Thursday, 9 May 2024
NEWS FEED

‘จีน’ ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่ง ‘มหาวิทยาลัยดีที่สุดในเอเชีย 2024’ ‘สิงคโปร์-มาเลเซีย’ เด็ด!! เป็นประเทศในอาเซียน ที่ติดท็อป 100

(6 พ.ค.67) เว็บไซต์ Times Higher Education แหล่งบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาระดับอุดมศึกษาทั่วโลก จากสถาบันการศึกษามากกว่า 7,000 แห่ง ใน 171 ประเทศ ได้จัด 100 อันดับ มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเอเชีย ประจำปี 2024 เผยแพร่เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ พบว่า ประเทศที่มีจำนวนมหาวิทยาลัยติดอันดับดังกล่าว มากที่สุด คือ “ประเทศญี่ปุ่น” 119 สถาบัน ตามมาด้วย ประเทศอินเดีย 91 สถาบัน และประเทศจีน 89 สถาบัน ทว่ามหาวิทยาลัยจากเมืองจีนแผ่นดินใหญ่ติดอันดับท็อป 10 ถึง 5 แห่ง

สำหรับ 10 อันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเอเชีย ประจำปี 2024 มีดังนี้

อันดับ 1 มหาวิทยาลัยชิงหฺวา ประเทศจีน (อันดับโลก : 12)

อันดับ 2 มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ประเทศจีน (อันดับโลก : 14)

อันดับ 3 มหาวิทยาลัยเเห่งชาติสิงคโปร์ ประเทศสิงคโปร์ (อันดับโลก : 19)

อันดับ 4 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง ประเทศสิงคโปร์ (อันดับโลก : 32)

อันดับ 5 มหาวิทยาลัยโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (อันดับโลก : 29)

อันดับ 6 มหาวิทยาลัยฮ่องกง ฮ่องกง (อันดับโลก : 35)

อันดับ 7 มหาวิทยาลัยเซียงไฮ้เจียงตง ประเทศจีน (อันดับโลก : 43)

อันดับ 8 มหาวิทยาลัยฟูตัน ประเทศจีน (อันดับโลก : 44)

อันดับ 9 มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง ประเทศจีน (อันดับโลก : =55)

อันดับ 10 มหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง : CUHK ฮ่องกง (อันดับโลก : 53)

ในการจัด 100 อันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเอเชีย ประจำปี 2024 ครั้งนี้ปรากฏว่า ไม่มีมหาวิทยาลัยจากประเทศไทย ติดอันดับ 

อาทิเช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 117, มหาวิทยาลัยมหิดล อันดับที่ 139, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี อันดับที่ 192, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อยู่ในอันดับที่ 201-250, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อันดับที่ 401-500, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, มหาวิทยาลัยนเรศวร, มหาวิทยาลัยศิลปากร และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ติดอันดับ 601+

ขณะเดียวกัน ยังมีข้อมูลที่น่าสนใจ เมื่อพบว่ามีเพียงมหาวิทยาลัยจาก ประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย ที่เป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน (ASEAN) ติดอันดับท็อป 100 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเอเชีย ประจำปี 2024

'มูลนิธิพระราหู' มอบเงินช่วยเหลือครอบครัว 'ด.ต.ปิยะนันท์' หลังประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ขณะปฏิบัติหน้าที่ช่วงสงกรานต์

เมื่อวันที่ 5 พ.ค.67 ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ในนามมูลนิธิพระราหู  มอบหมายให้ พ.ต.ต.เตชิต เขื่อนหมั่น เป็นผู้แทนนำเงินสมทบทุนช่วยเหลือมอบให้ ครอบครัว ด.ต.ปิยะนันท์ สีเสื้อ (ผบ.หมู่) สทล.3 กก.1 บก.ทล. ประสบอุบัติเหตุขณะปฏิบัติหน้าที่ ภาระกิจจัดการจราจร (เปิดช่องทางเดินรถพิเศษขาเข้า กทม.) บริเวณแยกดีลัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี เมื่อ วันที่ 16 เม.ย.67 ช่วงเทศกาลสงกานต์ และได้เสียชีวิต ในเวลาต่อมา เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่
 

‘อ.สมชัย’ ชี้ ‘แบงค์ชาติ’ วิจารณ์ได้ แต่คนพูดก็ต้องถูกวิจารณ์ ย้ำ!! ต้อง ‘มีพื้นฐานความรู้-ปราศจากอคติ-มีตรรกะของเหตุผล’ 

(6 พ.ค.67) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘สมชัย ศรีสุทธิยากร’ เกี่ยวกับการวิจารณ์การทำงานของ ‘ธนาคารแห่งประเทศไทย’ โดยได้ระบุว่า ...

แบงค์ชาติ วิจารณ์ได้

แบงค์ชาติ เป็นสถาบันที่มีหน้าที่กำกับนโยบายด้านการเงินของประเทศ ดูแลอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ปริมาณเงินในตลาด และอัตราแลกเปลี่ยน ทำงานดีก็ต้องชม ทำงานไม่เข้าท่าก็วิจารณ์ได้

แต่การวิจารณ์ แบงค์ชาติ ต้องอยู่บนพื้นฐานความรู้ ปราศจากอคติ และมีตรรกะของเหตุผล เช่น จะบอกว่าประเทศไทยมีหนี้สาธารณะเยอะ เพราะการไม่ลดดอกเบี้ยธนาคาร ดูจะเป็นการเชื่อมโยงของสิ่งห่างไกลเกินไป

หนี้สาธารณะ (Public Debt) นั้น มาจากกู้ยืมเงินของรัฐจากการทำงบประมาณขาดดุล ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีหนี้สาธารณะ 11.4 ล้านล้านบาท จะลดลงต่อเมื่อเราตั้งงบประมาณใช้คืนมากขึ้น กู้ใหม่ให้น้อยลง หรือกู้มาลงทุนเพื่อให้มีรายได้มาใช้คืนไม่ใช่กู้มาแจก

หนี้ครัวเรือน (Household debt) ของไทย คือ หนี้ของชาวบ้านที่ไปกู้ยืมสถาบันทางการเงิน เช่น ผ่อนบ้าน ซื้อรถ กู้ยืมมาเพื่อใช้จ่ายในครัวเรือน ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 16.8 ล้านล้านบาท หากมีอัตราดอกเบี้ยสูง ย่อมผ่อนคืนยาก ส่งต้นได้น้อย ส่งเท่าไรก็ส่งได้แต่ดอก 

เพราะดอกเบี้ยเงินกู้แบงค์ ประมาณร้อยละ 7 ส่วนดอกเบี้ยนโยบายตอนนี้ ร้อยละ 2.5 

แบงค์ชาติ วิจารณ์ได้ครับ แต่คนวิจารณ์แบงค์ชาติด้วยตรรกะที่ตื้นเขิน ก็ย่อมถูกวิจารณ์ได้เช่นกัน

‘ดร.เสรี’ ชี้ ‘ไทย’ สิ้นสุดความร้อนแรงแล้ว  เตรียมรับฝน ตั้งแต่วันนี้!! อุณหภูมิลดลงทุกพื้นที่

(6 พ.ค.67) รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ประธานกรรมการบริหาร Futuretales LAB, MQDC และผู้เชี่ยวชาญ คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ออกมาไขคำตอบ ผ่านโพสต์บนเพจ รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ เรื่อง ‘Climate promise 2025 สัญญาสภาพภูมิอากาศ 2568’ อาจจะทำให้คนไทยเจ็บตัวบ้างไม่มากก็น้อย ทางออกของโลก และหนึ่งเดียวของไทยคืออะไร ?

ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 67 เราจะสิ้นสุดความร้อนแรงทั่วประเทศแล้ว โดยสัปดาห์นี้ พื้นที่ที่มีโอกาส 50-80% ยังคงมีอุณหภูมิสูง > 40°C จะเป็นพื้นที่ในภาคกลาง ได้แก่ จ.สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐมชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง นครสววรรค์ พิจิตร กำแพงเพชร และสุโขทัย ส่วนพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี จ. นครราชสีมา บุรีรัมย์ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และสระแก้ว แต่ตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม อุณหภูมิจะลดลงตามลำดับ (ยังคงร้อนอยู่นะครับ) ในบางพื้นที่เริ่มมีฝนตกประมาณ 10-20 mm ต่อวันให้ได้รับความชุ่มชื้นบ้างโดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ พอผ่อนคลายความร้อนได้มากน่ะครับ

สัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้รับเชิญไปพูด แลกเปลี่ยนเรียนรู้หลายเวทีเช่น สถานทูตเนเธอร์แลนด์ (Amphibious transformation by design) การไฟฟ้านครหลวง (โลกเดือด) สำนักข่าวกรอง (การจัดการภัยพิบัติจาก Climate change) เพื่อชี้ให้ทุกหน่วยได้ตระหนักว่า เรากำลังเผชิญกับวิกฤติสภาพอากาศรุนแรงทั่วโลก คนไทยทั่วทุกภูมิภาคเผชิญกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นอกเหนือจากผลกระทบต่อสุขภาพ ผลผลิตภาคเกษตรเสียหายรุนแรง โดย GDP ภาคการเกษตรสาขาพืช -6.4% (ทุเรียนสุกเร็วไม่หวานเสียหาย 30-40% มะพร้าวไม่ติดลูกเสียหาย 90% องุ่นให้ผล และน้ำน้อยเสียหาย 70% เป็นต้น) โลกจะไปอย่างไรต่อ ? คนไทยจะอยู่กันอย่างไร ? ภาคธุรกิจจะปรับตัวอย่างไร ? ภาครัฐจะมียุทธศาสตร์อะไร ?

ล่าสุด UNDP ได้ออกแคมเปญ ‘Climate promise 2025 สัญญาสภาพภูมิอากาศ 2568’ Dr. Cassie Flynn ผู้อำนวยการด้าน Climate change, UNDP ได้กล่าวเมื่อวันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมาว่า โลกยังมีความหวัง โดยทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง (Ambition, Acceleration และ Inclusivity) ผมฟังดูแล้วรู้สึกเหนื่อย และเป็นกังวลในฐานะคณะทำงาน IPCC ว่าเราจะเดินไปสู่เป้าหมายได้อย่างไร ? ในขณะที่ประเทศร่ำรวย 10 % มีส่วนสำคัญในการปล่อย GHG 60 % แต่ประเทศกำลังพัฒนากว่า 60% มีสัดส่วนการปลดปล่อยไม่ถึง 10%

ภายใต้แรงกดดันของสังคมโลก สงครามการค้า (Below 1.5°C by 2025) ภาครัฐ ภาคเอกชน และคนไทยต้องเจ็บตัวกันไม่มากก็น้อยน่ะครับ กลุ่มเปราะบางจะเปราะบางมากขึ้น ค่าครองชีพจะเพิ่มขึ้น จากค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้น จากราคาอาหาร และวัตถุดิบต่างๆ ในขณะที่รายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้น รัฐบาลจำเป็นต้องปรับแผนยุทธศาสตร์ สร้างความได้เปรียบบนฐานทรัพยากรที่มีอยู่ เปลี่ยนวิกฤติทั่วโลกให้เป็นโอกาส “ครัวของโลก” เปลี่ยนผ่านประเทศด้วยนวัตกรรมการปรับตัวภาคเกษตรกรรม 

‘อ.เดชา’ โพสต์เฟซกรณี ‘เดี่ยวสเปเชียล’ ชี้ ‘บูลลี่’ ผู้อื่น มอง!! ‘โน้ส’ ‘ไม่แก่แต่ก็ดัดยาก’ ไปไกลเกินกว่าจะเตือน

(6 พ.ค.67) อ.เดชา ศิริภัทร (หมอเดชา) เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Deycha Siripatra เกี่ยวกับกรณี เดี่ยวสเปเชียล ของ โน้ส อุดม แต้พานิช โดยได้ระบุว่า

ได้อ่านข่าวเรื่อง ‘เดี่ยวสเปเชียล โน้ส อุดม’ ใน Netflix ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ ‘ความพอเพียง’
โดยโยงกับพฤติกรรมของดาราและอินฟลูเอนท์เซอร์บางคน ที่ลงมือทำ ‘เกษตรพอเพียง’
รวมทั้งท่าทีของคุณ โน้ส เกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้วยคำพูดว่า "กูเป็นคนไม่รู้จักพอ" ก็รู้สึกปลง
คือต้องทำใจแล้วว่า คุณ โน้ส ไปไกล เกินกว่าจะเตือนสติด้วยเหตุผล หรือข้อเท็จจริงใดๆ
เข้ากับภาษิตที่ว่า "ไม้แก่ ดัดยาก" เพราะคุณโน้สนั้น แม้อายุยังไม่มาก แต่ก็ ดัดยากแล้ว

การแสดงเดี่ยว หรือทอล์คโชว์ของคุณโน้ส นั้น มีผู้ติดตาม เพราะมีความตลก 
เป็นการตลก ที่มีการใช้คำพูดเป็นหลัก มีผู้วิเคราะห์ว่า เป็นคำพูดประเภท Bully ผู้อื่น
คล้ายๆกับรรดา ตลกคาเฟ่ ที่ใช้วิธีการตลก ด้วยการทำร้ายผู้อื่น (เช่นใช้ถาดฟาดหัว)
ตัวอย่างการ ตลกแบบ Bully (ด้อยค่า) ผู้อื่นของคุณ โน้ส คือ ‘เอา รปภ.มาขับเครื่องบิน’
ซึ่งก็คือ การ Bully (ด้อยค่า) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น นั่นเอง

มาคราวนี้ คุณ โน้ส Bully (ด้อยค่า) ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และผู้ดำเนินตามปรัชญาฯ
และประกาศตัวอย่างชัดเจนว่า "กูเป็นคนไม่รู้จักพอ" (แสดงความต่อต้านอย่างหยาบคาย)
คงพูดอย่างไม่อ้อมค้อมว่า คุณ โน้ส ไม่เข้าใจ ‘ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง’ เลยแม้แต่น้อย
เช่นเข้าใจว่า พอเพียง คือรู้จักการบริหารทรัพยากร ให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด เป็นต้น

ในขณะที่ ความหมายตามพระราชดำรัส ร.9 คือ "... ทำอะไรให้เหมาะสมกับฐานะตัวเอง"
ยังไม่ต้องกล่าวถึง ต้นกำเนิดของ ‘ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง’" ว่ามาจาก ‘มรรค’
จึงเป็นทางสายกลาง ที่มุ่งไปสู่ความพ้นทุกข์ โดยเน้นที่ข้อสัมมาอาชีวะ ที่พอดี
หรืออีกชื่อคือ เศรษฐศาสตร์เชิงพุทธ ที่มิใช่มุ่งความร่ำรวย หรือไม่รู้จักพอ (โลภ)

จึงไม่แปลก ที่คนจำพวก ไม่รู้จักพอ อย่างคุณ โน้ส จะไม่เข้าใจ เศรษฐกิจพอเพียง
ไม่แปลกที่คุณ โน้ส จะเข้าใจและเชื่อ เศรษฐกิจแบบ ‘ชิตังเม โป้ง รวย’ ของวัดธรรมกาย
และเชื่อว่า เมื่อรวยแล้ว ไม่ต้องปฏิบัติธรรม ก็ใช้เงินซื้อตั๋วไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้ง่ายๆ
ผมจึงรู้สึกปลง และทำใจกับพฤติกรรมของคุณ โน้ส ได้ ตั้งนานแล้ว

‘อ.สุวินัย’ โพสต์เฟซฟาด ‘โน้ส อุดม’ ที่พูดสนุกปาก ‘เรื่องความพอเพียง’ ย้ำ!! ขอเดินตาม ‘วิถีแห่งชีวิตศักดิ์สิทธิ์’ ที่พ่อหลวง ร.9 ได้ทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง 

(6 พ.ค.67) รองศาสตราจารย์ ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับกรณีที่ โน้ส อุดม แต้พานิช ได้ขึ้นเดี่ยวไมโครโฟน พูดถึงเรื่องของความพอเพียง อย่างผิดความหมายที่แท้จริง โดยได้ระบุว่า ...

หนทางพิสูจน์ม้า เวลาพิสูจน์อุดม

ทุกครั้งที่มึงหรือกูพิมพ์อะไร พูดอะไรในโซเชียล นั่นหมายถึงทั้งมึงและกูพร้อมแล้วที่จะให้คนอื่นเห็นสติปัญญาของมึงและของกู ได้เห็นธาตุแท้สันดานที่แท้จริงของตัวมึงและตัวกู

กูไม่ขอเป็น ‘คนรุ่นเก่า’ ที่หิวแสงและมุ่งเกาะกระแสคนรุ่นใหม่เพื่อเอาใจ...อย่างมึง

กูไม่ขอเป็น 'ทาสของความโลภ' ที่เที่ยวป่าวประกาศว่าตัวเองเป็น "คนไม่รู้จักพอ" แถมยังมาแซะหลักการเศรษฐกิจพอเพียง...อย่างมึง.

กูขอแสวงหา "ความรุ่มรวยทางจิตวิญญาณ" แทนที่จะแสวงหาความมั่งคั่งทางวัตถุ ผ่านการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและพอเพียงโดยเต็มใจ

โดยไม่ตกเป็นทาสเงิน รวมทั้งทาสของโลกธรรม 8 ทั้งปวง...อย่างมึง 

กูกับมึงต่างกันตรงนี้ ทั้งในความเป็นมนุษย์และความเป็นลูกผู้ชาย ...

กูขีดเส้นแบ่งกับมึงตรงนี้ชัดเจนว่ากูกับมึงเป็นมนุษย์คนละสายพันธุ์กัน
เพราะกูไม่เคยเอาเรื่องของผู้หญิงที่เคยคบหาออกมาแฉบนเวทีการแสดงเพื่อให้เป็นเรื่องตลก หรือเป็นเหยื่อของเสียงหัวเราะอย่างที่มึงทำอย่างหน้าตาเฉย

คนที่ชื่นชอบมึง เชียร์มึง เป็นแฟนคลับของมึง ก็คงมีสันดานไม่ต่างกันเท่าไรหรอก 

‘เงิน’ สำหรับกู ต้องเป็นแค่เครื่องมืออย่างหนึ่งในการใช้ชีวิตของกูเท่านั้น

‘เวลา’ สำหรับกู ต้องมีไว้สำหรับทำหน้าที่ให้ถูกต้อง ในฐานะที่เป็น ‘ผู้ให้’ กับเพื่อฝึกฝนตนเองในสรรพวิชาต่างๆ เพื่อพัฒนาความเป็นมนุษย์ที่แท้ให้ถึงขีดสุดแห่งศักยภาพเท่านั้น

‘ความตาย’ สำหรับกู มันก็แค่การได้หยุดพักชั่วคราวจากการอาสาลงมาเกิด เพื่อสืบสานปณิธานอันยิ่งใหญ่ของพระโพธิสัตว์ชาติแล้วชาติเล่าเท่านั้น

นี่คือ ‘วิถีแห่งชีวิตศักดิ์สิทธิ์’ ที่พ่อหลวง ร. 9 ของกูได้ใช้ชีวิตทั้งชีวิตของท่านทำให้ดูเป็น ‘แบบอย่าง’ ให้ได้รู้ ได้เห็น ได้เจริญรอยตาม ‘วิถีชีวิตศักดิ์สิทธิ์’ แบบนี้แหละจึงจะสามารถตอบโจทย์วิกฤตสังคมของประเทศนี้ที่กำลังหลงทางและถูกจูงจมูกให้เดินลงเหวโดยพวกนักการเมืองได้จริง

เนื่องเพราะ ‘ชีวิตศักดิ์สิทธิ์’ เช่นนี้พึ่งพาเงินตรา อำนาจ ตำแหน่งหัวโขนใดๆ น้อยเหลือเกิน 

มันแทบไม่มีความจำเป็นด้วยซ้ำ เพราะ ‘ชีวิตศักดิ์สิทธิ์’ เป็นเรื่องของการยินยอมเลือกใช้ชีวิตอย่างสมถะ เรียบง่ายและพอเพียงโดยเต็มใจ

เพื่อมีชีวิตอยู่อย่างแข็งแรง อย่างรุ่มรวยทางจิตวิญญาณและทางปัญญาตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิตตนเท่านั้น

นายกฯเศรษฐา เยือนร้อยเอ็ดแก้ปัญหาแหล่งน้ำและแผนพัฒนาทุ่งกุลาร้องไห้ ให้แก่ชาวร้อยเอ็ด

เมื่อวานนี้ 5 พฤษภาคม 2567 เวลา 14.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ติดตามการบริหารจัดการน้ำและแผนพัฒนาทุ่งกุลาร้องไห้ พร้อมรับฟังปัญหาของประชาชนเรื่องแหล่งน้ำ และการพัฒนาโรงพยาบาลสุวรรณภูมิ โดยมี นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด บรรยายสรุปแผนงานพัฒนาแหล่งน้ำและทุ่งกุลาร้องไห้ พร้อมด้วย ส่วนราชการ และพี่น้องประชาชน ราวมต้อนรับเป็นจำนวนมาก ที่ ที่ วัดกู่พระโกนา ตำบลสระคู อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด

โดยมีการเสนอแผนงานพัฒนาแหล่งน้ำเขตทุ่งกุลาร้องไห้จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งกรมชลประทานเสนอ แผนงานระยะเร่งด่วน และแผนงานระยะกลางในการพัฒนาลุ่มน้ำ เสนอแผนขุดลอกลำเขียวใหญ่ ความยาว 222 กิโลเมตร, เพื่อขยายพื้นที่รับประโยชน์ 100,000 ไร่ และขุดลอกลำห้วยแล้งความยาว 30 กิโลเมตร พื้นที่รับประโยชน์ 30,000 ไร่ เพื่อแก้ปัญหาทั้งระบบ ทั้งปัญหาน้ำท่วมและการระบายน้ำ แก้ปัญหาด้านการขาดแคลนน้ำ รวมถึงปัญหาน้ำและดินซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมโยงระหว่างร้อยเอ็ดกับอำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม อำเภอโพนทรายร้อยเอ็ด อำเภอเกษตรวิสัยร้อยเอ็ด, และพื้นที่ข้างเคียง ให้สามารถใช้สอยได้ประโยชน์ครบถ้วนรอบด้าน ในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ พื้นที่ประมาณ 2.1 ล้านไร่ ในเขต 5 จังหวัด คือร้อยเอ็ด มหาสารคาม สุรินทร์ ศรีสะเกษ และยโสธร ซึ่ง นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กรมชลประทาน พิจารณาโครงการพัฒนาระบบชลประทานทั้งระบบในของร้อยเอ็ด และดูผลกระทบกับประชาชน รวมถึงการบริหารจัดการน้ำระยะยาว ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนในการอุปโภคบริโภค ดูแลเกษตรกรและพัฒนาการส่งเสริมปลูกข้าวหอมมะลิในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มผลผลิต เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร 

จากนั้นได้เข้าสักการะพระบรมธาตุวัดกลางอุดมเวทย์อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด และเข้ากราบนมัสการพระครู อดุลจันทคุณ (หลวงพ่อประดิษฐ์ จนฺทโร) เจ้าอาวาสวัดกลางอุดมเวทย์เพื่อความเป็นสิริมงคลในโอกาสตรวจราชการจังหวัดร้อยเอ็ด หลังจากนั้น นายกฯ กล่าวทักทายประชาชนและพบปะเจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่มาให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเอง 

และจุดสุดท้ายที่ โรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวพบปะประชาชน เรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะได้ในสิ้นปีนี้ รวมถึงได้มอบหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พัฒนาสายพันธุ์ข้าวให้ดีเพื่อให้มีราคาสูง นอกจากนั้นรัฐบาลยังขอให้ประชาชนที่มีปัญหาแจ้งยังนายอำเภอให้บริหารจัดการจ่ายดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรม ขณะที่ปัญหายาเสพติดรัฐบาลมีนโยบายหลักคือ แยกผู้เสพจากชุมชนไปบำบัด เพื่อคืนสู่ครอบครัว ผู้ค้ายาต้องถูกจัดการโดยกฎหมาย ยึดทรัพย์ทันที เพื่อขจัดปัญหายาเสพติดให้หมดไปจากประเทศไทย

โกสิทธิ์/ร้อยเอ็ด(ห)
081-377-2689

'ปราชญ์ สามสี' มองวิวัฒนาการ 'ตลกร้าย' ของ 'โน้ส-อุดม'  ความรุนแรงที่ทวีคูณ เพียงแค่ให้ 'ตนเอง-ผลงาน' ถูกพูดถึง

(5 พ.ค.67) จากเพจ 'ปราชญ์ สามสี' ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดรามา 'โน้ส-อุดม' จากทอล์กโชว์เดี่ยวสเปเชียล ว่า...

มีคนเรียกร้องให้ผมพูดถึง คุณโน้ส อุดม แต้พานิช จากการเดี่ยวครั้งล่าสุด ที่กลายเป็นประเด็นดรามา โดยเฉพาะที่ไปพาดพิงความเป็นเด็กผู้ใหญ่รวมไปถึงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ผมว่าทั้งหมดนั้นมันเป็นเรื่องของ Gallows humor หรือที่แปลเป็นไทยว่า 'ตลกร้าย' นั่นแหละครับ

ข้าพเจ้าเลยจำเป็นที่ต้องออกมาพูดเรื่องของคุณโน้ส อุดม เพราะตลกร้ายของเขานั่นแหละครับ

ผมเชื่อว่าดรามาครั้งนี้จริงๆ...คุณโน้ส อุดม ก็อาจจะต้องการให้มันเกิดดรามา เพื่อชื่อเสียงของเขา เพราะตลกร้ายกระแนะกระแหนเสียดสีดูถูกเหยียดหยามเป็นสิ่งที่ไปกระตุ้นความรู้สึกให้เกิดอารมณ์สอดคล้องหรือต่อต้านกลายเป็นบทสนทนาทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ทั้งหมดนี้ก็เพื่อ Viral Content ครับ

แต่ผมว่าเขาไม่สนหรอกครับว่ามุกตลกของเขามันจะไปทำร้ายจิตใจใคร เหยียดหยามใครดูถูกใครเพราะสิ่งที่เขาต้องการก็เพียงแค่การถูกพูดถึง

Gallows humor เป็นรูปแบบหนึ่งของแนวสุขนาฏกรรม ที่ทำให้ประเด็นละเอียดอ่อนที่โดยทั่วไปถือเป็นเรื่องต้องห้ามให้กลายเป็นเรื่องตลกขบขัน โดยเฉพาะเรื่องที่ปกติถือว่าร้ายแรงหรือเจ็บปวดที่จะพูดคุย

นักแสดงตลกมักใช้เป็นเครื่องมือในการเสาะหาประเด็นหยาบคาย โดยกระตุ้นความไม่สบายใจ ความคิดรุนแรง และสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ชม

ดังนั้นไม่แปลกครับที่คุณจะเริ่มรู้สึกว่าตลกร้ายของคุณโน้ส อุดมนั้นมันเริ่มไม่ตลก แล้วมันกลายเป็นการรังแกคนบนเวทีด้วยเอาคำพูดติฉินนินทาแซะกะแนะกระแหน แล้วมันเริ่มมากขึ้นทุกๆ ปี

ผมติดตามโน้สอุดมมาได้ตั้งแต่โน้ส อุดมครั้งที่ 1 เลยนะครับ แล้วผมก็ยังจำได้ว่าบนเวทีตูดหมึก ก็เคยประกาศว่าจะยุติบทบาท 

โดยบอกว่าเวทีครั้งนั้นจะเป็นเวทีครั้งสุดท้าย แต่นั่นไม่ใช่ความจริง เพราะหลังจากนั้นเขาก็ทำต่อมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน

แม้ว่าโน้สอุดมจะมีวิธีการเล่าเรื่องมีเรื่องใหม่ๆ มาเล่าตลอดในทุกๆ ปี แต่สิ่งนึงที่มีทุกปีเหมือนเดิมทุกครั้งคือตลกร้ายที่ทวีคูณความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และในช่วงปีหลังๆ เริ่มจับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทางการเมืองและบุคคลสำคัญ

ประเด็นนี้เองที่ทำให้โน้ส ถูกจับตามองมากขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อสังคม และเริ่มถูกมองในมิติที่ชัดเจนมากขึ้น

ยกตัวอย่างเช่นเรื่องของการโจมตีเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ที่เขาบอกเลยว่า เขาไม่ขอเป็นคนพอเพียงแล้วเพราะมันไม่เวิร์คสำหรับเขา

เขาบอกให้เข้าใจได้ว่า "มีแต่ผู้คนดัดจริตทำ..."

ทั้งๆ ที่ตัวเองตั้งชื่อบริษัทว่า พอดีจำกัด โคตรตลกร้ายนะครับ

เขาไม่เคยรู้เลยหรือว่า ตลกร้ายของเขานั้นกำลังให้ร้ายกับเรื่องที่พระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งยอมสละทั้งชีวิตนับสิบๆ ปี เพื่อสร้างปรัชญาชีวิตให้ผู้คนสามารถอยู่รอดท่ามกลางภัยพิบัติทางเศรษฐกิจ สามารถทำให้ผู้คนอยู่ได้อย่างมั่นคง

แต่กลับถูกตลกร้ายทำลายคุณค่าดูหมิ่นเหยียดหยามเพลงเพราะมันไม่เวิร์คกับเขา ....

แน่สิเพราะว่าคุณโน้ส อุดม หากินบนตลกร้ายการเหยียดหยามผู้อื่นเพื่อบันเทิงผู้ชม โน้สอุดมเลยไม่เคยเข้าใจชีวิตที่ปกติสุข โดยไม่ทำร้ายผู้อื่นด้วยปาก

ผมไม่ได้หมายความว่าจะไปบังคับให้คุณโน้ส อุดมทำเศรษฐกิจพอเพียงหรือชื่นชมสิ่งเหล่านี้ เพราะมันก็จะเป็นเรื่องที่ดัดจริตเช่นกัน เพราะเขาเองก็บอกว่า เขาทำไม่ได้

แต่ตลกร้ายของเขาได้สร้างความรู้สึกให้ผู้ชมในเวลานี้ ว่าโน้สอุดมกำลังกลั่นแกล้งในหลวงรัชกาลที่ 9 จนเกินไปมันล้ำเส้นเกินความพอดีที่จะรับได้

ผมขอวิจารณ์คุณอุดมว่าเขากำลังเสพติดตลกร้ายของเขาเองที่เที่ยววิจารณ์ผู้อื่นจนลืมวิจารณ์ตัวเองที่เที่ยวกระแนะกระแหนผู้อื่นจนลืมดูรากเหง้าของตัวเอง 

เรียกว่าดังแล้วลืมความเป็นคน...
...ลืมว่าตัวเองเคยเป็นใคร

สำหรับข้าพเจ้าแล้วจุดที่โน้สอุดมได้รับความเมตตาจากผู้ชมมากๆ คือ ความกตัญญูต่อมารดา ความใกล้ชิดหยิกแก้มหยอกแซวนิดแซวหน่อย ผมว่าน่ารักอยู่ครับ

แต่ปัจจุบันคุณโน้สอุดมทำตัวเอาแม่มาหาแดกครับและเป็นอยู่อย่างนี้หลายครั้งหลายหนแล้ว มันเริ่มไม่น่ารักครับ

ครั้งล่าสุดเนี่ยโน้สอุดมก็เที่ยวไปบอกว่าให้คนแก่อยู่เฉยๆ พอให้เด็กมันกราบไหว้ได้สนิทใจเถอะ

นี่ไม่ใช่คำพูดของคนที่รู้จักความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณในบ้านแต่เป็นคำพูดของคนกร่างที่เชื่อว่าตัวเองจะชนะโลกใบนี้ด้วยสองมือสองแขนของตนเอง

นั่นไม่ใช่วิถีชีวิตที่ถูกต้องครับ

และขอบอกเลยว่า 'ลิซ่า' ไม่ใช่คนแบบนี้
ลิซ่าที่โด่งดังไปทั่วโลกเวลานี้
เขารู้จักครอบครัว
เขาก็ดูแลครอบครัวเขา
เขารู้จักประเทศของเขา
เขารู้ว่าที่ใดเป็นที่ของเขา
เขารู้อะไรควรทำให้คนทำ

อย่าเอาหลักคิดต่ำทรามไปชี้ว่า ศิลปินคนนั้นคนนี้เขามีพฤติกรรมเหมือนกับคุณ

สวัสดีครับ

ชาวเน็ตชื่นชม ‘กระเป๋ารถเมล์’ มีใจรักบริการ ไหว้ผู้โดยสารทุกคน เผย!! ทำมา 20 ปีแล้ว รักงานนี้มาก  ตั้งใจส่งรอยยิ้มให้ทุกคนบน ‘สาย 522’

(5 พ.ค.67) เป็นอีกเรื่องราวดีๆ เมื่อ TikTok@judong_trnews โพสต์คลิปที่ทำชาวโซเชียลยิ้มตาม พร้อมเขียนแคปชั่นว่า "แก เกิด มา ฉันพึ่งเคยเจอ พี่กระเป๋ารถเมล์ไหว้ผู้โดยสารทุกคนเลย แบบทุกคนจริงๆนะ นี่นั่งรถเมล์มา 20 ปี พึ่งเจอ คนดีต้องชื่นชม สาย522 #คนดีของสังคม #กระเป๋ารถเมล์"

โดยในคลิปจะเห็นพนักงานเก็บเงินหญิงรายหนึ่งทำงานและให้บริการด้วยความตั้งใจ โดยทุกครั้งหลังจากเก็บค่าโดยสาร พนักงานจะยกมือไหว้ผู้โดยสารทุกคน

หลังคลิปเผยแพร่มีชาวเน็ตรายหนึ่งเข้ามาคอมเมนต์ว่า "แม่แฟนเราเองค่ะ ท่านทำงานกับขสมก.มา20ปีแล้วค่ะ ทุกครั้งที่ท่านออกไปทำงานท่านจะแต่งหน้าทำผมสวยงาม และท่านรักงานนี้มากๆค่ะ ถึงมีใจรักการบริการขนาดนี้ ฝากขอบคุณทุกๆคนที่ชื่นชมแม่ด้วยนะคะ " ขณะที่ชาวเน็ตรายอื่นๆเข้ามาคอมเมนต์ชื่นชมกันอย่างมากมาย อาทิ นี่ล่ะ คนที่รักและเคารพในอาชีพของตัวเองอย่างแท้จริง, แบบนี้ผมยังไม่เคยเห็นจริงๆ นี่ครั้งแรกคับ ขอชื่นชมด้วยใจจริงคับ, เขาไม่ใช่แค่เคารพผู้โดยสาร แต่เขาเคารพอาชีพตนเอง

จากคนรุ่นเก่าถึง 'โน้ส-อุดม' อย่าพยายามเปิดตลาดใหม่ด้วยมุกวงเหล้า เพราะเวลาอยู่กับคนหมู่มาก ควรเซ็นเซอร์ตัวเองให้เด็กยังอยากไหว้

(5 พ.ค.67) จากเพจ 'มั่นคง munkonggadget' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

ขอตำหนิคุณ โน้ส อุดม หน่อยครับ ☺️ 🙏

เพิ่งดูเดี่ยวตอนใหม่ของคุณโน้สอุดมใน NetFlix จบลง เดาว่านี่คือเดี่ยวภาคพิสดารฉบับล่าสุด ที่ทำร่วมกับ NetFlix โปรดักชั่นเล็กลงหน่อย จำนวนคนดูในห้องส่งกระชับดี บรรยากาศต่างจากที่เฮียเคยดูที่พารากอนฮอลล์ไปบ้าง แต่ถือว่าเป็นการปรับช่องทางการเข้าถึงของคนดู ให้ลูกเด็กเล็กแดง คนหนุ่มสาวหรือคนสูงวัยได้มีโอกาสดูกันทั่วๆ

และถ้าใครที่เป็นแฟนเดิมๆ จะเห็นโน้สอุดมปรับไดอะล็อคการพูดใหม่ให้เผ็ดร้อนขึ้นด้วย ที่ผ่านมาทุกเดี่ยวโน้สอุดมเล่นกับคนดูที่เป็นกลุ่มครอบครัว ซึ่งมีความหลากหลายทางอายุ การแสดงในพารากอนที่ผ่านๆมา ฮา ดูพอดี โทนอยู่ในระดับแค่ “มึงมาพาโวย” เป็นคำหยาบในระดับ "รับได้" และไม่จำเป็นต้องหยาบไปกว่านั้นก็ "ขายได้ "

แต่พอเข้า NetFlix ซึ่งเป็นสื่อเสียเงินที่ทุกคนเข้าถึงง่ายกว่าไปชมในพารากอน แปลกใจว่าโน้สอุดมนึกท่าไหนถึงเร่งเครื่องใช้คำผรุสวาทถี่และบ่อย เหมือนกับพยายามจะเปิดตลาดใหม่หลังจากที่โน้สเองคงรู้ว่าสูญเสียแฟนในอีกตลาดนึงไปอย่างถาวร อีกประการในท่อนหลังสุดที่โน้สเล่าถึงบาร์อะโกโก้นั้น

เอาจริงๆ ถ้ามุกพวกนี้เล่าในวงเหล้า หรือปิดผับเล็กๆ เล่นและเก็บตังค์ฟังกันเองเฮียว่าโอเคนะฮาดี แต่ในคลิปกลับรู้สึกว่าคนดูหลายคนมีอาการ "อาย" และยังมีหลายคนที่ตกกระไดพลอยโจนเล่นไปกับมุกลามก 16+ แบบไม่เต็มใจนัก เฮียเองยังยอมรับว่าเซอร์ไพรส์ งานนี้โน้สเล่นใหญ่กล้าปล่อยมุกพวกนี้ได้อย่างไรกัน คือบอกตามตรงมันมีเนื้อหาที่คุกคามทางเพศอยู่เยอะนะ

สุดท้ายนี้ขอตำหนิ NetFlix ที่เชื่อว่าก่อนจะตัดสินใจบันทึกเทป น่าจะรู้ล่วงหน้าว่าโน้สจะเล่นประมาณไหน มืออาชีพทำงานร่วมกันคงประชุมเรื่องเนื้อหากันก่อนล่ะ เดี่ยวทุกเดี่ยวของโน้สติดเรทแค่ 13+ บน NetFlix ทุกอัน แต่พอ NetFlix เป็นผู้ร่วมผลิตเทป กลายเป็นว่าโน้สต้องเล่นแบบแรงๆ แบบ 16+ ให้ NetFlix เพื่อการเปิดตัวสวยๆ บนแพลทฟอร์มนี้ซะงั้น

สุดท้ายนี้ เฮียขออนุญาตสะกิดเอวโน้สอุดมว่า เรามันคนรุ่นเก่าแล้ว แก่แล้ว ควรรับผิดชอบสังคมบ้าง อีกไม่นานเราก็ตายห่ากันหมดแล้ว สิ่งที่โน้สทำได้คือทำตัวน่ารักๆ ให้เด็กๆ ยอมไหว้ต่อก็พอ....

เงินมีเยอะแล้วโน้ส รู้จักพอมั่ง...

อันนี้คือมุมมองของผมเองนะครับ คือพวกไอ้แก่อย่างผมหรือคุณโน้ส มันก็เล่าเรื่องลามกแบบนี้ได้อรรถรสเหมือนกัน แต่เวลาอยู่กับคนหมู่มาก เราต้องเซ็นเซอร์ตัวเองเหมือนกัน

แต่ในเทปล่าสุด ผมว่าเนื้อหามันคุกคามทางเพศมากเกิน “พอดี” ไปเยอะ ถ้าเล่นแค่พอดีมันก็โอเค แต่การหยิบมาพูดหลายท่อน และยาวนาน รวมถึงแสดงกิริยาท่าทางที่ดูแล้วเกินเบอร์ไป

และที่เห็นชัดคือการควบคุมคนดูขณะอยู่บนเวที ดูละเอียดๆ จะรู้สึกว่าไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ทั้งหมดที่ผมทักไว้ ลองพิจารณาด้วยตัวเองครับ ผมเขียนในฐานะแอดมินเก่าแก่ ที่อาศัยหากินอยู่กับสื่อสังคมเหมือนกัน

ทำอะไรต้องคิดถึงคนส่วนใหญ่ครับ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top