‘จุรินทร์’ กาง 7 แผนสอดรับ Saudi Vision 2030 เน้นขยายการค้า บุกตลาด ‘ฮาลาล’ เต็มพิกัด

หลังจากที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มีคำสั่งให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ วิเคราะห์สถานการณ์การค้าของไทยกับซาอุดีอาระเบีย หากมีการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกัน สืบเนื่องจากการเยือนของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 25-26 มกราคม 2565 ตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมารรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบียนั้น

ล่าสุด นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงข้อวิเคราะห์และรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมือง เจดดาห์ ระบุว่า เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย พระองค์เป็นมกุฎราชกุมารและเป็นว่าที่กษัตริย์แห่งซาอุดีอาระเบียองค์ต่อไป ทั้งยังเป็นผู้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ Saudi Vision 2030 ที่ใช้ในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศซาอุดีอาระเบีย การที่นายกรัฐมนตรีประเทศไทยมีโอกาสเข้าเฝ้าหารือกับเจ้าชายนั้น ทำให้เป็นโอกาสที่ซาอุดีอาระเบียจะฟื้นความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกัน ซึ่งจะทำให้เกิดความคล่องตัวในหลายด้าน เช่น การผ่อนปรนการเข้าออกประเทศ การผ่อนปรนมาตรการทางการค้า การสั่งซื้อสินค้าจากประเทศไทยเพิ่มขึ้น การร่วมลงทุนและการนำแรงงานฝีมือจากประเทศไทยเข้าไปทำงานในซาอุดีอาระเบีย
ส่วนแผนงานและกิจกรรม ที่กระทรวงพาณิชย์ โดยส่งเสริมการค้าระหว่างไทย วางแผนตามนโยบายและยุทธศาสตร์ของนายจุรินทร์ กับประเทศซาอุดีอาระเบีย ได้แก่... 

1.) การจัดกิจกรรมสัมมนาให้ความรู้ด้านการตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคเปิดกว้างทางวัฒนธรรมของซาอุฯ ภายใต้ยุทธศาสตร์ Saudi Vision 2030 
2.) การจัดคณะผู้แทนการค้านักธุรกิจทั้งจากไทยไปซาอุฯ และจากซาอุฯ มาเยือนประเทศไทย เพื่อกระชับความสัมพันธ์และสร้างเครือข่ายระหว่างกัน 
3.) การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยร่วมกับซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำในซาอุฯ เช่น ข้าว อาหารฮาลาล และผลไม้ เป็นต้น เพื่อให้สินค้าได้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น 
4.) การเชิญผู้ประกอบการไทยร่วมงานแสดงสินค้าในซาอุฯ เช่น งานแสดงสินค้าอาหารและสินค้าฮาลาล Saudi Food Expo 
5.) การประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์สินค้าอาหารสินค้าฮาลาล ผ่านช่องทางออนไลน์
6.) การเชิญผู้นำจากซาอุฯ ร่วมเจรจาการค้าผ่านออนไลน์ Online business Matching 
7.) การเชิญผู้นำจากประเทศซาอุฯ ร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติของไทย ทั้งรูปแบบปกติ หรือรูปแบบไฮบริด และรูปแบบออนไลน์ 

โดย 7 แผนงานนี้ จะมีขึ้นในปี 2565 ขอให้ติดตามความเคลื่อนไหวจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และอยากแนะนำให้ติดตามข่าวสารโดยผ่านทุกช่องทางของกระทรวง ผู้ประกอบการที่สนใจจะได้โอกาสและไม่พลาดตลาดสำคัญอีกแห่งหนึ่ง

ทั้งนี้ทางผู้ประกอบการเดิมและผู้ประกอบการรายใหม่รวมทั้งผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มีการอบรมกันไปแล้วอย่างต่อเนื่องตามนโยบายรองนายกฯ และที่สำคัญในสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาเราเข้าใจผู้ที่ขาดสภาพคล่องการลงทุน ดังนั้นนายจุรินทร์และกระทรวงพาณิชย์ทำการส่งเสริมท่านด้วยโครงการกู้เพื่อส่งออกโดยตรงผ่าน Exim Bank ที่เน้นกลุ่ม SMEs เพิ่มขึ้นด้วย

ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า “ซาอุดีอาระเบียเป็นตลาดการค้าที่มีโอกาสเติบโต โดยนโยบายรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้โฟกัสตลาดนี้เพิ่มเติมตั้งแต่ต้น เพราะนอกจากประเทศซาอุฯ แล้ว ยังเป็นประตูการค้านำสู่อีกหลายประเทศในภูมิภาค และนโยบายใหม่ของประเทศซาอุฯ เขาต้องการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจโดยเพิ่มภาคการท่องเที่ยว ภาคบริการ ภาคการร่วมลงทุน ทำให้มีความต้องการนำเข้าสินค้าและกำลังการผลิตจำนวนมาก นั่นจึงเป็นโอกาสของประเทศไทย โดยการร่วมลงทุนปัจจุบันมีนักธุรกิจทั้งสองประเทศสนใจที่จะร่วมลงทุนระหว่างกันประกอบกับนโยบายใหม่ Saudi Vision 2030 ที่เน้นเพิ่มการลงทุนโดยซาอุฯ มีความต้องการความเชี่ยวชาญการลงทุนจากไทยในด้านการทำฟาร์มและเน้นเลี้ยงกุ้ง ปลา ไก่ การทำธุรกิจโรงพยาบาล โรงแรม ร้านอาหาร กิจการแฟรนไชส์ ขณะเดียวกัน นักธุรกิจซาอุฯ ก็สนใจร่วมลงทุนในประเทศไทยเราทางด้านกิจการที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหาร พลังงาน และเหมืองแร่ เช่นกัน”

นางมัลลิกา ระบุเพิ่มเติมอีกว่า ที่ผ่านมาการค้าระหว่างไทยกับซาอุฯ ในปี 2564 มีมูลค่า 7,301 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 31.8% แยกเป็นการส่งออก 1,638 ล้านเหรียญสหรัฐ และเรานำเข้ามา 5,662 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทย คือ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ตู้เย็น-ตู้แช่แข็งและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล เคมีภัณฑ์ เครื่องซักผ้า-เครื่องซักแห้งและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป เม็ดพลาสติก ข้าวและผลิตภัณฑ์ พลาสติก อาหารสัตว์เลี้ยง กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ เป็นต้น และที่สำคัญประเทศเราก็ยังต้องนำเข้าสินค้าจากเขา คือน้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์ ปุ๋ย ยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ น้ำมันสำเร็จรูป สินแร่โลหะอื่นๆ และเศษโลหะ เป็นต้น