Thursday, 3 July 2025
NEWS FEED

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง เมื่อประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ขอเดินตามรอย ท่านประธาน สี จิ้นผิง ที่สามารถดันญัตติผ่านสภาให้สามารถอยู่ในตำแหน่งผู้นำสูงสุดแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ตลอดชีพ

แต่สำหรับปูติน อาจจะไม่ได้เปรี้ยวเท่าท่านประธานสี ขอเนียนยืดต่อไปทีละ step ด้วยการเสนอเรื่องการต่ออายุการดำรงตำแหน่งอีก 2 สมัยผ่านประชามติเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม 2020 ที่ผ่านมา ให้ชาวรัสเซียตัดสินว่าจะให้มีการแก้รัฐธรรมนูญให้ปูตินสามารถอยู่ต่อได้อีก 2 สมัยหลังจากหมดวาระปัจจุบันในปี 2024 ได้หรือไม่ และผลประชามติก็ออกมาถล่มทลาย สนับสนุนให้สภารัสเซียแก้รัฐธรรมนูญได้ ด้วยคะแนน 78% ต่อ 22%

และชาวสภารัสเซีย ก็ไปจัดการร่างแก้กฎหมายใหม่มาเรียบร้อยผ่านทั้งสภาล่าง สภาบน จนมาจบที่ปลายปากกาของปูตินในวันนี้ เพื่อเซ็นรับรองกฎหมายใหม่อย่างเป็นทางการ

เท่ากับว่า ปูตินจะมีโอกาสลงเลือกตั้ง และเป็นประธานาธิบดีรัสเซียได้อีก 2 สมัย รวม 12 ปี หากชีวิตทางการเมืองของปูตินอยู่ยาวได้ตลอดเช่นนั้นจริง เท่ากับป๋าปูตินจะพ้นตำแหน่งในวัย 83 ปี และจะกลายเป็นผู้นำรัสเซียที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของรัสเซีย แซงหน้าโจเซฟ สตาลิน ไปเลยทีเดียว

ท่านป๋า วลาดิมีร์ ปูติน ของเราดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีครั้งแรกในปี 2000 ที่ในสมัยนั้น รัฐธรรมนูญรัสเซียยังระบุให้ตำแหน่งผู้นำมีวาระเพียงสมัยละ 4 ปี ผู้นำ 1 คน สามารถอยู่ได้ไม่เกิน 2 สมัย

แต่พอปูตินนั่งยาวมาได้เต็ม 2 สมัย ด้วยคะแนนนิยมสูงลิ่ว เขาก็ดันลูกหม้อคนสนิท ดมิตรี้ เมดเวเดฟ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจากเขา ส่วนเขาถอยมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน และในสมัยนี้ก็มีการแก้รัฐธรรมนูญว่าด้วยเรื่องตำแหน่งผู้นำเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งสหพันธรัฐรัสเซีย โดยขยายระยะเวลาจาก 4 ปี เป็น 6 ปี และอนุญาตให้อดีตผู้นำที่เว้นวรรคตำแหน่งไปแล้ว สามารถกลับมาลงชิงตำแหน่งได้ ซึ่งเปิดทางให้ปูตินกลับขึ้นมานั่งแท่นประธานาธิบดีอีกครั้ง 2012 ยาวจนถึงตอนนี้นับเป็นสมัยที่ 4 แล้ว และจะครบวาระในปี 2024

แต่ถึงแม้ว่าจะชงมติเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ดันเอง เซ็นอนุมัติเอง หากใครมาถามป๋าว่า ยังจะลงสู้ศึกเลือกตั้งหลังปี 2024 ต่อหรือไม่ ป๋าก็ยังแบ่งรับ แบ่งสู้ ไม่ยืนยันใด ๆ ทั้งสิ้น ถึงเวลาก็เห็นเอง ดังนั้นก็คงไม่ต้องถามหรอกว่าหลังจากปี 2036 ป๋ายังจะอยู่ต่ออีกไหม แค่ให้รู้ไว้ว่า ฉายา พระเจ้าซาร์ ปูติน ไม่ได้มาเล่น ๆ

แต่ตอนนี้ก็เป็นห่วงแต่ อเล็กเซ นาลวานี ฝ่ายค้านผู้จุดกระแสต่อต้านปูตินในรัสเซีย ที่เกือบตายจากการโดนวางยาพิษ แต่ตอนนี้กำลังอดอาหารประท้วงอยู่ภายในเรือนจำ หากท่านป๋าปูตินจะอยู่ยาวขนาดนี้ อาจต้องรีบเปลี่ยนกลยุทธด่วน ๆ


อ้างอิง

https://www.themoscowtimes.com/2021/04/05/putin-signs-law-paving-way-to-rule-until-2036-a73430

https://www.theguardian.com/world/2021/apr/05/vladimir-putin-passes-law-that-may-keep-him-in-office-until-2036

https://foreignpolicy.com/2020/07/03/putin-russia-voter-rubber-stamp-approval-constitutional-referendum-2036/

"เสรีพิสุทธ์" เผยความคืบหน้ายื่นถอดถอน "สิระ" เชื่อ คดีออกมาเป็นธรรม ยัน สิระไม่มีหลักฐานมาหักล้างได้แน่

วันที่ 7 เมษายน 2564 ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยถอดถอน นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ หลังนายสิระเคยต้องคำพิพากษาของศาลแขวงปทุมวัน มีความผิดทางอาญาฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามีโทษ จำคุก 4 เดือน แต่ตีตกคำร้องที่ขอให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากไม่มีเอกสารแสดงหลักฐานว่าคดีถึงที่สุดแล้ว ว่า ตนได้มีหนังสือไปถึงศาลแขวงปทุมวัน เพื่อขอคำพิพากษาและหนังสือรับรองคดีถึงที่สุดด้วย แต่ศาลแขวงปทุมวันให้ได้แต่เพียงคำพิพากษา ซึ่งในคำพิพากษาเป็นคดีที่นายสิระรับสารภาพจึงถูกศาลพิพากษาจำคุก ตนจึงส่งคำพิพากษาผ่านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัย ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็ว่าไปตามเนื้อหาสาระและรับเรื่องไว้แต่ยังไม่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ 

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า ซึ่งต่อมาศาลก็ส่งเรื่องไปยังผู้ถูกร้อง คือ นายสิระเพื่อให้ชี้แจง ซึ่งนายสิระให้การต่อศาลว่าหลังจากที่มีคำพิพากษาแล้วได้ประสานกับผู้เสียหายเพื่อขอผ่อนชำระหนี้เป็นรายเดือน ทั้ง ๆ ที่ นายสิระคุยโวโอ้อวดร่ำรวยมหาศาล แต่เงินแค่ 200,000 บาท ยังต้องขอผ่อนเลย ซึ่งปรากฏว่าไม่มีหลักฐาน ผู้เสียหายเป็นใครก็บอกว่าจำไม่ได้ หนังสือผ่อนชำระหนี้ก็ไม่มีเป็นเพียงการอ้างลอย ๆ และถ้าผ่อนชำระหนี้เสร็จจริง ผู้เสียหายก็ต้องแจ้งอัยการว่าได้รับชำระหนี้แล้ว อัยการก็ต้องแจ้งต่อศาล 

หลังจากนั้นศาลก็จะเข้ามาซักถามว่าจำเลยชำระค่าเสียหายจริงหรือไม่ และจะออกรายงานว่าจำเลยชดใช้ค่าเสียหายเรียบร้อยแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่มีหลักฐาน ฉะนั้นการที่นายสิระอ้างว่าได้ชดใช้แล้วจึงไม่มีหลักฐาน ซึ่งต่อมานายสิระได้ถามไปยังกรมราชทัณฑ์ว่าตัวเองเคยติดคุกหรือไม่ เนื่องจากนายสิระติดคุกเมื่อปี 2538 แต่ปี 2547 เกิดอุทกภัยน้ำท่วม จึงไม่มีหลักฐานว่านายสิระเคยจำคุกหรือไม่ พยานหลักฐานตรงนี้ก็ฟังไม่ได้อีก

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อศาลพิพากษาแล้วหากไม่มีการขอหนังสือรับรองของโจทก์หรือจำเลยก็จะมีแต่คำพิพากษา สำนวนของศาลที่ลงโทษชั้นต้น สำนวนชั้นอุทธรณ์(ถ้ามี) ก็จะเก็บไว้เมื่อ แต่เมื่อเวลาผ่านมานานศาลก็จะมีระเบียบ เช่น ผ่านมา 20  ปี ขึ้นไปให้ทำลายก็จะเหลือแต่คำพิพากษา ฉะนั้น คดีนี้มีเพียงคำพิพากษาศาลชั้นต้น สอดคล้องกับที่คุณสิระบอก ไม่มีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งการที่นายสิระอ้างว่าชดใช้แล้วจึงไม่มีหลักฐาน

เมื่อถามว่าหลักฐานที่มีอยู่จะสามารถถอดถอนหรือเอาผิดนายสิระได้หรือไม่ เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ ตนได้ข่าวว่าศาลรัฐธรรมนูญตั้งผู้พิพากษา 3 ท่าน ที่เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมารับผิดชอบเรื่องนี้ และตนเชื่อว่าคดีนี้จะออกมาด้วยความเป็นธรรม คงจะไม่มีใครไปก้าวก่ายศาลได้ เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่านายสิระไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะมาหักล้างข้อกล่าวหาได้ กล่าวว่า ไม่มี เพราะที่อ้างมาก็อ้างลอย ๆ หมด

4 เมษายน ตรงกับเทศกาลอีสเตอร์ของชาวคริสต์ ที่เชื่อว่าเป็นวันที่พระเยซูคริสต์ ฟื้นคืนชีพจากความตาย หลังสิ้นพระชมน์จากทัณฑ์ทรมานบนไม้กางเขน จึงเป็นวันที่ชาวคริสต์ทั่วโลกจะจัดงานเฉลิมฉลอง รื่นเริง ในโบสถ์ และจะมีกิจกรรมที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลนี้

และกลุ่มผู้ประท้วงชาวพม่า ก็ไม่พลาดกับเทศกาลนี้ ด้วยการนัดกันเอาไข่ไก่มาระบายสี เขียนข้อความ และสัญลักษณ์ต่อต้านการรัฐประหาร พร้อมผูกข้อมือด้วยด้ายดิบสีขาว ออกมาชูไข่อีสเตอร์ ประท้วงรัฐบาลทหารพม่ากันอย่างคึกคัก

โดยเฉพาะในเมืองย่างกุ้ง ที่มีกิจกรรมระบายสีไข่ไก่แจกจ่ายให้แก่ผู้ประท้วง รวมกลุ่มเดินขบวนประท้วง ชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว ที่มีไข่อีสเตอร์ในอุ้งมือ และจัดพิธีจุดเทียนไว้อาลัยผู้ชุมนุมที่เสียชีวิต ในค่ำคืนที่ชาวคริสต์ทั่วโลกฉลองเทศกาลอีสเตอร์

และในทวิตเตอร์ ก็ได้เปิดแฮชแท็ก #EasterEggStrike และแชร์ภาพกิจกรรมการประท้วงด้วยไข่อีสเตอร์ให้แพร่หลาย

ทางด้าน โป๊บ ฟรานซิส แห่งวาติกัน ก็ได้ออกมาชื่นชมเยาวชน หนุ่มสาวชาวพม่าที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย ในงานพิธีกล่าวประทานพรชาวคริสต์ในเทศกาลอีสเตอร์ หน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร ในนครวาติกัน และกล่าวย้ำว่า ความรักเท่านั้นที่จะขจัดความเกลียดชังของมนุษย์ได้

สำหรับพม่าจัดว่าเป็นประเทศของชาวพุทธ โดยมีชาวคาทอลิก เพียง 1% ของประชากรพม่าเท่านั้น แต่หลังจากที่เกิดการรัฐประหารในพม่าในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ และเริ่มมีการปะทะกันอย่างรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิต ก็เกิดภาพข่าวที่สะเทือนใจชาวคริสต์ทั่วโลก เมื่อมีแม่ชีพม่า คุกเข่าต่อหน้ากองกำลังทหารติดอาวุธ เพื่อร้องขอชีวิตให้กับผู้ชุมนุม

และในวันอีสเตอร์ ม็อบชาวหม่อง จึงหยิบไอเดียการใช้ไข่อีสเตอร์ เขียนข้อความ ระบายสัญลักษณ์ของการประท้วง เพื่อดึงความสนใจชาวคริสต์ทั่วโลกอีกครั้ง

สำหรับไข่อีสเตอร์ ถือเป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่ และการฟื้นคืนชีพ ที่ผู้ประท้วงชาวพม่าเชื่อว่า แม้พวกเขาจะถูกปราบปรามหนัก ล้มตายสักแค่ไหน แต่พวกเขาจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน


อ้างอิง:

https://www.ucanews.com/news/pope-lauds-myanmar-youths-commitment-to-democracy/91984#

https://news.sky.com/story/myanmar-egg-strike-to-an-empty-st-peters-square-how-the-world-is-spending-easter-12265781

“รมช.มนัญญา” เร่งขยายพื้นที่การปลูกกัญชาต้นแรกของจังหวัดกระบี่

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีปลูกกัญชาต้นแรกของจังหวัดกระบี่ ที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมเยี่ยมชมโรงเรือนปลูกกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ร่วมกับ รพ.สต.บ้านบางผึ้ง  อำเภอคลองเหนือ จังหวัดกระบี่ โดยในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะส่งเสริมสนับสนุนมีเจ้าหน้าที่ให้ความรู้เรื่องการปลูกกัญชา ผลักดันกัญชาให้เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่เพิ่มเติม และทำการวิจัยสายพันธุ์กัญชาที่เหมาะสมกับประเทศไทย โดยมุ่งหวังให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ และให้ประสิทธิภาพสูง สามารถนำมาต่อยอดกับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกกัญชา พร้อมจัดหาตลาดกลาง รูปแบบระบบเครือข่ายเพื่อเป็นช่องทางจำหน่ายให้เกษตรกร ณ วิสาหกิจชุมชนคนกระบี่เพื่อปลูกสมุนไพร จังหวัดกระบี่

แก้วสายใจ ไซยะสอน ภริยาอดีตปธ.ประเทศลาว เสียชีวิตหลังเหตุเรือนักท่องเที่ยวล่มกลางอ่างเก็บน้ำเขื่อนน้ำงึม เขตแดนสะหวัน ใกล้กับนครหลวงเวียงจันทน์ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 เม.ย.64 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 8 ศพ

เมื่อเช้าวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา เกิดเหตุเรือล่มที่อ่างน้ำงึม เขตแดนสะหวัน ใกล้กับนครหลวงเวียงจัน โดยภายในเรือมีผู้โดยสารรวม 39 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นครอบครัวของ ท่านจุมมะนี ไซยะสอน อดีตประธานประเทศลาว วัย 85 ปี

ทั้งนี้วันดังกล่าวเป็นวันพักผ่อน ของคณะครอบครัว ‘ท่านจูมมะลี ไซยะสอน’ อดีตประธานประเทศลาว ซึ่งได้ลงเรือท่องเที่ยวที่อ่างน้ำงึม

ทว่า หลังจากเรือออกจากฝั่ง 40 เมตร พายุฝนลมแรงพัดกระหน่ำจนทำให้เรือล่มกลางอ่างน้ำงึม แต่ ท่านจูมมาลี ไซยะสอน ได้รับการช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลขณะนี้ปลอดภัยดีแล้ว

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย รอดชีวิต 31 คน โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิต คือ นางแก้วสายใจ ไซยะสอน วัย 62 ปี ภรรยาของท่านจูมมาลี

ขอแสดงความเสียใจมา ณ ที่นี้


ที่มา: คัดย่อจากเพจ ປະເທດລາວ Pathedlao

https://www.facebook.com/100003657944356/posts/2290764041055505/

3 รัฐมนตรี ปัดข่าวลือติดโควิดไม่จริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ชื่อ “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” โดยระบุว่าเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2564 ตอนผมอยู่ที่ จ.บึงกาฬ และ จ.อุดรธานี เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนให้พึ่งพาตัวเองได้ มีข่าวลือกันว่าผมเป็นรัฐมนตรีที่ไปเที่ยวสถานบันเทิง และติดโควิด-19 

"ผมไม่ได้กังวลกับข่าวที่เกิดขึ้น เพราะทราบดีว่า ไม่เป็นความจริง แต่เพื่อความเชื่อมั่นของประชาชนในการปฏิบัติงานของรัฐบาล โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ และเพื่อความสบายใจของผู้ที่ทำงานกับผม มาพบ หรือมาประชุมร่วมกับผม ก่อนหน้านี้และหลังจากวันนี้ ผมกับคณะที่มาด้วยกันจึงได้ไปตรวจหาเชื้อที่ รพ.อุดรธานี ผลการตรวจออกมาแล้ว คือไม่มีใครติดเชื้อโควิด-19 ครับ และผมก็ไม่ได้ไปเที่ยวสถานบันเทิงอย่างที่เป็นข่าว"

ขณะที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ยืนยันว่า ในวันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา ตนเองไม่สบาย ทำให้ยกเลิกตารางงานประชุมที่กระทรวงคมนาคมวันนั้นทั้งหมด และช่วงเย็นประมาณ 17.00-20.00 น. ได้มีนัดหมายไปพบหมอกายภาพที่โรงพยาบาลพระราม 9 หลังจากกายภาพแล้วเสร็จ จากโรงพยาบาลก็ได้เดินทางกลับบ้าน และเช้าวันรุ่งขึ้นศุกร์ที่ 26 มีนาคม ก็ได้ไปที่สถานีกลางบางซื่อ เพื่อเปิดทดสอบเดินรถเสมือนจริง รถไฟชานเมืองสายสีแดง ทั้งนี้ยืนยันว่าตนเองเป็นคนระมัดระวังมากในเรื่องป้องกัน จะไม่ทำอะไรหรือไปพื้นที่เสี่ยงเด็ดขาด และที่ผ่านมาก็ได้รับวัคซีนไปแล้ว 1 โดส และจะรับวัคซีนโดสที่ 2 อีกครั้งในวันที่ 7 เมษายนนี้ ช่วงก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)

ส่วนอีกราย คือ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในรายชื่อ รัฐมนตรีที่ถูกกล่าวอ้างว่าไปสถานบันเทิง ที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ยืนยันว่า ในช่วงเย็นของวันที่ 25 มีนาคม ตนเองเดินทางกลับจังหวัดนครราชสีมา เพื่อเตรียมลงพื้นที่ในการเปิดงานโครงการนักเรียนรุ่นใหม่ มีใบขับขี่ อำเภอพิมาย และต่อด้วยงานในพื้นที่ทั้งวันที่โคราช ส่วนวันเสาร์ที่ 3 เมษายน ที่ผ่านามา ก็ได้ลงพื้นที่ที่ จอมเทียน จังหวัดชลบุรี ซึ่งไทม์ไลน์สามารถตรวจสอบได้ รวมทั้งยืนยันว่าที่ผ่านมา ตนเองก็มีการระมัดระวังและป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 มาโดยตลอด ทั้งล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัย

ประธานาธิบดีอัลแบร์โต เฟอร์นันเดซ กำลังรักษาตัวจาดอาการป่วยโรคโควิด-19 แม้ฉีดวัคซีน 'sputnik v' ของรัสเซีย ครบ 2 เข็มแล้ว

สำนักข่าวต่างประเทส รายงานจากกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ว่าประธานาธิบดี อัลแบร์โต เฟอร์นันเดช ซึ่งเพิ่งมีอายุครบ 62 ปี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เปิดเผยว่า มีผลตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโคโคนาสายพันธุ์ใหม่เป็นบวก และปัจจุบันกำลังกักตัวเพื่อเข้ารับการรักษาอาการป่วย ขณะที่คณะแพทย์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า อาการป่วยของผู้นำอาร์เจนตินา ‘เบาบาง’ และยังสามารรถปฏิบัติหน้าที่ได้ เพียงแต่ต้องเป็นการทำงานทางไกลจนกว่าจะหายดี 

อนึ่ง เฟอร์นันเดซเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 "sputnik v" ของรัสเซีย ครอบทั้งสองโดส เมื่อช่วงต้นปีนี้ ด้านสถาบันกามาเลยา ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยด้านระบาดวิทยาและจุลชีววิทยาแห่งชาติของรัสเซีย ที่เป็นผู้พัฒนาวัคซีนสปุตนิก วี ออกแถลงการณ์ว่า วัคซีนตัวนี้มีประสิทธิภาพ 91.6% ในการป้องกันการติดเชื้อ และ 100% ในการป้องกันไม่ให้อาการป่วยรุนแรง หากติดเชื้อ ดังนั้น ผู้นำอาร์เจนตินาจะไม่มีอาการรุนแรง และหายจากโรคภายในอีกไม่ช้านี้อย่างแน่นอน

จุรินทร์ ลุยฟ้องคดีหน้ากาก 5 กระทง อัจฉริยะขอเลื่อนอ้างหาทนายไม่ได้ ศาลสั่งห้ามประวิงเวลาอีก

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้เดินทางมาที่ศาล เนื่องจากศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องคดีที่นายจุรินทร์เป็นโจย์ยื่นฟ้อง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์  ในความผิด 5 กระทง ฐานหมิ่นประมาทและความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ กรณีนายอัจฉริยะไลฟ์สดกล่าวหานายจุรินทร์เรื่องหน้ากากอนามัยผ่านเฟซบุ๊ก ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม 5 ครั้ง ในวันที่ 11 -15-20-29 มีนาคม และ 1 เมษายน 2563 ต่อเนื่องกัน ซึ่งนายจุรินทร์ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลว่าสิ่งที่นายอัจฉริยะได้เผยแพร่ข้อความต่อประชาชนผู้รับฟังการไลฟ์สดของนายอัจฉริยะนั้นเป็นเท็จทั้งสิ้น และกระทำเพื่อผลประโยชน์ของนายอัจฉริยะเอง ถือเป็นการกระทำความผิดต่างกรรม ต่างวาระ ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษสถานหนักเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง

ซึ่งข้อหาหมิ่นประมาทมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีและปรับไม่เกิน 2 แสนบาท ส่วนความผิดเกี่ยวกับการนำข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ก่อนเริ่มการไต่สวนนายอัจฉริยะได้ส่งตัวแทนมาขอเลื่อนคดีต่อศาล ซึ่งศาลได้กำชับไม่ให้จำเลยขอเลื่อนอีก เนื่องจากจำเลยทราบวันนัดไต่สวนมูลฟ้องนานแล้ว แต่ก็ไม่ได้รีบจัดหาทนายความเข้ามาต่อสู้คดี การขอเลื่อนคดีจึงไม่มีเหตุอันควรและส่อไปในทางประวิงคดีชักช้า แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงให้เลื่อนไปนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 โดยได้กำชับจำเลยให้รีบไปแต่งตั้งทนายความเข้ามาให้เรียบร้อยภายในหรือก่อนวันนัด อย่าให้มีเหตุขัดข้องในการเลื่อนคดีอีก มิฉะนั้นศาลจะพิจารณาสั่งตามที่เห็นสมควรต่อไป

จากกรณีที่มีข่าวลือว่า บุคคลระดับรัฐมนตรี เข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงย่านทองหล่อ เมื่อวันที่ 25 มี.ค. โดยระบุว่าอยู่ในห้องเดียวกับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อโควิค-19 และรัฐมนตรีที่ปรากฎมีชื่อต่างออกมาปฏิเสธนั้น

ล่าสุด วันที่ 5 เม.ย. นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่มีรายชื่อในข่าวลือดังกล่าว ได้โพสต์เฟซบุ๊ก "สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์" โดยโชว์เอกสารผลตรวจหาเชื้อโควิด ซึ่งตรวจไม่พบสารพันธุกรรมไวรัส ตรวจโดยกลุ่มงานเทคนิคการแพทย์ฯ โรงพยาบาลอุดรธานี เมื่อวันที่ 4 เม.ย. พร้อมโพสต์ข้อความด้วยว่า

"ตอนนี้ผมอยู่ที่ จ.บึงกาฬ และ จ.อุดรธานี เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนให้พึ่งพาตัวเองได้ มีข่าวลือกันว่าผมคือรัฐมนตรีที่ติดโควิด-19 ผมไม่ได้กังวลกับข่าวที่เกิดขึ้น เพราะทราบดีว่า ไม่เป็นความจริง แต่เพื่อความเชื่อมั่นของประชาชนในการปฏิบัติงานของรัฐบาล โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ และเพื่อความสบายใจของผู้ที่ทำงานกับผม มาพบ หรือมาประชุมร่วมกับผม ก่อนหน้านี้และหลังจากวันนี้ ผมกับคณะที่มาด้วยกันจึงได้ไปตรวจหาเชื้อที่ รพ.อุดรธานี ผลการตรวจออกมาแล้ว คือไม่มีใครติดเชื้อโควิด-19 ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วงนะครับ"

อียิปต์ จัดยิ่งใหญ่ ขบวนแห่เคลื่อนย้ายพระศพ กษัตริย์ฟาโรห์ 22 พระองค์ กลางกรุงไคโร ชาวอียิปต์ลือกระฉ่อน อาถรรพ์ คำสาปฟาโรห์ทำอาเพศ เรือติดคลองสุเอซ - รถไฟชนกัน

อียิปต์ ประกาศ วันที่ 3 เมษายน 2021 นี้จะมีงานพิธีจัดขบวนแห่อัญเชิญพระศพอดีตบูรพกษัตริย์ฟาโรห์ครั้งยิ่งใหญ่ จำนวนมากที่สุดถึง 22 พระองค์ จากพิพิธภัณฑ์อียิปต์ ในกรุงไคโร ไปประทับในพิพิธภัณฑ์อารยธรรมอียิปต์ที่สร้างขึ้นใหม่ในเมือง อัล ฟุสตัต ซึ่งจะใช้ชื่องานว่า Pharaohs' Golden Parade 

เป็นงานที่กระทรวงการท่องเที่ยว และโบราณคดีแห่งอียิปต์ทุ่มงบจัดอย่างยิ่งใหญ่ มีขบวนรถแห่สีทอง กับพาเหรดสุดอลังการ งานแสดงจากศิลปิน ดาราชื่อดังของอียิปต์ ที่คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานเป็นจำนวนมาก ตอนนี้มีสถานีโทรทัศน์ และสื่อมวลชนกว่า 400 ช่อง เตรียมพร้อมถ่ายทอดสดขบวนอัญเชิญพระศพฟาโรห์ตลอดพิธีแล้ว 

ในจำนวนพระศพฟาโรห์ 22 พระองค์นี้ มีถึง 18 พระองค์ที่เป็นถึงระดับกษัตริย์ฟาโรห์ ราชินีอีก 4 พระองค์ ที่รวมถึง ฟาโรห์รามเสสที่ 2 ฟาโรห์รามเสห์ที่ 4  และพระราชินีอาโมส - เนเฟอร์ทาริ ซึ่งจะนำจัดแสดงในโถงพิเศษ Royal Mummies Hall ในรูปแบบ Showcase และจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน ศกนี้เป็นต้นไป 

แต่ทว่า ตั้งแต่ที่รัฐบาลอียิปต์เดินหน้าจัดงานพิธีอัญเชิญพระศพฟาโรห์ครั้งใหญ่ ก็มีชาวอียิปต์จำนวนไม่น้อย ที่หวั่นเกรงในตำนานคำสาปฟาโรห์ ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับผู้ที่เข้าไปรบกวนพระศพศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ 

และในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็บังเอิญเกิดเหตุประหลาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอียิปต์ ซึ่งเหตุการณ์ที่ลือสนั่นโลกมากที่สุดก็คือ เรือยักษ์ของบริษัทขนส่ง Evergreen ติดคลองสุเอซ ตามติดมาด้วยอุบัติเหตุรถไฟ 2 ขบวนประสานงากัน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุถึง 32 คน บาดเจ็บนับร้อย 

ถึงแม้ว่าอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญที่ 2 เหตุการณ์ใหญ่ในอียิปต์มาเกิดในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ในวันใกล้งานแห่พระศพฟาโรห์ แต่สำหรับคนที่เชื่อก็มีอยู่ไม่น้อยที่กระจายทฤษฎีอาถรรพ์ผ่านโลกออนไลน์ในอียิปต์กันเป็นจำนวนมาก

จุดเริ่มต้นของเรื่องเล่าตำนานอาถรรพ์ มาจากการค้นพบสุสานของฟาโรห์ตุตันคาเมน ในปี 1922 โดยทีมสำรวจของศาตราจารย์ ฮาเวิร์ด คาร์เตอร์ นักโบราณคดีชาวอังกฤษ ในหุบเขากษัตริย์ แต่ต่อมาตัวศาตราจารย์คาร์เตอร์ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการขุดสำรวจ และตรวจพระศพฟาโรห์ตุตันคาเมน ต่างเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ด้วยสาเหตุปริศนา จึงทำให้เรื่องราวของคำสาปฟาโรห์ มีการพูดถึงอย่างแพร่หลาย และยังคงเชื่อกันอยู่จนถึงทุกวันนี้ 

แต่สำหรับทีมผู้จัดงาน ก็ยังเชื่อมั่นว่าจะไม่มีเหตุการณ์แปลกๆ ในงานพาเหรดแห่พระศพฟาโรห์อย่างแน่นอน ที่มั่นใจเช่นนั้น เพราะ พระศพของฟาโรห์ถูกอัญเชิญอย่างสมพระเกียรติไปในสถานที่ที่ดีกว่าเดิม ก็ไม่น่าจะมีปัญหา

และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการเคลื่อนย้ายพระศพฟาโรห์ ทางอียิปต์เคยขุดย้ายพระศพมาก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 1888 แล้ว โดยนำพระศพฟาโรห์ลงเรือ รอนแรมจากเมืองลักซอร์มาถึงไคโรนานถึง 3 วัน ก็ไม่เกิดอาเพศใดๆ ดังนั้นตำนานก็อาจจะเป็นแค่เพียงตำนานที่หลอนเฉพาะคนที่ใจคด คิดไม่ซื่อก็ได้

ก็เลยทำให้ชาวอียิปต์ และชาวโลกจะได้รับชมขบวนแห่ฟาโรห์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยจัด ตามกำหนดเดิม ที่กำลังรอผู้ชมมาร่วมพิสูจน์ความอาถรรพ์ ลึกลับนั้นจะมีอยู่จริงหรือไม่ 


อ้างอิง

https://en.vogue.me/culture/everything-to-know-pharaohs-golden-parade-egypt/

https://egyptindependent.com/egypts-tourism-ministry-to-broadcast-the-pharaohs-golden-parade-on-two-youtube-channels/

https://abcnews.go.com/International/pharaohs-curse-blamed-suez-canal-blockage-unfortunate-events/story?id=76813274


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top