50 มหานครโลก​ เสี่ยง!! จมบาดาล​ในไม่ช้า หลังภาวะโลกร้อนถึงจุดวิกฤติ

โลกกำลังส่งสัญญาณเตือนรุนแรงว่า​ 'ยุคสมัยแห่งน้ำท่วมโลก'​ อาจมาถึงเร็วขึ้นในอีกไม่กี่ 10 ปีข้างหน้า ท่ามกลางภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งภัยแล้ง, วาตภัย, น้ำท่วมใหญ่ ปรากฏการณ์ธรรมชาติอันเลวร้ายที่เกิดขึ้นทั่วโลกในขณะนี้ 

ล่าสุด จากผลการศึกษาร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัย Princeton University สหรัฐอเมริกา และ สถาบัน Potsdam Institute for Climate Impact Research ในเยอรมัน พบว่า อุณหภูมิโลกมีโอกาสสูงขึ้นได้อีกถึง 3 องศา ซึ่งจะยิ่งเป็นตัวเร่งให้น้ำแข็งในขั้วโลกเหนือละลายเร็วยิ่งกว่าเดิม 

และหากเป็นเช่นนั้น พื้นที่อยู่อาศัยของมนุษย์กว่า 2 ใน 3 รวมถึงมหานครของโลกกว่า 50 เมือง ตลอดแนวชายฝั่งที่มีประชากรอยู่อย่างหนาแน่นและเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก จะมีโอกาสจมบาดาลจนอาจไม่สามารถอาศัยอยู่ได้อีกต่อไป 

เพื่อให้มนุษย์เราได้ตระหนักถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้ง 2 สถาบัน​ จึงร่วมกันจำลองภาพมหานครในโลกอนาคต เมื่ออุณหภูมิโลกร้อนขึ้นอีก 3 องศา เปรียบเทียบกับปัจจุบัน ที่โลกกำลังเผชิญปัญหาวิกฤติโลกร้อนแล้วในขณะนี้ ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร

โดยได้ยกตัวอย่างน้ำท่วมในมหานครนิวยอร์ก​ ที่คาดว่าจะเป็นหนึ่งเมืองที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ซึ่งพื้นที่บนเกาะอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพจะจมหายไปเหลือเพียงฐานอนุสาวรีย์ที่พ้นน้ำ และพื้นที่ฝั่งแผ่นดินในเมือง น้ำจะท่วมลึกเข้าไปหลายส่วน

ด้านชายฝั่งตะวันตกในรัฐแคลิฟอร์เนีย ก็ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน เช่น ท่าเรือในเมืองซานตา มอมิก้า หรือแม้แต่ในตัวเมืองใหญ่ๆ ในเมืองฟิลาเดลเฟีย หรือแม้แต่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ก็มีโอกาสน้ำท่วมได้เช่นกัน 

ส่วนเมืองสำคัญในประเทศอื่นๆ อาทิ กรุงฮาวานา ของคิวบา, นครมุมไบ ในอินเดีย, กรุงฮานอย ในเวียดนาม หรือแม้แต่กรุงลอนดอน ในอังกฤษ ก็อาจอยู่ในสภาพจมมิดบาดาล​ จน​ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ รวมถึงหลายเมืองใหญ่ๆ​ ในเอเชียที่อาจต้องเจอกับปัญหาน้ำท่วมสูง ที่ทีมวิจัยเตือนว่าประเทศในเอเชียควรเตรียมแผนป้องกันน้ำท่วมครั้งใหญ่ไว้ล่วงหน้าเลยจะดีกว่า 

แต่ทั้งนี้ ทีมวิจัยชี้ว่า มนุษย์เราสามารถชะลอวิกฤติน้ำท่วมโลกได้ด้วยการช่วยกันปฏิบัติตาม​ 'ข้อตกลงปารีส'​ ว่าด้วยเรื่องสิ่งแวดล้อมและภาวะโลกร้อน โดยทุกประเทศในโลกต้องร่วมด้วยช่วยกันลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศให้เป็นศูนย์ให้ได้ภายในปี 2050 และหากโลกสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ โลกเราอาจมีอุณหภูมิสูงขึ้นได้ไม่เกิน 1.5 องศา และจะค่อยๆ ลดลงได้ 

และควรเริ่มต้นอย่างเร็ว หากปล่อยเวลาเนิ่นนาน ไปอีก 10-20 ปี กว่าจะถึงเป้าหมาย เราอาจไม่สามารถหยุดยั้งภาวะโลกร้อนที่มีการสะสมอุณหภูมิไต่ขึ้นเรื่อยๆ​ ทุกปี จนไม่สามารถแก้ไขวิกฤตระดับน้ำทะเลขึ้นสูงได้ทัน 

ทั้งนี้จากผลการศึกษาได้ประเมินอีกว่า​ เขตภูมิภาคที่มีความเสี่ยงต่อปัญหาน้ำท่วมที่สุด ก็คือภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก โดยปัญหาน้ำท่วมจากวิกฤติโลกร้อนจะส่งผลกระทบต่อที่อยู่อาศัยประชากรโลกมากกว่า 800 ล้านคนเลยทีเดียว

ที่ผ่านมาโลกได้ส่งสัญญาณเตือนหลายครั้งผ่านภัยธรรมชาติต่างๆ เพื่อบอกว่ามนุษย์เราไม่ได้มีเวลาเหลือมากนัก แต่ในวันนี้เรายังมีโอกาสได้แก้ไข

โดยบรรดานักวิทยาศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมต่างออกมาเรียกร้องให้ผู้นำประเทศทั่วโลกตั้งปณิธานเพื่อแก้ไขปัญหาในวันนี้ ดีกว่าที่จะถูกตราหน้าว่าเป็นผู้หักหลังมนุษยชาติ ขโมยอนาคตของลูกหลานที่จะเกิดบนโลกในยุคสิ้นแผ่นดินในวันข้างหน้า 

เพราะหากทุกประเทศไม่ร่วมมือจริงจัง​ น้ำท่วมโลกแน่!! 


เรื่อง: ยีนส์​ อรุณรัตน์

อ้างอิง: CNN / NBC Washington