Friday, 4 July 2025
WORLD

ไบเดนอัดงบช่วยยูเครน ก่อนหน้าทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง

(12 พ.ย.67) นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ ระบุว่า ทำเนียบขาวจะเร่งใช้เงิน 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 205,920 ล้านบาท ที่เหลืออยู่เพื่อสนับสนุนยูเครน ก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนมกราคมปีหน้า พร้อมกับเตือนถึงความเสี่ยงที่สหรัฐอาจจะยุติการให้การสนับสนุนยูเครน

ซัลลิแวนกล่าวว่า คาดว่าประธานาธิบดีไบเดนจะหารือกับประธานาธิบดีทรัมป์เกี่ยวกับประเด็นนโยบายต่างประเทศที่สำคัญเมื่อเขาพบกับทรัมป์ที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว ในวันพุธที่ 20 พฤศจิกายนนี้ เพื่ออธิบายให้ประธานาธิบดีทรัมป์ทราบว่าเขามองสิ่งต่าง ๆ อย่างไร และประธานาธิบดีทรัมป์คิดอย่างไรเกี่ยวกับการจัดการประเด็นเหล่านี้เมื่อเข้ารับตำแหน่ง

ซัลลิแวนยังกล่าวอีกว่า เขาคาดหวังถึงความคืบหน้าในความพยายามในการยุติการสู้รบในฉนวนกาซาและเลบานอนตอนใต้ และปล่อยตัวตัวประกันชาวอิสราเอลที่ถูกกลุ่มฮามาสจับตัวไว้

“ในบางจุด รัฐบาลอิสราเอลต้องการทำข้อตกลงเพื่อให้พลเมืองของตนกลับบ้าน” เขากล่าว “ผมไม่คิดว่าอิสราเอลจะทำข้อตกลงนั้นเพื่อตอบสนองต่อการเมืองของอเมริกัน แต่เป็นไปเพื่อพยายามรักษาความปลอดภัยให้กับอิสราเอล และผมคาดหวังว่าเราจะเห็นความคืบหน้าในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า”

เมื่อถูกถามถึงการตอบสนองของอิสราเอลต่อจดหมายร่วมของรัฐมนตรีต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมของสหรัฐที่เรียกร้องให้อิสราเอลปรับปรุงสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา ซัลลิแวนกล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ เราจะตัดสินใจว่าพวกเขาทำความคืบหน้าไปมากเพียงใด และเราจะตอบสนองต่อสิ่งนี้อย่างไร

ทรัมป์มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ซึ่งกล่าวว่าชัยชนะในการเลือกตั้งของพรรครีพับลิกันเป็น “ชัยชนะครั้งใหญ่” และกล่าวว่า เขาได้พูดคุยกับทรัมป์ 3 ครั้ง ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

จีนเกินดุลการค้า 170 ประเทศ!! มูลค่าพุ่ง 7.85 แสนล้านดอลล์ จ่อแตะ 1 ล้านล้านสิ้นปีนี้ จับตาทรัมป์ตอบโต้แน่

(11 พ.ย.67) บลูมเบิร์กรายงานว่าดุลการค้าของจีนกำลังจะทำลายสถิติใหม่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งกับกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักมากขึ้น โดยความไม่สมดุลทางการค้านี้อาจสร้างแรงกดดันให้กับโดนัลด์ ทรัมป์  

รายงานระบุว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2024 จีนมียอดเกินดุลการค้ากว่า 785,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 26.9 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับปี 2023 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งนี้บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่าจีนอาจเกินดุลแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 34.32 ล้านล้านบาท) หากแนวโน้มยังคงเติบโตไปจนถึงสิ้นปีนี้

แบรด เซ็ตเซอร์ นักวิชาการอาวุโสจากสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ให้ความเห็นว่า แม้ว่าราคาสินค้าส่งออกของจีนจะลดลง แต่ปริมาณการส่งออกกลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จีนจึงสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการส่งออกอย่างแข็งแกร่ง

ภาวะเกินดุลการค้าของจีนที่เพิ่มขึ้นนี้ก่อให้เกิดแรงกดดันจากนานาประเทศ เช่น สหรัฐภายใต้รัฐบาลทรัมป์ที่อาจขึ้นกำแพงภาษีเพื่อลดการนำเข้าสินค้าจากจีน นอกจากนี้ หลายประเทศทั้งในอเมริกาใต้และยุโรปยังเริ่มกำหนดภาษีสินค้าจีน เช่น เหล็กและรถยนต์ไฟฟ้า (EVs) แล้วเช่นกัน

นอกจากนี้ บริษัทต่างชาติต่างถอนการลงทุนจากจีนตามข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในจีนลดลงต่อเนื่องในช่วง 9 เดือนแรกของปี และหากยังคงลดลงเรื่อย ๆ ก็จะนับเป็นปีแรกที่เงินทุนไหลออกมากกว่าทุกปีนับตั้งแต่มีการบันทึกในปี 1990

รัฐบาลจีนให้คำมั่นว่าจะให้การสนับสนุนเพิ่มเติมแก่บริษัทต่าง ๆ โดยเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน คณะมนตรีรัฐกิจของสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ประกาศแผนสนับสนุนทางการเงินแก่ภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน รวมถึงการส่งเสริมการค้า

ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา บริษัทจีนได้เพิ่มศักยภาพในการส่งออก แม้ภายในประเทศเศรษฐกิจจะชะลอตัว และมีการใช้สินค้าภายในประเทศทดแทนการนำเข้ามากขึ้นอีกด้วย ส่งผลให้อุปสงค์ต่อการนำเข้าลดลง

ดุลการค้าในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาถือเป็นการเกินดุลมากเป็นอันดับสาม โดยดุลการค้าสูงสุดเคยเกิดขึ้นในปี 2015 และเมื่อคำนวณในสกุลเงินหยวน จีนมีดุลการค้าเกินดุลที่ 5.2% ของ GDP ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้

ตั้งแต่ต้นปี 2024 จีนมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.4% จากปีก่อนหน้า เกินดุลกับสหภาพยุโรป (EU) เพิ่มขึ้น 9.6% และเกินดุลกับชาติอาเซียนเพิ่มขึ้นเกือบ 36% 

ปัจจุบัน จีนเกินดุลการค้ากับประเทศเกือบ 170 ประเทศ ซึ่งสูงสุดตั้งแต่ปี 2021 และแนวโน้มยังคงเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สงครามสกุลเงินอาจปะทุขึ้นได้ ธนาคารกลางอินเดียเผยว่าจะพร้อมอ่อนค่าเงินรูปีหากจีนเลือกตอบโต้สหรัฐด้วยการปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลง

หากเงินหยวนอ่อนลงต่อไปจะทำให้สินค้าส่งออกของจีนมีราคาถูกลง ส่งผลให้ดุลการค้าระหว่างจีนกับอินเดียอาจเกินดุลเพิ่มขึ้นกว่าเดิม โดยปีนี้จีนเกินดุลการค้ากับอินเดียกว่า 85,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.92 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อนหน้า และมากกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับ 5 ปีที่แล้ว

คนจีนแห่ซื้อ ผงาดสินค้าขายดี งานโชว์นานาชาติ CIIE ที่เซี่ยงไฮ้

(11 พ.ย.67) ทุเรียนสดรสชาติหวานละมุนกองพะเนินถูกส่งตรงจากไทยสู่งานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน (CIIE) ครั้งที่ 7 ในมหานครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน โดยกลิ่นและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ได้ดึงดูดผู้บริโภคและผู้ค้าเข้าเยี่ยมชมบูธผลไม้กันอย่างคึกคัก

ไทยนั้นเป็นประเทศแรกที่ได้รับอนุญาตส่งออกทุเรียนตรงสู่จีนภายใต้ความร่วมมือทางการค้าระหว่างสองประเทศ ทำให้ทุเรียนไทยครองส่วนแบ่งตลาดจีนเป็นอันดับหนึ่ง และปีนี้ 'ราชาแห่งผลไม้' เป็นดาวเด่นของงานมหกรรมฯ อีกครั้งด้วยสารพัดผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ทุเรียนสดจนถึงของหวานหลายเมนู

เฝิงจี้เฉิงจากบริษัทค้าขายทุเรียนสดแห่งหนึ่งเผยว่าทุเรียนที่จัดแสดงมาจากฐานการผลิตหลักในไทย เวียดนาม และมาเลเซีย ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งมาจากไทย พร้อมเสริมว่าบริษัทเพิ่มความร่วมมือกับหุ้นส่วนในไทย เพื่อตอบสนองอุปสงค์ของตลาดทุเรียนในจีน ซึ่งเติบโตที่อัตราร้อยละ 20-30 ในปัจจุบัน

ด้านเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ร่วมนำเสนอผลิตภัณฑ์ทุเรียนสดหลายสายพันธุ์ภายใต้แบรนด์ซีพี เฟรช ซีเล็คชัน (CPFresh Selection) ทั้งหมอนทอง หนามดำ แมวภูเขา ชะนี ก้านยาว และพวงมณี เพื่อผู้บริโภคชาวจีนได้มีตัวเลือกหลากหลาย ท่ามกลางโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นในตลาดจีน

เฉาจงหย่ง ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ทุเรียนของบริษัทค้าขายผลไม้แห่งหนึ่ง ซึ่งเข้าร่วมงานมหกรรมฯ ติดต่อกันเป็นปีที่ 7 เผยว่างานนี้ช่วยให้บริษัทได้เจรจาหารือกับบรรดาหุ้นส่วนจากไทยและประเทศอื่น ๆ ส่งผลให้เกิดความร่วมมือตามมาและการพัฒนาบริษัทอย่างต่อเนื่อง

บริษัทของเฉาได้ร่วมมือกับบริษัท ไทย มงกุฎ กรุ๊ป จำกัด ในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงงานแปรรูปทุเรียนขนาดใหญ่ที่สุด นำสู่การจ้างงานและพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยมีการจ้างงานคนท้องถิ่นมากกว่า 200 คน ส่งออกทุเรียนและผลไม้อื่น ๆ ราว 5,000 ตู้คอนเทนเนอร์ และจ่ายภาษีกว่า 40 ล้านบาท ในปี 2023

อนึ่ง แม้งานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน ครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 5-10 พ.ย. ได้ปิดฉากลงแล้ว แต่กลิ่นทุเรียนไทยยังคงหอมฟุ้งดึงดูดใจผู้บริโภค และความร่วมมือทางการค้าระหว่างสองประเทศยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างสวยงาม

มักส์ชู #EndtheFed หนุนทรัมป์แทรกแซง'แบงก์ชาติ' ให้ปธน.คุมธนาคารกลางสหรัฐด้วยตัวเอง

อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla, X และ SpaceX ได้แสดงการสนับสนุนให้ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้ามามีบทบาทในการกำกับดูแลธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลต่อความเป็นอิสระขององค์กรนี้ได้

เมื่อวันที่ (8 พ.ย.67) ที่ผ่านมา มัสก์ได้โพสต์บนแพลตฟอร์ม X โดยให้การสนับสนุนต่อข้อความของ ไมค์ ลี วุฒิสมาชิกจากรัฐยูทาห์ ที่กล่าวว่า “องค์กรสำคัญต่าง ๆ ควรอยู่ภายใต้การควบคุมของประธานาธิบดี เพื่อสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็เป็นหนึ่งในหลาย ๆ ตัวอย่างที่เบี่ยงเบนไปจากแนวทางนี้” พร้อมติดแฮชแท็ก #EndTheFed เพื่อเสนอให้ยกเลิกหรือปรับปรุงการทำงานของธนาคารกลาง

ด้าน เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed เคยกล่าวเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ว่าตนจะไม่ลาออกจากตำแหน่งแม้ทรัมป์จะเรียกร้อง ซึ่งเป็นท่าทีชัดเจนที่อาจสร้างแรงกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประธาน Fed กับประธานาธิบดีที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่

การเผชิญหน้าครั้งนี้อาจเป็นประเด็นใหญ่ของทรัมป์ในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของเขา หากย้อนกลับไปในสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งแรก ทรัมป์ได้แต่งตั้งพาวเวลล์เป็นประธาน Fed ในปี 2018 ทรัมป์และพาวเวลมีความเห็นไม่ตรงกันในหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องการผ่อนปรนค่าเงินดอลลาร์

นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่าความเป็นอิสระของธนาคารกลางเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินนโยบายการเงินที่ปราศจากการแทรกแซงทางการเมือง ซึ่งช่วยคงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือในการควบคุมเงินเฟ้อ แม้ว่า Fed อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมนี้ แต่หากเศรษฐกิจยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ก็มีความเป็นไปได้ที่นโยบายการลดอัตราดอกเบี้ยอาจถูกชะลอ

ก่อนหน้านี้ในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2024 ทรัมป์มักกล่าวถึงความต้องการที่จะมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายของ Fed หากเขากลับมาชนะการเลือกตั้งอีกครั้ง โดยเขากล่าวเมื่อเดือนสิงหาคมว่า “ผมเชื่อว่าประธานาธิบดีควรมีบทบาทในการกำหนดทิศทาง ผมเองก็มีประสบการณ์ในการสร้างผลกำไรและความสำเร็จ และผมคิดว่าผมมีวิจารณญาณที่ดีกว่าในบางเรื่องมากกว่าธนาคารกลาง”

จีนใกล้สำเร็จ!!! สร้างเรือบรรทุกเครื่องบินพลังนิวเคลียร์ลำแรก คืบหน้าวิจัยเครื่องปฏิกรณ์ต้นแบบ

(11 พ.ย.67) จีนได้สร้างต้นแบบเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์บนบกสำหรับเรือผิวน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดว่า จีนกำลังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อนำไปสู่การสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ลำแรกของประเทศ จากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมและเอกสารของรัฐบาลจีนที่มอบให้กับสำนักข่าว AP

ข่าวลือเกี่ยวกับแผนของจีนที่จะสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์มีมานานแล้ว แต่การวิจัยล่าสุดจากสถาบัน Middlebury Institute of International Studies ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นการยืนยันครั้งแรกว่า จีนกำลังพัฒนาระบบขับเคลื่อนพลังงานนิวเคลียร์สำหรับเรือขนาดใหญ่เทียบเท่ากับเรือบรรทุกเครื่องบิน ซึ่งหากสำเร็จจีนจะกลายเป็นอีกชาติบนโลกที่มีเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ไว้เสริมแสนยานุภาพ เป็นลำแรกของกองทัพเรือจีน

ความสำคัญของการพัฒนาเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ของจีน กองทัพเรือจีนถือเป็นกองทัพเรือที่มีจำนวนเรือมากที่สุดในโลก และยังคงเดินหน้าพัฒนาทันสมัยอย่างรวดเร็ว การเพิ่มเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์เข้ามาในกองเรือ จะช่วยให้จีนเข้าใกล้เป้าหมายในการมี 'กองทัพน้ำลึก' หรือ blue-water navy ที่สามารถปฏิบัติการได้ทั่วโลก ซึ่งเป็นความท้าทายต่อสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้น

แม้ว่าเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์จะใช้เวลาสร้างนานกว่าเรือบรรทุกเครื่องบินแบบปกติ แต่เมื่อสร้างเสร็จแล้วจะสามารถออกทะเลได้เป็นเวลานานกว่า เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเติมเชื้อเพลิงบ่อย และมีพื้นที่สำหรับเชื้อเพลิงและอาวุธของเครื่องบินมากขึ้น ส่งผลให้ขีดความสามารถของเรือเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังสามารถผลิตพลังงานได้มากพอสำหรับระบบขั้นสูง

ในปัจจุบัน มีเพียงสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศสเท่านั้นที่มีเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ โดยสหรัฐฯ มีอยู่ทั้งหมด 11 ลำ ทำให้สามารถมีกองเรือประจำการทั่วโลกได้ตลอดเวลา รวมถึงในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มีความกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ เกี่ยวกับการพัฒนาและการขยายกองเรือของจีนอย่างรวดเร็ว รวมถึงการออกแบบและการสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินรุ่นใหม่

ปัจจุบัน จีนมีเรือบรรทุกเครื่องบินอยู่ 3 ลำ รวมถึงเรือ Type 003 Fujian ที่เป็นลำแรกซึ่งออกแบบและสร้างขึ้นโดยจีนเอง อีกทั้งจีนยังระบุว่า กำลังดำเนินการสร้างเรือลำที่ 4 แล้ว แต่ยังไม่ได้ประกาศว่าจะใช้พลังงานนิวเคลียร์หรือพลังงานแบบปกติ

การปรับปรุงนี้สอดคล้องกับการเน้นหนักที่เพิ่มขึ้นของจีนต่อภาคส่วนทางทะเลและความต้องการที่เพิ่มขึ้นของกองทัพเรือในการปฏิบัติการระยะไกลจากแผ่นดินใหญ่ ตามรายงานล่าสุดของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่เสนอต่อรัฐสภาเกี่ยวกับกองทัพของจีน

Toyota ขยายการผลิตในจีน ตั้งเป้า 2.5 ล้านคันต่อปี สะท้อนตลาดรถแดนมังกรโตสูง

(11 พ.ย.67) รอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าว 3 แหล่งว่า โตโยต้า ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น วางเป้าหมายผลิตรถยนต์ให้ได้อย่างน้อย 2.5 ล้านคันในจีนภายในปี 2573 ซึ่งนับเป็นการปรับกลยุทธ์ครั้งสำคัญที่จะเพิ่มความใกล้ชิดระหว่างการขายและการผลิตในจีน และเปิดโอกาสให้ผู้บริหารในจีนมีอิสระในการพัฒนาผลิตภัณฑ์มากขึ้น

รายงานระบุว่า แผนดังกล่าวสะท้อนกลยุทธ์ของโตโยต้าต่อจีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเน้นย้ำถึงความพยายามที่จะฟื้นฟูธุรกิจหลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับบีวายดี (BYD) และผู้ผลิตรายอื่น ๆ ในจีนช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

แผนของโตโยต้าแตกต่างจากผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น รวมถึงผู้ผลิตสัญชาติญี่ปุ่นที่เลือกจะลดกำลังการผลิตหรือถอนธุรกิจออกจากจีน

แหล่งข่าวเผยว่า โตโยต้าตั้งเป้าเพิ่มการผลิตในจีนให้ได้ถึง 3 ล้านคันต่อปีภายในสิ้นทศวรรษนี้ แต่ยังไม่มีการประกาศเป้าหมายอย่างเป็นทางการ

เป้าหมายนี้ถือเป็นการเพิ่มขึ้นจากสถิติการผลิตสูงสุด 1.84 ล้านคันในปี 2565 หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 63% โดยปีที่แล้ว โตโยต้าผลิตรถยนต์ในจีนได้ 1.75 ล้านคัน

โตโยต้าได้แจ้งแผนนี้ให้ซัพพลายเออร์บางรายทราบแล้ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับความทุ่มเทของโตโยต้าต่อตลาดจีนและการรักษาซัพพลายเชนให้มั่นคง

ในแถลงการณ์ โตโยต้าตอบคำถามรอยเตอร์ว่า “ด้วยการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดจีน เราจึงพิจารณาโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง” และยืนยันว่าจะเดินหน้าผลิตรถยนต์ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อตลาดจีนต่อไป

Bitcoin คึกคักขานรับชัยชนะ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ พุ่งทะลุ 81,000 ดอลลาร์ ทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง

(11 พ.ย.67) Bitcoin ยังรุ่ง ราคาพุ่งทะยานสู่ New High ล่าสุดวันนี้ที่ 81,700 ดอลลาร์ ขานรับข่าวดีที่ โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยชนะการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ 2024 อีกทั้งพรรครีพับลิกันยังครองที่นั่งส่วนใหญ่ในสภาสูง และกำลังลุ้นจำนวนที่นั่งในสภาล่างที่จะทำให้รัฐบาลทรัมป์ และพรรครีพับลิกันสามารถคุมเสียงในสภาคองเกรซได้อย่างเบ็ดเสร็จทั้ง 2 สภา

ตั้งแต่ช่วงค่ำคืนของวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน หลังปิดหีบเลือกตั้งและผลคะแนนเผยแววชัยชนะของโดนัลด์  ทรัมป์ ราคา Bitcoin ก็พุ่งทะยานขึ้นแตะระดับที่ 75,000 ดอลลาร์ แต่ ณ วันนี้ ราคา Bitcoin ยังคงมุ่งหน้าสู่ดวงจันทร์ และทำสถิติ New High ที่ 81,700 ดอลลาร์ 

ปัจจัยที่ทำให้ตลาดคริปโตกลับมาคึกคัก ดันราคา Bitcoin พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ มาจากนโยบายที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้หาเสียงมาตลอดว่า เขาจะเปลี่ยนสหรัฐอเมริกาให้กลายเป็นเมืองหลวงแห่งเงินสกุลคริปโตของโลก ส่งผลราคา Bitcoin สูงขึ้นมากกว่า 80% ภายในปี 2024 เพียงปีเดียว และยังทำให้สกุลเงินคริปโตอื่น ๆ โดยเฉพาะ Dogecoin ที่ถูกโปรโมทโดย อีลอน มัสก์ ได้รับอานิสงส์ไปด้วย 

โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจสาย Pro-Crypto ที่มีความศรัทธาในมูลค่าของเงินดิจิทัลต่อระบบเศรษฐกิจ โดยเขาตั้งเป้าหมายที่จะผลักดันนโยบายให้รัฐบาลสหรัฐฯ สะสมเงินคริปโตประหนึ่งเงินสำรองของชาติ

นอกจากนี้ เขายังมีพันธมิตรร่วมอุดมการณ์เดียวกันกับเขา ได้แก่ อีลอน มัสก์, โรเบิร์ต. เอฟ. เคนเนดี และ โฮเวิร์ด ลัทนิค CEO สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ Cantor Fitzgerald ซึ่งทั้งหมด มีเป้าหมายเดียวกันคือ 'เงินคริปโต'

และทรัมป์ได้ประกาศว่า สิ่งแรกที่เขาจะทำเมื่อได้เข้าทำเนียบขาวคือ ไล่ แกรี เจนสเลอร์ ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ได้รับแต่งตั้งในสมัยของโจ ไบเดน ออก ที่ดำเนินการตามนโยบายของไบไดนในการมุ่งหน้ากวาดล้างธุรกิจเงินคริปโตอย่างหนักในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา เพราะโจ ไบเดน มองว่าเงินคริปโตเป็นแหล่งเงินทุนนอกกฎหมายของจีน และ รัสเซีย 

ซึ่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับนโยบายของทรัมป์ ที่เขาต้องการให้รัฐบาลกลางถือครองเงิน Bitcoin ทั้งหมดที่มีอยู่ในสหรัฐฯ และยังตั้งเป้าไกลกว่านั้นว่าในอนาคตสหรัฐอเมริกาจะเป็นเหมือง Bitcoin เพียงแห่งเดียวของโลก เพื่อง่ายต่อการควบคุมค่าเงิน 

และเมื่อสหรัฐฯ ได้ผู้นำที่เป็นติ่ง Bitcoin ถึงขนาดนี้ นักวิเคราะห์ด้านการเงินจึงเชื่อว่าราคา Bitcoin จะพุ่งทะยานได้ไกลกว่านี้อีก และอาจไม่หยุดแค่ 100,000 ดอลลาร์/Bitcoin ด้วย 

แต่ในยุคของรัฐบาลทรัมป์ 2 จะพาเงิน Bitcoin ที่มุ่งหน้าสู่ดวงจันทร์แล้วจะต่อไปยังดาวอังคาร หรือ จะร่วงลงสู่พื้นโลกอีกครั้ง คงต้องรอดูผลงานกันต่อไป

เวียดนามขู่บล็อก Temu-Shein ไม่จดทะเบียนบริษัทสิ้นเดือนนี้สวนทางไทยถก Temu เดินหน้าตั้งบริษัท

(11 พ.ย.67) เวียดนามประกาศเตรียมบล็อกโดเมนอินเทอร์เน็ตและแอปพลิเคชันของ Shein และ Temu ซึ่งเป็นอีคอมเมิร์ซจากจีน หากทั้งสองแพลตฟอร์มเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศโดยยังไม่ได้จดทะเบียนการดำเนินงานกับกระทรวงพาณิชย์ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้

รอยเตอร์รายงานว่าการเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของแพลตฟอร์มออนไลน์จากจีนต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น เนื่องจากการตลาดของ Temu และ Shein ค่อนข้างเข้มข้น โดยมีการเสนอส่วนลดจำนวนมากให้กับผู้บริโภค รวมถึงปัญหาคุณภาพสินค้าที่มักเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์

ทั้งนี้ รัฐบาลเวียดนามนำโดยทีมของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้แถลงในการประชุมว่ากระทรวงได้ทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มจีนทั้ง Shein และ Temu ในเรื่องการขอใบอนุญาตแล้ว

สรุปได้ว่า หลังจากที่กระทรวงได้แจ้งเตือนแล้ว หากแพลตฟอร์มเหล่านี้ไม่ปฏิบัติตาม กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าจะดำเนินการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้มาตรการทางเทคนิค เช่น การบล็อกแอปพลิเคชันและโดเมน ดังนั้นทางเลือกเดียวที่ Temu และ Shein มีในเวียดนามตอนนี้คือการจดทะเบียนการดำเนินงานกับกระทรวงพาณิชย์ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้

ทรัมป์หารือผู้นำรัสเซีย ให้คำมั่นสงครามยูเครนต้องจบ

(11 พ.ย.67) สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายนว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้พูดคุยกับวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และแนะนำไม่ให้เพิ่มความรุนแรงของสงครามในยูเครน ขณะเดียวกันมีรายงานว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะขอให้ทรัมป์ไม่หยุดสนับสนุนยูเครน

แหล่งข่าวระบุว่า ปูตินและทรัมป์ได้สนทนากันเมื่อไม่นานมานี้ และทรัมป์ยังได้พูดคุยกับโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เมื่อวันพุธที่ 6 พฤศจิกายน โดยทรัมป์เคยวิพากษ์วิจารณ์ความช่วยเหลือทางทหารและการเงินจำนวนมากของสหรัฐฯ แก่ยูเครน และให้คำมั่นว่าจะยุติสงครามโดยเร็ว แต่ไม่ได้ระบุวิธีการอย่างชัดเจน

ด้านกระทรวงการต่างประเทศยูเครนระบุว่าไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับการสนทนาระหว่างปูตินกับทรัมป์ จึงไม่สามารถแสดงความเห็นเกี่ยวกับการพูดคุยดังกล่าวได้

ขณะเดียวกัน สตีเวน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ กล่าวเมื่อถูกถามถึงเรื่องนี้ว่า “เราไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการสนทนาส่วนตัวระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับผู้นำประเทศอื่น ๆ” รายงานดังกล่าวมีการเปิดเผยครั้งแรกโดยสื่อวอชิงตันโพสต์

ทรัมป์มีกำหนดเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า และปธน.ไบเดนได้เชิญทรัมป์ไปที่ทำเนียบขาวในวันพุธที่ 13 พฤศจิกายนนี้

เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า ไบเดนจะยืนยันถึงการถ่ายโอนอำนาจที่ราบรื่น พร้อมทั้งหารือกับทรัมป์ในประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง

ซักเคอร์เบิร์กรอดคดี!! ฐานทำเยาวชนเสพติดโซเชียลมีเดีย จ่อเอาผิดบริษัท Facebook-Instagram แทน

(11 พ.ย.67) ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางได้ปฏิเสธคำร้องอีกครั้งที่พยายามให้มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กต้องรับผิดชอบเป็นรายบุคคลในคดีความกว่า 20 คดี ซึ่งกล่าวหา Meta Platforms Inc. และบริษัทโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ว่ามีส่วนในการเสพติดสื่อของเด็กและเยาวชน

ผู้พิพากษาอีวอนน์ กอนซาเลซ โรเจอร์ส แห่งศาลแขวงสหรัฐ ซึ่งดูแลคดีนี้ได้ตัดสินให้ซีอีโอของ Meta อยู่ในข้างเดียว โดยเห็นว่าคำร้องที่แก้ไขยังไม่เพียงพอที่จะดำเนินคดีต่อไป โดยคำตัดสินนี้ยกเลิกการฟ้องร้องซักเคอร์เบิร์กในฐานะจำเลยโดยไม่กระทบต่อข้อกล่าวหาต่อ Meta ในฐานะบริษัท

คดีความที่ยื่นในนามของเยาวชนกล่าวหาว่า พนักงานของ Meta เคยเตือนซักเคอร์เบิร์กหลายครั้งว่า Instagram และ Facebook ไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก แต่เขาเพิกเฉยต่อคำเตือนดังกล่าวและเลือกที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ

การถือให้ซีอีโอของบริษัทขนาดใหญ่รับผิดชอบในทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เนื่องจากกฎหมายขององค์กรมีการคุ้มครองผู้บริหารจากความรับผิดชอบโดยตรง

"แม้ว่าในอนาคตการสืบพยานอาจเผยให้เห็นการมีส่วนร่วมและการสั่งการของซักเคอร์เบิร์กในเรื่องการปิดบังข้อมูลที่เป็นการหลอกลวงของ Meta แต่ข้อกล่าวหาที่มีอยู่ในขณะนี้ยังไม่เพียงพอต่อมาตรฐานการรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่บริษัท" โรเจอร์สกล่าวในคำสั่งของเธอ

คดีที่ระบุชื่อซักเคอร์เบิร์กเป็นเพียงส่วนน้อยในคดีฟ้องร้องกว่า 1,000 คดีในศาลรัฐบาลกลางและศาลรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยครอบครัวและเขตการศึกษาได้ยื่นฟ้อง Meta และบริษัทอื่นๆ เช่น Google ของ Alphabet, TikTok ของ ByteDance และ Snap เจ้าของแพลตฟอร์ม Snapchat โดยโรเจอร์สและผู้พิพากษาแห่งรัฐลอสแอนเจลิสได้อนุญาตให้บางข้อกล่าวหาดำเนินการได้ ขณะที่ปฏิเสธบางข้อกล่าวหาไป

มัสก์ กลับคำพูด เลิกคิดผลิตEVราคาถูก ยอมรับไม่คุ้มแข่งรถไฟฟ้าจากจีน

(11 พ.ย.67) รอยเตอร์รายงานว่า นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัท Tesla ดูเหมือนจะยอมรับกลายๆ ว่าบริษัทจะยกเลิกแผนการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัดรุ่นใหม่ที่ตั้งราคาประมาณ 25,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 8.5 แสนบาท) หลังจากที่ก่อนหน้านี้มัสก์ได้เปิดเผยในเดือนเมษายนว่าจะผลิตรถรุ่นดังกล่าวเพื่อเจาะตลาดในระดับล่าง

ในการประชุมประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม มัสก์กล่าวว่า การผลิตรถยนต์ EV ราคาประหยัดจะไม่มีประโยชน์ เว้นแต่ว่าจะเป็นรถยนต์ไร้คนขับเต็มรูปแบบ โดยเขากล่าวว่า “ผมคิดว่าการมีรถยนต์รุ่นธรรมดาที่ราคา 25,000 ดอลลาร์นั้นไม่มีประโยชน์ มันเป็นเรื่องที่โง่เขลา”

ก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา มักส์ออกมาประกาศแผนการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ที่ราคาจับต้องได้ ซึ่งมัสก์ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดของรถยนต์รุ่นใหม่ดังกล่าว การออกมาให้ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ ราคาหุ้นของบริษัทรถยนต์ เทสลา (Tesla) เพิ่มขึ้นมากกว่า 12% ท่ามกลางผลประกอบการของเทสลาในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้จะมีกำไรต่ำกว่าที่คาดไว้ และรายได้ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 4 ปีก็ตาม

ที่ผ่านมา รถยนต์ Tesla ราคาประหยัดถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยผลักดันให้ Tesla กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก โดยมีเป้าหมายผลิตรถยนต์ถึง 20 ล้านคันต่อปีภายในปี 2030 อย่างไรก็ตาม Tesla ได้ลบเป้าหมายดังกล่าวออกจากรายงาน Impact Report ฉบับล่าสุดในเดือนพฤษภาคม

ช่วงต้นปี มัสก์ยังคงยืนยันแผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด โดยคาดว่าจะเปิดตัวในปี 2025 และมองว่าจะเป็น ‘คลื่นลูกที่ 2’ ของการเติบโตต่อจาก Model 3 และ Model Y ที่เปิดตัวในปี 2017 และ 2020

นักลงทุนและแฟนๆ ของ Tesla ได้ตั้งชื่อเล่นให้รถยนต์ราคาประหยัดรุ่นนี้ว่า Model 2 โดยคาดว่าจะมีราคาต่ำกว่า Model 3 ซึ่งเริ่มต้นที่ 42,490 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.45 ล้านบาท)

นักวิเคราะห์มองว่าการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ของ Tesla ครั้งนี้อาจเป็นเพราะบริษัทตระหนักว่าล่าช้าในการผลิตรถยนต์ราคาประหยัดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในจีน จึงหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ แทนการลงทุนมหาศาลในการผลิตรถรุ่นใหม่

‘เป๊ป กวาร์ดิโอลา’ ยอมรับสภาพ!! อาจต้องเสียแชมป์พรีเมียร์ลีก หลัง ‘เรือใบสีฟ้า’ พ่ายแพ้ 4 เกมติดต่อกัน นับตั้งแต่เข้ามาคุมทีม

(10 พ.ย. 67) แมนเชสเตอร์ ซิตี แชมป์เก่าพรีเมียร์ ลีก ฤดูกาลที่แล้ว แม้จะได้ประตูออกนำ ไบร์ทตันฯ ไปก่อน 1-0 แต่ก็โดนเจ้าถิ่นรัว 2 เม็ดรวดในช่วงท้ายเกม แซงชนะไป 2-1 ยัดเยียดความปราชัยให้ ’เดอะ ซิตีเซนส์’ เป็นเกมที่ 4 ติดต่อกันทุกรายการ

“เกมนี้เราทำดีไม่ได้ตลอดทั้ง 90 นาที เราเล่นได้ดีแค่ในครึ่งแรก และบางช่วงเวลาในครึ่งหลัง เราแพ้อีกครั้ง ดังนั้นต้องเคลียร์หัวของเรา เบรกทีมชาติ และหวังว่านักเตะของเราจะกลับมาฟิตอีกครั้ง” เป๊ป เริ่มกล่าว

“ไบร์ทตันฯ เป็นทีมที่ดี ตั้งแต่ยุค เกรแฮม พ็อตเตอร์ อยู่ที่นี่แล้ว พวกเขามีนักเตะดาวรุ่งที่ดี มีคุณภาพที่ดี ตอนนี้เราต้องพยายามเอาชนะอีกครั้ง เราไม่สามารถรักษาจังหวะการเล่นในครึ่งหลังได้ นี่พวกเราก็แพ้ 4 เกมติดแล้ว”

“เราต้องเปลี่ยนบางสิ่งอย่างรวดเร็ว โปรแกรมก็ยากขึ้นเรื่อย ๆ แต่มันก็มาถึงเมื่อนักเตะเริ่มฟิตกลับมา”

“บางทีหลังจากผ่านไป 7 ปีที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 6 สมัย บางทีมันก็อาจเป็นหนึ่งปีที่ทีมอื่นเหมาะสมกว่า” นายใหญ่เรือใบสีฟ้า ทิ้งท้าย

สำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี จะกลับมาลงสนามอีกครั้งหลังพักเบรกทีมชาติ พบ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ คืนวันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน เวลา 00.30น. ต่อด้วยลงเล่นเกมยุโรป พบ เฟเยนูร์ด คืน 26 พ.ย. และมีคิวฟาดแข้งเกมบิ๊กแมตช์ในการออกไปเยือน ลิเวอร์พูล วันที่ 1 ธันวาคม เวลา 23.00 น.

‘นิวยอร์กไทม์ส’ รายงาน!! โดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมประกาศถอนตัว จากข้อตกลงปารีส ขยายการขุดเจาะน้ำมัน ส่งออกก๊าซธรรมชาติ

(10 พ.ย. 67) นิวยอร์กไทม์ส รายงานว่า แผนนี้รวมถึงการเพิกถอนการยกเว้นของรัฐแคลิฟอร์เนียสำหรับมาตรฐานมลพิษที่เข้มงวดยิ่งขึ้น และย้ายสำนักงานใหญ่ของสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม (EPA) จากวอชิงตัน

แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกของทีมงานเปลี่ยนผ่านของทรัมป์ ระบุ

ทั้งนี้ ฝ่ายบริหารของไบเดนได้ระงับการออกใบอนุญาต LNG ใหม่ในเดือนมกราคม เพื่อการตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ ซึ่งกำหนดให้สาธารณชนแสดงความคิดเห็นภายในสิ้นปีนี้

‘รัสเซีย’ สั่งจำคุก!! ทหารที่ก่อเหตุฆ่ายกครัว ‘ชาวยูเครน’ ชี้!! เป็นกรณีตัวอย่างที่หายาก ในคดีอาชญากรรมสงคราม

(9 พ.ย. 67) ในสงคราม ‘รัสเซีย – ยูเครน’ ที่ดำเนินมาเกิน 2 ปีครึ่งนั้น หนึ่งในข้อครหายูเครนพยายามฟ้องเอาผิดรัสเซียและประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน คือเรื่องของการก่ออาชญากรรมสงคราม ที่รวมถึงการสังหารพลเรือนอย่างไร้ความปรานี

แต่ล่าสุดที่รัสเซียมีความเคลื่อนไหวน่าสนใจ หลังศาลรัสเซียตัดสินจำคุกทหารรัสเซีย 2 นายตลอดชีวิต ในข้อหาสังหารครอบครัวชาวยูเครน 9 คนในแคว้นโดเนตสก์ พื้นที่ทางตะวันออกของยูเครนที่ถูกยึดครอง เป็นกรณีตัวอย่างที่หายากที่ประเทศนี้จะเอาผิดทหารของตัวเองในคดีอาชญากรรมสงคราม

อัยการกล่าวว่า ครอบครัวคัปคาเนตส์ (Kapkanets) ทั้งหมดถูกสังหารที่บ้านของพวกเขาในภูมิภาคโดเนตสก์เมื่อปี 2023 โดยฝีมือของ แอนตัน โซปอฟ วัย 21 ปี และสตานิสลาฟ ราอู วัย 28 ปี ซึ่งในบรรดาเหยื่อมีเด็กด้วย

โซปอฟและราอูถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆ่า เอ็ดเวิร์ด คัปคาเนตส์ วัย 53 ปี, ทาเทียนา ภรรยาของเขา, ลูกชายคนโตและภรรยา, หลานสาววัย 9 ขวบ หลานชายวัย 4 ขวบ และญาติห่าง ๆ ของครอบครัวอีก 3 คน

ดมิโทร ลูบิเนตส์ ผู้ตรวจการแผ่นดินของยูเครนกล่าวว่าในวันเกิดเหตุ ครอบครัวนี้กำลังฉลองวันเกิดให้หนึ่งในสมาชิกในครอบครัว เจ้าหน้าที่ยูเครนในขณะนั้นกล่าวว่า พวกเขาเชื่อว่าครอบครัวนี้ถูกฆ่าเพราะปฏิเสธที่จะยกบ้านให้กองทหารรัสเซีย

ทั้งนี้ รายละเอียดบางอย่างของคดียังไม่ชัดเจน เช่น ทหารรับสารภาพหรือไม่ เนื่องจากการพิจารณาคดีจัดขึ้นในห้องปิด แต่สำนักข่าว TASS ของรัฐรัสเซียรายงานว่า โซปอฟและราอูถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆาตกรรม ‘โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความเกลียดชังทางการเมือง อุดมการณ์ เชื้อชาติ หรือศาสนา’

ที่ผ่านมารัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาอาชญากรรมสงครามทั้งหมดในยูเครน แม้จะมีหลักฐานยืนยันชัดเจนที่ขัดแย้งกันก็ตาม ซึ่งรวมถึงเหตุระเบิดโรงละครในเมืองมาริอูโปลซึ่งเป็นที่พักพิงของผู้คนหลายร้อยคนในเดือน มี.ค. 2022 และการสังหารหมู่ผู้คนหลายร้อยคนในเมืองบูชาในเดือนเดียวกัน

‘แคนาดา’ สั่ง!! TikTok ให้หยุดดำเนินการ อ้าง!! เสี่ยงต่อความมั่นคง ของประเทศชาติ

(9 พ.ย. 67) รัฐบาลแคนาดาออกคำสั่งให้ TikTok ของบริษัท ByteDance ในจีน ยุติการดำเนินธุรกิจในประเทศ โดยมีการระบุว่าการตัดสินใจดังกล่าวเป็นผลจากการประเมินความเสี่ยงด้านความมั่นคงแห่งชาติ การตรวจสอบดังกล่าวทำโดยชุมชนความมั่นคงและข่าวกรองของแคนาดา

โดยรัฐบาลได้ย้ำว่าจะไม่จำกัดการเข้าถึง TikTok สำหรับชาวแคนาดาทั่วไป แต่แนะนำให้ประชาชนประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้แอปโซเชียลมีเดีย 

นายฟรองซัวส์-ฟีลิป ชองปาญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงนวัตกรรม วิทยาศาสตร์ และอุตสาหกรรมของแคนาดา ระบุว่า รัฐบาลต้องการให้ประชาชนตระหนักถึงความเสี่ยงของการใช้งานแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะในแง่ของการจัดการข้อมูลและความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับประเทศต่างชาติ ซึ่ง TikTok นั้นได้ถูกห้ามใช้งานบนอุปกรณ์ของรัฐบาลตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2023

ในส่วนของ TikTok ได้ตอบโต้ว่า การปิดสำนักงานในแคนาดาจะส่งผลให้พนักงานหลายร้อยคนต้องถูกเลิกจ้างงานไป ทั้งนี้ บริษัทตั้งใจจะท้าทายคำสั่งนี้ในชั้นศาล  โดยในแถลงการณ์ บริษัท ByteDance ยืนยันว่าจะไม่มีการแบ่งปันข้อมูลผู้ใช้กับรัฐบาลประเทศจีน แต่ความกังวลที่ว่า TikTok อาจถูกบังคับให้ส่งข้อมูลผู้ใช้ยังคงเป็นประเด็นใหญ่ ซึ่งส่งผลให้สหรัฐฯ ตั้งกฎหมายบังคับ ByteDance ขาย TikTok ภายในเดือนมกราคม 2025 มิฉะนั้นอาจถูกแบนในประเทศ

ปัจจุบัน TikTok ถูกแบนอย่างสมบูรณ์ในหลายประเทศ อาทิ อัฟกานิสถาน อินเดีย เนปาล และปากีสถาน และถูกห้ามใช้ในอุปกรณ์ที่ออกโดยรัฐบาลในหลายประเทศทั่วโลก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top