นาซา ส่งยานพุ่งชนดาวเคราะห์น้อย ทดสอบแผนปฏิบัติการปกป้องโลก

รอยเตอร์/เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - นาซาส่งยานอวกาศ "เดอะ ดาร์ท" โปรเจกต์มูลค่า 330 ล้านดอลลาร์ที่เกาะหลังจรวด Falcon 9 ของบริษัทสำรวจอวกาศ สเปซเอ็กซ์ ของ "อีลอน มัสค์" ถูกปล่อยออกไปจากฐานกองกำลังอวกาศแวนเดนเบิร์ก (Vandenberg Space Force Base) ในรัฐแคลิฟอร์เนียเวลา 22.21 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันพุธ (23 พ.ย.) มีเป้าหมายเพื่อในการส่งยานอวกาศดาร์ทพุ่งเข้าชนไปที่ดาวเคราะห์น้อยคู่เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนเส้นทางวิถีโคจรไม่ให้เป็นปรากฏการณ์อาร์มาเก็ดดอนดาวแอสเตอรอยด์พุ่งเข้าชนโลก

รอยเตอร์รายงาน เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมาว่า ยานอวกาศเดอะ ดาร์ท (The DART) ที่มาจากชื่อปฏิบัติการทดสอบเปลี่ยนวิถีโคจรดาวเคราะห์น้อยคู่ (Double Asteroid Redirection Test) ถูกปล่อยออกจากฐานกองกำลังอวกาศแวนเดนเบิร์ก (Vandenberg Space Force Base) ในรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อเวลา 22.21 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันพุธ (23 พ.ย) สามารถดำเนินการได้ตามเวลากำหนด โดยภาพการปล่อยถูกเผยแพร่ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ขององค์การนาซาสหรัฐฯ

เดอะ ดาร์ท น้ำหนักราว 1,344 ปอนด์ ถูกปล่อยออกไปจากฐานมุ่งสู่อวกาศสำหรับการเดินทางระยะเวลา 10 เดือนไปสู่ห้วงอวกาศที่ไกลโพ้นที่มีระยะ 6.8 ล้านไมล์ห่างจากโลก

และเมื่อไปถึงจุดหมายยานอวกาศ เดอะ ดาร์ท จะทดสอบความสามารถในการเปลี่ยนวิถีการโคจรของดาวเคราะห์น้อยหรือดาวแอสเตอรอยด์ในภาษาอังกฤษด้วยการใช้ความเร็วสูงพุ่งชนไปที่ดาวเคราะห์น้อย โดยทางนาซาตั้งความหวังว่าแรงการพุ่งชนจะทำให้ดาวแอสเตอรอยด์เปลี่ยนแปลงวิถีการโคจรที่จะไม่เป็นอันตรายต่อโลก

อย่างไรก็ตามดาวเคราะห์น้อยเป้าหมายของการปล่อยยานอวกาศดาร์ทวานนี้ (23 พ.ย.) นั้น แท้จริงแล้วไม่เป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริงต่อโลกและมีขนาดที่เล็กมากเทียบไม่ได้กับดาวแอสเตอรอยด์ Chicxulub ที่เคยพุ่งชนโลกเมื่อราว 66 ล้านปีก่อนและทำให้เหล่าไดโนเสาร์สูญพันธุ์ แต่ทว่าบรรดานักวิทยาศาสตร์เตือนว่า ดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดเล็กกว่านั้นเป็นสิ่งที่สามารถพบได้ง่ายกว่าและจะเป็นอันตรายในทางทฤษฎีได้มากกว่าในระยะอันใกล้

เอเอฟพีรายงานว่า นาซาทวีตขึ้นหลังปล่อยว่า “ดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอส (Asteroid Dimorphos) พวกเรากำลังมาหาแล้ว!”

ทั้งนี้เป้าหมายของนาซาเพื่อต้องการเปลี่ยนวิถีวงโคจรดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอส ซึ่งเป็นดวงจันทร์ขนาดเล็ก (moonlet) มีเส้นผ่านศูนย์กว้าง 250 ฟุต (160 เมตร) หรือคิดเป็น 2 เท่าของอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับของดาวเคราะห์น้อยดิดีโมส (Didymos) ที่มีขนาดราว 2,500 ฟุต โดยดาวเคราะห์น้อยทั้งสองดวงโคจรรอบพระอาทิตย์

ด้าน โทมัส ซูเบอร์เชน (Thomas Zuburchen) นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของนาซายอมรับว่า โปรเจกต์นี้แรกที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์เพื่อป้องกันโลกจากการโจมตีด้วยดาวเคราะห์น้อย โดยนาซาใช้เงิน 330 ล้านดอลลาร์ “เพื่อพวกเราต้องการเรียนรู้วิถีการเอาชนะศัตรูได้อย่างไร"ซึ่งถึงแม้ดาวแอสเตอรอยด์ทั้งสองจะไม่เป็นภัยที่แท้จริงต่อโลกแต่พวกมันถูกจัดอยู่ใน “กลุ่มวัตถุใกล้โลก” Near-Earth Objects หรือ NEOs ที่สามารถเข้าใกล้ได้ในระยะ 30 ล้านไมล์

เอเอฟพีชี้ว่าผลของการพุ่งชนจะสามารถเห็นได้ในช่วงหน้าฤดูใบไม้ร่วงปี 2022 เกิดขึ้นเมื่อระบบดาวเคราะห์น้อยคู่อยู่ห่างจากโลกออกไปราว 6.8 ล้านไมล์ หรือราว 11 ล้านกิโลเมตร ถือเป็นจุดที่เข้าใกล้โลกที่สุดมากกว่าที่เคย โดยปฏิบัติการพุ่งชนจะถูกบันทึกไว้ด้วยกล้องที่ติดขึ้นไปด้วย โดยตัวกล้องจะถูกดีดตัวออกมาพร้อมกับยานอวกาศขนาดเท่ากระเป๋าเดินทางก่อนเริ่มดำเนินการ 10 วันเพื่อส่งภาพการพุ่งชนกลับสู่พื้นโลก