Sunday, 19 May 2024
NEWS FEED

'ดร.สมเกียรติ' เผยผลกระทบหากรับ 'โรฮีนจา' เข้าไทย เตือนความขัดแย้งลึกมาก คนไทยอย่าไปยุ่ง!! 

'ดร.สมเกียรติ' เปิดห้องเรียนเสนาธิการทางเฟส ชี้ผลกระทบ หากรับ 'โรฮีนจา' เข้าไทยทางเรือ เตือนความขัดแย้งระหว่างชาวเมียนมากับโรฮีนจาลึกมาก คนไทยไม่เข้าใจอย่าไปยุ่งกับเขา

23 ก.พ. 65 ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว มีเนื้อหาดังนี้…

โรฮีนจา ห้ามยุ่งเด็ดขาด
เอกสารยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศไทย เปิดห้องเรียนเสนาธิการทางเฟสซะเลย
============================
หากรับโรฮีนจาเข้าไทยทางเรือ

>> หนึ่ง ชาวบังกลาเทศจะอพยพตามมาด้วย ทุกลำเรือที่ขนโรฮีนจาจะมีบังกลาเทศในเรือ 60% โรฮีนจามีล้านคน อยู่ในค่ายบังกลาเทศอีกสามแสนคน

ประชากรบังกลาเทศมีร้อยกว่าล้าน เจ้าหน้าที่ไทยแยกไม่ถูกหรอก ระหว่างคนสองชาตินี้ ภาษาคล้ายกันมาก หน้าตาเหมือนกัน

เมือง Cox Basar ของบังกลาเทศ คือ ท่าเรือที่ใช้อพยพ ที่ตั้ง UNHCR มีลำคลองแยกเป็นเส้นลายมือเชื่อมโยงสู่แม่น้ำที่มาระนองมากมาย อพยพบังกลาเทศมาได้เรื่อยๆ ทางน้ำ

จะเกิดการอพยพจากเอเชียใต้เข้าไทยครั้งใหญ่ นึกภาพดูแล้วกัน จะว่ามีผลกระทบอย่างไรต่อไทย ประเทศของคุณ
============================
>> สอง เมื่อมีการอพยพเข้ามา จะมี NGO ของทั้งโลกตะวันตกและโลกมุสลิมเข้ามาในไทย

สี่ปีมานี้ ประเทศทั่วโลกร่วมร้อยประเทศ ออกกฎหมายห้าม หรือควบคุมเข้มงวดงาน NGO จากต่างประเทศ เพราะเป็นการชักศึกเข้าบ้าน ประเทศย่านเอเชียก็เช่นกัน รัสเซีย จีน สิงคโปร์ พม่า ทั้งหมดแหละ องค์กรเหล่านี้หาที่ตั้งไม่ได้ ก็จะมาไทย เอาไม่อยู่ดอก ยิ่งมายิ่งยุ่ง ศักยภาพในการสร้างสถานการณ์โยงโลกเก่งมาก หยุดพวกเขาเสีย อินเดียสั่งห้าม 20,000 องค์กร ด่ารัฐบาลเลยหากช้า

ฝั่งองค์กรจากโลก มุสลิม ประเทศใหญ่คือ ซาอุฯ ตุรกี อิหร่านขัดแย้งกัน มีสายที่นิยมสู้รบในทุกสาย
โรฮิงยาก็มีรบกับตำรวจ ทหารพม่า จะมารบกันในไทยนี่แหละ ดูตะวันออกกลางไว้ ไทยเพิ่งแก้ปัญหา NGO ตุรกีเรียบร้อย

NGO ตะวันตกไม่ต้องพูด ดูตะวันออกกลาง ดูที่ทำในไทย อันตราย เอาให้อยู่
============================
>> สาม เรือที่จะขนเข้ามาหาไทยมีร่วม 50,000 ลำ หลายชาติ บรรทุกได้ลำละหลักร้อยถึงพันคน เป็นอาชีพที่ทำรายได้มากกว่าการประมง จะเกิดการค้ามนุษย์ขนาดใหญ่ และไม่หยุด

มีอิทธิพลเงิน อาวุธ การสื่อสาร ความเร็วเรือเพิ่ม ต้องเพิ่มทหารไทยทั้งทางน้ำ ทางบก ทางอากาศ ตำรวจ พลเรือน

ภาคใต้จะถูกยึดในสองปี จะส่งกลับ ส่งไป ไม่มีใครรับหรอก
============================
>> สี่ ลองประมาณค่าใช้จ่ายดู สร้างงานให้คนไทยหนึ่งคนใช้เงินราวสองล้าน ความต้องการสาธารณูปโภค โรงเรียน โรงพยาบาล หมอ ยา ไม่มีใครมาช่วยเราหรอก
============================
>> ห้า ตะวันตกจะมาใช้ไทยเป็นฐานโจมตีพม่า ทั้งด้านข่าวสาร ส่งกองกำลัง คน ส่งอาวุธ พม่าจะกลายเป็นสมรภูมิ

พม่าจะรบกับไทย ตัดแก๊ส แรงงานต่างชาติก็มี ฝึกทหารมาทั้งนั้น

ทหารพม่ามีชื่อเสียงทางทหารราบภูเขาที่ดีที่สุดของโลก คนตีนเขาหิมาลัย
สร้างมิตรดีกว่า
============================
>> หก ตะวันตกมีแผนยึดพม่าในฐานะจุดยุทธศาสตร์ เส้นทางส่งแก๊ส น้ำมัน เข้าจีนทางรัฐยะไข่ ส่งไปยูนนาน เสฉวน ฐานขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของจีน ต้องการสร้างฐานไซเบอร์

จีนจะรีบลงมาจากเหนือ

อินเดียก็จะมา อินเดียประกาศว่าโรฮิงยาเป็นภัยต่อความมั่นคงของอินเดีย

บังกลาเทศจะกลายเป็นฐานโจมตีพม่า

UNHCR ที่บังกลาเทศจะกลายเป็นฐานใหญ่ ของตะวันตก

เส้นทางทางน้ำจากยะไข่ ลงมาระนอง พังงา ทัพเรือที่สามของไทย อันดามัน จนถึงมาเลเซีย ช่องแคบมะละกา อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย จะกลายเป็นเส้นทางสงครามทางเรือ

เรือดำน้ำแถวอันดามันมา แอบอยู่ที่เกาะแถวพม่าเขตพม่ามาร่วมสิบปี

เรือดำน้ำ จากฝั่งกัมพูชามาหมด เวียดนาม อินโดฯ มาเลฯ สิงคโปร์ จีน อเมริกา ออสเตรเลียมาหมด ไทยคงต้องเกณฑ์เรือด่วนเจ้าพระยา ติดบั้งไฟไปสู้

ดูหนัง Killer Hunter แล้วยังครับ ยิงขีปนาวุธจากเรือดำน้ำ ท่อแก๊ส คลังน้ำมัน เคเบิล ฐานเจาะแก๊ส เรือสินค้าหมูมาก

แต่ไทยจะมีพญานาคจากแม่น้ำโขงมาช่วยได้ ครุฑก็มีนะ

อย่ายุ่งกับพม่าครับ

"แรมรุ้ง" รองปลัดกระทรวง พม. เปิดใจรับฟังผู้นำคนพิการ และกรมสุขภาพจิต

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 "นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ" รองปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมคณะกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ให้โอกาส "อ.ชูศักดิ์ จันทยานนท์" ประธานสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยนำคณะ "กรมสุขภาพจิต" โดย ”หมอจ๋า” คุณมธุรดา สุวรรณโพธิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีธัญญา และทีมผู้บริหารที่ดูแลงานด้านสุขภาพจิต เข้าพบเพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิดวางแนวทางการทำงานอย่างบูรณาการร่วมกัน ทั้งระบบสังคม / ระบบสุขภาพจิต / ระบบเครือข่ายคนพิการ ผู้ดูแลคนพิการ และชุมชนเครือข่ายสถาบันและโรงพยาบาลที่จัดบริการด้านสุขภาพจิต 20 แห่ง พร้อมสนับสนุนการทำงานร่วมกันแนวคิดสำคัญ คือ การร่วมมือทำงานภายใต้กฎหมายสุขภาพจิต กฎหมายคนพิการ เพื่อขับเคลื่อนแผนงาน Long Term Care สำหรับกลุ่มเปราะบาง 

โดยในส่วนคนพิการ อาจจัดทำชุด #Mental Health and Psycho-Social Support Package ทั้งระบบ และการเตรียมความพร้อมบุคลากรในเครือข่ายที่จัดบริการกลุ่มเปราะบางให้สามารถจัดบริการตามมาตรฐาน การรวมพลังทีมสหวิชาชีพ การประสานส่งต่อ เชื่อมต่อ(Transition) การทำงานร่วมกับครอบครัว ชุมชน ตามแนวCommunity Base โดยอาจสนับสนุนให้มี Comunity Service Center สำหรับกลุ่มออทิสติก พัฒนาการและจิตเวชในชุมชน โดยสถานพยาบาลระดับทุติยภูมิที่มีความเชี่ยวชาญมาเสริมหนุน และพัฒนาให้เป็น “ศูนย์บริการคนพิการเฉพาะทางด้านPsycho-Social รวมทั้งการสานต่อการทำงานระหว่าง กองทุนหลักประกันสุขภาพ / กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพขีวิตคนพิการ และกองทุนท้องถิ่น

ทั้งนี้ อ.ชูศักดิ์ จันทยานนท์ ได้นำเสนอแนวคิดในการนำ มาตรา 20 วรรค 3 แห่ง พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ 2550 มาปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมเพื่อสนับสนุน การจัดศูนย์บริการคนพิการเฉพาะทาง โดยจัดทำระเบียบการสนับสนุนคนพิการที่ไม่มีผู้ดูแล ให้ได้รับสิทธิด้านสวัสดิการที่อยู่อาศัยและการเลี้ยงดู รวมถึงระเบียบการอุดหนุนสถานสงเคราะห์เอกชนจัดที่อยู่อาศัยและสวัสดิการ เพื่อรองรับระบบซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ และพร้อมเชื่อมองค์กรและภาคีเครือข่ายผู้ปกครอง และคนพิการที่สนใจร่วมดำเนิน

‘สวนนงนุชพัทยา’ ประกอบพิธีเปลี่ยน “ธงมนตรา” 9 ผืน จาก ประเทศภูฏานพร้อมขยายเวลา โปรโมชั่น ซื้อ 1 ฟรี 1 ตลอด เดือนมีนาคม!!

วันที่ 23 ก.พ. เวลา 09.00 น. นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา พร้อมด้วย นายคินซัง ดอร์จิ ( H.E. Mr. Kinzang Dorji ) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรภูฏาน ประจำประเทศไทย รวมทั้งผู้บริหารสวนนงนุชพัทยา ได้ร่วมกันประกอบพิธีเปลี่ยน “ธงมนตรา” จาก ประเทศภูฏาน จำนวน 9 ผืน สัญลักษณ์ตัวแทนแห่งความโชคดี   เพื่อความเป็นสิริมงคลในการนี้ ได้นิมนต์  พระครูเกษมกิตติโสภณ (อาจารย์จ่อย) เจ้าอาวาสวัดสามัคคีบรรพต  มาประกอบพิธีเจิมธงมนตรา สวดชัยมงคลคาถา เพื่อแสดงถึงความสำเร็จ ชัยชนะ และความเป็นสิริมงคล

นายกัมพล กล่าวว่า อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณ นายคินซัง ดอร์จิ เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรภูฏาน ประจำประเทศไทย ที่มอบธงมนตรา ทั้ง 9 ผืนให้สวนนงนุชพัทยาได้ทำการเปลี่ยนธงมนตราตามอายุการใช้งาน สำหรับธงมนตรา ของประเทศภูฎาน ถือเป็นธงแห่งโชคลาภ โบกสะบัดปัดสิ่งที่ดีให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในสวนนงนุชพัทยา ในการดีวันนี้ สวนนงนุชพัทยา ยังคงต่อโปรโมชั่นพิเศษ ซื้อ1 แถม ออกไปอีก ตลอดทั้งเดือน มีนาคม 2565 เช่นกัน ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกในการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคัก

 

‘ผู้ว่าฯ กทม.’ เตรียมสถานที่พร้อมรับผู้ป่วยสีแดง ยัน ไม่มีภาพผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษา

‘ผู้ว่าฯ กทม.’ เผย เตรียมสถานที่-เตียง พร้อมรับผู้ป่วยสีแดง ยัน ไม่มีภาพผู้ป่วยรอเตียง - ไม่ได้รักษา วอน ผู้ป่วยสีเขียวรักษาตัวที่บ้าน 

เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 23 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมการเตรียมสถานที่รองรับผู้ติดเชื้อในกทม. หลังมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้น ว่า ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา จำนวนเฉลี่ยผู้ติดเชื้อในกทม. อยู่ที่ประมาณ 3,000 คน โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย สั่งการตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาให้เพิ่มศูนย์รองรับ ขณะนี้สมมติว่าศูนย์พักคอยที่มี 100 เปอร์เซ็นต์ ใช้ไปประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 40 เปอร์เซ็นต์ จึงให้ไปเพิ่มเพื่อรองรับให้ได้อีก 50 เปอร์เซ็นต์ เพื่อทดแทนส่วนที่ใช้ไป ยืนยันว่าศูนย์พักคอยมีพอแน่นอน ในส่วนของโรงพยาบาล เตียงค่อนข้างเหลือน้อย แต่ยังไม่น่าหนักใจเนื่องจากเป็นผู้ป่วยสีเขียวจำนวนมาก มีอาการไม่รุนแรง เราก็ต้องตรวจตลอดเพื่อความไม่ประมาท

สมุทรปราการ-ระบาดหนัก!! “ดร.ยงยุทธ” สส.พลังประชารัฐ จับมือ “นายก อรัญญา ”นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา เปิดศูนย์พักคอยรับมือ โอมิครอน!!

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน ยังคงมีแนวโน้มผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ทำให้หลายพื้นที่ได้ดำเนินการเปิดศูนย์พักคอยเพื่อเตรียมรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 

โดยในเขตพื้นที่ตำบลแพรกษา ภายใต้การอำนวยการของ นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ตลอดจนผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 จึงได้ดำเนินการเปิดศูนย์พักคอยของทางเทศบาลตำบลแพรกษา (COMMUNITY ISOLATION) เพื่อเตรียมพร้อมรองรับผู้ป่วยในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลแพรกษา

โดยในวันนี้ ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สส.สมุทรปราการ พร้อมด้วย นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา นำคณะผู้บริหาร นำโดย นายมาชัย ไพศาลธนสมบัติ ปลัดเทศบาลตำบลแพรกษา นางนางมัทรียา เอี่ยมพินิจ เลขานุการนายกเทศมนตรี คณะสมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา ร่วมเปิด ศูนย์พักคอยรอการส่งต่อผู้ป่วยโควิด-19 ณ ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาคุณภาพการศึกษาเด็กปฐมวัย ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

โดยศูนย์พักคอยแห่งนี้ เปิดเป็นศูนย์พักคอยรองรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 รับเฉพาะผู้ป่วยสีเขียวเพื่อเฝ้าสังเกตุอาการและเตรียมส่งต่อไปยัง รพ.หากพบว่าผู้ป่วยมีอาการที่รุนแรงมากขึ้น โดยเป็นอาคาร 2 ชั้น มีห้องน้ำด้านในตัวอาคารและมีความพร้อมในการรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 และมีเตียงที่สามารถรองรับผู้ป่วยได้จำนวน 20 เตียง พร้อมด้วยเครื่องตรวจวัดอุณภูมิ/เครื่องตรวจวัดชีพจร/เครื่องตรวจวัดออกซิเจนในเลือด และอุปกรณ์ต่างๆ ในการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19

อีกทั้ง ในส่วนของการดูแลควบคุมผู้ติดเชื้อนั้น ทางเทศบาลตำบลแพรกษา ได้ดำเนินการให้ทางเจ้าหน้าที่เป็นผู้ควบคุมดูแล ตลอดทั้ง 24 ชม.พร้อมด้วยรถพยาบาลในการนำส่งผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงเพื่อส่งต่อผู้ป่วยไปยัง รพ. อีกด้วย

‘กรมบัญชีกลาง’ แจงไม่มีปรับลดหรือยกเลิกบำเหน็จบำนาญข้าราชการ

นางสาววารี แว่นแก้ว รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ตามที่มีการแชร์ข้อความในสื่อออนไลน์เกี่ยวกับการยกเลิกบำนาญ การลดเงินบำนาญ การเพิ่มเงินบำนาญ และการรื้อระบบบำนาญ เป็นต้น ซึ่งข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง ก่อให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องและตื่นตระหนก

“กรมบัญชีกลางในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลเกี่ยวกับเงินบำเหน็จ บำนาญข้าราชการ ขอชี้แจงว่า ปัจจุบันกรมบัญชีกลางยังไม่ได้รับนโยบายให้ลดหรือเพิ่ม รวมทั้งยกเลิกการจ่ายเงินบำนาญให้แก่ข้าราชการบำนาญ อีกทั้ง พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้นิยามคำว่าบำนาญ หมายถึง เงินตอบแทนความชอบที่ได้รับราชการมาซึ่งจ่ายเป็นรายเดือน กล่าวคือ มีเจตนารมณ์ที่จะตอบแทนการเสียสละปฏิบัติงานให้กับประเทศมาด้วยดีเป็นระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้น จึงขอเตือนให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่าหลงเชื่อข้อความดังกล่าว ทั้งนี้ ขอให้ติดตามข่าวสารจากช่องทางต่างๆ ของกรมบัญชีกลางเท่านั้น หรือสอบถามได้ที่ Call Center กรมบัญชีกลาง 02 270 6400” โฆษกกรมบัญชีกลางกล่าว


ที่มา : https://www.posttoday.com/finance-stock/news/676375

WHO พบ BA.2 ไม่ก่ออาการรุนแรงมากกว่า แม้จะแพร่เชื้อได้ง่ายกว่าโอมิครอนตัวดั้งเดิม

องค์การอนามัยโลกระบุในวันอังคาร (22 ก.พ.) สายพันธุ์ BA.2 ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวกลายพันธุ์โอมิครอน ไม่ก่ออาการรุนแรงมากไปกว่าตัวกลายพันธุ์โอมิครอนดั้งเดิม หรือ BA.1

มาเรีย ฟาน เคิร์คโฮฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคด้านโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวในช่วงถามตอบทางออนไลน์ ระบุว่า จากตัวอย่างของผู้ติดเชื้อจากหลายประเทศ "เราไม่พบเห็นความแตกต่างในความรุนแรงของ BA.1 เมื่อเปรียบเทียบกับ BA.2"

"มันมีระดับความรุนแรงพอๆ กันในความสัมพันธ์กับความเสี่ยงเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และนี่ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะในหลายประเทศมีพวกมันวนเวียนอยู่จำนวนมากมายมหาศาล ทั้ง BA.1 และ BA.2" เธอกล่าว

'อานนท์-เพนกวิน' ลุ้นศาลอื่นต่อ หลังศาลอาญาให้ประกัน เงื่อนไข 'ติดอีเอ็ม - ห้ามออกนอกบ้าน 3 ทุ่มยัน 6 โมงเช้า'

ศาลอาญาให้ประกัน ‘อานนท์-เพนกวิน’ ทุกคดี เงื่อนไขติดอีเอ็ม ห้ามชุมนุมกระทบสถาบัน ห้ามออกนอกบ้าน 3 ทุ่มยัน 6 โมงเช้า ลุ้นต่อคำสั่งประกันตัวของศาลอื่น

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (22 ก.พ.) นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ เปิดเผยว่า วันนี้ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว 2 แกนนำกลุ่มราษฎร นายอานนท์ นำภา ทั้งหมดรวม 9 คดี และ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ทั้งหมดรวม 8 คดี โดยมีเงื่อนไข ให้จำเลยทั้ง 2 คน ติดกำไลอีเอ็ม ห้ามออกจากเคหสถานตั้งแต่เวลา 21.00 - 06.00 น. ห้ามทำกิจกรรมกระทบสถาบัน ห้ามเข้าร่วมชุมนุมที่ก่อความวุ่นวาย ห้ามเดินทางออกประเทศ

กรมการกงสุล ออกประกาศเตือนคนไทย หลีกเลี่ยงเดินทางไปยูเครน แนะตามข่าวใกล้ชิด

กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศได้ออกประกาศลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 ระบุว่า ตามที่กรมการกงสุลได้ออกประกาศ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 แจ้งเตือนคนไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียด บริเวณชายแดนยูเครน โดยขอให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยูเครน หากไม่จำเป็นในระยะนี้ นั้น

เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์ดังกล่าวได้พัฒนาความตึงเครียดในเมืองโดเนตสค์ (Donetsk) และเมืองลูฮันสค์ (Luhansk) มากขึ้นตามลำดับ “กรมการกงสุลจึงขอประกาศแจ้งเตือนขอให้คนไทยหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าพื้นที่ดังกล่าว และขอให้ผู้ที่พำนักอาศัยในยูเครน ติดตามสถานการณ์ และข่าวสารอย่างใกล้ชิด”

กระทรวงเกษตรฯ เดินหน้ามอบ GAP นาเกลือทะเล 2 รายแรกของไทย พร้อมเร่งตรวจประเมินแปลงนาเกลือเพื่อพัฒนาสู่มาตรฐานระดับสากล

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาเกลือทะเลไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาเกลือทะเลไทย ครั้งที่ 1/2565 ผ่านการประชุมออนไลน์ ZOOM Meeting

โดยมี นายอำพันธุ์ เวฬุตันติ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตลอดจนผู้แทนจากกรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม

ทั้งนี้​ที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ทำนาเกลือทะเล ปี 2564/2565 (ข้อมูล ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565) มีจำนวนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนรวม 7 จังหวัด (สมุทรสาคร เพชรบุรี สมุทรสงคราม ปัตตานี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และจันทบุรี) จำนวน 597 ครัวเรือน 941 แปลง เนื้อที่ 19,041.27 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 82.57 เมื่อเทียบกับจำนวนครัวเรือนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนในปีการผลิต 2563/2564 และคาดการณ์ว่าปีการผลิต 2564/2565 จ.สมุทรสาคร จะมีปริมาณผลผลิตออกมามากสุด 316,459 ตัน

พร้อมกันนี้ ได้รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานมาตรฐานเกลือทะเลไทยในการตรวจสอบรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่องการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับการทำนาเกลือทะเล (มกษ. 9055-2562) ในปีงบประมาณ 2565 โดยมีเกษตรกรที่มายื่นขอรับการรับรองแล้วจำนวน 25 ราย 50 แปลง พื้นที่ 1,461.22 ไร่ ปัจจุบันมีเกษตรกรได้รับการรับรองตาม มกษ. 9055 แล้วจำนวน 2 ราย ได้แก่ นายเลอพงษ์ จั่นทอง จ.สมุทรสาคร พื้นที่การผลิตเกลือทะเล 40 ไร่ และนางสาววรรณจิตร สินทะเกิด จ.สมุทรสาคร พื้นที่การผลิตเกลือทะเล 44 ไร่  (ข้อมูล ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565)

โอกาสนี้ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษา รมว.กษ. ได้กล่าวแสดงความยินดีและมอบหมายให้ นายอำพันธุ์ เวฬุตันติ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้มอบใบรับรองมาตรฐาน GAP ให้กับเกษตรกรทั้ง 2 ราย อย่างไรก็ตามยังมีเกษตรกรนาเกลือที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจรับรองเพื่อขอรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจรับรองแปลงนาเกลืออย่างน้อยจังหวัดละ 1 แปลง เพื่อยกระดับการผลิตเกลือทะเลไทยให้ได้มาตรฐานและรองรับการขยายช่องทางการจำหน่ายต่อไป 

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาเกลือทะเล ปี 2564 ในพื้นที่การผลิตเกลือทะเล จำนวน 3 จังหวัดที่มีผลผลิตเกลือทะเลค้างสต็อก จากปีการผลิต 2562/63 โดยชดเชยส่วนต่างราคาขายเกลือทะเลให้กับเกษตรกร ตันละ 250 บาท รายละไม่เกิน 30 ไร่ ผลผลิตไม่เกินรายละ 443.40 ตัน ผลการดำเนินงานชดเชยส่วนต่างค่าจำหน่ายเกลือทะเลให้เกษตรกร จำนวน 111 ราย เกลือทะเลจำนวน 39,841.17 ตัน แบ่งเป็น จ.เพชรบุรี 107 ราย เกลือทะเลจำนวน 33,067.42 ตัน จ.สมุทรสาคร 36 ราย เกลือทะเลจำนวน 6,173.75 ตัน และ จ.สมุทรสงคราม 2 ราย เกลือทะเลจำนวน 600 ตัน ซึ่งจำนวนเกลือทะเลที่เข้าร่วมโครงการและการชดเชยส่วนต่างค่าจำหน่ายเกลือทะเล คิดเป็นร้อยละ 81.70 ของเป้าหมายโครงการ ส่วนผลการเบิกจ่ายงบประมาณ 10,076,707.75 บาท คิดเป็นร้อยละ 81.61 ของวงเงินอนุมัติ เป็นค่าชดเชยส่วนต่างราคาเกลือทะเลให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการเป็นเงินจำนวน 9,960,291.75 บาท และเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน จำนวน 116,416 บาท ส่งคืนกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรเป็นเงิน 2,493,592.25 บาท และมีค่าดอกเบี้ยเงินฝากจำนวน 7,860.69 บาท (ข้อมูลวันที่ 12 มกราคม 2565)


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top