รู้จัก Jose Alberto ‘Pepe’ Mujica Cordano ประธานาธิบดีที่ ‘จนที่สุดในโลก’

José ‘Pepe’ Mujica (โฮเซ่ อัลเบอร์โต้ เปเป้ มูฮีก้า คอร์ดาโน) เป็นอดีตประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐบูรพาอุรุกวัย (The Oriental Republic of Uruguay) หรือที่เราท่านรู้จักกันในชื่อ ‘อุรุกวัย’ ประเทศเล็ก ๆ ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอเมริกาใต้ มีพรมแดนติดกับอาร์เจนตินาทางตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต้ และบราซิลทางเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีแม่น้ำ Río de la Plata (แม่น้ำเงิน: Silver River) อยู่ทางทิศใต้ และมหาสมุทรแอตแลนติกทางทิศตะวันออกเฉียงใต้

อุรุกวัยมีประชากรประมาณ 3.51 ล้านคน ซึ่ง 1.8 ล้านคนอาศัยอยู่ในเขตเมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอย่าง ‘กรุงมอนเตวิเดโอ’ ด้วยพื้นที่ทั้งประเทศประมาณ 176,000 ตารางกิโลเมตร (68,000 ตารางไมล์)

อุรุกวัยเป็นผู้ส่งออก ขนสัตว์, ข้าว, ถั่วเหลือง, เนื้อวัวแช่แข็ง, มอลต์ และนมที่สำคัญระดับโลก ส่วนพลังงานไฟฟ้าในประเทศเกือบ 95% มาจากพลังงานหมุนเวียนเป็นส่วนใหญ่ อาทิ โรงไฟฟ้าพลังน้ำและพลังลม

อุรุกวัยเป็นประเทศที่เล็กที่สุดเป็นอันดับสองในทวีปอเมริกาใต้ รองจากซูรินาม แต่ก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบการเมืองและระบบเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพที่สุด เป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูงที่สุดประเทศหนึ่งในลาตินอเมริกา และมีสิ่งแวดล้อมที่ดีเป็นอันดับ 6 ของโลก อีกทั้งยังเป็นประเทศส่งออกเนื้อรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของโลก จำนวนประชากรปัจจุบันประมาณ 3.5ล้านคน GDP ต่อคน $24,516 (ราว 754,357.32 บาท) อันดับที่ 59 ของโลก

นอกจากนี้ อุรุกวัยยังได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความก้าวหน้าทางสังคมมากที่สุดในละตินอเมริกา โดยได้รับการจัดอันดับสูงในมาตรการด้านสิทธิส่วนบุคคล ความอดทน และปัญหาการในการรวมกลุ่ม รวมถึงการยอมรับ LGBT ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 5 ของโลก (ดัชนีการเดินทาง LGBT ในปี พ.ศ. 2563) ประชาคมนักเศรษฐศาสตร์ให้ฉายาอุรุกวัยว่า ‘ประเทศแห่งปี’ ในปี พ.ศ. 2556 จากนโยบายการผลิต การขาย และการบริโภคกัญชาอย่างถูกกฎหมาย การแต่งงานเพศเดียวกัน และการทำแท้งก็เป็นเรื่องถูกกฎหมายอีกด้วย

รู้จักอุรุกวัย กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คราวนี้มารู้จักกันคนที่เราจะพูดถึงกันอย่าง José Mujica บ้าง เขาเกิดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2478) เป็นชาวนา และนักการเมืองที่เกษียณแล้ว โดยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 40 ของอุรุกวัยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 ถึง 2558 (ค.ศ. 2010 ถึงปี 2015) เป็นอดีตสมาชิกขบวนการปลดปล่อยแห่งชาติ Tupamaros เคยถูกจำคุกเป็นเวลา 12 ปีในช่วงเผด็จการทหารระหว่างทศวรรษ 1970 และ 1980 เป็นสมาชิกของกลุ่มแนวร่วมฝ่ายซ้าย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงปศุสัตว์ การเกษตร และการประมง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ถึง 2551 และเป็นวุฒิสมาชิกในเวลาต่อมา ในฐานะผู้สมัครของพรรค Broad Front เขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี พ.ศ. 2552 และเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2553

ขณะที่เป็นสมาชิกของขบวนการปลดปล่อยแห่งชาติ Tupamaros Mujica ถูกจับกุมถึง 4 ครั้ง และหลบหนีจากเรือนจำได้หลายครั้ง ขณะถูกคุมขัง Mujica มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ โดยเฉพาะสุขภาพจิต หลังจากการฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยหลายปีต่อมา Mu-jica และสมาชิกของขบวนการปลดปล่อยแห่งชาติ Tupamaros จำนวนมากได้เข้าร่วมองค์กรฝ่ายซ้ายอื่นๆ เป็น ขบวนการพลเมืองมีส่วนร่วม (Movement of Popular Participation : MPP) เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมือง และได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีพรรคที่ Mujica สังกัดคือ พรรค Broad Front ร่วมอยู่กับ MPP ด้วย

ในการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2537 Mujica ได้คะแนนเป็นอันดับสอง และในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2542 เขาได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา เนื่องจากส่วนหนึ่งด้วยความสามารถของ Mujica และ MPP ยังคงได้รับความนิยม จนคะแนนเสียงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และในปี พ.ศ. 2547 ได้กลายเป็นกลุ่มการเมืองที่ใหญ่ที่สุด ในการเลือกตั้งในปีนั้น Mujica ได้รับเลือกให้เป็นวุฒิสภาอีกครั้งและ MPP ได้รับคะแนนเสียงมากกว่า 300,000 เสียง จึงมีพลังทางการเมืองในอันดับต้น ๆ เป็นแนวร่วมและเป็นกำลังสำคัญเบื้องหลังชัยชนะของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ได้รับเลือก Tabaré Vázquez

วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2548 ประธานาธิบดี Tabaré Vázquez ได้แต่งตั้ง Mujica เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ปศุสัตว์ การเกษตร และการประมง (พื้นหลังอาชีพของ Mujica อยู่ในภาคเกษตรกรรม) เมื่อมาเป็นรัฐมนตรี Mujica จึงได้ลาออกจากตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา เขาดำรงตำแหน่งนี้จนกระทั่งมีการปรับคณะรัฐมนตรีในปี พ.ศ. 2551 และ Mujica ก็กลับไปนั่งในวุฒิสภาอีกครั้งหนึ่ง จากนั้น Mujica ก็ได้รับเลือกเป็นตัวแทน MPP ในการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในการเลือกตั้งครั้งต่อมา และMujica ก็ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี พ.ศ. 2552

ปกติจะเป็นเรื่องที่บ่นกันทั่วไปว่า วิถีชีวิตของนักการเมืองได้ถูกลบออกไปจากเขตเลือกตั้งของพวกเขา แต่ไม่ใช่ในอุรุกวัย ซึ่งประธานาธิบดี Mujica ผู้อาศัยอยู่ในบ้านไร่ ซักผ้านอกบ้าน และใช้น้ำจากบ่อ สนามหญ้าที่รกครึ้มไปด้วยวัชพืช มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนาย และ Manuela สุนัขสามขาของประธานาธิบดี Mujica คอยเฝ้าอยู่ด้านนอก ที่พำนักของประธานาธิบดีแห่งอุรุกวัย ประธานาธิบดี José Mujica ซึ่งมีวิถีชีวิตที่แตกต่างจากผู้นำระดับโลกคนอื่น ๆ ส่วนใหญ่อย่างเห็นได้ชัด

ประธานาธิบดี Mujica เลี่ยงที่จะพักในบ้านหรูหรา (ทำเนียบประธานาธิบดี) ที่ทางการอุรุกวัยจัดสำหรับผู้นำประเทศ โดยเลือกที่จะอยู่ที่บ้านไร่ของภรรยาซึ่งอยู่ริมถนนลูกรังนอกเมืองหลวง กรุงมอนเตวิเดโอ ด้วยวิถีชีวิตที่เป็นอยู่ และการที่ประธานาธิบดี Mujica บริจาคเงินประมาณ 90% ของเงินเดือนต่อเดือนของเขา ซึ่งคิดเป็นเงินราว 12,000 ดอลลาร์ (360,000 บาท) ให้กับองค์กรการกุศล จึงทำให้ประธานาธิบดี Mujica ถูกระบุว่า เป็นประธานาธิบดีที่ยากจนที่สุดในโลก

จากคำบรรยายของสื่อว่า ประธานาธิบดี Mujica อาศัยอยู่ในบ้านไร่นอกกรุงมอนเตวิเดโอ “ผมใช้ชีวิตแบบนี้มาเกือบตลอดชีวิต” ประธานาธิบดี Mujicaกล่าวขณะนั่งบนเก้าอี้เก่า ๆ ในสวน โดยใช้เบาะรองนั่งที่ Manuela สุนัขสามขาโปรดปราน “ผมอยู่ได้ด้วยดีกับสิ่งที่ผมมี” การบริจาคเพื่อการกุศลของประธานาธิบดี Mujica แก่คนยากจนและผู้ประกอบการรายย่อย หมายความว่า เงินเดือนที่เหลือของเขานั้นใกล้เคียงกับรายได้เฉลี่ยของชาวอุรุกวัยที่ 775 ดอลลาร์ (23,250 บาท) ต่อเดือน

ในปี พ.ศ. 2553 การประกาศบัญชีทรัพย์สินประจำปีของประธานาธิบดี Mujica ซึ่งเป็นข้อกำหนดสำหรับนักการเมืองในอุรุกวัย คือ 1,800 ดอลลาร์ (54,000 บาท) ซึ่งเป็นมูลค่าของรถยนต์ Volkswagen Beetle ปี พ.ศ. 2530 ของเขา ในปีนี้เองเขาได้เพิ่มทรัพย์สินของภรรยา ได้แก่ ที่ดิน รถแทรกเตอร์ และบ้าน มูลค่า 215,000 ดอลลาร์ (6,450,000 บาท) นั่นเป็นเพียงประมาณสองในสามของบัญชีทรัพย์สินที่ประกาศของรองประธานาธิบดี Danilo Astori และหนึ่งในสามของตัวเลขที่ประกาศโดยประธานาธิบดี Tabare Vasquez ซึ่งเป็นประธานาธิบดีที่ประธานาธิบดี Mujica ดำรงตำแหน่งสืบต่อมา

โดย ประธานาธิบดี Mujica กล่าวว่า หลายปีที่ถูกจองจำช่วยเรื่องมุมมองในชีวิตของเขา “ผมถูกเรียกว่า 'ประธานาธิบดีที่ยากจนที่สุด' แต่ผมไม่รู้สึกยากจน คนจนคือคนที่ทำงานเพื่อพยายามรักษาวิถีชีวิตที่มีราคาแพง และต้องการมากขึ้นเรื่อย ๆ” ประธานาธิบดี Mujica กล่าว “นี่เป็นเรื่องของอิสรภาพ หากคุณไม่มีทรัพย์สินมากมาย คุณก็ไม่จำเป็นต้องทำงานตลอดชีวิตเยี่ยงทาสเพื่อรักษาชีวิตที่หรูหราหรือเพิ่มพูนทรัพย์สินให้มากขึ้นและมากขึ้น ดังนั้นคุณจึงมีเวลาให้กับตัวเองมากขึ้น” ประธานาธิบดี Mujica กล่าวเสริม

“ผมอาจดูเหมือนชายชราที่แปลกประหลาด...แต่นี่เป็นทางเลือกที่ไม่ไม่มีค่าใช้จ่าย” อดีตผู้นำอุรุกวัยได้กล่าวถึงการประชุมสุดยอด Rio + 20 ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2555 ว่า “เราคุยกันตลอดบ่ายเกี่ยวกับการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อให้มวลชนหลุดพ้นจากความยากจน แต่เรากำลังคิดอะไรอยู่ เราต้องการรูปแบบการพัฒนาและการบริโภคของประเทศที่ร่ำรวยหรือ ผมขอถามคุณตอนนี้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้ถ้าชาวอินเดียจะมีรถยนต์ต่อครัวเรือนในสัดส่วนที่เท่ากันหรือมากกว่าชาวเยอรมัน? “โลกใบนี้มีทรัพยากรเพียงพอต่อการที่ประชากรเจ็ดหรือแปดพันล้านจะมีการบริโภคและมีของเสียในระดับเดียวกับที่เห็นในสังคมที่ร่ำรวยในปัจจุบันหรือไม่ มันคือระดับการบริโภคที่มากเกินไปจนทำร้ายโลกของเรา” ประธานาธิบดี Mujica กล่าวโทษต่อผู้นำของโลกส่วนใหญ่ว่ามี “ความหมกมุ่นอย่างมืดบอดเพื่อให้มีความเจริญเติบโตด้วยการบริโภคราวกับว่า หากทำตรงกันข้ามจะหมายถึงจุดจบของโลก”

แต่แม้จะมีช่องว่างของความแตกต่างขนาดใหญ่ระหว่างประธานาธิบดี Mujica ผู้เป็นมังสวิรัติกับผู้นำคนอื่นๆ แต่เขาก็ไม่มีภูมิคุ้มกันทางการเมืองที่ต้องเผชิญทั้งในยามรุ่งโรจน์และในยามที่ตกต่ำ “หลายคนเห็นอกเห็นใจประธานาธิบดี Mu-jica ด้วยเพราะวิถีชีวิตของเขา แต่สิ่งนี้ไม่ได้หยุดประธานาธิบดี Mujica จากการที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า รัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่” อิกนาซิ โอซัวนาบาร์ นักสำรวจความคิดเห็นชาวอุรุกวัยกล่าว

ฝ่ายค้านอุรุกวัยกล่าวว่า ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจที่ผ่านมาของประเทศไม่ได้ส่งผลให้บริการสาธารณะด้านสุขภาพและการศึกษาดีขึ้น และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การเลือกตั้งของประธานาธิบดี Mujicaในปี พ.ศ. 2552 ที่คะแนนนิยมของเขาลดลงต่ำกว่า 50% ในปี พ.ศ. 2555 ประธานาธิบดี Mujica ยังตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน อันเนื่องจากความขัดแย้งกันสองครั้ง โดยรัฐสภาของอุรุกวัยได้ผ่านร่างกฎหมายที่ทำให้การทำแท้งถูกต้องตามกฎหมายสำหรับการตั้งครรภ์นานถึง 12 สัปดาห์ ซึ่งแตกต่างจากฉบับก่อนซึ่งเขาเสนอ และประธานาธิบดี Mujica เองก็ไม่ได้ใช้สิทธิยับยั้ง

ประธานาธิบดี Mujica ยังอภิปรายสนับสนุนเกี่ยวกับการบริโภคกัญชาอย่างถูกต้องตามกฎหมายในร่างกฎหมายที่จะทำให้รัฐมีการผูกขาดการค้ากัญชา “การบริโภคกัญชาไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลที่สุด การค้ายาเสพติดต่างหากที่เป็นปัญหาที่แท้จริง” เขากล่าว

อดีตประธานาธิบดีอุรุกวัย José Mujica ได้ปฏิเสธเงินบำนาญ เมื่อเข้าสู่การเกษียณอายุโดยสมัครใจในวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2562 ชายวัย 83 ปีที่เข้ารับตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาในปี พ.ศ. 2558 ก่อนสิ้นสุดวาระในปี พ.ศ. 2563 และได้เลือกที่จะเกษียณอายุก่อนกำหนด อันเนื่องจากความเหนื่อยล้า แม้ว่าวาระของอดีตประธานาธิบดี Mu-jica จะสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2563

อดีตประธานาธิบดี Mujicaได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในประธานาธิบดีที่ยากจนที่สุดของโลก อันเนื่องจากวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ซึ่งทำมาก่อนที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ระหว่างดำรงตำแหน่งอดีตประธานาธิบดี Mujica บริจาคเงิน 90% จากรายได้ 12,000 ดอลลาร์ต่อเดือน และปฏิเสธที่จะอาศัยอยู่ในทำเนียบประธานาธิบดี โดยยังคงอาศัยอยู่ในบ้านไร่ของเขาและภรรยาต่อไป ทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของเขาคือ รถยนต์เต่า Volkswagen สีฟ้า

ซึ่งเขาได้ปฏิเสธข้อเสนอซื้อรถคันนี้ด้วยเงินหนึ่งล้านดอลลาร์ในปี พ.ศ. 2557 โดยกล่าวว่า ยังต้องใช้รถเพื่อรับส่งสุนัขสามขาตัวโปรด อดีตประธานาธิบดี Mujica สมรสกับ Lucia Topolansky รองประธานาธิบดีหญิงคนแรกของอุรุกวัยในปี พ.ศ. 2548 ภารกิจในตำแหน่งประธานาธิบดีของอดีตประธานาธิบดี Mujica ส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การลดระดับความยากจน ซึงอดีตประธานาธิบดี Mujica สามารถลดลงได้จากอัตรา 40% เป็น 13%