ไทยส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงขึ้นแท่นอันดับที่ 3 ของโลก

กรมปศุสัตว์เผยภายใต้สถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ที่ยังคงมีความรุนแรงและแพร่กระจายไปทั่วโลก ทำให้ประชาชนทั่วโลกมีการปรับเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตแบบใหม่ New Normal มีการใช้ชีวิตและทำงานอยู่ที่บ้านมากขึ้น (Work From Home) ทำให้สัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขและแมวกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกของการใช้ชีวิต เป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวและเพื่อนแก้เหงาตามไปด้วย ส่งผลให้ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมีการขยายเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากกลุ่มคนรัก
สัตว์เลี้ยงต้องการดูแลสัตว์เลี้ยงของตัวเอง จึงมีความสนใจในอาหารสัตว์เลี้ยงมากขึ้น

นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ในปี 2564 อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงยังคงมีแนวโน้มการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมการส่งออกในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี (ม.ค. – ก.ย.2564)  มีปริมาณการส่งออกรวม 525,966 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 40,533 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ที่มีการส่งออกมากที่สุด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อาหารกระป๋องสำหรับสัตว์เลี้ยง และอาหารเม็ดสำหรับสัตว์เลี้ยง โดยประเทศคู่ค้าที่นำเข้าหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย อินโดนีเซียและประเทศอื่น ๆ เช่น สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น สาธารณรัฐประชาชนจีน และประเมินว่าในปี 2564 จะมีการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยง คิดเป็นมูลค่า 48,000 ล้านบาท 

ทั้งนี้ประเมินอีกว่า สินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงที่ผลิตจากประเทศไทย และการเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ในช่วงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ส่งผลให้อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยขยายตัว นับเป็นโอกาสอันดีของประเทศไทยในปีนี้ ที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงอันดับ 3 ของโลก รองจากเยอรมนีและสหรัฐอเมริกา สามารถสร้างรายได้ให้ประเทศ สวนทางเศรษฐกิจโลกในช่วงวิกฤตการณ์โควิด-19 นี้

ปัจจุบันกรมฯ ได้กำกับดูแลกระบวนการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง เพื่อการส่งออก การขึ้นทะเบียนรับรองโรงงานผลิตอาหารสัตว์เพื่อการส่งออก ควบคุมคุณภาพมาตรฐานโรงงานให้มีระบบรับรองการปฏิบัติทางการผลิตที่ดี (GMP) และมีระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม (HACCP) การตรวจสอบกระบวนการผลิต การออกหนังสือรับรองสุขอนามัยสำหรับอาหารสัตว์เลี้ยงสอดคล้องตามข้อกำหนดและระเบียบของประเทศคู่ค้า ปัจจุบัน มีจำนวนโรงงานที่ได้รับขึ้นทะเบียนเพื่อการรับรองโรงงานผลิตอาหารสัตว์เพื่อการส่งออกและมีการผลิตส่งออก รวม 86 แห่ง