"ครูใหญ่" นำม็อบคณะราษฎรขอนแก่น ปักหมุดสะท้อนแสงกลางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ประกาศชวนคนอีสานร่วมร่าง รธน.ฉบับคนอีสาน ต้นแบบ รธน.ไทยที่มาจากประชาชน พร้อมระบุลิเกโรงใหญ่ที่ทุกพรรคกำลังทำ ประชาชนต้องมีส่วนร่วมและวิจารณ์ได้อย่าหมกเม็ด

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 24 มิ.ย. 2564 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น ภายในศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเขตเทศบาลนครขอนแก่น. นายอรรถพล. บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ แกนนำกลุ่มราษฎรขอนแก่น พร้อมด้วยภาณุพงศ์ ศรีธนานุวัฒน์ หรือ ไนซ์ ดาวดิน นำกลุ่มผู้ชุมนุมจากเครือข่ายต่าง ๆ ในชื่อกลุ่มคณะราษฎรขอนแก่น อาทิ กลุ่มคนเสื้อแดงขอนแก่น,กลุ่ม ภาคีเครือข่ายนักเรียน KKC , กลุ่มขอนแก่น พอกันที และกลุ่มดาวดิน ได้รวมตัวกันจัดกิจกรรมคู่ขนานกับการชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพฯ โดยมีผู้ร่วมชุมนุมจากเครือข่ายต่าง ๆ เข้าร่วมชุมนุมอย่างพร้อมเพรียง ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวนมาก

โดยการจัดกิจกรรมนอกจากจะมีการร่วมลงรายชื่อคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ยังคงมีการร่วมแสดงความคิดเห็นลงในป้ายผ้าตามการแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย การจัดโรงทานของผู้ให้การสนับสนุน การแสดงละครเชิงสัญลักษณ์ แต่ที่ได้รับความสนใจที่สุดคือการที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้พร้อมใจร่วมกันปักหมุดคณะราษฎร์แบบสะท้อนแสงลงใจกลางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อแสดงจุดยืนตามข้อเรียกร้อง 3 ข้อคือการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง การแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นฉบับประชาชนและการปฎิรูปสถาบันกษัตริย์

นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ กล่าวว่า การชุมนุมวันนี้นอกจากจะเป็นการจัดกิจกรรมคู่ขนานกับการชุมนุมที่กรุงเทพฯแล้วมยังคงเป็นการประกาศความชัดเจนในการที่คนอีสานจะพร้อมใจร่วมกันร่างรัฐธรรมนูญฉบับของคนอีสาน ที่จะเป็นต้นแบบและโมเดลที่แสดงให้เห็นถึงว่ารัฐธรรมนูญของคนอีสานนั้นคือรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนและเป็นของประชาชน โดยจากนี้ไปคณะทำงานร่วมทุกฝ่ายจะลงพื้นที่ตามแนวทางที่กำหนด

"ร่างรัฐธรรมนูญ ทั้ง 13 ร่างที่พรรคการเมทองเสนอมานั้ยยอมรับว่าบางส่วนนั้นเป็นไปตามข้อเรียกร้องแต่ก็ไม่ทั้งหมด  ซึ่งทุกคนก็รู้อยู่ว่าอะไรบ้างที่เราเรียกร้องและมีการรับฟังเสียงประชาชนหรือไม่ ซึ่งในการโหวตของ สส.และ สว.ต่อร่างรัฐธรรมนูญที่ที่ประชุมกำลังพิจารณานั้นก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นลิเกโรงใหญ่ ที่เหล่า สว. และ สส. ที่เป็นผู้ทรงเกียรตทั้งหลายกำลังต้มคนดูทั้งประเทศ"

นายอรรถพล กล่าวต่ออีกว่า เมื่อลิเกกำลังเล่น โดยมีประชาชนทั้งประเทศเป็นผู้ชม จะเล่นโรงเล็ก โรงใหญ่ผลการโหวตออกมาก็ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นคนดูก็จะวิจารณ์การเล่นลิเกละครโรงนี้ได้ทุกวัน