Thursday, 9 May 2024
NEWS FEED

‘ดร.ธรณ์’ เผยภาพ ‘นักท่องเที่ยวเหยียบถูกปะการัง’ ชี้!! ‘พวกเธอ’ กำลังอ่อนแอ-ฟอกขาว ควรช่วยกันระวัง

(4 พ.ค.67) ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศน์ทางทะเล และรองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กระบุว่า ทราบดีว่าไม่มีใครอยากเหยียบปะการัง แต่คงต้องฝากช่วยดูแลกันให้มาก ตอนนี้พวกเธออ่อนแอสุดๆ ลำพังแค่ฟอกขาวก็แย่มากแล้วครับ

คงต้องฝากกรมทะเลพูดคุยกับผู้คนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว มิฉะนั้น ผลกระทบจากการท่องเที่ยวในช่วงปะการังฟอกขาว อาจทำให้เราต้องปิดพื้นที่ จะส่งผลต่อทุกคน

ผมถ่ายภาพนี้ด้วยตัวเอง เป็นภาพจากเกาะกูด ปะการังแถวนั้นกำลังฟอกขาวเยอะเลย

ยังรวมถึงทุกแห่งในทะเลไทยที่ปะการังฟอกขาวไปทั่ว ที่ไหนมีคนไปเที่ยว รบกวนระมัดระวังให้ถึงที่สุด

เหยียบ/โดนปะการัง ทิ้งสมอ ทิ้งขยะ น้ำเสีย คราบน้ำมัน กินปลานกแก้ว ฉลาม ฯลฯ พวกนี้ทำร้ายทะเลยามเธออ่อนแอทั้งนั้น

ทุกคนช่วยทะเลได้เสมอ ช่วยๆ กันนะครับ

‘ดร.เอ้’ ฟาด!! ‘กทม.’ เหตุปัดความรับผิดชอบ กรณีชายตกท่อดับ ชี้!! โยนกันไปมา ไร้เจ้าภาพ แนะ!! ควรมี กม.เพื่อความปลอดภัย

(4 พ.ค.67) ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กทม.ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อถึงเหตุการณ์ชายตกท่อ ลาดพร้าว 49 เมื่อวานนี้ (3 พ.ค.67) ถึงการ ‘ปัดความรับผิดชอบของกทม.’ เพราะเป็นเจ้าของพื้นที่ และชี้หน่วยงานโยนไปมา หาเจ้าภาพไม่เจอ บอกถึงเวลาแล้ว ไทยต้องเป็นสังคมปลอดภัย พร้อมชวนประชาชนลงชื่อ เสนอกฎหมาย ‘จัดตั้งองค์กรอิสระเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ’

ส่วนตัวรับไม่ได้ กรณีชายอายุ 59 ปี พลัดตกท่อย่านลาดพร้าว 49 เพราะ ยังมีคนเสียชีวิตจากการตกท่ออีก แต่สิ่งที่ทุกคนเห็น แต่ละหน่วยงานโยนกันไปมา ทั้ง กทม. กฟน. บีทีเอส สายสีเหลือง สุดท้ายแล้วคนตาย ‘หาเจ้าภาพไม่เจอ’ และเกิดเหตุซ้ำซาก จึงเป็นที่มาถึงเวลาของประเทศไทยต้องเป็นสังคมปลอดภัย ตนได้รณรงค์ให้ประชาชนมาลงชื่อให้เกิน 10,000 คนขึ้นไป เพื่อเสนอกฎหมายจัดตั้ง ‘องค์กรอิสระเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ’ อย่างน้อยจะหาคนกลางหรือเจ้าภาพได้เมื่อเกิดเหตุขึ้น สามารถร้องเรียนที่คณะกรรมการ หรือองค์กรนี้ได้ทันที ซึ่งอาจขึ้นตรงกับผู้นำประเทศ และองค์กรอิสระนี้สามารถติดตามความเสี่ยง พร้อมเผยแพร่ข้อมูล ประชาสัมพันธ์ และทำให้หน่วยงานหลักที่เป็นเจ้าของ เข้าไปแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด หรือเกิดการสูญเสียถึงแก่ชีวิตหรือสูญเสียทรัพย์สิน ก็ยังมีการถอดบทเรียน ไม่ใช่ ‘วัวหายล้อมคอก’ คนตายไปสุดท้ายไม่ได้ทำอะไร และตายฟรี ดังนั้น ขอเชิญชวนประชาชนมาลงชื่อได้ที่ suchatvee.com ให้เกิน 10,000 ชื่อ ซึ่งเรากำลังร่างกฎหมายเสนอสภา เพื่อให้เหมือนกับในต่างประเทศ เพราะมีหน่วยงานกลาง ดูแลความเสี่ยง ถอดบทเรียนหาผู้รับผิดชอบ เอาผิด จะได้เข็ด รวมทั้งเยียวยาผู้สูญเสียที่เป็นธรรม

ขณะเดียวกัน กรณีหากเกิดเหตุ ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบหรือไม่นั้น ดร.เอ้ กล่าวว่า เป็นเพียงส่วนหนึ่ง เพราะผู้รับเหมาต้องทำงานและได้เงินเร็วที่สุด แต่หลายครั้งการทำแบบนี้ ก็ได้มาซึ่งความสูญเสีย มาตรฐานที่ไร้คุณภาพ เช่น เจ้าของงานจ้างผู้รับเหมามาสร้างบ้าน ก็ต้องจ้างคนคุมงานมาดูแลด้วย ดังนั้น จากกรณีนี้ เจ้าของพื้นที่ คือ กทม. จะโยนไปที่ กฟน. ถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะพื้นที่เกาะกลางถนน ฟุตบาท เป็นของ กทม. ใครจะทำอะไรต้องมาขอ กทม. และระหว่างทำ กทม. มีหน้าที่ในการดูแล ส่วนการส่งมอบ กทม. ก็ต้องมีส่วนร่วมในฐานะเจ้าของบ้าน จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ แต่ในอดีตหน่วยงานโยนกันไปมา และ จบที่การ ‘กล่าวแสดงความเสียใจ’ ปัดออกจากตัวหมด

จากนั้น พอไปถึงหน่วยงานซึ่งดูเหมือนจะเป็นเจ้าของ หน่วยงานนั้นก็โยนให้ผู้รับเหมา และผู้รับเหมาโยนไปที่บริษัทประกันชีวิต ทั้งนี้ เมื่อถึงบริษัทประกันชีวิต ก็จะสู้ด้วยข้อกฎหมาย ที่อาจระบุว่า คนเดินแล้วเกิดอุบัติเหตุ อาจจะประมาท มีสภาพร่างกายอาจไม่สมบูรณ์ กว่าจะจ่ายเงินเยียวยาก็ใช้เวลานาน หรือหลายกรณีไม่ได้เงิน เพราะครอบครัวไม่รู้จะเอาอะไรไปต่อสู้ จึงย้อนกลับมาว่า ประเทศไทยไม่มีองค์กรกลางที่จะช่วยหาข้อมูล หลักฐานส่งฟ้อง เพื่อให้ประกันดูแลเยียวยาผู้เสียหายอย่างเป็นธรรม และนี่คือสาเหตุของการเกิดเหตุซ้ำซาก เพราะคนเกี่ยงกัน คนผิดไม่เคยได้รับผิด คนสูญเสียไม่ได้รับการเยียวยา หรือได้รับการเยียวยาช้าเกินไป เพราะฉะนั้น ผู้นำรัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยนำอุทาหรณ์เหล่านี้มาเป็นบทเรียนในการสร้างความปลอดภัยให้เกิดขึ้น เพราะนี่คือ ‘สิทธิพื้นฐาน’ ของประชาชนที่ควรจะได้รับ

ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคปอด ชี้ อย่ากังวลเรื่อง ‘วัคซีนแอสตร้า-ลิ่มเลือด’ เผย!! เรื่องนี้รู้มานาน 3 ปีแล้ว รวมทั้งวัคซีนตัวนี้ ก็ไม่มีใช้ฉีดกันแล้ว

(4 พ.ค. 67) นายแพทย์ธนีย์ ธนียวัน ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคปอด ซึ่งเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่สหรัฐฯ ได้ออกมาโพสต์คลิปเกี่ยวกับ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยได้ระบุว่า ...

วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเนี่ย มีนักวิชาการอาวุโสออกมายอมรับเป็นครั้งแรกว่า ทําให้เกิดลิ่มเลือด พร้อมกับเกล็ดเลือดดํา ซึ่งในเรื่องนี้เรารู้กันมาตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว แล้วครับผมก็เคยทําคลิปลงยูทูบไปเมื่อ 3 ปีก่อนหน้านี้ และที่สําคัญเมื่อกี้เนี่ยทางสมาคมโลหิตวิทยาเพิ่งจะออกมายืนยันบอกว่าเรื่องรู้กันมาตั้งนานแล้วนะครับ โอกาสในการเกิดก็คื อหนึ่งในแสนถึงหนึ่งในล้าน และมันจะเกิดขึ้นหลังจากการฉีดวัคซีนไปแล้วหนึ่งเดือน หรือมิฉะนั้นก็ภายใน 42 วัน ถ้าเกินนั้นไม่มีโอกาสเกิดขึ้นแล้วครับนะ แล้วปัจจุบันเราไม่มีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าฉีดกันมาเป็นปีแล้ว ดังนั้นไม่มีความจําเป็นต้องกังวลแต่อย่างใด แล้วก็ไม่ต้องโยงไปวัคซีนเอ็มอาร์เอนะครับ เพราะว่ามันไม่เกี่ยว ที่สําคัญผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า คนแก่คนเนี่ย แกตกข่าวหรือจงใจจะปั่นกระแสเพื่อผลประโยชน์อะไรสักอย่างรึเปล่า แต่แกเพี้ยนครับอย่าไปสนใจคนเพี้ยน ๆ แบบนี้เลย ข่าวแบบนี้มานานแล้ว เก่าแล้วใช้ไม่ได้นะครับ 

‘ทร.’ ประกาศผลผู้ผ่านการสอบคัดเลือกบุคคลพลเรือน เพื่อเข้าเป็น ‘นักเรียนเตรียมทหาร’ ประจำปี 2567

(3 พ.ค.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘โรงเรียนนายเรือ RTNA’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

ประกาศผลรอบสุดท้าย บุคคลตัวจริงและบุคคลสำรอง ผู้ผ่านการสอบคัดเลือกบุคคลพลเรือน เข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพเรือ ประจำปีการศึกษา 2567

โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่ >> https://www.rtna.ac.th/index.php

และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ : 0-2475-3995, 2475 7435 ระหว่างเวลา 08.00 น. ถึง 16.00 น. ทุกวันราชการ หรือ Email : [email protected]

‘ทบ.’ ประกาศผลสอบคัดเลือก ‘นร.เตรียมทหาร’ สำหรับรอบสุดท้าย แบบทั่วไป ประจำปี 2567

(3 พ.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า Chulachomklao Royal Military Academy’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

“ประกาศผลสอบรอบสุดท้ายการสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ในส่วนของกองทัพบก ประจำปีการศึกษา 2567 (แบบทั่วไป) ขอแสดงความยินดีกับน้อง ๆ ที่มีรายชื่อด้วยนะคะ”

1. โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ขอประกาศผลสอบรอบสุดท้ายการสอบคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพบก ประจำปีการศึกษา 2567 (แบบทั่วไป) ตามบัญชีรายชื่อ ท้ายประกาศนี้

2.ให้ผู้ที่ผ่านการสอบรอบสุดท้าย บุคคลตัวจริง และบุคคลสำรอง ดำเนินการดังนี้
2.1 วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม 2567 เวลา 08.00 น. - 12.00 น. รอรับการติดต่อกลับจากคณะกรรมการของโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เพื่อยืนยันสิทธิ์ผ่านระบบออนไลน์
2.2 วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม 2567 ถึงวันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม 2567 บุคคลตัวจริงทำสัญญาผ่านระบบออนไลน์กับโรงเรียนเตรียมทหาร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ
2.3 วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2567 เวลา 06.00 น. - 10.00 น. มอบตัวเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ณ โรงเรียนเตรียมทหาร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก หากไม่ไปมอบตัวในวันและเวลาที่กำหนด จะถือว่าสละสิทธิ์

3. ในกรณีที่ผู้ผ่านการสอบรอบสุดท้าย บุคคลตัวจริงสละสิทธิ์ จะจัดผู้ที่สอบได้เป็นบุคคลสำรองทดแทนตามลำดับต่อไป

ทั้งนี้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : http://faq.crma.ac.th/result/

‘ทอ.’ ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก เข้าเป็น ‘นักเรียนเตรียมทหาร’ ปี 2567

(3 พ.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

ประกาศผลสอบรอบสุดท้ายคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร (ในส่วนของกองทัพอากาศ) ประจำปีการศึกษา 2567 คลิ๊ก http://www.admission.nkrafa.com/register/

ขอให้ผู้สอบผ่านรอบสอง นักเรียนเตรียมทหาร (ในส่วนของ ทอ.) ประจำปีการศึกษา 2567
กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ถูกต้อง เพื่อตรวจสอบประวัติด้วยลายพิมพ์นิ้วมือ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScmfmquoGL_OHvhjrd6Fiz7qJIoGQP25q2MokaQxXb4-tQoVg/viewform?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR3CwaKorJ-U_I71hy9IyGDUSnjNOmeWHcFtF0NrAuhL2hll_Pw064plU9U_aem_ARpU4u2lL74XehdnHOjPnklJ5n--RgrsZDUwvMVk7YzSsK6E6gc7j-MYf1SN284D2Xp5nrtMXTTOgx9p8eI3VWLc   

'ชัชชาติ' ประสานเยียวยาครอบครัวผู้เสียหาย ปม 'ชายตกท่อ' ดับ ยัน!! แม้ไม่ใช่ของกทม. แต่ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้

(3 พ.ค. 67) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงเหตุการณ์คนตกท่อกลางถนน บริเวณปากซอยลาดพร้าว 49 ว่า กรุงเทพมหานคร ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต สำหรับท่อดังกล่าวเป็นโครงการของการไฟฟ้านครหลวง เป็นท่อร้อยสายไฟซึ่งมีการปิดที่ไม่สมบูรณ์ โดยเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน ทางเขตวังทองหลางได้มีการแจ้งหน่วยงานเจ้าของโครงการให้ดำเนินการซ่อม อย่างไรก็ตาม กทม.พร้อมรับหน้าที่ประสานงานเยียวยาผู้เสียหายจากหน่วยงานต้นสังกัด

โดยเหตุที่เกิดขึ้นวันนี้ เจ้าหน้าที่เทศกิจและรักษาความสะอาดฯ พบเห็นชายตกท่อของการไฟฟ้านวลจันทร์ เมื่อเวลาประมาณ 09.57 น. จึงได้ประสานสถานีดับเพลิงและกู้ภัยลาดพร้าวเร่งดำเนินการเข้าช่วยเหลือโดยการดำน้ำ พบร่างในเวลาประมาณ 11.20 น.

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวในตอนท้ายว่า ได้มีการกำชับไปยังผู้อำนวยการเขตทุกเขตแล้วว่า เรื่องนี้เราปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะแม้ไม่ใช่ท่อของเรา แต่เราก็เป็นเจ้าของบ้านซึ่งต้องคอยดูแล ให้ติดตามกำกับการก่อสร้างในพื้นที่เขตอย่างเคร่งครัด หากมีจุดที่มีความเสี่ยงอันตรายให้แจ้งผู้รับเหมาให้เร่งแก้ไขปรับปรุง ซึ่งถ้ายังไม่ดำเนินการให้นำป้ายแจ้งเตือนมาติด และใช้การดำเนินการทางกฎหมายเข้ามาร่วมด้วย พร้อมได้สั่งการให้ทุกเขตไปสำรวจการก่อสร้างในพื้นที่โดยละเอียดมากยิ่งขึ้น

'ชาวเน็ต' แหกหน้าหนุ่ม หลังโพสต์มั่วเรื่องรถไฟไทย ทั้งขนาดรางไม่เชื่อมจีน-มาเลย์ และ 'ทางคู่' ที่มิใช่ 'รางคู่'

(3 พ.ค. 67) จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Chen Tai Shan' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า..."ไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่เลือกที่จะไม่ทำ….ประเทศไทยไม่ยอมทำรางรถไฟขนาดมาตรฐานที่สามารถเชื่อมกับโครงข่ายทั้งจีนและมาเลเซีย แต่ไปเอารางคู่แทน (ใช้เงินเยอะกว่าโครงข่ายแบบรถไฟความเร็วสูงด้วยนะ FYI)"

ก็ทำให้มีผู้สันทัดกรณีเข้ามาตอบคำถามเชิงความรู้แก่ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนดังกล่าว อาทิ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Wanwit Niampan ที่ได้โพสต์ข้อความตอบกลับไปว่า...

คุณไม่มีความเข้าใจเรื่อง Railway 101 เลย ขนาดทางรถไฟในโลกนี้มีมากกว่า 10 ขนาด แต่ขนาดที่มีจำนวน 'ต่อ กม. มากที่สุด' คือ 1.435 เพราะใช้เป็นเครือข่ายหลักในยุโรป และต่อมาประเทศที่มีการวางระบบโดยยุโรป และมีขนาดประเทศกว้างก็ถูกนำมาใช้ เช่น จีน, ออสเตรเลีย, เกาหลีใต้ ซึ่งทางกว้างขนาด 1.435 มีชื่อว่า European Standard Gauge แปลว่า 'ขนาดความกว้างมาตรฐานยุโรป' แต่ไม่ได้หมายความว่ามันคือ มาตรฐานโลก

กรณีรถไฟความเร็วสูง ทำไมไม่ใช้ 1.435?

ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกที่ใช้รถไฟความเร็วสูงเชิงพาณิชย์ประเทศแรก ซึ่งญี่ปุ่นใช้ทางกว้าง 1.067 (ขนาดที่มีระยะทางเป็นอันดับ 3 ของโลก) และไม่สามารถทำความเร็วได้ ประกอบกับมีทางโค้งและทางภูเขาเยอะ จึงต้องตัดทางใหม่เพื่อ Shinkansen โดยเฉพาะ ญี่ปุ่น จึงมีทางรถไฟทั้ง 1.067 และ 1.435

จากนั้นประเทศที่ผุดรถไฟความเร็วสูงมาใหม่ จึงยึดที่ 1.435 (รวมถึงยุโรปที่ใช้ 1.435 ไปเลย เพราะจะได้อัปเกรดทางเดิมได้โดยไม่ต้องสร้างเพิ่ม แต่รถจะวิ่งสูงสุดแค่ 210-230 บนทางเดิม)

สำหรับต้นทุน รถไฟความเร็วสูง 'สูงกว่ารถไฟทางคู่' ครับ มันคนละเทคโนโลยีกัน

ข้อต่อมา ทำไมต้องทำทางคู่

อันนี้แหละคือ โครงข่ายที่สมบูรณ์ที่สุดในการเข้าถึง 'พื้นที่เล็ก' แบบ INtercity รถไฟความเร็วสูงเป็นแค่ option ที่เสริมมาหลังจากที่โครงข่ายปกติมี capacity ที่สูง (เช่น โตเกียว-โอซาก้า ในยุคนั้นที่มี traffic สูงมาก และทางเดิมไม่พอกับปริมาณความต้องการ ประกอบกับมีการติดต่อกันระหว่างสองเมืองที่มีแบบตลอดแบบ Business ซึ่งกรณีนี้รถไฟความเร็วสูงมันได้ทำหน้าที่ 'เสมือนทางด่วน' ของรถยนต์ และทางรถไฟธรรมดามันคือ ทางหลวงระหว่างเมือง

ถ้าให้คุณเข้าใจง่ายที่สุด...
- รถไฟธรรมดา = ถนนหลวง
- รถไฟความเร็วสูง = ทางด่วน

ถนนหลวงที่มีแค่ 1 เลน มันจะขับคล่องไม่ได้ มันก็ต้องขยายเลน เพราะไม่ใช่ทุกเมืองที่ต้องใช้ทางด่วน ไม่ใช่ทุกปลายทางที่ต้องขึ้นทางด่วน

นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตจำนวนมาก ที่ได้อ่านข้อความดังกล่าวของ 'Chen Tai Shan' ต่างก็คอมเมนต์ไปในทิศทางเดียวกันว่า "คนโพสต์ยังแยกไม่ออกระหว่างขนาดความกว้างของราง กับ การทำทางคู่ ไม่ใช่รางคู่ รถไฟมันใช้รางคู่อยู่แล้ว" / "เมื่อคนไม่มีความรู้ไปพูดมั่ว ๆ เรื่องรถไฟ" / "ก่อนมีความเห็นควรมีความรู้ก่อน"

ส่วนเจ้าตัว เมื่อถูกชาวเน็ตท้วงติง ก็ออกมาโพสต์ตอบว่า... "เข้าใจครับและขอบคุณสำหรับความรู้ที่ให้ทุกท่านทราบในที่นี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของวิสัยทัศน์ผู้บริหารผมไม่ขอพูดอะไรต่อครับ"

‘กมธ.อุตฯ’ ยื่นร่าง พ.ร.บ. เพิ่มโทษอาญาทิ้ง ‘กาก-สารพิษ’ จำคุก 5 ปี และปรับเพิ่มจาก 2 แสนบาทเป็น 1 ล้านบาท

(3 พ.ค. 67) นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ ประธานกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร และ สส.ราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ แถลงผลการประชุมเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมาว่า สำหรับเหตุการณ์เพลิงไหม้โรงงานเก็บกากสารเคมีวินโพรเสส อ.บ้านค่าย จ.ระยอง นั้น กมธ.อุตสาหกรรม มีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างมาก จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุม ประกอบด้วย กรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และนายอำเภอบ้านค่าย จ.ระยอง

นายอัครเดช บอกต่อว่า เหตุเพลิงไหม้โรงงานดังกล่าวกินระยะเวลา 3-5 วัน ซึ่งสร้างมลภาวะในพื้นที่ชุมชนรอบโรงงานอย่างรุนแรง และได้รับรายงานว่ามีผู้ป่วยลงทะเบียน 601 ราย โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าขณะนี้จะสามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว 100% แต่ยังมีกลุ่มควันเกิดขึ้นบางส่วนในอาคาร 4 และอาคาร 3 มี Aluminum Dose จำนวน 5 ตัน ซึ่งเป็นลาวาและพร้อมที่จะปะทุ โดยขณะนี้อยู่ในช่วงเฝ้าระวัง และดูแลเยียวยาพี่น้องประชาชน ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในที่เกิดเหตุ

“สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ ประชาชนที่อยู่โดยรอบพื้นที่เกิดเหตุได้รับก๊าซพิษ และตรวจวัดพบว่าค่าสารหลายตัวเกินมาตรฐาน ดังนั้นสภาพอากาศรอบโรงงานช่วงนี้ยังไม่ปกติ กมธ.อุตสาหกรรม จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวัง และอย่าให้มีเหตุเพลิงไหม้ซ้ำอีก” นายอัครเดช กล่าว

นอกจากนี้ นายอัครเดช กล่าวต่อว่า สำหรับความเชื่อมโยงระหว่างโรงงานจังหวัดระยองกับโรงงานจังหวัดอยุธยานั้น ตอนเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ อ.ภาชี ตนและกมธ.อุตสาหกรรมยังไม่ทราบ เพราะเพลิงไหม้เกิดขึ้นในช่วงเย็น แต่ได้รับทราบว่าโรงงานทั้ง 2 แห่งมีความเชื่อมโยงกัน โดยเมื่อช่วงต้นปีได้ลงพื้นที่อำเภอภาชี เพราะได้รับการร้องเรียนจาก สส.ในพื้นที่ โดยพบว่ามีการเก็บสารอันตรายจำนวนมากไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการและสิ่งแวดล้อม ซึ่งอธิบดีกรมโรงงานได้สั่งปิดโรงงาน ต่อมาก็มีเหตุเพลิงไหม้โดยมีสาเหตุคล้ายการวางเพลิง ดังนั้นในวันที่ 15 พ.ค.2567 ที่จะถึงนี้ กมธ.อุตสาหกรรม จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล เนื่องจากกรณีนี้ถือว่าไม่ปกติ

“เราทราบว่า โรงงานทั้ง 2 แห่ง มีความเชื่อมโยงกัน ส่วนจะเชื่อมโยงกันลักษณะใดจะทราบในวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 ที่จะถึงนี้ รวมถึงจะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างไรได้บ้าง เพราะเกรงว่าจะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบกันอีก” นายอัครเดช กล่าว

นายอัครเดช กล่าวต่อว่า กมธ.อุตสาหกรรม ได้ยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขให้โรงงานอุตสาหกรรม เรื่องการทิ้งกากอุตสาหกรรม หรือสารเคมีตามกฎหมาย ซึ่งเดิมจะไม่มีโทษปรับ จึงทำให้ผู้ประกอบการไม่เกรงกลัว จึงได้เพิ่มความผิดอาญาโดยให้จำคุก 5 ปี และจากเดิมปรับ 200,000 บาท เพิ่มเป็น 1,000,000 บาท เพื่อให้ผู้ประกอบการเกิดความเกรงกลัวต่อการกระทำความผิดกฎหมาย

“การเกิดเพลิงไหม้นั้น เป็นการเลี่ยงกฎหมายใหม่หรือไม่ ซึ่งเป็นการตั้งข้อสังเกต เราจึงมีความเป็นห่วง และต้องให้หน่วยงานที่กำกับดูแลเข้าไปตรวจสอบโรงงานที่มีกากของเสียทุกแห่ง” นายอัครเดช ย้ำ

สำหรับปัญหาดังกล่าว นายอัครเดช ย้ำว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องรับผิดชอบของกระทรวงอุตสาหกรรมเพียงแห่งเดียว โดยต้องมีความรับผิดชอบของหลายหน่วยงาน และหลายกระทรวงที่ต้องเข้าไปช่วยกันดูแล ทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกทั้งปัญหานี้ถือว่าเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งตนได้เรียนท่านนายกรัฐมนตรีไปก่อนหน้านี้แล้ว เพราะไม่เช่นนั้นปัญหานี้ก็จะเกิดขึ้นซ้ำได้อีก

เชียงใหม่-คณะแพทยศาสตร์ มช. เปิด “ศูนย์ปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดครบวงจร แห่งเดียวในภูมิภาค

คณะแพทยศาสตร์ มช. เปิด “ศูนย์ปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดครบวงจรแห่งเดียวในภูมิภาค ด้วยสเต็มเซลล์จากผู้อื่นที่ไม่ใช่พี่น้องในผู้ป่วยผู้ใหญ่”รองรับการบริการที่เป็นเลิศ

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 เวลา 10.00 น. หน่วยโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดศูนย์ปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดครบวงจร แห่งเดียวในภูมิภาค หลังปรับปรุงด้วยเทคโนโลยีให้ทันสมัยขึ้น เพื่อรองรับการให้บริการและการวิจัยที่เป็นเลิศ โดยมี ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ) นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. เป็นประธานในพิธีเปิด ณ ศูนย์ปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด ชั้น 11 อาคารศรีพัฒน์ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่

ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ) นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เปิดเผยว่า คณะแพทยศาสตร์ มช. ได้ปรับปรุงศูนย์ปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด ทั้งโครงสร้างด้านสถาปัตยกรรม ระบบไฟฟ้าสื่อสาร ระบบสุขาภิบาล ระบบปรับอากาศ ระบายอากาศ และระบบก๊าซทางการแพทย์ เพื่อให้เป็นห้องปลอดเชื้อปลูกถ่ายไขกระดูกที่ทันสมัย ได้มาตรฐานระดับสากล ซึ่งห้องปลูกถ่ายเซลล์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่นี้ ใช้ในการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด มีความทันสมัยและปลอดภัยสูง เพื่อรองรับการรักษาผู้ป่วยที่มีความซับซ้อนมากขึ้น 

โดยเป็นลักษณะห้องแยกแบบปลอดเชื้อความดันบวก เครื่องกรองอากาศ มีการปรับอุณหภูมิและความชื้นจำนวน 10 ห้อง และห้องแยกแบบปลอดเชื้ออีก 1 ห้อง ที่มีลักษณะเป็นห้องทั้งความดันบวกและความดันลบ สามารถป้องกันโรคติดเชื้อทางเดินหายใจได้ นอกจากนี้ภายในห้องผู้ป่วยได้มีการตกแต่งอย่างสวยงามและมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เนื่องจากผู้ป่วยที่เข้าทำการรักษาด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด ต้องอยู่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน ส่วนใหญ่มากกว่า 1 เดือน ดังนั้นห้องผู้ป่วยจึงต้องตกแต่งอย่างสวยงาม มีสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อช่วยลดความเครียดจากการรักษาเป็นระยะเวลานาน

ศูนย์ปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด หน่วยโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช.ประกอบไปด้วยหน่วยย่อย ได้แก่ หอผู้ป่วยปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด หน่วยคัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด และหน่วยเก็บรักษาเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดด้วยความเย็น โดยปรับปรุงขึ้นใหม่จากพื้นที่หอผู้ป่วยเคมีบำบัดขนาดสูงเดิม ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2557 และได้มีการพัฒนาการรักษาผู้ป่วยที่มากขึ้นตามลำดับ ทั้งให้การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งอื่น ๆ ที่หลากหลาย 

เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบ leukemia ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง รวมถึงโรคอื่น ๆ อีกทั้งยังพัฒนาชนิดของการปลูกถ่ายที่มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยให้การรักษาผู้ป่วยเด็กรายแรกในปี 2562 ต่อมาได้ทำการปลูกถ่ายด้วยสเต็มเซลล์ผู้อื่นจากพี่น้อง (sibling allogeneic stem cell transplantation) ในปี 2562 และปลูกถ่ายด้วยสเต็มเซลล์จากผู้อื่นที่ไม่ใช่พี่น้อง (matched unrelated donor allogeneic stem cell transplantation) ในปี 2564

นอกจากนี้ในปี 2564 ยังได้รับการรับรองการพัฒนาเพื่อก้าวสู่การรับรองเฉพาะโรค/เฉพาะระบบ (Program Disease Specific Certification; PDSC) จากสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (สรพ.) ด้วยพันธกิจและจุดมุ่งหมายของการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการรักษาด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดแบบบูรณาการระดับมาตรฐานสากล โดยจุดเน้นของศูนย์เพื่อให้ผู้ป่วยหายขาดจากโรคที่เจ็บป่วย รวมถึงโรคมะเร็งต่าง ๆ ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ พัฒนาทำให้ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษา มีอัตราการรอดชีวิตเทียบเท่ากับต่างประเทศ ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีและกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของคณะแพทยศาสตร์ มช. ในการเป็น “โรงเรียนแพทย์ในดวงใจ เพื่อยกระดับสุขภาพและสุขภาวะที่ยั่งยืนของมนุษยชาติ”

นภาพร/เชียงใหม่ 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top