้พี่น้องเกษตรกรจมอยู่กับปัญหาหนี้สิน โครงการประกันรายได้เกษตรกรที่เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลก็กลายเป็นนโยบายทำร้ายชาวนา เพราะคนที่ได้เงินส่วนต่างไปคือเจ้าของที่ดินที่ให้ชาวนาเช่าทำกิน แล้วรัฐบาลก็ปล่อยให้ชาวนาถูกเอาเปรียบมาตลอด แต่พอเข้าช่วงปีสุดท้ายของรัฐบาลก็เพิ่งจะมาเร่งทำเรื่องนี้ จึงมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากเป็นความพยายามที่จะนำภาษีประชาชนมาหาเสียงล่วงหน้าให้ตัวเอง”

พลเอกประยุทธ์ ควรใช้อำนาจที่มีทำประโยชน์เพื่อเกษตรกร โดยสั่งการให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของเกษตรกรทั่วประเทศ ออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างจริงใจ หลายปีที่ผ่านมา ธ.ก.ส. เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากชาวนาสร้างกำไรหลายหมื่นล้าน แต่เพราะไม่เคยมีนโยบายปรับโครงสร้างหนี้ให้เกษตรกร ส่งผลให้เกษตรกรไม่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินตัวเองได้ เกษตรกรหลายล้านคน ต้องตกอยู่ในวังวนหนี้สินไม่สิ้นสุด