Thursday, 28 March 2024
POLITICS TIPS

‘ก้อย-นัตตี้-ดรีม’ แต่งชุดดำร่วมชุมนุม หลัง ‘พิธา’ ชวดตำแหน่งนายกฯ

 

เมื่อวานนี้ (19 ก.ค. 66) ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นักแสดง-ยูทูบเบอร์ชื่อดัง ‘ก้อย อรัชพร โภคินภากร’ ‘นัตตี้-นันทนัท ฐกัดกุล’ และ ‘ดรีม-อภิชญา พานิชตระกูล’ เดินทางมาร่วมกิจกรรมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พร้อมด้วยเครือข่าย Respect My Vote ที่ประกาศนัดหมายแต่งกายด้วยชุดสีดำ

ภายใต้หัวข้อ ‘ร่วมฌาปนกิจ ส.ว. และศาลรัฐธรรมนูญผู้ไม่เคารพเจตจำนงของประชาชนร่วมกัน’ พร้อมนัดมวลชนเตรียมกระดาษ และดอกไม้จันทน์

โดยก้อย นัตตี้ ดรีม เปิดเผยสั้น ๆ ว่า วันนี้ เดินทางมาตามเวลานัดของแกนนำ เพราะอยากจะมาแสดงจุดยืนที่ชัดเจนของตัวเอง ส่วนรายละเอียด เตรียมตัวพูดแบบเต็ม ๆ ในช่องทางของตัวเอง

ขณะที่ไอจีของ ก้อย แชร์สตอรี่ไอจี เป็นรูปภาพของการเชิญชวนมาชุมนุมของ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมด้วย และยังได้โพสต์รูปภาพ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีป้ายสีขาวแขวนอยู่ โดยมีข้อความว่า “นายกพิธา ฉันทมติประชาชน” พร้อมกับแคปชันว่า “Choose hope though you’re so fuckin angry “

อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ในการชุมนุม ก็มีการแจกใบปลิวการชุมนุมครั้งถัดไป ของกลุ่มสภาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ที่นัดเดินขบวนรอบจัตุรัสปทุมวัน ต่อเนื่องสยามสแควร์ มาบุญครอง พารากอน และเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อปักหมุดหยุดเผด็จการ หนุนรัฐบาลเสียงประชาชน ในวันอาทิตย์ที่ 23 ก.ค.นี้ โดยยังไม่ประกาศเวลาที่ชัดเจน
.

‘อ.เดชา’ เชื่อ หาก ‘พิธา’ ยังฝืนดึงดันแบบนี้ต่อไป ผลที่ได้คือความทุกข์​น่าสยดสยอง​เกินจินตนาการ!!

(15 ก.ค. 66) นายเดชา ศิริภัทร เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Deycha Siripatra’ ระบุว่า…

“ได้อ่านโพสต์​ของคุณ​พิธา​ ลิ้มเจริญ​รัตน์​ แล้วเข้าใจและเห็นใจอย่างยิ่ง

การตั้งความหวังไว้สูงสุด​ พยายามฝ่าฟันไปจนจะเอื้อมมือถึง​ แต่ความหวังกลับพังครืน พังลงต่อหน้าตนเองและคนไทยทั้งประเทศ​ รวมถึงชาวโลกที่ติดตามดูการถ่ายทอดสด

ความทุกข์​ที่เกิดจากความผิดหวัง​ เพราะไปตั้งความหวังไว้นั้น​ เป็นบทเรียนธรรมะขั้นสูง หากนำมาเป็นบทเรียน​ แล้วนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตต่อไป​ จะมีประโยชน์​มาก

แต่ถ้ายังไม่ยอมรับ​ แต่พยายามทำซ้ำแบบเดิมอีก ก็จะผิดหวังเหมือนเดิมอีกครั้ง

คราวนี้ความทุกข์​ที่เกิดขึ้นใหม่​ จะทับถมซ้ำเติมความทุกข์​เก่า​ ที่ยังไม่ทันจางหายไปใหน ลองจินตนาการดูว่าจะหนักหนาสาหัส​ขนาดใหน​ แค่คิดผมก็รู้สึกสยดสยองจนไม่กล้าคิดต่อ

แต่ถึงอย่างนั้น​ ผมก็เชื่อว่า​ คุณ​พิธา จะยังเดินหน้าต่อไปเพื่อทำซ้ำอย่างเดิม​ ไม่ยอมหยุด ผลที่ได้รับก็คงเป็นความผิดหวัง​ และความทุกข์​ที่น่าสยดสยอง​เกินจินตนาการนั่นเอง

โชคดีนะครับคุณ​พิธา ขอให้คุณ​สมหวังในสิ่งที่ตั้งใจ​ อย่าให้สิ่งที่ผมคิด​ เกิดขึ้นจริงเลย”

‘ศาสตรา’ ส.ส.สงขลา รทสช. เตือนชาวเน็ตคอมเมนต์คะนอง จดหมายกำลังไปถึงหน้าบ้านหลายคน - ขอนำเงินไปทำบุญ

(14 ก.ค. 66) นายศาสตรา ศรีปาน ส.ส.สงขลา พรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ข้อความพร้อมรูปในเฟซบุ๊ก ‘นายศาสตรา ศรีปาน - Sarttra Sripan’ ระบุว่า…

“น้อง ๆ ที่เข้ามาคอมเมนต์ด้วยความคึกคะนองโปรดระมัดระวังกฎหมายหมิ่นประมาท พรบ.คอม กันหน่อยนะครับ เพราะตอนนี้จดหมายกำลังไปที่บ้านกันหลายคนแล้ว ให้เกียรติเคารพซึ่งกันและกันเป็นสิ่งแรกที่ควรจะมีในทุกสังคมนะ ทั้งโลก social ที่อยู่หลังหน้าจอโทรศัพท์ และ โลกแห่งความจริงที่เราจะเจอหน้ากัน เราจะเอาเงินส่วนนี้ไปทำบุญให้กับเด็กหาดใหญ่ด้อยโอกาสกัน💕จากทีมแอดมิน #ศาสตราเขต2”

ทั้งนี้ ข้อความในรูปที่แนบมาด้วย ปรากฏเป็นคำขอโทษจากบุคคลที่เคยคอมเมนต์ด้วยความคะนอง ใจความว่า…

“ผมขอโทษจริง ๆ ครับพี่ ด้วยความอวดดี รู้น้อยของผม ขอโทษ ๆ จากใจจริงครับ ให้โอกาสผมสักครั้งครับ ผมไม่อยากให้พ่อแม่เดือดร้อนเพราะการกระทำแย่ ๆ ของผมครับพี่ ผมหาเช้ากินค่ำ ไม่มีเงินชดเชยให้พี่ ส.ส. ถ้าพี่ฟ้อง ผมขอโทษ ขอโอกาสสักครั้ง เหตุการณ์นี้ผมจะไม่ลืม ผมขอโทรไป ขอโทษจากน้ำเสียงได้ไหมครับ ว่าผมรู้สึกผิดจริงๆ ให้โอกาสผมสักครั้งนะครับ ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยครับ ผมคิดน้อย ไม่รู้หวันจริง ๆ ครับพี่ เหตุการณ์นี้ผมจะจำไว้สอนตัวเองตลอดเวลา ให้โอกาสเด็กคนนี้สักครั้งได้ไหมครับ พี่ ส.ส. ผมขอร้องจริง ๆ ครับ จากใจจริง ผมขอโทษครับ ผมเครียดมาก ๆ เลยครับ เป็นบทเรียนที่ผมจะไม่ลืมเลยจริง ๆ ขอความเมตตาสักครั้งนะครับ ผมจะจำความเมตตาของ พี่ ส.ส.ครั้งนี้ไปไม่มีวันลืมจริง ๆ ครับ
 

ชื่อนี้ต้องจารึก!! รู้จัก 'ชาดา ไทยเศรษฐ์' ส.ส. สายอิทธิพล มี 'พาวเวอร์' ไว้เพื่อทำงานให้บ้านเมืองไทย

“ผมมีอิทธิพลจริง แต่ไม่เคยทำร้ายใคร มีอิทธิพลไว้ทำงานเพื่อบ้านเมือง” 
.
นี่คือถ้อยคำส่วนหนึ่งจาก 'นายชาดา ไทยเศรษฐ์' ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย...ส.ส.ที่ถูกกล่าวขานอีกครั้ง หลังจากเขาอภิปรายอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน ประกอบภาษากาย ที่บางคนอาจจะบอกว่า “มันเป็นบุคลิกของนักเลง” ไม่สำรวมกาย
.
ชาดาอภิปรายอย่างดุเด็ด เผ็ดร้อน ตั้งคำถามพุ่งตรงไปยังพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล เรื่องจุดยืนในการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสถาบันกษัตริย์ รวมถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อให้พิธาให้ความกระจ่างต่อรัฐสภา ก่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่มีชื่อพิธาเพียงคนเดียว ซึ่งพิธายังคงตอบยืนยันว่า เป็น “พันธกิจ” ที่ให้ไว้กับประชาชน อันเป็นการยืนยันว่าจะแก้ ม.112 ผ่านกลไกของสภา ในนามพรรคก้าวไกล
.
กล่าวสำหรับชาดา ชื่อของชาดาเริ่มเป็นที่ปรากฏนับตั้งแต่เขาก้าวเข้าสู่การเมืองในฐานะนักการเมืองท้องถิ่น เขาเริ่มเล่นการเมือง ในฐานะเป็นนักการเมืองท้องถิ่น เคยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองอุทัยธานี ต่อมาในปี 2543 เข้าร่วมกิจกรรมกับพรรคถิ่นไทย และในการเลือกตั้ง 2550 เขาได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.จังหวัดอุทัยธานี สังกัดพรรคชาติไทย และได้รับเลือกตั้งอีกสมัยในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 สังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา
.
ก่อนที่ ในปี พ.ศ. 2561 เขาย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย ชบแนบอก อนุทิน ชาญวีรกูล พร้อมกับการผลักดันให้ “มนัญญา ไทยเศรษฐ์” ขึ้นเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลังจากเคยส่งเสริมให้เป็นนายกเทศมนตรีเมืองอุทัยธานีแทนเขามาก่อนหน้านั้น

กอ.รมน.ภาค4 โฟกัสฟ้อง 3 กลุ่ม ประชามติ.. แยกดินแดนปาตานี

วันนี้ขอเลียบการเมืองไปที่แนวรบด้านความมั่นคงที่กำลังร้อนฉ่าอยู่ที่ปลายด้ามขวานสักหน่อย  กองทัพภาคที่ 4 แถลงชัดเจนแล้วว่าอีกไม่เกิน 2 สัปดาห์ก็จะดำเนินการฟ้องคดีเอาผิดกับบุคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดกรรมทำประชามติจำลองแยกปาตานีเป็นเอกราช..ในงานเสวนา “สิทธิในการกำหนดอนาคตตนเอง (Selt Determination) กับสันติภาพปาตานี” เมื่อวันที่ 7มิ.ย.ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี..

ยังไม่รู้ว่ากองทัพภาคที่ 4 จะฟ้องร้องกล่าวโทษกี่คนและเป็นใครบ้าง  “เล็ก  เลียบด่วน” ฟังพล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์  รองแม่ทัพภาคที่ 4 ให้สัมภาษณ์ทางรายการ “รู้ทันข่าว92.5” ของกรมประชาสัมพันธ์ท่านบอกกว้าง ๆ เพียงว่ามีอยู่ 3 กลุ่ม  คือ

1)กลุ่มที่จัดกิจกรรม  

2)คนที่มาร่วมงาน และ

3)ผู้ที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง..

พล.ต.ปราโมทย์ให้ข้อมูลว่า  ก่อนหน้านี้ก็เคยมีการทำไประชามติจำลอง แต่เป็นการทำประชามติเรื่อง” การกำหนดใจตนเอง” เท่านั้น ไม่เลยธงเหมือนในครั้งนี้ที่ถึงขั้นถามว่าเห็นด้วยกับการแยกตัวเป็นเอกราชหรือไม่..ครั้งนี้จึงเป็นการยกระดับการเคลื่อนไหว  ที่พยายามขยายผลต่อยอดเรื่อง “สิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเอง” ตามข้อมติสหประชาชาติที่ 1514 ออกในปี ค.ศ. 1960  ซึ่งแม้ไทยจะร่วมรับรองแต่เราก็สงวนสิทธิเรื่องการแบ่งแยกดินแดนไว้อย่างชดเจนว่าทำไม่ได้..

ที่น่าสนใจกว่านั้น ฟังแล้วไม่สบายใจเอามากๆ คือ พล.ต.ปราโมทย์.. สถานการณ์ปลายด้ามขวานวันนี้กลุ่มบีอาร์เอ็นยังคงปฏิบัติการทางการทหารเพื่อหล่อเลี้ยงสถานการณ์  ช่วงเดือนรอมฎอนที่ผ่านมาเป็น “รอมฎอนเดือด”ที่สุดในรอบ 10ปี  แต่ที่น่ากลัวไปมากกว่านั้นคือความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ได้ชำแรกแทรกซึมความคิดไปยังกลุ่มต่างๆ ทั้งองค์กรสิทธิมนุษยชน   เยาวชนนักศึกษา  นักการเมืองและพรรคการเมือง..ซึ่งสนับสนุนแนวคิดในลักษณะเลยธง..

ครับ...ก็น่าลุ้นกันด้วยความระทึกใจว่า..ใครบ้างที่จะถูกฟ้องร้องกล่าวโทษ และในข้อหาอะไร  แน่นอนเป็นคดีความมั่นคง แต่จะหนักหนาสาหัสแค่ไหน...และมีใครจาก3พรรคการเมืองโดนด้วยหรือไม่

3 พรรคที่ว่าคือ พรรคเป็นธรรม  พรรคประชาชาติ ที่มีตัวแทนไปเป็นวิทยากรเสวนา  และพรรคก้าวไกลที่มีรูปโฆษณาเด่นหรากว่าใครเพื่อนอย่าง นายรอมฎอน  ปันจอร์ ว่าที่ ส.ส. บัญชีรายชื่อ  แต่ยกเลิกกะทันหันเหมือนนกรู้...

รายงานข่าวแจ้งว่า กอ.รมน. ภาค4 ส่วนหน้าได้จัดประชุมทีมกฎหมาย นักวิชาการ อัยการ ทหาร ตำรวจมาแล้ว 3 ครั้งเพื่อสรุปรูปคดี  ขณะที่ฝ่ายข่าวกอ.รมน.ภาค4 นั้นได้สรุปข้อมูลย้อนหลังโยงใยมาจนถึงวันจัดงานก็รู้แจ้งเห็นชัดว่าใครเป็นใคร ใครคิดอะไร..โดยเฉพาะพฤติการณ์ของนักการเมืองและพรรคการเมืองบางคนบางพรรค ที่ปลุกระดมความคิดการปกครองตนเอง  ความเป็นเอกราชมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง และโหมหนักช่วงเลือกตั้งด้วยหวังผลคะแนนเสียงเข้าข่ายที่จะดำเนินการกล่าวโทษให้ยุบพรรคในข้อหาล้มล้างการปกครองได้ แต่ประเด็นนี้ทางกองทัพหรือทหารจะไม่ดำเนินการ...ปล่อยให้เอกชนหรือภาคประชาชนอาศัยช่องทางรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ไปดำเนินการกันตามความเหมาะควรกันเอง...

แม้ว่านาทีนี้  บรรดาว่าที่ ส.ส. และนักการเมืองจาก 3 พรรคตั้งการ์ดสูงเวลาให้สัมภาษณ์จนบรรดาแนวร่วมเกิดอาการหมั่นไส้รำคาญกันเอง ก็ไม่ได้ทำให้พฤติการณ์ที่บรรดาว่าที่ ส.ส. และพรรคการเมืองดังกล่าวมาลบหายไปได้...  

เล็ก  เลียบด่วน เชื่อว่าถึงที่สุดวันใดวันหนึ่งคงมีคนไปฟ้องร้องกล่าวโทษให้มีการยุบพรรคแน่นอน..เพราะมาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญบัญญัติชัดเจนว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวกัน  จะแบ่งแยกมิได้”..

ไม่ทิ้งคนไกล!! ‘ภาคภูมิ’ ว่าที่ ส.ส.ตาก พปชร.เร่งขออนุญาตใช้พื้นที่ป่า เพื่อวางระบบถนน-ไฟฟ้า หวังยกระดับคุณภาพชีวิต ปชช.

(9 มิ.ย. 66) นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.ตาก พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ในพื้นที่จังหวัดตาก มีปัญหาเร่งด่วนที่ต้องช่วยเหลือประชาชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ในด้านการเข้าถึงระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ถนน วางโครงข่ายโทรศัพท์ การพัฒนาสถานศึกษา ระบบสาธารณสุข และที่ทำกินของประชาชนบนพื้นที่สูง และชุมชนต่างๆ เนื่องจากพื้นที่จังหวัดเป็นพื้นที่ป่า ต้องประสานงานขออนุญาต เพื่อขอใช้พื้นที่ในการดำเนินการ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลผืนป่า เป็นผู้อนุญาต เร่งรัดขั้นตอน เพื่อช่วยเหลือประชาชนเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวก

ทั้งนี้ จากการที่ตนได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ให้เป็นตัวแทนทำหน้าที่ในสภาฯ พร้อมที่จะติดตามและเร่งรัดเรื่องนี้ต่อไป ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เนื่องจากที่ผ่านมาการขออนุญาตใช้พื้นที่มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ใช้เวลานานมาก ทำให้ประชาชนขาดโอกาสเป็นจำนวนมาก

“ในปัจจุบันจังหวัดตากมีการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจ จึงมีความจำเป็นต้องพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ยังเป็นป่า และดอยสูง นอกจากนี้ประชาชนยังมีความหลากหลายทางชาติพันธ์ที่ต้องดูแล คุณภาพชีวิต ที่ผ่านมาการพัฒนาเป็นไปด้วยความยากลำบากในการเข้าถึงความเจริญ เพราะติดเงื่อนไขของกฎหมาย และระเบียบต่างๆ แต่หากสามารถลดหรือยกเว้นได้ ก็จะทำให้เกิดพัฒนาระบบเศรษฐกิจทั้งจังหวัด เป็นการลดความเหลื่อมล้ำในสิทธิ์ของประชาชนที่ควรจะได้รับอย่างเท่าเทียมกัน” นายภาคภูมิ กล่าว

‘ชัยวุฒิ’ สั่งจัดการ-ตรวจสอบ กรณี ‘9near’  กร้าว!! เผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลผู้อื่น มีโทษทั้งจำทั้งปรับ

(31 มี.ค.66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงกรณี ผู้ใช้งานบัญชี ‘9near’ ได้โพสต์ขายข้อมูลที่อ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายการ บนเว็บไซต์ Bleach Forums โดยอ้างว่าได้มาจากหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งในไทย (Somewhere in government) และโพสต์ ตัวอย่างไฟล์ ซึ่งมี ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ วันเกิด เบอร์โทรศัพท์ และเลขประจําตัวประชาชน รวมทั้งมีการโพสต์ ลักษณะข่มขู่หน่วยงานและประชาชนในวงกว้าง

โดยวันที่ 30 มี.ค.66 เว็บไซต์ 9near.org (https://9near.org/) ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับบัญชี 9near โพสต์ ขายข้อมูลบนเว็บไซต์ Bleach Forums) ได้แอบอ้างใส่ชื่อ นายปริญญา หอมเอนก (อ.ปริญญาฯ) เป็นผู้สนับสนุน (Sponsored By...) พร้อมทั้งนํา Youtube Video Clip สัมภาษณ์ อ.ปริญญาฯ รายการ Digital Life Spring ช่อง Spring News ใส่บนเว็บไซต์ด้วย ซึ่งในเว็บไซต์ มีลิงก์ดาวน์โหลดไฟล์ข้อมูล (!! Download !!) ซึ่งเป็นไฟล์ข้อมูล รายชื่อ วันเกิด ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ โดยมีการปิดบังในลักษณะ xxxx ไม่แสดงข้อมูลทั้งหมด ส่วนด้านล่างของ เว็บไซต์ได้ระบุข้อความในลักษณะข่มขู่ให้ผู้คิดว่าข้อมูลของตนรั่วไหล ติดต่อกลับไปก่อนวันที่ 5 เม.ย. 16.00 น. เวลาประเทศไทย ไม่เช่นนั้นจะทําการเผยแพร่ข้อมูล 

ทั้งนี้ อ.ปริญญาฯ ได้เข้าแจ้งความกับกองบังคับการ ปราบปรามการกระทําผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) แล้ว 

ในวันเดียวกัน ด้านผู้ประกาศข่าว นายสรยุทธ์ สุทัศนจินดา ได้โพสต์ข้อความใน facebook ส่วนตัว ว่าได้รับข้อความ SMS ข้อมูลส่วนบุคคลของตน ประกอบด้วย เลขบัตรประชาชน 13 หลัก, วันเดือนปีเกิด, ที่อยู่, เบอร์มือถือ จาก 9 near

ทั้งนี้ รัฐมนตรีชัยวุฒิ กล่าวถึงแนวทางการดําเนินการของกระทรวงดิจิทัลฯ ว่า...

1) ดศ. ได้ประสานผู้ให้บริการ domain name สําหรับเว็บไซต์ 9near.org (Namesilo, LLC) ซึ่งเป็น ผู้ให้บริการในต่างประเทศ เพื่อขอปิดกั้นเว็บไซต์ 9near.org ตั้งแต่วันพุธที่ 29 มี.ค. 66 เวลา 19.00 น. เนื่องจากมี การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น และระบุข้อความในลักษณะข่มขู่ให้ผู้คิดว่าข้อมูลของตนรั่วไหล ติดต่อกลับไป ซึ่งเข้าข่ายกระทบต่อความมั่นคงของประเทศทําให้ประชาชนตื่นตระหนก ซึ่งขณะนี้ ยังไม่ได้รับการตอบรับหรือ ดําเนินการจากผู้ให้บริการ

2) ดศ. อยู่ระหว่างดําเนินการขอคําสั่งศาลตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งอาจเข้าข่าย

บุกบ้านโป่ง!! ‘ลุงตู่’ ลงพื้นที่ราชบุรี ไหว้พระ-เยี่ยมชมสถานที่ ชาวบ้านแห่ต้อนรับ พร้อมชูป้าย ‘ลุงตู่ อยู่ต่อ’

(13 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ว่า เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ในนามนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดราชบุรี โดยมี พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายสุชาติ ชมกลิ่น ร่วมคณะ 
.
โดยเมื่อเวลา 09.00 น.นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางสนามเฮลิคอปเตอร์ พล.ม.2 รอ. เขตพญาไท กรุงเทพฯ โดยจุดแรก เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ด สีขาวทะเบียน กค 9 ราชบุรี มายังวัดหุบกระทิง ตำบลเบิกไพร อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี โดยทันทีที่มาถึงนายกฯได้ทักทายกับนักเรียนโรงเรียนวัดหุบกระทิงที่มารอเจอนายกฯที่บริเวณรั้วโรงเรียน โดยนายกฯกล่าวกับเด็กๆว่า ให้รักสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ไว้ สำหรับลุงยึดและรักทั้ง 3 สถาบัน และรักประชาชน ขอให้เด็กทุกคนเป็นคนดีรู้รักสามัคคี และตอนหนึ่งนายกฯหยอกล้อเด็กๆให้รักษาฟันให้ดีๆ ขณะที่เด็กๆบอกว่าเคยเห็นนายกฯแต่ในติ๊กต๊อกเพิ่งเคยเจอตัวจริงวันนี้ 

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ สักการะพระประธานอุโบสถ หลวงพ่อสมปรารถนา และนมัสการพระมหาสงกรานต์ (สันติ กะ โร) เจ้าอาวาสวัดหุบกระทิง

ทั้งนี้ ในพื้นที่ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่เตรียมย้ายมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และ น.ส.กุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่เตรียมย้ายมาอยู่พรรค รทสช. เดินทางมาต้อนรับ รวมทั้งมีชาวบ้านมารอต้อนรับพร้อมชูป้ายข้อความ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” , เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตรย์แบะประชาชน ลุงตู่สู้ๆ , หนีเมียมาเชียร์ลุง , ลุงตู่อยู่ยาวๆ เป็นต้น ขณะเดียวกันได้มีการซักซ้อมประชาชนว่าห้ามหอมแก้มและจับมือบีบมือนายกฯเนื่องจากมือนายกฯยังเจ็บอยู่ ขณะที่นายกฯเองก็พยายามยกมือข้างขวาขึ้นสูงเพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนถูกมือที่ยังอักเสบอยู่ ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งพล.อ.ประยุทธ์ได้เข้าไปลูบหัวสุนัขที่ชาวบ้านอุ้มมาต้อนรับ พร้อมกล่าวว่า “น่ารักแข็งแรงนะลูก”

จากนั้น นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้เกษตรวิถีพุทธ ภายใต้สโลแกน "คุณลุงทำนา คุณป้าทำสวน" ซึ่งเป็นวิถีความร่วมมือในการพัฒนาระหว่างวัดกับชุมชน เยี่ยมชมร้านกาแฟ มา-หา กาแฟบุญผลกำไรนำไปช่วยเหลือด้านสาธารณะสงเคราะห์ และเยี่ยมชมตลาดร่มสักส่งเสริมให้ชาวบ้านได้มีอาชีพสร้างรายได้หมุนเวียนในชุมชน โดยช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้สนทนาธรรมกับจะอาวาสว่า วัดนอกจากเป็นที่พึ่งของพุทธะศาสนิกชนแล้วเป็นที่สั่งสอนพระพุทธศาสนาให้ความร่มเย็นแล้วส่วนหนึ่งที่วัดหุบกระทิง ได้ทำคุยสร้างเศรษฐกิจชุมชนซึ่งถือเป็นเรื่องดีก็ขอให้มีการพัฒนาต่อไปเรื่อยเรื่อย

ส่วนต่างที่หายไป!! 'ก้าวไกล' กัดไม่ปล่อย ‘บีอีเอ็ม’ สอยสัมปทานรถไฟสายสีส้ม ชี้!! อย่าปล่อยให้ 'เมกะโปรเจกต์' กลายเป็น 'เมกะดีล'

(13 มี.ค.66) สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวเปิดเผยเอกสารหลักฐานที่เพิ่งได้รับ กรณีข้อสงสัยการทุจริตประมูลสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งเคยอภิปรายไปหลายครั้งก่อนหน้านี้ ให้เห็นถึงความพยายามกีดกันคู่แข่งของบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้ชนะการประมูล ซึ่งก็คือบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ให้ออกไปจากการแข่งขัน โดยมีส่วนต่างที่รัฐต้องจ่ายอุดหนุนให้เอกชนสูงถึงกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท

สุรเชษฐ์กล่าวย้ำอีกครั้งหนึ่ง ว่านี่คือการประมูลที่เกิดขึ้นถึงสองครั้ง เพื่อสร้างสิ่งเดียวกัน แต่มีส่วนต่างสูงถึง 6.8 หมื่นล้านบาท และตนขอยืนยันอีกครั้ง ว่าส่วนต่างมีอยู่จริง แม้กระทรวงคมนาคม และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะพยายามปฏิเสธเพียงใดก็ตาม

โดยสิ่งที่ปรากฏอยู่ในเอกสารที่ตนได้มาครั้งนี้ คือเครื่องยืนยันที่ดีที่สุด นั่นคือข้อเสนอของฝ่ายบีอีเอ็มที่ตนได้พยายามขอมาหลายครั้งผ่านทุกช่องทางแล้วแต่ก็ไม่เคยได้รับการตอบสนองจากหน่วยงานใดๆ ที่เกี่ยวข้องเลย แต่บัดนี้เข้าใจได้ว่าเมื่อหัวโจกไม่อยู่แล้ว ข้าราชการที่รักความยุติธรรมจึงเริ่มเคลื่อนไหว ส่งข้อมูลมาให้ตนในที่สุด

สุรเชษฐ์กล่าวต่อไปว่า เมื่อนำข้อมูลข้อเสนอจากทั้งสองฝ่ายมาเปรียบเทียบกัน จะเห็นได้ว่าข้อเสนอของบีทีเอส จะขอเงินจากรัฐอุดหนุนค่าก่อสร้าง ในปีที่ 3-8 ยอดรวม 79,820 ล้านบาท โดยจะมีกำไรจ่ายคืนรัฐในปีที่ 20 เป็นต้นไป รวมเป็นเงินจำนวน 70,145 ล้านบาท ผลรวมจะเท่ากับเกิดส่วนต่างที่รัฐต้องอุดหนุนเพียง 9,675 ล้านบาท

ขณะที่ข้อเสนอของบีอีเอ็มนั้น มีการขอเงินรัฐอุดหนุนค่าก่อสร้าง ในปีที่ 3-8 เป็นจำนวน 81,871 ล้านบาท โดยผลตอบแทนที่บีอีเอ็มจะให้ตั้งแต่ปีที่ 14 เป็นต้นไป จะคืนเป็นยอดรวมเพียง 3,583 ล้านบาทเท่านั้น

กล่าวคือขณะที่บีทีเอสมีข้อเสนอจะจ่ายคืนให้รัฐ 70,145 ล้านบาท บีอีเอ็มจะคืนให้เพียง 3,583 ล้านบาท โดยที่ค่าก่อสร้างแทบไม่ต่างกันเลย ผิดกับที่ฝ่าย รฟม. มักออกมาอ้างว่าจำเป็นต้องใช้เทคนิคชั้นสูงในการสร้างอุโมงค์ใต้ดิน ทำให้ต้องใช้งบประมาณมากขึ้น แต่หากลงไปดูในรายละเอียดเปรียบเทียบกันแล้ว จะพบว่าทั้งสองข้อเสนอแทบไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย

“ดังนั้น ที่ต่างจริงๆ ก็คือผลตอบแทนที่จะคืนให้รัฐ ซึ่งบีอีเอ็มให้น้อยกว่าบีทีเอสมาก คำถามคือส่วนต่างนี้จะเอาไปทอนให้ใคร แน่นอนว่าทั้งหมดจะอยู่ในกระเป๋าของบีอีเอ็ม แต่บีอีเอ็มจะเอาไปให้ใคร หรือให้พรรคการเมืองใดบ้างหรือไม่ ผมอยากให้พี่น้องสื่อมวลชนและประชาชนร่วมกันติดตาม” สุรเชษฐ์กล่าว

สุรเชษฐ์ยังกล่าวต่อไป ว่าจากวันนี้ไปจนถึงการเลือกตั้ง คณะรัฐมนตรียังมีเวลาเหลืออย่างมากอีกเพียง 2 ครั้งที่จะอนุมัติเรื่องต่างๆ คือในการประชุม ครม. พรุ่งนี้ (14 มีนาคม) หรือหากยังไม่มีการยุบสภาเร็วๆ นี้ ก็จะต้องเป็นการประชุม ครม. สัปดาห์หน้า ที่ต้องจับตาคือจะมีการยัดเรื่องนี้เข้าไปหรือไม่ ซึ่งตนเชื่อว่าถ้าทุกคนเงียบเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อไร จะมีการนำเข้าไปแน่นอน รวมทั้งอาจมีการใช้กระบวนการยุติธรรมมาฟอกขาว ว่าข้อเสนอของบีทีเอสเป็นข้อเท็จจริงนอกสำนวน

เยือนแปดริ้ว!! ‘บิ๊กตู่’ เตรียมลงพื้นที่ฉะเชิงเทรา สักการะหลวงพ่อโสธรฯ พร้อมร่วมพิธีเปิดสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติฯ 10 มี.ค.นี้ 

(9 มี.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา ในวันศุกร์ที่ 10 มีนาคม 2566 เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2562 โดยมี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมคณะตรวจราชการ ซึ่งมีกำหนดการ ดังนี้

เวลาประมาณ 14.30 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางจากสนามเฮลิคอปเตอร์ กรมทหารราบที่ 11 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ไปยังจุดจอด ฮ. ช.พัน.2 รอ. ค่ายศรีโสธร ต.หน้าเมือง อ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา โดยเฮลิคอปเตอร์ แล้วเดินทางไปยังวัดโสธรวารารามวรวิหาร เพื่อสักการะหลวงพ่อพระพุทธโสธร และกราบนมัสการพระราชภาวนาพิธาน เจ้าอาวาสวัดโสธรวารารามวรวิหาร


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top