Wednesday, 8 May 2024
CRIMES

‘บิ๊กหิน’ สั่งสอบ 25 ตำรวจที่อยู่ในงานเลี้ยงกำนันนก พร้อมเร่งขยายผล จี้!! ต้องเสร็จเรียบร้อยภายใน 15 วัน

(14 ก.ย. 66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าหลังมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย กรณีเหตุคนร้ายยิงสารวัตรตำรวจทางหลวงเสียชีวิตในบ้านพักกำนันนก พื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ว่า ขณะนี้ผ่านมาแล้วหลายวัน ประกอบกับเซิร์ฟเวอร์เพิ่งกู้ได้ จะมีการเร่งรัดให้เร็วที่สุด ตนได้มอบให้หัวหน้าจเรตำรวจรับไป ซึ่งยังไม่ได้มีการรายงานขึ้นมา แต่มีการกำชับไป เพราะทำให้เสื่อมเสีย เสียหายกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทบต่อความเชื่อมั่นของหน่วยงาน เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำความจริงให้ปรากฏ 

ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจและเป็นเรื่องที่อุกอาจมาก มีการกระทำความผิด ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อหน้าธารกำนัล และก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุหลายนาย ไม่ได้ทำการจับกุม ละเว้นการปฏิบัติ ซึ่งเป็นเรื่องที่เสื่อมเสียภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นอย่างยิ่ง เลยกำชับให้ชุดทำงานให้เร่งรัดเร็วที่สุด จะให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่เสียหายทุกอย่าง และกำชับให้ดำเนินการเร็วที่สุด ทำความจริงให้กระจ่าง พร้อมขยายผลไปด้วยว่าทำไมอย่างไรถึงไปที่งานเลี้ยง ไปทำไม ไปบ่อยไหม ไปเพราะเรื่องอะไร และรายงานผลให้ทราบภายใน 15 วัน

‘ประเสริฐ’ เผย ‘ดีอีเอส’ เดินหน้าทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมกำราบพวกหมิ่นสถาบันฯ ลั่น!! ปราบเข้มทุกเรื่อง

(13 ก.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เป็นปัญหา ว่า ในวันที่ 15 ก.ย. นี้ เรามีการประชุมแนวทางการทำงาน ไม่ใช่เป็นการรื้อระบบใหม่ เพราะของเก่าก็ทำดีอยู่แล้ว แต่ดูว่าเราจะทำอะไรเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์ เพราะมีขั้นตอนในการดำเนินการอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าจะมีการประสานความร่วมมือกับทางประเทศเพื่อนบ้าน หรือตำรวจไซเบอร์หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า เดิมก็มีการประสานอยู่แล้ว แต่จะดูว่ามีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ หรือไม่ ที่สามารถเข้าไปตัดวงจร ปิดเว็บไซต์อะไรต่างๆ ที่สามารถทำได้ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ บัญชีม้า เส้นทางการเงิน เฟคนิวส์ ถือเป็นภารกิจแรกที่เราจะเริ่มดำเนินการ

นายประเสริฐ กล่าวว่า ครั้งนี้นายกรัฐมนตรีไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ ส่วนประเด็นการหมิ่นสถาบันฯ เป็นเรื่องที่เราต้องทำอยู่แล้ว ทำเข้มทุกเรื่องปราบให้หมด ส่วนการแต่งตั้งบุคลากรในกระทรวงฯ นั้นได้มีการแต่งตั้งที่ปรึกษา รมว.ดีอีเอส และเลขานุการ รมว.ดีอีเอส ถึงบุคลากรในกระทรวงสาธารณสุขแล้วเช่นเดียวกัน แต่ในส่วนของกระทรวงอื่นนั้นยังไม่ครบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บุคลากรที่จะดำรงตำแหน่งในส่วนของกระทรวงดีอีเอส ได้แก่ นายวัลลภ รุจิรากร เป็นเลขานุการ รมว.ดีอีเอส นายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช ที่ปรึกษา รมว.ดีอีเอส

‘บิ๊กเด่น’ สั่งลุย!! เร่งสืบค้นเครือข่าย ‘กำนันนก’ จ่อเอาผิดผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างเด็ดขาด

(13 ก.ย. 66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร เปิดเผยถึงกรณีที่ช่วงเช้าวันนี้ ตำรวจภูธรภาค 7 ได้สนธิกำลังตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายที่เป็นเครือข่ายของนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ ‘กำนันนก’ จำนวน 15 จุด ในจังหวัดนครปฐมกว่า 10 จุด ว่าได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากคดีนี้เป็นที่จับตามองและสนใจของสังคม ซึ่งในการทำคดีจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การขยายผลตรวจค้นเครือข่ายของผู้มีอิทธิพล และอีกส่วนคือ คดียิงสารวัตรศิวกร ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องสืบสวนหาพยานหลักฐาน เพื่อเอาผิดกับกำนันนก และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและพลเรือนให้ได้

รวมถึงความเกี่ยวเนื่องที่มีตำรวจเข้าไปพัวพันกับผู้มีอิทธิพล ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากการกู้ข้อมูลเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดจากบ้านกำนันนก พร้อมกันนี้ ยังได้มอบหมายให้ พล.ต.อสุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร รับผิดชอบดูแลและติดตามความคืบหน้าในคดีอย่างต่อเนื่อง

ส่วนเรื่องการเยียวยา พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 การสองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวงนั้น เบื้องต้นทางต้นสังกัด คือกองบังคับการตำรวจทางหลวง และเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจก็ได้รวบรวมเงินเพื่อช่วยเหลือครอบแล้ว รวมถึงกรณีของ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง นั้นผู้บังคับบัญชาก็ได้รวบรวมเงินเพื่อให้การช่วยเหลือแล้วเช่นกัน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหลักเกณฑ์ในการเยียวยาสำหรับผู้ที่เสียชีวิตระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ แม้กรณีของพันตำรวจตรีศิวกรจะไม่เข้าข่าย แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีสวัสดิการด้านอื่นๆ ในการช่วยเหลือดูแลครอบครัวอย่างเต็มที่ และยังได้กำชับให้ผู้บังคับบัญชาของตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว จับตาดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อไม่ให้เกิดความเครียด ป้องกันการเกิดเหตุซ้ำรอยกรณี พ.ต.อ วชิรา

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่าในความคิดเห็นส่วนบุคคลนั้น เชื่อว่าตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่นั้นเป็นเพียงส่วนน้อย ส่วนใหญ่ยังเป็นตำรวจที่ดีและไม่อิงกับผู้มีอิทธิพล อยากขอความเป็นธรรมให้กับตำรวจส่วนใหญ่ด้วย แม้แต่ตำรวจที่ไปร่วมงานเลี้ยงก็ใช่ว่าจะมีความผิดทุกคน ขอให้รอผลการสอบสวนให้แล้วเสร็จก่อน

‘บิ๊กต่อ’ เผย ‘ผู้กำกับเบิ้ม’ มากอดขาขอโทษที่ตนเป็นต้นเหตุ ยันเป็นตำรวจฝีมือดีคนหนึ่ง เชื่อ!! ไม่ใช่การฆ่าตัดตอนแน่นอน

(12 ก.ย. 66) ภรรยา และลูกชายวัย 8 ปีของ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ หรือ ‘ผู้กำกับเบิ้ม’ ผกก.2 บก.ทล. ที่ยิงตัวตาย เดินทางมารอรับศพที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลภูมิพล โดยมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) มาให้กำลังใจครอบครัว เคลื่อนย้ายศพไปประกอบพิธียังวัดตรีทศเทพ ในช่วงเย็นวันนี้ (12 ก.ย. 66)

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ 1 วัน พ.ต.อ.วชิรา มากอดขาขอโทษบอกว่า “พี่ครับ ผมผิด ผมพาน้องไปตาย” และยังบอกด้วยว่า ถ้าจบเรื่องนี้ จะขอไปบวช เพราะรู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลา และอยากแสดงความรับผิดชอบ โดยพูดอยู่ตลอดว่า “ผมทำให้น้องตาย” ตนจึงให้กำลังใจ และบอกเพื่อนๆ นรต.รุ่น 55 ให้คอยดูแลให้ดี เพราะทราบว่า พ.ต.อ.วชิรา เคยป่วยซึมเศร้ามาก่อน ตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา เพื่อนจะคอยให้กำลังใจ แต่สภาพจิตใจกลับไม่ดีขึ้นจนเกิดเหตุ

“ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไม พ.ต.อ.วชิรา จึงโทรไปเรียก พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว มาที่เกิดเหตุ แต่หลังเกิดเหตุ ทราบว่าเจ้าตัวดูแลน้องอย่างเต็มที่ และบอกกับคนรอบตัวว่าอยากตายแทน เพราะรู้สึกผิด อยากฝากถึงสังคมว่าให้แยกแยะตำรวจ อย่าเหมารวม อย่าง พ.ต.อ.วชิรา ถือเป็นตำรวจฝีมือดี และเป็นคนดีคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ถูกโซเชียลพิพากษาว่าเป็นตำรวจไม่ดีไปแล้ว” รอง ผบ.ตร. กล่าว

รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่าการเสียชีวิตเป็นการฆ่าตัดตอน หรือการจัดฉากหรือไม่นั้น แพทย์นิติเวช ได้พิสูจน์ออกมาชัดเจนแล้วว่ากระสุนมีเพียงแค่นัดเดียว เข้าสมองด้านขวา อีกทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในที่เกิดเหตุ เวลาในกล้องวงจรปิดก็ตรงกันหมด ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการจัดฉาก แนวคิดแบบนี้เป็นแนวคิดของตำรวจรุ่นเก่าที่ไม่มีความรู้ในเรื่องของการสืบสวน ซึ่งจะทำให้ตำรวจเสียหายด้วย จึงขอให้ยึดที่พยานหลักฐานดีกว่าการคิดมโนไปเอง และครอบครัวของ พ.ต.อ.วชิรา ก็ไม่ได้ติดใจอะไรในสาเหตุการเสียชีวิต

‘กรมการจัดหางาน’ เตือนภัย!! มิจฉาชีพปลอมเพจบริษัทจัดหางาน แอบอ้างใช้ชื่อ - โลโก้บริษัท รับสมัครคนทำงานเรือสำราญ

(12 ก.ย. 66) อธิบดีกรมการจัดหางาน เตือนภัย มิจฉาชีพอ้างชื่อบริษัทจัดหางานถูกกฎหมาย สร้างเพจรับสมัครคนทำงานเรือสำราญต่างประเทศ หลอกขอข้อมูลส่วนบุคคล ย้ำกรมฯ เอาผิดตาม พรบ.จัดหางานฯ มีโทษทั้งจำ ทั้งปรับ

นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า จากกรณีที่กรมการจัดหางาน เผยแพร่ข่าว  บริษัทจัดหางานซึ่งประกอบธุรกิจเรือสำราญ จำนวน 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัทจัดหางาน ญาณดา จำกัด บริษัทจัดหางาน เอเซียน แมนพาวเวอร์ จำกัด และบริษัทจัดหางาน บีเอสซี แมแนจเม้นท์ จำกัด เตรียมรับสมัครคนไทย ทำงานบนเรือสำราญต่างประเทศ จำนวน 2,602 อัตรา เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2566 นั้น 

ล่าสุดมีผู้แอบอ้างใช้ชื่อและโลโก้ของบริษัทจัดหางานดังกล่าวเป็นรูปโปรไฟล์ เพื่อโพสต์ข้อความรับสมัครคนหางานทางเพจเฟซบุ๊ก โดยขึ้นข้อความว่าเป็นการรับสมัครผ่านกรมการจัดหางาน จนมีคนหางานให้ความสนใจกดไลก์ กดแชร์มากกว่า 500 ครั้ง เมื่อคนหางานหลงเชื่อเข้าไปสอบถาม แอดมินเพจจะทำการแจ้งรายละเอียดผ่านทางอินบอกซ์ก่อนขอสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน เบอร์โทรศัพท์ สำเนาทะเบียนบ้านและเอกสารสำคัญอื่น ๆ 

นายไพโรจน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบผู้เสียหาย แต่หากท่านใดรู้ตัวว่าถูกหลอกลวงจากกรณีดังกล่าว สามารถรวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ในส่วนของกรมการจัดหางานจะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีกับผู้ชักชวนและหลอกลวงคนหางานตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งการโฆษณาการจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมการจัดหางาน มีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ใดหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ โดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง ต้องระวางโทษจำคุก 3 - 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000 - 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้กรมฯ จะแจ้งไปที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เพื่อเอาผิดและดำเนินการในส่วน ที่เกี่ยวข้องต่อไป

สำหรับผู้ที่สนใจไปทำงานต่างประเทศ สามารถใช้บริการกับบริษัทจัดหางานที่จดทะเบียนกับกรมการจัดหางานถูกต้องตามกฎหมาย จำนวน 137 บริษัท โดยก่อนหลงเชื่อโอนเงินหรือส่งเอกสารหลักฐานสำคัญให้ผู้ใด ควรตรวจสอบรายชื่อบริษัทจัดหางานที่เว็บไซต์กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน doe.go.th/ipd ซึ่งมีที่อยู่และช่องทางติดต่อที่ถูกต้องของบริษัทจัดหางานระบุไว้อย่างชัดเจน หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน

‘บิ๊กโจ๊ก’ เผย!! กู้หลักฐานกล้องวงจรปิดใกล้เสร็จแล้ว เตรียมออกหมายจับเพิ่ม ขอตำรวจในงานเลี้ยงพูดความจริง

(12 ก.ย. 66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดียิงสารวัตรแบงก์ สังกัดตำรวจทางหลวงเสียชีวิตในงานเลี้ยงกำนันนกคืนวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า จากการสืบสวนสอบสวน ขณะนี้เริ่มมีความชัดเจนเลี้ยงว่ามีตำรวจอยู่ร่วมงานเลี้ยงจำนวน 28 นาย และพลเรือน 27 คน ในจำนวนนี้มีตำรวจ 6 นาย ถูกแจ้งข้อหาและฝากขังไปแล้ว และมีข้าราชการของกรมราชทัณฑ์ 1 คน ส่วนพลเรือนขณะนี้ถูกดำเนินคดีฐานทำลายหลักฐานรวม 4 คน ส่วนจะแจ้งข้อหาหรือออกหมายจับใครเพิ่มเติมยังต้องรอการกู้ไฟล์เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดให้ได้ก่อนเพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีและจะเห็นความชัดเจนว่ามีใครเกี่ยวข้อง หรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ ซึ่งยืนยันว่ามีการออกหมายจับเพิ่มทั้งตำรวจและพลเรือนแน่นอน

ในส่วนของเซิร์ฟเวอร์หากมีการกู้สำเร็จจะไม่มีการจะไม่มีการนำมาเปิดเผยเนื่องจากรายละเอียดนี้ใช้ประกอบสำนวนทนายของจำเลยอาจจะใช้ต่อสู้คดีได้ ดังนั้นตัวเองจะไปดูและเป็นผู้นำมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเอง 

ทั้งนี้ยืนยันว่าคดีนี้ผู้เสียชีวิตจะได้รับความเป็นธรรมที่สุด และจะมีการขยายผลไปถึงประเด็นอื่น ๆ ที่เชื่อมโยง เครือข่ายกำนันนก ว่ามีจำนวนมากน้อยแค่ไหน ทั้งการฮั๊วะประมูลโครงการของรัฐในพื้นที่ภาคเจ็ด เรื่องเว็บพนันออนไลน์ก็กำลังสืบสวนอยู่เช่นกัน

รวมถึงกรณีกระแสข่าวเส้นทางการเงินเครือข่ายกำนันนก ที่มีการโอนให้กับนายตำรวจทั้งที่อยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดเหตุและตำรวจที่ไม่ได้ไปงานด้วยตอนนี้ก็มีข้อมูลแล้วว่าอยู่หน่วยงานไหน แต่ขอยังไม่เปิดเผยเพราะรายละเอียดอยู่ในสำนวน

ส่วนกรณีที่มีเว็บไซต์ออนไลน์ สื่อโซเชียลมีเดียออกมาเรียกร้องให้ปล่อยตัวกำนันนก จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเว็บอวตารที่ทำขึ้นมาหลังจากเกิดคดีแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหาตัวบุคคลดังกล่าว หากพบตัวก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนประเด็นการเสียชีวิตของผู้กำกับเบิ้ม พ.ต.อ.วชิรา ผู้กำกับการตำรวจทางหลวง 2 ที่ก่อเหตุปลิดชีพในบ้านพัก เป็นเรื่องที่ทุกคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียดายและเสียใจเป็นอย่างมาก จากที่ตัวเองเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุจากหลักฐานตอนนี้ยังพบว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ก็ยังต้องรอผลการตรวจของเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์และพิสูจน์หลักฐานเพื่อความชัดเจน

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผู้กำกับปลิดชีพตัวเองยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนเบื้องต้นเชื่อว่าเป็นประเด็นความเครียดเนื่องจากพนักงานสอบสวน ที่สอบปากคำผู้กำกับเบิ้ม ระบุว่าผู้กำกับเบิ้มมีความเครียดสูง ส่วนประเด็นที่โซเชียลสงสัยว่าทำไมโทรศัพท์มือถือถึงอยู่ที่บางนา ห่างไกลจากสถานที่พบศพ เรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และเรียกผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นผู้ถือโทรศัพท์มือถือมาสอบปากคำอีกครั้ง 

ส่วนแท็กซี่ที่ขับมาส่งผู้กำกับเบิ้มที่บ้านก่อนเกิดเหตุ เมื่อคืนนี้ได้เรียกมาสอบปากคำแล้ว จากคำให้การ ไม่ครบข้อพิรุธ ระหว่างเดินทางไปบ้านหลังเกิดเหตุผู้กำกับเบิ้มก็ได้บอกเส้นทางกลับบ้านด้วยตัวเอง และเดินทางเพียงลำพังคนเดียว

ส่วนประเด็นเรื่องโรบอทดูดฝุ่น ที่พบหัวกระสุน จะมีการตั้งเวลาหรือมีการสั่งการผ่านมือถือจากข้างนอกหรือไม่ ข้อสงสัยนี้ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบ กับบริษัทผู้ผลิต

ส่วนกรณีผู้กำกับ สน.พญาไทที่มีคลิปเสียงข่มขู่ผู้สื่อข่าว เชื่อว่าเกิดจากความเครียด ซึ่งหลังจากนี้หากผู้สื่อข่าว ยังติดใจสามารถแจ้งความผ่านตัวเองได้ ส่วนที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาคเจ็ดจัดกำลังดูแลผู้สื่อข่าว ที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ภาคเจ็ดเชื่อว่าทำไปเพื่อความสบายใจ

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า เวลานี้ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์งานเลี้ยงทั้งหมดยังให้การไม่เป็นความจริง ซึ่งส่วนตัวมองว่าต้องมีจิตสำนึก รักพวกพ้องตำรวจด้วยกัน เพราะตอนนี้มีตำรวจถูกยิงตายแล้วหนึ่ง บาดเจ็บหนึ่ง และปลิดชีพเพิ่มอีก ดังนั้น ก็ควรออกมาพูดความจริง เพราะสาเหตุการตายที่เกิดขึ้นเกิดจากการเป็นไม้ค้ำยันให้กับผู้มีอิทธิพล ซึ่งแย่เต็มที

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีตำรวจที่ให้การร้องไห้และพูดความจริงออกมาทั้งหมดยืนยันว่ายังไม่มีข้อมูลตรงนั้น มีเพียงตำรวจที่อยู่ในเรือนจำเท่านั้นที่มีความเครียดเวลาญาติไปเยี่ยมก็จะร้องไห้ 

ส่วนตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องเบื้องต้นได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาคอยติดตามอย่างต่อเนื่องหากมีความเครียดก็ให้นำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจและมีนักจิตวิทยาคอยประเมินสภาพจิตใจเพื่อป้องกันความเสี่ยงเกิดเหตุซ้ำรอยผู้กำกับเบิ้ม

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่าเมื่อวานนี้นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ติดต่อมาหาตัวเอง แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ซึ่งจะทำงานร่วมกันโดยนายชาดาจะช่วยสแกนรายชื่อผู้มีอิทธิพลและส่งมาให้ตัวเองดำเนินการต่อ

‘บิ๊กโจ๊ก’ เผย!! กู้หลักฐานกล้องวงจรปิดใกล้เสร็จแล้ว เตรียมออกหมายจับเพิ่ม ขอตำรวจในงานเลี้ยงพูดความจริง

(12 ก.ย. 66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดียิงสารวัตรแบงค์ สังกัดตำรวจทางหลวงเสียชีวิตในงานเลี้ยงกำนันนกคืนวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า จากการสืบสวนสอบสวน ขณะนี้เริ่มมีความชัดเจนเลี้ยงว่ามีตำรวจอยู่ร่วมงานเลี้ยงจำนวน 28 นาย และพลเรือน 27 คน ในจำนวนนี้มีตำรวจ 6 นาย ถูกแจ้งข้อหาและฝากขังไปแล้ว และมีข้าราชการของกรมราชทัณฑ์ 1 คน ส่วนพลเรือนขณะนี้ถูกดำเนินคดีฐานทำลายหลักฐานรวม 4 คน ส่วนจะแจ้งข้อหาหรือออกหมายจับใครเพิ่มเติมยังต้องรอการกู้ไฟล์เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดให้ได้ก่อนเพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีและจะเห็นความชัดเจนว่ามีใครเกี่ยวข้อง หรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ ซึ่งยืนยันว่ามีการออกหมายจับเพิ่มทั้งตำรวจและพลเรือนแน่นอน

ในส่วนของเซิร์ฟเวอร์หากมีการกู้สำเร็จจะไม่มีการจะไม่มีการนำมาเปิดเผยเนื่องจากรายละเอียดนี้ใช้ประกอบสำนวนทนายของจำเลยอาจจะใช้ต่อสู้คดีได้ ดังนั้นตัวเองจะไปดูและเป็นผู้นำมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเอง 

ทั้งนี้ยืนยันว่าคดีนี้ผู้เสียชีวิตจะได้รับความเป็นธรรมที่สุด และจะมีการขยายผลไปถึงประเด็นอื่น ๆ ที่เชื่อมโยง เครือข่ายกำนันนก ว่ามีจำนวนมากน้อยแค่ไหน ทั้งการฮั๊วะประมูลโครงการของรัฐในพื้นที่ภาคเจ็ด เรื่องเว็บพนันออนไลน์ก็กำลังสืบสวนอยู่เช่นกัน

รวมถึงกรณีกระแสข่าวเส้นทางการเงินเครือข่ายกำนันนก ที่มีการโอนให้กับนายตำรวจทั้งที่อยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดเหตุและตำรวจที่ไม่ได้ไปงานด้วยตอนนี้ก็มีข้อมูลแล้วว่าอยู่หน่วยงานไหน แต่ขอยังไม่เปิดเผยเพราะรายละเอียดอยู่ในสำนวน

ส่วนกรณีที่มีเว็บไซต์ออนไลน์ สื่อโซเชียลมีเดียออกมาเรียกร้องให้ปล่อยตัวกำนันนก จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเว็บอวตารที่ทำขึ้นมาหลังจากเกิดคดีแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหาตัวบุคคลดังกล่าว หากพบตัวก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนประเด็นการเสียชีวิตของผู้กำกับเบิ้ม พ.ต.อ.วชิรา ผู้กำกับการตำรวจทางหลวง 2 ที่ก่อเหตุปลิดชีพในบ้านพัก เป็นเรื่องที่ทุกคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียดายและเสียใจเป็นอย่างมาก จากที่ตัวเองเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุจากหลักฐานตอนนี้ยังพบว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ก็ยังต้องรอผลการตรวจของเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์และพิสูจน์หลักฐานเพื่อความชัดเจน

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผู้กำกับปลิดชีพตัวเองยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนเบื้องต้นเชื่อว่าเป็นประเด็นความเครียดเนื่องจากพนักงานสอบสวน ที่สอบปากคำผู้กำกับเบิ้ม ระบุว่าผู้กำกับเบิ้มมีความเครียดสูง ส่วนประเด็นที่โซเชียลสงสัยว่าทำไมโทรศัพท์มือถือถึงอยู่ที่บางนา ห่างไกลจากสถานที่พบศพ เรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และเรียกผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นผู้ถือโทรศัพท์มือถือมาสอบปากคำอีกครั้ง 

ส่วนแท็กซี่ที่ขับมาส่งผู้กำกับเบิ้มที่บ้านก่อนเกิดเหตุ เมื่อคืนนี้ได้เรียกมาสอบปากคำแล้ว จากคำให้การ ไม่ครบข้อพิรุธ ระหว่างเดินทางไปบ้านหลังเกิดเหตุผู้กำกับเบิ้มก็ได้บอกเส้นทางกลับบ้านด้วยตัวเอง และเดินทางเพียงลำพังคนเดียว

ส่วนประเด็นเรื่องโรบอทดูดฝุ่น ที่พบหัวกระสุน จะมีการตั้งเวลาหรือมีการสั่งการผ่านมือถือจากข้างนอกหรือไม่ ข้อสงสัยนี้ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบ กับบริษัทผู้ผลิต

ส่วนกรณีผู้กำกับ สน.พญาไทที่มีคลิปเสียงข่มขู่ผู้สื่อข่าว เชื่อว่าเกิดจากความเครียด ซึ่งหลังจากนี้หากผู้สื่อข่าว ยังติดใจสามารถแจ้งความผ่านตัวเองได้ ส่วนที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาคเจ็ดจัดกำลังดูแลผู้สื่อข่าว ที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ภาคเจ็ดเชื่อว่าทำไปเพื่อความสบายใจ

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า เวลานี้ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์งานเลี้ยงทั้งหมดยังให้การไม่เป็นความจริง ซึ่งส่วนตัวมองว่าต้องมีจิตสำนึก รักพวกพ้องตำรวจด้วยกัน เพราะตอนนี้มีตำรวจถูกยิงตายแล้วหนึ่ง บาดเจ็ดหนึ่ง และปลิดชีพเพิ่มอีก ดังนั้น ก็ควรออกมาพูดความจริง เพราะสาเหตุการตายที่เกิดขึ้นเกิดจากการเป็นไม้ค้ำยันให้กับผู้มีอิทธิพล ซึ่งแย่เต็มที

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีตำรวจที่ให้การร้องไห้และพูดความจริงออกมาทั้งหมดยืนยันว่ายังไม่มีข้อมูลตรงนั้น มีเพียงตำรวจที่อยู่ในเรือนจำเท่านั้นที่มีความเครียดเวลาญาติไปเยี่ยมก็จะร้องไห้ 

ส่วนตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องเบื้องต้นได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาคอยติดตามอย่างต่อเนื่องหากมีความเครียดก็ให้นำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจและมีนักจิตวิทยาคอยประเมินสภาพจิตใจเพื่อป้องกันความเสี่ยงเกิดเหตุซ้ำรอยผู้กำกับเบิ้ม

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่าเมื่อวานนี้นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ติดต่อมาหาตัวเอง แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ซึ่งจะทำงานร่วมกันโดยนายชาดาจะช่วยสแกนรายชื่อผู้มีอิทธิพลและส่งมาให้ตัวเองดำเนินการต่อ

'ปวีณา' พาเหยื่อค้ามนุษย์ไปพบ รอง ผบ.ตร.

รายที่  1.สาวไทย 4 ราย ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่ดูไบ 3 ราย -บาห์เรน 1 ราย ขอช่วยดำเนินคดีกับขบวนการค้ามนุษย์ รายที่ 2.ตัวแทนญาติเหยื่อ 24 ราย ถูกหลอกไปบังคับให้ทำงานคอลเซ็นเตอร์ หลอกคนไทยให้ลงทุน ถูกกักขัง ทำร้าย ที่เมืองเล้าไก่ ประเทศเมียนมา ขอช่วยลูกหลานและคนที่รักกลับไทย รายที่ 3.แม่ของสาวไทยวัย 23 ปี ไปญี่ปุ่น 2 วัน ตกตึกเสียชีวิตขอช่วยคลี่ปมสาเหตุการตาย วันนี้เเม่นำโทรศัพท์มือถือลูกสาว ให้ ปวีณา มอบบิ๊กโจ๊ก เพื่อกู้ข้อมูลหาหลักฐาน ใคร? พูดกับลูกเป็นคนสุดท้ายก่อนตกตึกตาย

พร้อมกันนี้ “ปวีณา” ยังได้พา นรต. ปี 3 รุ่น 78 จำนวน 30 นาย ที่ศึกษาดูงานมูลนิธิปวีณาฯ ไปศึกษาดูงานกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. อีกด้วย   

วันที่ 12 ก.ย.66 เวลา 10.00 น. ที่สโมสรตำรวจ เคสที่ 1. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พา 4 สาวไทยซึ่งถูกหลอกไปค้าประเวณีที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 3 ราย และประเทศบาห์เรน 1 ราย ไปพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อขอความช่วยเหลือดำเนินคดีกับขบวนการค้ามนุษย์ หลังบางรายเกือบเอาชีวิตไม่รอดในต่างแดน ต้องสูญเงินจำนวนมากเพื่อไถ่ตัว บางรายหลังกลับมาไทยยังถูกขู่ฆ่าทำร้าย ซึ่งเคสทั้ง 4 ราย ร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาฯ และได้รับการช่วยเหลือกลับไทย   

ผู้เสียหายทั้ง 4 คน ให้ข้อมูลว่า ถูกคนรู้จักชักชวนไปทำงานนวดแผนไทยที่ดูไบ และบาห์เรน บอกว่ารายได้ดี เดือนละ 4-5 หมื่นบาท มีที่พัก อาหารฟรี โดยทุกคนหวังว่าจะได้มีเงินส่งมาให้ครอบครัวไม่ลำบาก แต่เมื่อไปถึงที่ร้านกลับถูกยึดพลาสปอร์ต และบังคับให้ค้าประเวณีใช้หนี้นับแสนบาท ถูกกักขังทำร้ายเหมือนตกนรกทั้งเป็น ทั้งหมดจึงได้ร้องทุกข์มายังมูลนิธิปวีณาฯ โดยนางปวีณา ได้ประสาน นายรุธ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล ประสานช่วยเหลือกลับไทย ซึ่งแต่ละคนถูกขบวนการค้ามนุษย์ข่มขู่ฆ่าเกรงจะไม่ปลอดภัย

เคสที่ 2. นางปวีณา พาญาติเหยื่อถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกไปทำงานที่เมืองเล้าไก่ ประเทศเมียนมา ไปพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมนำข้อมูลคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงานที่ดังกล่าวรวม 24 คน ซึ่งร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ ไปมอบให้ เพื่อขอความช่วยเหลือให้ช่วยกลับไทย เนื่องจากแต่ละคนถูกบังคับให้ทำงานหลอกคนไทยลงทุน ถูกกักขังพร้อมคนไทยอีก 200-300 คนอยู่ในตึกที่มีชายฉกรรจ?เเต่งตัวคล้ายทหารถือปืนคอยคุม ถ้าทำยอดไม่ได้ก็จะถูกเรียกค่าไถ่และขายต่อไปที่อื่น    

เคสที่ 3. นางปวีณา พา นางสาวสมพร ศิริโสภณ อายุ 48 ปี เเม่นำโทรศัพท์มือถือของนางสาวธนพร ลูกสาว อายุ 23 ปี ที่เสียชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่น ให้ปวีณา มอบให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์ว่ามีการติดต่อพูดคุยกับใครบ้างหลังเดินทางไปทำงานถึงประเทศญี่ปุ่นวันที่ 23 ก.ค.66 ใคร? พูดกับลูกเป็นคนสุดท้ายก่อนกลายเป็นศพเสียชีวิตอยู่ในซอกตึกอาคารที่พัก ในพื้นที่เขตอ.อิเซซากิ จ.คานากาวะ 

ซึ่งตำรวจญี่ปุ่นแจ้งสาเหตุการเสียชีวิตกับแม่ว่า ตกจากที่สูงชั้น 8 จากการฆ่าตัวตาย เนื่องจากตรวจสอบบริเวณช่องสุดทางเดินชั้น 8 ไม่พบร่องรอยการต่อสู้และไม่พบลายนิ้วมือหรือรอยเท้าผู้อื่นนอกจากผู้เสียชีวิตคนเดียว แต่แม่ยังไม่ปักใจเชื่อเพราะไม่มีสาเหตุหรือแรงจูงใจที่จะให้ลูกสาวคิดสั้นฆ่าตัวตาย จึงขอให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ช่วยตรวจสอบหาความจริงให้ด้วย  

ขณะที่วันนี้ นางปวีณา ได้พานักเรียนนายร้อยตำรวจ ชั้นปีที่ 3 รุ่นที่ 78 จำนวน 30 นาย ที่เข้าศึกษาดูงานมูลนิธิปวีณาฯ ระหว่างวันที่ 29 ส.ค. – 12 ก.ย.66 ตามโครงการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ หลักสูตรสัมผัสปัญหาชุมชน รุ่นที่ 27 ปีการศึกษา 2566 ไปศึกษาดูงานกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อเก็บประสบการณ์นำไปปรับใช้หลังเรียนจบไปเป็นตำรวจรับใช้ประชาชนต่อไป 

นางปวีณา กล่าวว่า ขอขอบคุณ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่ประสานการช่วยเหลือร่วมกับมูลนิธิปวีณาฯ ด้วยดีเสมอมา ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ร่วมกับมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือเหยื่อและผู้เสียหายได้จำนวนมาก พร้อมจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้อยากฝากเตือนคนไทยอย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ หากจะเดินทางไปทำงานต่างประเทศควรตรวจสอบกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศให้ดี เพราะอาจตกเป็นเหยื่อได้ และเจ้าหน้าที่ก็อาจจะช่วยไม่ได้ทุกคน

สถิติรับเรื่องราวร้องทุกข์ มูลนิธิปวีณาฯ ประจำปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค. – 23 ธ.ค. 2565 รวมทั้งสิ้น  6,745 ราย เป็นเรื่องค้ามนุษย์/ค้าประเวณี จำนวน 255 ราย สถิติรับเรื่องราวร้องทุกข์ มูลนิธิปวีณาฯ ประจำปี 2566 ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. – 8 ก.ย. 2566 รวมทั้งสิ้น  4,491 ราย เป็นเรื่องค้ามนุษย์/ค้าประเวณี จำนวน 181 ราย

ผิงผิง-โคลนาซีแพม สาวสองสุดแสบ นัดเดทผ่านแอ๊พพลิเคชั่นหาคู่สาวสอง โดยขึ้นข้อความว่า “สาวสอง ใครร้อนเงินทักมา” สุดอันตราย ล่อแมลงให้เหล่าชายหนุ่มสายเหลืองตกเป็นเหยื่อ ใช้การวางยามอมผู้เสียหายชายสายเหลือง ก่อนจะรูดทรัพย์และยานพาหนะไปหมดตัว

ผิงผิง-โคลนาซีแพม สาวสองสุดแสบ นัดเดทผ่านแอ๊พพลิเคชั่นหาคู่สาวสอง โดยขึ้นข้อความว่า “สาวสอง ใครร้อนเงินทักมา” สุดอันตราย ล่อแมลงให้เหล่าชายหนุ่มสายเหลืองตกเป็นเหยื่อ ใช้การวางยามอมผู้เสียหายชายสายเหลือง ก่อนจะรูดทรัพย์และยานพาหนะไปหมดตัว บางรายถูกลงมือทำร้ายขณะพยายามฝืนต้านฤทธิ์ยา แผนประทุษกรรมสุดแสบ บดยา Clonazepam ไว้ก้นแก้วก่อนรินเบียร์ผสม พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดสืบมือดีไล่ล่ากว่า 2 เดือน จนในที่สุดจับตัวได้ขณะกำลังหลบหนีออกชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน หลังจับกุมเจ้าตัวสารภาพทำเอาชุดจับกุมอึ้ง “เห็นคนล้มฟุบแล้วมีความสุข คิดว่ามีพลังวิเศษ” เสพติดต้องก่อเหตุเดือนละ 2-3 ครั้ง ขยายผลพบเป็นมือขวาบอสชาวไต้หวัน หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 3 แห่ง ในประเทศเพื่อนบ้าน

เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2566 พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชุด PCT 5 , พ.ต.อ.วิชัย  แดงประดับ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ , ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น , ร.ต.อ.กฤษณะ ชนิดไทย , ร.ต.อ.อำนาจ แป้นดวงเนตร , ร.ต.อ.สุรศักดิ์ บุญนุ่ม , ร.ต.อ.วทัญญู เริ่มประชาธิปไตย , ร.ต.ท.คณาธิป ภูสมตา , ส.ต.อ.ณัฐกิต  เชื้อสุข , ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย , ส.ต.ต.เมธิชัย คำดี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล และเหล่านักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 112 ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายอภิชาติ ศรีโคตร หรือ “ผิงผิง” อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 ม.11 ต.หนองน้ำใส อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ผ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 223 ซ.รังสิต-นครนายก 10 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหา โดยกล่าวหาว่า  “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน”

ตามหมายจับ 2 หมายจับ 
1.หมายจับศาลอาญาที่ จ.2174/2566 ลงวันที่ 10 ก.ค. 66 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน” (พื้นที่ สน.สุทธิสาร)
2.หมายจับศาลอาญาที่ จ.2963/2566 ลงวันที่ 11 ก.ย. 66 ข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” (พื้นที่ สน.พญาไท)

ตรวจยึดของกลาง 4 รายการ
1.บัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 6 ใบ (เป็นของบุคคลอื่น) รับว่าเป็นของบัญชีม้า
2.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง (ของตนเอง 2 เครื่อง , ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 4 เครื่อง)
3.เงินสด จำนวน 25,000 บาท
4.ยา Clonazepam จำนวน 3 แผง (ยาที่ใช้มอมเหยื่อ)

พฤติการณ์กล่าวคือ ดำดิ่งสู่จิตใต้สำนึกสุดอำมหิตผิดเพี้ยนของ “นักมอมยา”นามว่า “ผิงผิง” หรือ นายอภิชาติ ศรีโคตร เธอเป็นสาวประเภทสองวัยเพียง 22 ปี ที่ก่อวีรกรรมกับเหล่าชายหนุ่มสายเหลืองได้อย่างแสบทรวง กลายเป็นมหันตภัยในยามรัตติกาลสำหรับชายหนุ่มในเมืองกรุงไปแล้ว เมื่อเธอได้ตระเวนก่อเหตุ “วางยาและรูดทรัพย์” เหล่าชายหนุ่มที่ติดกับดักเธออย่างนับไม่ถ้วน โดยแผนประทุษกรรมสุดแสบของเธอเริ่มต้นจาก “แอ๊พหาคู่” โดยเธอจะทำตัวเป็นสาวสองทรงเจ๊สายเปย์ สปีชีส์ตัวรับ ขึ้นข้อความทำนอง “สาวสอง ใครร้อนเงินทักมา” ล่อแมลงให้เหล่าชายหนุ่มสายเหลืองที่ไส้แห้งต่างเข้ามารุมเร้า อย่างที่ทราบกันดี วงการนี้ไม่สนทนากันนานเพราะต่างมุ่งไปตามกามอารมณ์กันอยู่แล้ว โดยทั้งสองฝ่ายต่างรู้กันจุดหมายปลายทางคือ “เพศสัมพันธ์” เมื่อนัดหมายสถานที่แล้วเหล่าเหยื่อชายสายรุกมักพุ่งมาอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัวว่า สถานที่ดังกล่าวคือ “ห้องเชือด” ที่เธอได้เตรียมการขุดหลุมพลางไว้รอเหยื่อไว้แต่เนิ่นแล้ว โดยเธอจะนำยา Clonazepam จำนวน 3-10 เม็ดมาบดให้ละเอียด ก่อนจะเทลงในแก้วน้ำที่เตรียมไว้และเพิ่มความแนบเนียนด้วยการใส่น้ำแข็งเปล่าให้เต็มแก้ว ปิดบังคราบผงยาที่นองอยู่ก้นแก้ว โดยทันทีที่เหล่าชายหนุ่มที่ตกเป็นเหยื่อย่ำเท้าเข้ามาในถ้ำเสือ เธอเริ่มสะกดจิตเหยื่อด้วยการเปย์แบงค์พันให้ชายหนุ่มก่อน 1 ใบ 

จากนั้นจะหว่านล้อมชักจูงให้เหยื่อดื่มเบียร์เปิดหัวเป็นอันดับแรก เหยื่อหนุ่มเกือบทั้งสิ้นล้วนติดกับดักค่ายกลของเธอ เมื่อเหยื่อเริ่มเปิดกระป๋องเบียร์และบรรจงเทลงในแก้วที่เธอวางยาไว้ ผงยาผสมปนเปกับน้ำสีทองของเบียร์ไร้ร่องรอยให้สงสัย และเมื่อของเหลวสีทองผสมยาที่เธอวางไว้ก้นแก้วไหลเข้าสู่ร่างกายชายหนุ่มก็เป็นอันรุกฆาต ยาดังกล่าวนั้นจะออกฤทธิ์รุนแรง ง่วงซึม มึนศีรษะ สับสน จดจำสิ่งต่างๆ ไม่ได้ เกือบทุกรายล้มพับไปในไม่กี่อึดใจ บางรายพยายามฝืนต้านฤทธิ์ยาเธอยิ่งชอบเพราะเธอจะลงมือทำร้ายร่างกายเช่น กระโดดถีบ ต่อยหน้า ตบหน้า ต่างๆนาๆโดยที่เหยื่อไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ จนกว่าเหยื่อจะสลบไสลไป โดยภาพการล้มพับของเหล่าชายหนุ่มสร้าง ความสุข , ความสนุก , ความสะใจ ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเอง “มีพลังวิเศษ” ให้เธอจนเธอเสพติดเข้าเส้นเลือดไปแล้ว แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้นเมื่อเหยื่อไร้สติ เธอจะลงมือกวาดทรัพย์สินของเหยื่อไปจนเกลี้ยง รายใดโชคร้ายขับรถมาก็จะถูกขโมยไปด้วย 

ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 66 เธอได้ลงมือก่อเหตุกับชายหนุ่มรายหนึ่ง ที่โรงแรมชื่อดังในซอยศรีอยุธยา 12 แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี จ.กรุงเทพฯ โดยเธอได้ขโมยทรัพย์สินเงินสด โทรศัพท์ และรถจักรยานยนต์บิ๊กไบท์ ของเหยื่อไป มูลค่าความเสียหายประมาณ 200,000 บาท จากนั้นหายไปในกลีบเมฆชนิดไร้ร่องรอยให้คลำหา เป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่เธอจะมาก่อเหตุและหายไปราวหมอกควัน เหยื่อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยแผนประทุษกรรมเดิมที่ตรึงใจเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนที่ติดตามไล่ล่าเธอมาเกือบ 2 เดือน จนเรื่องนี้ถึงหูนายตำรวจผู้ดูแลเมืองหลวงอย่าง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เร่งสั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สืบสวนแกะรอยจนสืบทราบว่าสาวประเภทสองรายนี้คือ นายอภิชาติ ศรีโคตร อายุ 22 ปี และกำลังหลบหนีออกไปทาง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อหลบหนีออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน พล.ต.ต.ธีรเดชฯ ไม่รอช้าส่งชุดสืบนครบาลและนักเรียนสืบสวน 112 ไล่ล่าติดตามไปอย่างกระชั้นชิด ไล่กวดถึงริมชายแดนกระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ขณะกำลังพยายามจะหลบหนีออกไปประเทศเพื่อนบ้าน

ในชั้นจับกุม นายอภิชาติ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ใน ปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยทำมาเป็นเวลากว่า 3 ปี หลอกคนไทยได้ยอดรวมประมาณล้านกว่าบาท ซึ่งตนได้ค่าคอมมิชชั่นมา 400,000 บาท แต่ได้ใช้เสเพลกับการพนันไปหมดแล้ว ในปัจจุบันตนได้เป็นมือขวาของบอสชาวไต้หวันชื่อว่า เสี่ยว เฟ่ย เชียน ซึ่งเป็นเจ้าของคอลเซ็นเตอร์ 3 ตึกในปอยเปต ล่าสุดได้ทำหน้าที่เป็น HR และคอยจัดหาบัญชีม้าให้กับบอสชาวจีน โดยจะเข้าๆออกๆกัมพูชาและประเทศไทยเป็นประจำเพราะตนเองเสพติดภาพการล้มพับของเหยื่อ เพราะมันทำให้ตนเองมี ความสุข , ความสนุก , ความสะใจ มีอยู่ครั้งหนึ่งตนได้เคยไปลองมอมยาใส่กลุ่มชายหนุ่มในสถานที่ท่องเที่ยวแล้วเห็นเหยื่อล้มฟุบพร้อมกัน 4 คน ทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีพลังวิเศษ ซึ่งตอนนี้ได้เสพติดความสุขนี้ไปแล้ว 

ซึ่งตนเองจะหาเวลาว่างจากการทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์เดือนละ 2-3 ครั้ง เพื่อเข้ากรุงเทพมาก่อเหตุลักษณะนี้ ความสุขก็ส่วนหนึ่งแต่อีกส่วนก็หวังจะได้ทรัพย์สินจากเหยื่อด้วย โดยจุดเริ่มต้นเกิดจากตนเองเคยถูกผู้ชายมามีเพศสัมพันธ์ด้วยแล้วโดนชายคนนั้นขโมยทรัพย์สินไประหว่างที่ตนเองหลับ โดยตอนนั้นตนเองถูกขโมยเงินไปกว่า 80,000 บาท จึงแค้นมากวางแผนล่อลวงชายคนนั้นมาและได้ลองมอมยาแบบนี้เป็นครั้งแรก โดยตอนนั้นใส่ยาไปทั้งหมด 10 เม็ด จนล้มพับไปจากนั้นก็ขโมยของขโมยรถของชายคนนั้น จากนั้นก็รู้สึกสนุก สะใจ จึงติดเป็นนิสัยและก่อเหตุต่อมาเรื่อยๆ โดยยาที่ตนได้มานั้นตนเองไปหาหมอแล้วจะบอกว่าต้องการยาตัวนี้ ถ้าหมอคนไหนไม่ยอมให้ก็จะแสดงละครบอกหมอว่าถ้าไม่ให้จะไปฆ่าตัวตาย หมอก็จะยอมให้ โดยให้ทีละ 20-30 แผง และที่เลือกวางยาในเบียร์แบบนี้เพราะว่าตนเคยลองใส่ในน้ำเปล่าแล้วมันจะขุ่นๆทำให้เหยื่อดูออกได้ง่าย ส่วนรถที่ตนเองได้ขโมยมาจะนำไปขายให้กับขบวนการส่งรถออกนอกประเทศ โดยจะเก็บรถที่ขโมยมาไว้กับตัวเองไม่เกิน 2 ชั่วโมง ส่วนบัตรประชาชนที่ถูกตรวจค้นพบหลายๆใบนั้น ตนเองได้มาจากเหยื่อบ้าง และได้จากพวกเปิดบัญชีบ้าง เลยนำมาใช้ในการทำธุรกรรมต่างๆแทนชื่อของตนเองเพื่อปกปิดตัวเอง” หลังจับกุมตัว ได้นำส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของภัยสังคมรายนี้ โดยจากการขยายผลการจับกุมในขณะนี้เราพบพยานหลักฐาน รถจักรยานยนต์ ซึ่งต้องสงสัยว่าได้จากการก่อเหตุ กว่า 13 คัน และพบข้อมูลเหยื่อและผู้ที่กำลังจะตกเป็นเหยื่ออีกไม่ต่ำกว่า 10 ราย จึงขอประชาสัมพันธ์ถึงผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อคนร้ายรายนี้ ให้แจ้งมาที่เฟสบุ๊คเพจ สืบสวนนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่ประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง เราจะปกปิดข้อมูลของคุณเป็นความลับ และขอฝากเตือนไปยังเหล่าผู้ปกครองให้หมั่นเฝ้าระวังบุตรหลานที่ชื่นชอบการเล่นแอ็พพลิเคชั่นหาคู่ลักษณะนี้ ให้หลีกเลี่ยง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของท่าน ในส่วนของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตอนนี้เราได้ข้อมูลสำคัญของขบวนการมามากพอสมควร ซึ่งเราจะมีการขยายผลต่อไปจนถึงที่สุด แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”

ตร.ไซเบอร์จับขบวนการ Romance Scam ปลอมเป็นฝรั่งหน้าตาดี ตุ๋นเหยื่อผ่าน IG สูญเงินกว่าล้านบาท

สืบเนื่องจากเมื่อปลายปี 2565 ผู้เสียหายได้รู้จักและสนทนากับคนร้าย โดยใช้บัญชี Instagram และ WhatsApp สร้างโปรไฟล์ปลอมใช้ชื่อ "Roland" อ้างเป็นหนุ่มต่างชาติหน้าตาดี พูดคุยในเชิงชู้สาวเรื่อยมาจนผู้เสียหายตายใจ

จนกระทั่งคนร้ายได้หลอกลวงผู้เสียหายว่าจะส่งของขวัญเป็นเครื่องประดับมีค่าและเงินให้แก่ผู้เสียหาย โดยหลอกให้ผู้เสียหายช่วยชำระค่าใช้จ่ายในการส่งของขวัญออกไปก่อน อาทิ ค่าธรรมเนียม ค่าภาษี และอื่นๆ ตามที่กลุ่มคนร้ายบอก ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของคนร้าย จำนวน 19 ครั้ง รวมเป็นเงินรวม 1,090,000 บาท ภายหลัง ผู้เสียหายรู้ตัวว่าไม่ไม่มีทางได้รับสิ่งของดังกล่าว และรู้ตัวว่าถูกหลอกลวงแล้ว จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ต่อมาวันที่ 11 ก.ย. 2566 พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ ชูบุญเรือง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 ได้นำกำลังชุดสืบสวนร่วมกันลงพื้นที่ติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นหนึ่งในขบวนการที่ได้เปิดบัญชีธนาคารไว้สำหรับรับโอนเงินจากเหยื่อ จนสามารถจับกุมตัว นายอรุณ อายุ 25 ปี ชาวจังหวัดสระบุรี ในฐานความผิด “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริต หรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยสามารถควบคุมตัวได้บริเวณพื้นที่ หมู่ที่ 6 ต.พุแค อ.เฉลิมพระเกียรติ
จ.สระบุรี

เบื้องต้นผู้ต้องหาอ้างว่าตนได้ถูกหลอกให้เปิดบัญชีเพื่อรับผลกำไรจากการเล่นการพนันออนไลน์ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top