'คิวบา'​ ประกาศศักดาโครงการฉีดวัคซีนโควิด ความสำเร็จ!! ที่แซงหน้าชาติมหาอำนาจ

หากถามว่าในวันนี้ (7 มกราคม 2565) มีชาติใดบ้างในโลก ที่สามารถฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไปแล้วมากกว่า 80% เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่สกัดการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ต้องขอบอกว่ามีไม่ถึง 10 ชาติเท่านั้นที่ทำได้ และหนึ่งในนั้นคือ 'คิวบา'​

ตอนนี้คิวบามีสถิติผู้รับวัคซีนครบ 2 เข็มสูงถึง 83% แต่หากนับจากวัคซีนเข็มแรกแล้ว คิวบาได้ฉีดวัคซีนให้กับประชากรไปแล้วถึง 92% มาเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เท่านั้น และที่น่าทึ่งยิ่งกว่านั้นคือ วัคซีนที่คิวบาใช้ทั้งหมด พัฒนาและผลิตในประเทศด้วยตนเอง โดยไม่รับบริจาคจากชาติไหนเลย แม้แต่จากโครงการ COVAX ขององค์การอนามัยโลก  

ขนาดโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยเสนอที่จะบริจาควัคซีนจำนวน 1 ล้านโดสให้คิวบา แต่รัฐบาลคิวบาปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าไม่ขอรับบริจาค แต่จะพัฒนาวัคซีนใช้เอง และยังตั้งเป้าหมายสูงสุดไว้ว่า ประชาชนชาวคิวบาทุกคนต้องได้ฉีดวัคซีน Covid-19 อย่างแน่นอน

จากความมุ่งมั่นนั้น หลายประเทศมองว่า ผลลัพธ์ของโครงการวัคซีนในคิวบา ถ้าไม่ล้มเหลวในการสกัด Covid-19 ก็จะนำลิ่วแซงหน้าชาติมหาอำนาจได้เลย และในวันนี้ คิวบาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า โครงการวัคซีนของคิวบาประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และทำให้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ที่ 100% มากจริงๆ

จอห์น เคริก ศาสตรจารย์ด้านลาตินอเมริกันศึกษา จาก Dalhousie University ในแคนาดา แสดงความเห็นว่า "หากมองในมุมของคนทำงานใน Pfizer อาจจะคิดว่าคิวบา ประเทศรายได้ต่ำ ที่มีประชากรเพียง 11 ล้านคน จะเป็นหนึ่งในมหาอำนาจด้านไบโอเทคโนโลยีได้อย่างไร แต่วันนี้คิวบาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า คิวบาทำได้!" 

สิ่งที่ทำให้โครงการวัคซีนในคิวบาประสบความสำเร็จได้ในวันนี้ ก็คือการประเมินศักยภาพประเทศโดยหลักความเป็นจริง และมีวิสัยทัศน์

คิวบาเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ​ มานานหลายปี แม้จะเริ่มมีการผ่อนคลายบ้างแล้วในสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ​ ที่เดินทางไปเยือนคิวบาเป็นครั้งแรกในรอบ 80 ปี ที่ดูเหมือนจะเป็นนิมิตหมายอันดีในสานสัมพันธ์ครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐฯ และ คิวบา แต่สุดท้าย ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ก็เป็นผู้ตัดสัมพันธ์กับคิวบาอีกครั้งในปี 2017 และกลับมาใช้มาตรการคว่ำบาตรคิวบาเหมือนเดิม 

แต่คิวบาที่ถูกโดดเดี่ยวจากชาติตะวันตกมาหลายสิบปี ก็เรียนรู้ที่จะต้องยืนบนลำแข้งตัวเองให้ได้ ด้วยการทุ่มงบประมาณในการพัฒนาด้านไบโอเทคโนโลยี มีโครงการผลิตวัคซีน และยาเป็นของตัวเองมานานหลายสิบปีแล้ว จนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ระบาดระดับโลกของ Covid-19 ที่ทุกชาติในโลกมีเป้าหมายอย่างเดียวกันคือ "วัคซีน" 

คิวบาตระหนักรู้ทันทีว่า ประเทศที่ถูกคว่ำบาตรโดยสหรัฐฯ จะถูกกีดกันทุกวิถีทางจากโควตาการสั่งซื้อวัคซีนอย่างไม่ต้องสงสัย หากต้องการรอดพ้นจากวิกฤตินี้ คิวบาต้องผลิตวัคซีนให้ได้ด้วยตัวเอง และทางทีมนักวิจัยคิวบาก็ทำงานทันที จนได้มาเป็นวัคซีนสัญชาติคิวบา Soberana-02 ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อรุนแรงได้ถึง 90% 

และนอกจากจะผลิตวัคซีนใช้เองในประเทศได้แล้ว คิวบายังบริจาควัคซีนให้ประเทศพันธมิตรชาติอื่นๆด้วย เช่น เวียดนาม, เวเนซูเอลา, นิการากัว และ อิหร่าน 

การพัฒนาวัคซีนของคิวบายังไม่หยุดแค่ Soberana-02 และจากการมาของ Covid-19 สายพันธุ์ใหม่อย่าง Omicron ทีมวิจัยคิวบาก็เตรียมพัฒนา ยกระดับวัคซีนในประเทศรุ่นใหม่เป็น Soberana+ ที่สกัดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้ด้วย 

ทุกวันนี้ คิวบามีกำลังผลิตวัคซีนในประเทศได้ถึง 10 ล้านโดสต่อเดือน และมีเป้าหมายที่จะส่งออกวัคซีนไปยังต่างประเทศด้วย และตอนนี้ได้ส่งคำร้องถึงองค์การอนามัยโลกเพื่อรับรองวัคซีนสัญชาติคิวบาอย่างเป็นทางการ 

และหากวัคซีนของคิวบาได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกได้สำเร็จ ก็จะเป็นการพิสูจน์ถึงความเป็นมหาอำนาจด้านไบโอเทคโนโลยีเพื่อมวลชนเป็นสำคัญอย่างแท้จริง 

และยังเป็นการตบหน้าชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาที่เคยพยายามอย่างหนักมาหลายสิบปีที่จะบีบคิวบาไม่ให้มีที่ยืนในสังคมโลก แต่สุดท้ายคิวบาวันนี้สามารถกลับมาประกาศความสำเร็จในโครงการวัคซีนได้อย่างน่าทึ่ง ที่ชาวโลกต้องซูฮก ยกนิ้วให้คะแนนเต็ม 10 ไม่หักจริงๆ 


เรื่อง: ยีนส์​ อรุณรัตน์
อ้างอิง: The Guardian / Aljazeera / Our World in Data / The Conversation