ประชาชน “ฟ้อง” รัฐบาล ได้หรือไม่ ?

ช่วง 2 - 3 เดือนที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่ต้องนอนรอรับการรักษาอยู่ที่บ้าน เนื่องจากโรงพยาบาลไม่มีเตียงว่างมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ติดเชื้อและครอบครัวของผู้ติดเชื้อต่างใช้ความพยายามในการติดต่อโรงพยาบาลต่าง ๆ รวมถึงโทรเข้าไปที่เบอร์สายด่วนโควิดที่หน่วยงานรัฐแจ้งไว้เพื่อหาเตียงให้กับผู้ติดเชื้อ

แต่ก็ไม่ใช่ผู้ติดเชื้อทุกรายจะได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้ทันท่วงที ผู้ติดเชื้อบางรายนอนรอเตียงอยู่เป็นสัปดาห์ สุดท้ายร่างกายก็ไม่สามารถต้านทานความร้ายกาจของเจ้าไวรัสโควิดนี้ได้ ทำให้พวกเขาเหล่านั้นต้องจากไปโดยที่ไม่มีโอกาสได้รับการรักษาพยาบาลตามที่ควรจะเป็น

มีเหตุการณ์หนึ่งที่น่าสะเทือนใจมาก คือ พลเมืองดีรายหนึ่งได้ลงไปช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุบนท้องถนน แต่ปรากฏว่าผู้ที่ประสบอุบัติเหตุนั้นมาทราบในภายหลังว่ามีเชื้อโควิดอยู่ จึงได้แจ้งให้พลเมืองดีที่ลงไปช่วยเหลือตนทราบ หลังจากทราบเรื่องเพื่อน ๆ และครอบครัวของพลเมืองรายดังกล่าวได้พยายามติดต่อโรงพยาบาล โทรสายด่วนต่าง ๆ จนผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์กว่าก่อนที่จะมีรถพยายาลมารับตัวเขาไปรักษา แต่เนื่องจากการที่ได้รับการรักษาที่ล่าช้าทำให้อาการของเขาทรุดหนัก ผ่านไปเพียง 2 วัน พลเมืองดีท่านนี้ก็ต้องจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร

หลายคนที่ได้ฟังเรื่องนี้แล้วอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องของความโชคร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน สถานการณ์โรคระบาดเป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่มีใครอยากให้เกิด 

อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของพลเมืองดีรายดังกล่าวกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น โชคชะตาอาจเป็นสิ่งที่เรากำหนดไม่ได้ แต่การบริหารจัดการที่ดี ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล

ครอบครัวดังกล่าวจึงได้ตัดสินใจยื่นฟ้องศาลปกครอง โดยมี 2 ประเด็นที่สำคัญ คือ

1.) การที่รัฐบาลปล่อยปละละเลยให้มีการเปิดสถานบันเทิง จนนำมาซึ่งคลัสเตอร์ทองหล่อ และ
.
2.) การปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควรในการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน รวมถึงการให้ข้อมูลหรือข้อแนะนำของผู้ติดเชื้อที่ให้กักตัวรอการมารับของเจ้าหน้าที่จนนำมาซึ่งการเสียชีวิต

โดยทางครอบครัวได้เรียกร้องให้รัฐชดใช้ค่าเสียหายจำนวนทั้งสิ้น 4,530,000 บาท แบ่งเป็นค่าปลงศพ 30,000 บาท และค่าขาดไร้อุปการะเลี้ยงดูบุพการี อีกเดือนละ 15,000 บาท เป็นระยะเวลา 25 ปี 

หากมองที่ตัวเงินแล้ว คดีนี้ถือว่าเป็นคดีที่เล็กมาก แต่ถ้าเราพิจารณาในเชิงสัญลักษณ์ คดีนี้มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการที่ประชาชนออกมาใช้สิทธิฟ้องรัฐที่บริหารจัดการผิดพลาด ปล่อยปละละเลยการปฏิบัติหน้าที่ จนทำให้เกิดความเสียหายกับประชาชน

หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วปกติประชาชนธรรมดาอย่างเรานี้ จะสามารถลุกขึ้นมาฟ้องหน่วยงานรัฐได้หรือไม่

แม้ว่าผมจะไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าคดีที่ผมกล่าวถึงข้างต้นศาลปกครองจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ หรือว่ารับพิจารณาไปแล้วจะมีคำพิพากษาออกมาแบบใด 

แต่ผมก็ขอเล่าถึงอุทาหรณ์จากคดีที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และแนวทางการวินิจฉัยของศาลปกครองที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร

คดีแรก เป็นกรณีที่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลายหนึ่งเมาสุรา แล้วปรากฏว่าขับรถไปประสบอุบัติเหตุตกช่องเปิดท่อระบายน้ำข้างทางที่ไม่มีฝาปิด จนทำให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บ โดยมีอาการอวัยวะซีกซ้ายไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ เนื่องจากการที่สมองถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง รวมถึงรถจักรยานยนต์ที่ขับมานั้นเสียหายไปด้วย

หลังจากที่ได้รับการรักษาตัวแล้ว ผู้ขับขี่ที่ประสบเหตุคนดังกล่าวได้ออกมาฟ้ององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ว่าไม่มีการดูแลและตรวจสอบฝาบ่อพักท่อระบายน้ำที่ตั้งอยู่ริมขอบทางของถนนให้อยู่ในสภาพปลอดภัย จึงถือว่า อบต. ดังกล่าวละเลยต่อหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้กับตนด้วย

อ่านถึงตรงนี้หลายท่านอาจจะสงสัยว่า คนฟ้องคดีขับรถจักรยานยนต์ไปตกท่อเอง แถมยังตอนขับยังเมาด้วย แล้วแบบนี้เขาจะไปเรียกร้องให้ อบต. รับผิดชอบได้อย่างไร ?

แต่ศาลปกครองท่านไม่ได้คิดแบบนั้นครับ ในคดีดังกล่าว ศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยว่า อบต. และหน่วยงานรัฐอื่น ๆ มีหน้าที่ตามกฎหมายในการดูแลรักษาบำรุงทางในเขตพื้นที่ของตนเพื่อให้ประชาชนผู้ใช้ทางได้รับความสะดวกและปลอดภัย ซึ่งรวมถึงการตรวจตราฝาท่อระบายนำหรือสิ่งใด ๆ ที่อยู่บนถนนหนทางให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้ทาง หากละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว จนเป็นเหตุให้ผู้ใช้ทางสัญจรประสบอุบัติเหตุได้รับความเสียหาย ถือว่าเป็นการทำละเมิดและต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายด้วย

อย่างไรก็ตามแม้ว่า อบต. จะละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ตรวจตราฝาท่อระบายน้ำให้ดี แต่ในส่วนของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวก็มีส่วนประมาทที่ขับขี่ขณะเมาสุรา ศาลจึงละค่าสินไหมทดแทนที่จะได้ลงร้อยละ 50 ของค่าสินไหมทดแทนที่พึงจะได้

สรุปสุดท้าย คดีนี้ศาลได้ตัดสินให้ อบต. ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มาฟ้องคดี แต่ลดจำนวนเงินที่จะต้องชดใช้ลงครึ่งหนึ่งเนื่องจากผู้ฟ้องคดีมีส่วนประมาทที่เมาแล้วขับด้วย

อีกคดีหนึ่งที่น่าสนใจ คือ คดีที่คุณพ่อท่านหนึ่งพาลูกไปว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำของเทศบาล ปรากฏว่าลูกของเขาจมน้ำเสียชีวิต พ่อของเด็กที่เสียชีวิตจึงไปฟ้องร้องต่อศาลปกครองเนื่องจากเห็นว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเทศบาลไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่บริเวณริมสระ จึงไม่สามารถช่วยลูกของเขาได้อย่างทันท่วงที ถือว่าละเลยต่อหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยของผู้ใช้บริการสระว่ายน้ำ

ฝ่ายของเทศบาลก็ต่อสู้ว่า สระได้เขียนระเบียบว่าด้วยการใช้สระน้ำไว้แล้วว่า ผู้ที่มาใช้บริการสระว่ายน้ำจะต้องระมัดระวังในการใช้สระว่ายน้ำ และหากเกิดเหตุสุดวิสัยได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ทางเทศบาลจะไม่รับผิดชอบทุกกรณี 

อ่านดูแล้วก็เหมือนว่ามีเหตุผลทั้งสองฝ่าย แต่มาลองดูกันครับว่าในเคสนี้ ศาลปกครองท่านวินิจฉัยเอาไว้ว่าอย่างไร

ศาลปกครองสูงสุดได้พิพากษาว่า ขณะเกิดเหตุมีเด็กมาใช้บริการจำนวนมาก เทศบาลย่อมคาดหมายได้ว่าอาจเกิดกรณีเด็กจมน้ำได้ง่าย จึงต้องควบคุมดูแลเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในบริเวณที่สามารถสอดส่องดูแลผู้ใช้บริการได้อย่างทั่วถึง ดังนั้นการที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่อาจปฏิบัติหน้าที่บริเวณริมสระว่ายน้ำได้ ถือได้ว่ามาตรการป้องกันและรักษาความปลอดภัยแก่ผู้มาใช้บริการสระว่ายน้ำนั้นยังไม่ได้มาตรฐานเพียงพอ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อจนเป็นเหตุให้เด็กจมน้ำเสียชีวิต เทศบาลจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียไหมทดแทนให้กับพ่อของเด็ก

จากอุทาหรณ์ทั้งสองคดีดังกล่าว เราไม่สามารถเทียบเคียงได้ว่าครอบครัวของพลเมืองดีที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิดแล้วไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจะชนะคดีนะครับ

ผมต้องการแต่เพียงชี้ให้เห็นว่า ประชาชนคนธรรมดาอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ หากได้รับความเดือดร้อนหรือได้รับความเสียหายจากการที่หน่วยงานหรือองค์กรใดของรัฐละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ก็เป็นสิทธิของเราที่จะฟ้องร้องดำเนินคดีได้ครับ ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

เรามารอติดตามกันนะครับว่าในคดีครอบครัวของพลเมืองดีฟ้องรัฐว่าปล่อยปละละเลยจนทำให้โควิดระบาด และการบริหารจัดการที่ล่าช้าจนทำให้ผู้เสียชีวิตไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีนั้น ศาลท่านจะพิพากษาออกอย่างไร ซึ่งผมเชื่อว่าคำพิพากษาในคดีนี้ ก็จะเป็นอีกหนึ่งบรรทัดฐานของประเทศไทยเราอย่างแน่นอนครับ 


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9