Thursday, 16 May 2024
POLITICS NEWS

ยื่นป.ป.ช.! “ศรีสุวรรณ” เตรียมร้อง ป.ป.ช. สอบจริยธรรมร้ายแรง “เสรีพิศุทธ์” หลังศาลปกครองสูงสุดยกคำขอเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมเจ้าท่าที่ให้รื้อถอนสิ่งล่วงล้ำลำน้ำในแม่น้ำแควน้อย

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่าวันที่ 5 ส.ค. 64 สมาคมฯจะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนและมีความเห็นกรณีศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้องในคดีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ขอเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมเจ้าท่าที่ให้รื้อถอนสิ่งล่วงล้ำลำน้ำในแม่น้ำแควน้อย อันเข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ 

เนื่องจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กระทำการทิ้งหิน ดิน ล่วงล้ำลำน้ำแควน้อยเกินกว่าแนวเขตที่ดินของตนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่า ตาม ม.119 แห่ง พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทย 2456  พร้อมกับมีการปลูกต้นไม้ทำเป็นสวนหย่อมและทำทางเท้าปูด้วยแผ่นหิน อันเป็นการปลูกสร้างสิ่งอื่นใดล่วงล้ำเข้าไปในน้ำ ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติของแผ่นดิน ตั้งแต่ปี 2551 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นอำนาจโดยชอบตาม ม.118 ทวิ แห่งกฎหมายเดียวกันที่กรมเจ้าท่าใช้อำนาจโดยชอบสั่งให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ รื้อถอนสิ่งล่วงล้ำในแม่น้ำแควน้อยออกไปภายใน 30 วัน  ซึ่งคำพิพากษาดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว 

การกระทำของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์  ซึ่งเป็น ส.ส.และหัวหน้าพรรคการเมือง  จึงอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง เฉกเช่นเดียวกันกับกรณีของ ส.ส.ปารีณา ไกรคุปต์  สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย  จึงร้องเรียนขอให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และมีมติส่งเรื่องไปยังศาลฎีกา และขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกันต่อไปด้วย

พท.แนะ พปชร.ประกาศให้ชัดเสนอ “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ อีก พรรคร่วมรบ.ยืนยันไม่ถอนตัว หนุน “ประยุทธ์” เป็นนายกฯ ต่อ เย้ยรอรับผลหลัง ลต.ได้เลย

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พร้อมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ออกมาย้ำภาพความสัมพันธ์ ท่ามกลางกระแสเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว หลังล้มเหลวในการแก้ปัญหาโควิด-19 ว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่ง ผู้เสียชีวิตเพิ่มยิ่งกว่านิวไฮ จนอาจเป็นนิวนิวไฮ มาตรการล็อกดาวน์ต้องขยายจาก 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัดสีแดงเข้ม เป็นหลักฐานยืนยันว่ามาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล ไม่สามารถแก้ปัญหาได้เลย แม้รัฐบาลจะไอโอว่าไม่ทิ้งประชาชน แต่ประชาชนเกือบทั้งประเทศได้ทิ้งรัฐบาลไปนานแล้ว พรรคร่วมรัฐบาลเชื่อมั่นพล.อ.ประยุทธ์ สวนทางกับประชาชนที่ไม่หลงเหลือความเชื่อมั่นให้กับรัฐบาล ดารา คนรุ่นใหม่ ประชาชนทุกภาคส่วนออกมาคอลเอาต์ เดือดร้อนกันถ้วนหน้า ทุกอย่างต้องรอ ตั้งแต่รอวัคซีน รอตรวจ รอเตียง รอหมอ จนถึงรอเมรุ น่าเสียใจที่นักการเมืองมาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่ไม่รับรู้ความเดือดร้อนของประชาชน พรรคร่วมรัฐบาลมีสิทธิตัดสินใจอยู่กับพล.อ.ประยุทธ์ แต่เมื่อกล้าท้าทายความรู้สึกของประชาชน ถึงวันเลือกตั้งต้องรอฟังและเคารพการตัดสินใจของประชาชน ยอมรับชะตากรรมจากการตัดสินใจสวนทางกับประชาชน 

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ภาพการอุ้มชู พายเรือให้พล.อ.ประยุทธ์นั่ง ไม่สนใจปัญหาเดือดร้อนความทุกข์ยากของประชาชน จะอยู่ในความทรงจำของประชาชนอย่างยาวนาน เพื่อให้เป็นหลักฐานชัด ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลดำเนินการยืนยัน 3 ข้อดังนี้ 1.พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคควรออกมายืนยันว่าจะไม่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล 2.พรรคพลังประชารัฐควรออกมายืนยันให้ชัดว่าจะเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า 3.พรรคร่วมรัฐบาลควรออกมายืนยันจะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ทั้งนี้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะเกิดขึ้น จะเป็นการทำหน้าที่ครั้งสำคัญของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ส่วนจะมีอภิปรายรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่นั้น จะหารือกันต่อไป

“ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค จำวันที่พวกท่านเชื่อมั่นพล.อ.ประยุทธ์ จำวันที่ท้าทายประชาชนไว้ให้ดี เมื่อได้ตัดสินใจแล้ว ต้องรอรับผลการตัดสินใจของประชาชนในวันเลือกตั้ง และก้มหน้ายอมรับผลนั้นให้ได้” นายอนุสรณ์ กล่าว

คนรุ่นใหม่ ปชป. วอน ศบค. และ กพท. ทบทวนเดินทางด้วยบัสมาใช้เครื่องบินแทนสำหรับนักท่องเที่ยวภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์  เหตุใช้เวลาเดินทางกว่า 14 ชม. เสี่ยงติดเชื้อ 

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่าจากมาตรการยกระดับระลอกใหม่ ของศบค. เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2564 ได้ส่งผลให้ทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ออกประกาศห้ามสายการบินรับส่งผู้โดยสารเข้าหรือออกพื้นที่สีแดงเข้ม ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทำให้เที่ยวบินทุกสายในประเทศ ต้องหยุดทำการบินทันที เพื่อรองรับมาตรการควบคุมโรค

จากมาตรการดังกล่าว ทำให้สายการบินไม่สามารถทำการบินเที่ยวบินในประเทศที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมืองได้ ขณะที่บางสายการบินย้ายฐานการบินไปยังท่าอากาศยานอู่ตะเภา จ.ระยอง เพื่อให้บริการผู้โดยสาร แต่หลังจากที่ ศบค. ได้ประกาศพื้นที่ควบคุมสถานการณ์โควิด-19 เพิ่มเป็น 29 จังหวัด ในวันที่ 1 ส.ค. โดยพบว่าจังหวัดระยองเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) ทำให้ไม่สามารถทำการบินได้ตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.เป็นต้นไป จึงส่งผลกระทบกับการเดินทางของนักท่องเที่ยวภายใต้โครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์”

ภาครัฐจึงได้จัดโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เอ็กเปรส บัส” เพื่อทดแทนเครื่องบินที่ไม่สามารถทำการบินได้ และรถโดยสารประจำทางที่หยุดให้บริการเดินรถ ให้บริการเฉพาะผู้โดยสารโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ผู้ติดตามและสมาชิกครอบครัวของผู้โดยสารเท่านั้น ต้นทางจังหวัดภูเก็ต ปลายทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เดินทางจากภูเก็ตตั้งแต่ 05.00 น. ถึงกรุงเทพมหานครเวลา 21.00 น. ใช้เวลาเดินทาง 14 ชั่วโมง ใน ขณะที่การโดยสารทางเครื่องบิน ใช้เวลาเพียง 1.30 ชั่วโมงเท่านั้น 

นายพันธ์พิสุทธิ์ นุราช หนึ่งในคนรุ่นใหม่พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีอาชีพเป็นนักบิน และเป็นส่วนหนึ่งของทีมอาสาศูนย์ประสานงานฉุกเฉินในสถานการณ์ฉุกเฉินโควิด-19 พรรคประชาธิปัตย์ (ศปฉ.) ได้มีความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวว่าการที่ผู้โดยสารต้องใช้เวลาอยู่บนรถบัสถึง 14 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ในการเดินทางร่วมกับผู้โดยสารท่านอื่นที่อาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ในขณะที่การโดยสารทางเครื่องบินนั้นมีความเสี่ยงน้อยกว่ากันมาก ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยในเรื่องของระบบระบายอากาศ และระยะเวลาในการเดินทางที่สั้นกว่า 
“จาก 14 วันที่ผ่านมา (21 กรกฎาคม - 3 สิงหาคม) ตั้งแต่การประกาศหยุดบินครั้งแรก 14 วัน ก่อนที่จะมีการต่อขยายนั้น จะพบว่าไม่สามารถช่วยควบคุมสถานการณ์ได้เลย ผู้ติดเชื้อยังคงสูงทุกวัน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าอาจเป็นแนวทางที่ไม่ได้ผล แต่ในทางกลับกันเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้ซ้ำร้ายยิ่งกว่าเดิม” นายพันธ์พิสุทธิ์ กล่าว

นายพันธ์พิสุทธ์ ยังกล่าวต่อด้วยว่านอกจากนี้การปิดการบินในประเทศยังทำให้คนมีความจำเป็นต้องเดินทางในระยะทางไกล ต้องหาหนทางอื่นในการเดินทางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นการผลักดันคนกว่า 20,000 ชีวิตเป็นอย่างน้อยในอุตสาหกรรมนี้ให้กลายเป็นคนตกงานหรือว่างงานทันที จึงอยากให้ ศบค. และ กพท. ทบทวนการหยุดบินในประเทศแบบ ”เร่งด่วน” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในกลุ่มที่มีความจำเป็นในการเดินทาง และเป็นการช่วยเหลือกลุ่มสายการบินให้ต่อลมหายใจต่อไปได้ โดยอาจเพิ่มมาตรการบางอย่างในการเดินทางเพื่อลดความเสี่ยง เช่นการนั่งเว้นที่ หรือแม้กระทั่งใช้เอกสารยืนยันการฉีดวัคซีน หรือผลตรวจโควิดมาใช้เป็นเครื่องมือในการลดความเสี่ยงต่อไป

‘ราเมศ’ เผย ‘ชินวรณ์’ ยังตามติด แก้ รธน. 

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ขณะนี้อยู่ในชั้นคณะกรรมาธิการว่า กรณีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญยังคงเดินหน้าตามกระบวนการที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้คืออยู่ในชั้นการพิจารณา 

กรรมาธิการในส่วนของพรรคที่ 3 คน คือนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช ก็ยังคงติดตามและทำงานในชั้นคณะกรรมาธิการอย่างเต็มที่ ทั้งการแสวงหาแนวร่วม พูดคุยเพื่อให้กรรมาธิการมีความเห็นสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน และที่สำคัญ นายชินวรณ์ ซึ่งเป็นหลักสำคัญในการเชื่อมความเข้าใจ และความเห็นพ้องต้องกันกับบุคคลในพรรคและในส่วนของพรรคต่างๆด้วย ซึ่งคาดว่าเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นก็จะมีการประชุมพรรคเพื่อพูดคุยเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เหตุเพราะมีสมาชิกรัฐสภายื่นคำแปรญัตติมาหลายคน ก็มีความจำเป็นต้องพูดคุยทำความเข้าใจกับ ส.ส.ของพรรคเพื่อให้ได้ทราบว่าทิศทางของกรรมาธิการจะเป็นไปในทิศทางใดในเรื่องโครงสร้างระบบเลือกตั้งทั้งหมด วันนี้ก็จะมีการประชุมคณะกรรมาธิการในส่วนของการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เพื่อกำหนดกรอบการพิจารณาให้มีประสิทธิภาพ ในส่วนของพรรคเชื่อว่าจะมีการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญทันในสมัยประชุมนี้ 

นายราเมศ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคได้มีจุดยืนชัดเจนเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมให้รัฐธรรมนูญมีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ภายใต้หลักการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่วนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแล้วจะมีการยุบสภาหรือไม่คงไม่สามารถตอบได้เพราะเป็นเรื่องของอนาคตและเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี

“ธนกร” เผยรัฐเตรียมนำระบบ “BKK HI Care” เป็นเครื่องมือช่วยหมอติดตามผู้ป่วย Home Isolation ตามนโยบาย "บิ๊กตู่” แจง ยาฟาวิพิราเวียร์ตั้งแต่ตุลาคม 2564 จะผลิตได้ไม่น้อยกว่า 40 ล้านเม็ดต่อเดือน มั่นใจมีเพียงพอรักษา

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  โฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) กล่าวว่า สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) ภายใต้กำกับของนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ได้พัฒนาระบบที่เรียกว่า “BKK HI Care” ในการติดตามและดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองและสีเขียว ที่รักษา-กักตัวที่บ้าน (Home Isolation) หรือที่ชุมชน (Community Isolation) อย่างใกล้ชิด ตลอดจนผู้ป่วยสามารถรายงานและรับคำแนะนำการรักษาที่ถูกต้องจากแพทย์และพยาบาล เช่น การวัดอุณหภูมิร่างกาย และการวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดตามเวลาที่กำหนด แล้วแจ้งผลให้ทางสถาบัน/โรงพยาบาลทราบทันที ซึ่งระบบนี้ดำเนินการผ่าน Line Application โดยการสแกน QR Code หรือแอดไลน์ เมื่อมีการตรวจพบเชื้อโควิด-19 จากสถานพยาบาลที่ผู้ป่วยได้เข้าทำการตรวจเชื้อหรือรักษา โดยไม่ต้องโหลดแอพพลิเคชันใหม่
    
นายธนกร กล่าวว่า ปัจจุบันมีสถานพยาบาลในกรุงเทพฯ ที่เข้าร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 285 แห่ง มีผู้ป่วยที่อยู่ในระบบแล้วกว่า 9,000 ราย ซึ่งจะช่วยทำให้ 1 คลินิกชุมชนดูแลผู้ป่วยได้ถึง 200 ราย หรือแพทย์ 1 ท่าน ดูแลผู้ป่วยได้ถึง 30 ราย พร้อมกันนี้ยังสามารถช่วยเก็บบันทึกรายงานการรักษารายวัน การสั่งยา การวัดอุณหภูมิ และอาหารที่รับแต่ละวัน โดยระบบนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญให้กับสถาบัน/โรงพยาบาลในการติดตามดูแลผู้ป่วยโควิด- 19 ที่เป็นผู้ป่วยสีเขียว รักษาตัวอยู่ที่บ้านได้ ซึ่งจะได้รับคำแนะนำจากคุณหมอ ในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง โดยผู้ป่วยจะได้รับการดูแลแบบโทรเวชกรรม (Telemedicine) ซึ่งหากผู้ป่วยแสดงอาการที่มีข้อบ่งชี้ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล ทางสถาบัน/โรงพยาบาลจะรับผู้ป่วยเข้ามารักษาได้อย่างสะดวก เป็นช่องทางให้ประชาชนสามารถรายงานสุขภาพที่เข้าถึงได้โดยง่าย โดยระบบนี้ แพทย์ พยาบาล สามารถเข้าถึงผ่านมือถือ Tablet หรือ PC ได้ ซึ่งครอบคลุมทั้ง Windows, Android และ IOS ทั้งนี้ แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วย Home Isolation ผ่าน “BKK HI Care” มีดังนี้

1.มอบชุดสำหรับ Home Isolation (BKK HI CARE kit) ซึ่งประกอบไปด้วย หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์เจล/ สเปรย์/ ถุงแดง แผ่นพับคำแนะนำในการปฏิบัติตัว แผ่นบันทึกอาการ (กรณี ไม่มี Smart phone) Pulse oximeter (เครื่องวัดระดับออกซิเจนในเลือด) Digital thermometer (เครื่องวัดอุณหภูมิแบบดิจิทัล) และยาฟ้าทะลายโจรหรือยาฟาวิพิราเวียร์ 2.บริการจัดส่งอาหารทุกวัน 3.ให้ผู้ป่วยวัดอุณหภูมิร่างกาย และวัดปริมาณออกซิเจนในร่างกาย วันละ 2 ครั้ง และรายงานอาการ และ4.เจ้าหน้าที่จากศูนย์บริการสาธารณสุข ติดตามดูแล สังเกตอาการผู้ป่วย ผ่านระบบ BKK HI Care /โทรศัพท์ เป็นระยะเวลา 14 วัน ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการสนองนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการนำดิจิตอลมาบริหารงาน
    
นายธนกร กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลดำเนินการจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ให้เพียงพอ ทั้งการนำเข้าจากต่างประเทศ และการผลิตเองในประเทศ โดยขณะนี้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เริ่มผลิตได้ และจะทยอยส่งมอบตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งขณะนี้มีศักยภาพการผลิตอยู่ที่เดือนละ 2-4 ล้านเม็ด แต่ในเดือนกันยายนคาดว่าจะผลิตได้จำนวน 23 ล้านเม็ด และตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 เป็นต้น ไปจะสามารถผลิตได้ไม่น้อยกว่า 40 ล้านเม็ดต่อเดือน ทั้งนี้ ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการจ่ายให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ทำ Home Isolation โดยพิจารณาให้ยาฟ้าทะลายโจรหรือยาฟาวิพิราเวียร์ตามระดับอาการด้วยแล้ว ดังนั้นขอให้ประชามั่นใจว่า ยาฟาวิพิราเวียร์มีเพียงพอต่อการรักษาอย่างแน่นอน

‘ก้าวไกล’ จี้ พม. เร่งเปิดเผยข้อมูลและแนวทางการให้ความช่วยเหลือ ‘เด็กกำพร้า’ จากสถานการณ์โควิด

นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และรองประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้พิการ ผู้สูงอายุ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตรายวันจำนวนมาก พบหลายรายเป็นพ่อหรือแม่ เป็นผู้ดูแลเด็ก จนทำให้เด็กกลายเป็น ‘เด็กกำพร้า’ แบบไม่ทันตั้งตัว แต่ไม่พบว่ากระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหน่วยงานหลักได้แถลงสถานการณ์และแนวทางการให้ความช่วยเหลือเด็กอย่างเป็นระบบ แถมยังไปขอให้ภาคส่วนต่าง ๆ ตั้งมูลนิธิช่วยเหลือเด็กกำพร้ากันเอง

“ภาพเด็กหญิงอายุ 7 ปี และ 9 ปี สองพี่น้องที่ต้องสูญเสียแม่เสาหลักเพียงคนเดียวที่ จ.สมุทรปราการ เป็นเพียงหนึ่งภาพสะท้อนที่สร้างความสะเทือนใจแก่สังคม แต่ในฐานะที่ทำงานด้านคุ้มครองเด็กมานาน กลับไม่เห็นการแถลงข่าวของกระทรวง พม. ที่เป็นหน่วยงานหลักตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ว่าได้มอบหมายให้ พมจ. สำรวจว่ามีเด็กกำพร้าหรือได้รับผลกระทบจำนวนเท่าใดกันแน่ แนวทางการให้ความช่วยเหลือทั้งการฟื้นฟูร่างกายจิตใจ การมีผู้ดูแลระยะยาว การศึกษาของเด็ก โดยไม่จำเป็นต้องแยกเด็กมาดูแลในสถานสงเคราะห์จะเป็นอย่างไร มิใช่แต่เพียงการช่วยเฉพาะรายที่เป็นข่าว และอ้างว่าจะใช้เงินจากกองทุนคุ้มครองเด็กที่มีระเบียบยุ่งยากหรือจะตั้งมูลนิธิช่วยเหลือแต่เพียงอย่างเดียว อนาคตของเด็ก ๆ เป็นอนาคตของชาติและสำคัญกว่าจะปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม” นายณัฐวุฒิระบุ

โดยข้อมูลจาก The Lancet Medical Journal วารสารทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียง เปิดเผยรายงานการประเมินนับจากการระบาดของโรคตั้งแต่ 1 มีนาคม 2563 - 30 เมษายน 2564 ว่ามีเด็กอย่างน้อย 1.13 ล้านคน ต้องสูญเสียพ่อแม่หรือปู่ย่าตายายที่เป็นผู้ดูแลหลักอย่างน้อย 1 คน และมีเด็กไม่น้อยกว่า 1.56 ล้านคน ต้องเผชิญกับการสูญเสียผู้ดูแลหลักหรือผู้ดูแลรอง เช่น เครือญาติในบ้าน อย่างน้อย 1 คน นี่นับเฉพาะข้อมูลจาก 21 ประเทศที่มีการเสียชีวิตสูงสุด

สำหรับในประเทศไทยนั้นมีการประเมินโดย Imperial College London แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คาดการณ์ว่าจะมีเด็กกำพร้าที่พ่อแม่หรือทั้งสองเสียชีวิตอย่างน้อย 160 คน เด็กที่อยู่ในภาวะที่มีผู้ดูแลหลักเสียชีวิตอย่างน้อย 180 คน และอีกมากกว่า 350 คน ที่มีผู้ดูแลหลักหรือผู้ดูแลรองในบ้านเสียชีวิต แม้เด็กจะไม่ได้กำพร้าก็ตาม และตัวเลขนี้เป็นตัวเลขการประเมินก่อนที่จะมีอัตราการเสียชีวิตมากขึ้นในปัจจุบัน

การเสียชีวิตของคนในครอบครัวย่อมส่งผลกระทบ หรือ trauma กับเด็กทั้งทางจิตใจและทางสังคม ที่ต้องได้รับการประเมินจากนักวิชาชีพผู้เกี่ยวข้อง เพราะเด็กแต่ละคนมีต้นทุนไม่เหมือนกัน ยิ่งถ้าเป็นเด็กกำพร้า ยิ่งจะต้องได้รับการประเมินและติดตาม เพราะผลกระทบยิ่งมากกว่าทั้งการขาดผู้ดูแล การเรียนรู้บทบาทในครอบครัว ที่อยู่ เศรษฐานะ โอกาสในการศึกษา โอกาสในอาชีพ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งภายใต้ พรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 นั้น ได้กำหนดให้ พม. เป็นกระทรวงหลัก ดำเนินการผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด คณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ที่จะต้องเร่งในการสำรวจข้อมูลเด็กที่ได้รับผลกระทบ การวางแผนในการช่วยเหลือ และการมอบหมายให้มีพนักงานเจ้าหน้าที่ ทำหน้าที่เป็น case manager ในการติดตาม ซึ่งรวมถึงการประเมินว่าใครจะเป็นผู้ดูแลเด็ก และเด็กจะเติบโตไปในระยะยาวได้อย่างไร และแน่นอนว่าสถานการณ์แบบนี้เป็นการตอกย้ำว่าการมีนโยบาย ‘เงินอุดหนุนเด็กเล็ก’ แบบถ้วนหน้า ยิ่งจำเป็นยิ่งที่ต้องลงทุน มากกว่าการใช้งบประมาณที่ไม่จำเป็นในด้านอื่น ๆ

“ตนชื่นชมคนในสังคมที่ช่วยเหลือเมื่อเห็นเด็กสูญเสียพ่อแม่จากโควิด ทั้งการบริจาค การระดมทุน แม้กระทั้งการหามูลนิธิหรือโรงเรียนประจำให้เด็ก แต่รัฐบาลที่มีหน้าที่โดยตรง โดยเฉพาะกระทรวง พม. ที่ควรวางแผนและแถลงถึงแนวทางรองรับปัญหาที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นกลับไม่ได้ทำ ซึ่งตนจะเสนอให้ กมธ.กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้พิการ ผู้สูงอายุ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนฯ เชิญนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาสอบถามถึงแนวทางการช่วยเหลือเด็กกำพร้าและเด็กที่ได้รับผลกระทบจากโควิดต่อไป หลาย ๆ เรื่องในสังคมไทย อาจเป็นเรื่องที่รอได้ แต่เรื่องเด็กเป็นเรื่องที่รอไม่ได้” นายณัฐวุฒิกล่าวทิ้งท้าย


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ไฮโซลูกนัท โพสต์ข้อความประกาศนัดหมายกิจกรรม "คาร์ม็อบสลิ่มกลับใจ" 8 สิงหาคมนี้

วันที่ 3 ส.ค. นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท ประกาศนัดหมายกิจกรรม "คาร์ม็อบสลิ่มกลับใจ" ในวันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคมนี้ เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป พร้อมระบุข้อความว่า... จะทนกันต่อทำไมหละเพื่อน ๆ! ติดสัญลักษณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ หรือมาก ๆ มาย ๆ แล้วแต่สะดวก เราจะมาชู 3 นิ้ว อย่างปลอดภัยกัน


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ราเมศ ย้ำ ส.ส.ปชป. ในพื้นที่ลุยช่วย พี่น้องชาวสวนมังคุด เต็มที่ ระดมทุกภาคส่วนร่วมแก้ปัญหา

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงสถานการณ์ล่าสุดของพี่น้องชาวสวนมังคุดในหลายพื้นที่ว่า ในส่วนของพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กำชับให้ทุกภาคส่วนของพรรคร่วมขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหามังคุด เช่น นครศรีธรรมราช ชุมพร สุราษฎร์ธานี และจังหวัดอื่นในภาคใต้ โดยร่วมมือกับหลายภาคส่วน รวมถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคในทุกพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว 

ขณะนี้ ส.ส.ช่วยกันระบายมังคุดให้ได้มากที่สุดเพื่อให้ผ่านสถานการณ์ช่วงที่มีผลผลิตออกมากในช่วงนี้ และประสานกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อแก้ปัญหา โดยมีมาตรการเชิงรุกช่วยงบประมาณจำนวน 50,850,000 บาท เพื่อกระจายมังคุดจำนวน 16,950 ตัน  สนับสนุนค่าขนส่ง สำหรับผลไม้ที่ส่งขายผ่านไปรษณีย์ จำนวน 200,000 กล่องๆ ละ 10 กก. เพื่อช่วยกระจายผลไม้ 2,000 ตัน โดยได้จัดส่งกล่องพร้อมสติ๊กเกอร์ให้จังหวัดต่างๆ เชื่อมโยงผู้รับซื้อของกรมการค้าภายในช่วยเร่งระบายมังคุด และได้มีการประสานงานกับโมเดิร์นเทรดเพื่อให้มีการจัดพื้นที่ขายมังคุดเป็นพิเศษ

สิ่งสำคัญอีกประการที่ ส.ส.ของพรรคและสำนักงานใหญ่ทำและประสบผลสำเร็จคือการช่วยกันระบายมังคุดพร้อมรณรงค์ให้ประชาชนบริโภคมังคุดมากขึ้น นายราเมศ กล่าวต่อว่า ในส่วนของพรรค ได้ดูแลปัญหาของพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด ส.ส.ของพรรคในพื้นที่ เช่นนายชินวรณ์ บุญยเกียรติ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล นายชัยชนะ เดชเดโช นายสราวุธ อ่อนละมัย เป็นต้น

“หมอทศ” จี้ ว่าที่ปลัด มท.ใช้ชุด พีพีอี ลงพื้นที่ช่วยประชาชน

 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.แพร่ พรรคไทยรักไทย พญ.ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ เจ้าของคลินิกความงาม ของขวัญคลีนิก พร้อมด้วย นักศึกษาแพทย์ และ ประชาชน จำนวนหนึ่ง ยื่นหนังสือเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เกี่ยวกับการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับมาจากสหรัฐ 

พญ.ของขวัญ กล่าวว่า สถานการณ์โควิด ที่รุนแรงในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ด่านหน้าทั้งในและนอกระบบ รวมถึงคนในครอบครัวทุกคน ล้วนทุ่มเททำงานอย่างหนัก แต่การป้องกันยังบอบบาง จึงเรียกร้องให้ยกเลิกกฎเกณฑ์ต่างๆกับบุคคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ในการได้รับวัคซีนไฟเซอร์ ขอนับรวมบุคลากรด่านหน้า ผู้ที่เข้าเกณฑ์ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ ทั้งในและนอกระบบ เปิดเผยรายชื่อผู้ที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์อย่างโปร่งใสทุกคน  เพื่อไม่ให้เกิดข้อกังขาในสังคม และนำเข้าวัคซีน mRNA เข้ามาฉีดให้กับประชาชนให้เร็วที่สุด 

ด้าน นพ. ทศพร กล่าวว่า ขณะนี้มีข้าราชการทั้งประเทศกว่า 2 ล้านคน แต่เห็นมีเพียงอาสาสมัครที่ออกไปช่วยเหลือคนตามท้องถนน จึงเป็นคำถามว่าข้าราชการไปไหนหมด กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  หรือกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย หายไปไหน อยากให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยที่เพิ่งรับตำแหน่ง ขอให้ใส่ชุด พีพีอี แล้วออกไปช่วยประชาชนตามท้องถนนด้วย รวมถึงตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง และอธิบดีทั้งหลายก็ขอให้ออกไปช่วยประชาชนที่นอนอยู่ตามท้องถนนอย่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอาสาสมัครอย่างเดียว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อให้สัมภาษณ์เสร็จแล้วทางกลุ่มได้ยื่นหนังสือถึงนายกฯผ่าน ตู้ไปรษณีย์ 1111 ด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล 

“สงคราม”อัด“บิ๊กตู่”อำมหิตกล่าวหาประชาชนแกล้งตาย ชี้ รัฐตั้งเงื่อนไขหวังลดจำนวนวัคซีนให้แพทย์ จี้แจงเก็บที่เหลือเพื่อใคร

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ประเทศไทยได้รับบริจาควัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพดี จากสหรัฐอเมริกาจำนวน 1.5 ล้านโดส โดยในขั้นต้นรัฐบาล ประกาศว่าต้องการให้นำมาฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบสาธารณสุขของไทย รวมทั้งกระจายไปสู่ประชาชน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่

หลังจากรับการบริจาคมาแล้ว รัฐบาลกลับไม่ทำตามเจตนารมย์ ที่เคยประกาศไว้ มีการตั้งเงื่อนไขว่าบุคลากรทางการแพทย์ต้องเข้าเกณฑ์ที่รัฐกำหนดจึงสามารถฉีดวัคซีนไฟเซอร์ได้มองว่ารัฐบาลพยายามที่จะลดจำนวนวัคซีนทีจะฉีดให้กลุ่มนักรบด่านหน้า จากเดิมบอกว่าจะฉีดให้ 700,000 โดสสุดท้ายจะเหลือเพียงไม่ถึง 400,000 โดส เพราะเงื่อนไขที่ตั้งขึ้นเป็นเงื่อนไขที่รัฐบาลมีวาระซ่อนเร้นและต้องการนำวัคซีนที่เหลือไปทำอะไร

นายสงคราม กล่าวด้วยว่า รัฐบาลมีแผนในการเก็บวัคซีนจำนวน 5,000 โดส อ้างว่าเพื่อการวิจัย เป็นเรื่องทีน่าประหลาดใจมาก เพราะวัคซีนที่ได้รับมา ผ่านการวิจัยมาจากนานาชาติแล้ว รัฐบาลต้องการรัฐบาลเก็บวัคซีน 5,000 โดสนี้ให้กลุ่มไหน ทั้งนี้มีกระแสข่าวว่า ทั้งเจ้าสัวใกล้ชิดรัฐบาล นายทหารใหญ่ อาจจะได้ประโยชน์จากวัคซีนที่ได้รับบริจาคมาก

“การที่คนในรัฐบาลออกมากล่าวหาว่า ประชาชนที่เสียชีวิตมีการจัดฉากแกล้งตาย การออกมากล่าวหาประชาชนว่าแกล้งป่วยแกล้งตาย น่าสลดใจในความคิดของคนในรัฐบาลนี้มากและเป็นความคิดที่อำมหิตมาก ทั้งๆที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน ทั้งนี้เชื่อว่าหากมีการตรวจเชิงรุกจริงตัวเลขผู้ติดเชื้อจะสูงกว่านี้ มาตรการล็อคดาวน์ที่ออกมาล้มเหลวไม่เป็นท่า รัฐบาลยิ่งล็อคดาวน์ประชาชนยิ่งติดเชื้อเพิ่ม แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแก้โควิดล้มเหลว ทำได้เพียงดีแต่พูดไปวันๆ ”นายสงครามกล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top