Sunday, 6 July 2025
NEWS FEED

'พรรคกล้า-ชุมพร' ทวงเงินเยียวยาพระสงฆ์ 60 บาทต่อวัน-ส่วนลดค่าน้ำ ค่าไฟ ช่วยวัดสู้วิกฤตโควิด-19

พ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์ ผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้ง จ.ชุมพร พรรคกล้า กล่าวระหว่างลงพื้นที่ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโควิค-19 ที่วัดดอนทรายแก้ว ต.นาทุ่ง ว่า ได้สนทนาธรรมกับพระมหาศิลป์ชัย ชยโชติ ป.ธ.๙ ถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อวัด เช่นกัน งดบิณฑบาตในบางวันที่มีข่าวการแพร่ระบาดในเมือง ทำให้ขาดแคลนอาหาร ซึ่งทางกรมการศาสนาเคยจะให้เงินเยียวยา 60 บาทต่อวัน ต่อพระ 1 รูป แต่ขณะนี้ทางวัดยังไม่ได้รับเงินดังกล่าว ซึ่งทางพระมหาศิลป์ชัย ระบุว่าไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร ซึ่งทางพรรคกล้าจะช่วยติดตามเรื่องต่อให้กับทางวัดอีกที

"ในสภาวะวิกฤตเช่นนี้ วัดขนาดใหญ่ยังพอดูแลตัวเองได้ ต่างกับวัดขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่มีเงินบริจาคน้อย ยิ่งพบเจอกับวิกฤต ก็ยิ่งลำบากไปใหญ่ ญาติโยมมาทำบุญที่ก็วัดน้อยลง หายไป ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ วัดขาดรายได้ ไม่มีเงินในการบริหารรายจ่ายในวัด ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าซ่อมบำรุง ต่าง ๆ ที่ทางวัดยังคงจ่ายราคาปกติ" พ.ต.อ.ทศพล กล่าว

พ.ต.อ.ทศพล กล่าวด้วยว่า วัดเป็นศาสนาสถานซึ่งไม่ได้หวังผลกำไร ถ้าเป็นไปได้อยากให้ทางการไฟฟ้า หรือการประปา มีมาตรการให้ส่วนลด ค่าน้ำ ค่าไฟ ในช่วงที่เกิดปัญหาวิกฤตเช่นนี้กับทางวัด หรือศาสนสถานอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบ รัฐบาลต้องมีมาตรการเร่งด่วนเรื่องนี้

จับรายวัน! “กองกำลังสุรสีห์ จับกุมเเรงงานต่างด้าว 24 คน  ชายเเดนประจวบคีรีขันธ์ ”

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2564 กองทัพภาคที่ 1 โดย กองกำลังสุรสีห์ หน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก ร่วมกับ ชุดปฏิบัติการข่าวกองกำลังสุรสีห์, สภ.คลองวาฬ, ร้อย.ตชด.146 เเละฝ่ายปกครอง จัดชุดลาดตระเวน, จรยุทธ์, ซุ่มเฝ้าตรวจ บริเวณช่องทาง เเละบริเวณพื้นที่ตามเเนวชายเเดน เพื่อสกัดกั้นผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ป้องกันการเเพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ที่กลายพันธ์เข้ามาในประเทศ

โดยเวลา 20.30 น. วันที่ 9 พ.ค. ขณะที่ทางเข้าหน้าที่ฉก.จงอางศึก ออกลาดตระเวน ตามเส้นทางธรรมชาติ ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต่างด้าว สัญชาติเมียนมา ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย จำนวน 24 คน (ชาย 17,หญิง .6,เด็ก 1) บริเวณเส้นทางธรรมชาติช่องทางพุนำ้หยด ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์  ขึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมตรวจค้น และตรวจวัดอุณหภูมิ ตามมาตราการเฝ้าระวัง พร้อมนำตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนสภ.คลองวาฬ ดำเนินคดีตามกฏหมาย และผลักดันออกนอกประเทศต่อไป

‘หมอยง’ ชี้ ฉีดวัคซีนไม่เพียงป้องกันตัวเราไม่ให้ป่วยรุนแรง แต่ยังป้องกันคนรอบข้าง ระบุ วัคซีนที่ดีที่สุดในขณะนี้ คือ วัคซีนที่ฉีดได้เร็วที่สุด เชื่อปีหน้ามีวัคซีนมากพอให้เลือกได้หลายยี่ห้อ

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ระบุข้อความว่า

วัคซีน covid-19 การป้องกันไม่เฉพาะแค่ตัวเรา

การฉีดวัคซีนป้องกัน covid-19 นอกจากจะป้องกันตัวเรา ไม่ให้ป่วยรุนแรงและเสียชีวิต

ในขณะเดียวกันก็พบว่าโอกาสติดเชื้อของเราก็น้อยลง ถึงแม้ว่าจะป้องกันได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ อันจะเป็นการป้องกันเขาด้วย โดยเฉพาะป้องกันบุคคลในบ้าน ที่ไม่ค่อยได้ออกนอกบ้าน หรือคนที่เรารัก ไม่ให้ป่วยหรือติดเชื้อได้

ถ้าทุกคนได้รับวัคซีน ก็จะเป็นการป้องกันเขาป้องกันเรา และในที่สุด โรคโควิด 19 ก็จะอยู่ในความควบคุม ไม่ให้มีการแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น

การให้วัคซีนในคนหมู่มากเห็นได้ชัดในประเทศอังกฤษ ที่ให้วัคซีนไปแล้วร่วม 70 เปอร์เซ็นต์ของประชากร ที่ได้รับอย่างน้อย 1 เข็ม อังกฤษจากที่เคยมีผู้ป่วยเป็นหมื่นต่อวัน และมีการเสียชีวิตเป็นหลักร้อยหลักพันต่อวัน แต่ขณะนี้ เหลือผู้ป่วยเป็นตัวเลขที่เท่ากับหรือน้อยกว่าประเทศไทย และที่สำคัญอัตราตายไปประเทศอังกฤษเหลือหลักหน่วย หรือหลักสิบต้น ๆ เช่นวันที่ 9 พฤษภาคม มีการเสียชีวิตเพียง 2 คนเท่านั้น น้อยกว่าประเทศไทยเสียอีก ส่วนในฝรั่งเศส มัวแต่พะวงเรื่องอาการข้างเคียง และการได้รับวัคซีนน้อยกว่าประเทศอังกฤษมากกว่าครึ่ง ทำให้ขณะนี้ยังมีผู้ป่วยเป็นหลักหมื่น และมีการเสียชีวิตเป็นหลักหลายร้อยคนต่อวัน ทั้งที่วัคซีนในประเทศก็ไม่ได้ขาดแคลนแบบบ้านเรา

ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุด เราจะต้องได้รับวัคซีนหมู่มากให้เร็วที่สุด เพื่อลดความสูญเสียทางด้านสุขภาพ ร่างกาย เศรษฐกิจและสังคม ให้เร็วที่สุด เพื่อประโยชน์ของทุกคน ตัวเราและส่วนรวม และประเทศชาติ

วัคซีนที่ดีที่สุดขณะนี้ คือวัคซีนที่ฉีดได้เร็วที่สุด

ในปีหน้า ใครต้องการกระตุ้น วัคซีนยี่ห้ออะไร เมื่อถึงเวลานั้นเชื่อว่าวัคซีนจะมีจำนวนมากขึ้นและเพียงพอ


ที่มา : https://www.facebook.com/yong.poovorawan

สำนักข่าวเกียวโดนิวส์รายงานว่ายอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในญี่ปุ่น อยู่ที่ 7,246 คน มากที่สุดนับจากวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา

สำนักข่าวเกียวโดนิวส์รายงานว่ายอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในญี่ปุ่น อยู่ที่ 7,246 คน มากที่สุดนับจากวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา ขณะที่การระบาดระลอกที่ 4 เริ่มลุกลามไปยังพื้นที่ซึ่งยังไม่อยู่ภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือได้ผ่อนคลายมาตรการลงบางส่วน

นั่นจึงทำให้ทางรัฐบาล ที่เคยประกาศสิ้นสุดสถานการณ์ฉุกเฉินรอบ 3 ในวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ ต้องขยายประกาศออกไปจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม ซึ่งครอบคลุม 15 จังหวัดจากทั้งหมด 47 จังหวัด หลังมียอดผู้ติดเชื้อใหม่มากเป็นประวัติการณ์ เช่น ไอจิ, ฟุกุโอกะ, ฮอกไกโด ที่มีผู้ติดเชื้อ 575, 519 และ 403 คน ตามลำดับ

อย่างไรก็ดี ประชาชนชาวญี่ปุ่นบางคนไม่คิดว่าการขยายประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจะช่วยอะไรได้ เพราะยอดผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้น แถมยังพบผู้ติดเชื้อไวรัสเป็นแบบสายพันธุ์ใหม่อีกด้วย ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ทุกคนต่างสวมหน้ากากอนามัย แต่กลับกันผู้คนยังคงเดินทางและใช้ชีวิตไปกับสถานการณ์การระบาดแบบเคยชิน จนไม่รู้สึกว่าเป็นวิกฤติอีกต่อไป


ที่มา: https://www.naewna.com/inter/571787

ครั้งแรก! ประเทศไทยออกมาตรฐานเรือนำเที่ยว

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมการท่องเที่ยวได้ออกมาตรฐานเรือรับจ้างนำเที่ยวเป็นครั้งแรก ภายใต้มาตรฐานการท่องเที่ยวไทย (ไทยแลนด์ ทัวร์ริซึม สแตนดาร์ด) เพื่อช่วยยกระดับการให้บริการด้านการท่องเที่ยว โดยเรือรับจ้างนำเที่ยวที่ได้รับรองมาตรฐานเรือรับจ้างนำเที่ยว ถือว่ามีความพร้อมในการให้บริการ ทั้งในด้านสภาพทางกายภาพ ด้านบุคลากร ด้านคุณภาพการให้บริการ ด้านความเป็นธรรม ด้านสิทธิมนุษยชน ด้านมาตรการเกี่ยวกับเรือ และด้านมาตรการเกี่ยวกับแผนหรือกิจกรรมการท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวมั่นใจในการเข้ารับบริการยิ่งขึ้น

สำหรับการกำหนดมาตรฐานเรือรับจ้างนำเที่ยว นั้น กรมการท่องเที่ยว กำหนดว่า ต้องเป็นเรือบรรทุกผู้โดยสารครอบคลุมทั้งที่แล่นอยู่ในลำน้ำหรือทะเล มีด้วยกัน 3 ประเภท คือ เรือกลลำน้ำ เรือกลเดินทะเลเฉพาะเขต เละเรือโดยสารประเภทอื่น ๆ ที่ได้รับการจดทะเบียนให้บรรทุกคนโดยสาร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการนำเที่ยว ซึ่งตามมาตรฐานนี้แบ่งเป็น 3 ขนาด ตามจำนวนการบรรทุกผู้โดยสาร คือ เรือขนาดเล็ก บรรทุกไม่เกิน 15 คน, เรือขนาดกลาง บรรทุกไม่เกิน 16-70 คน และเรือขนาดใหญ่ บรรทุกไม่เกิน 71 -150 คน 

พร้อมทั้งกำหนดรายละเอียดด้านต่าง ๆ คือ ด้านกายภาพ เรือมีใบอนุญาตตามกฎหมาย ทางขึ้น-ลงสะดวก มีป้ายเลขทะเบียน ระบุจำนวนผู้โดยสาร ป้ายแนะนำการปฏิบัติตนขณะโดยสารและเกิดเหตุฉุกเฉินชัดเจน มีพื้นที่เก็บสัมภาระเพียงพอ สะดวก มีห้องน้ำ ห้องส้วม ถูกสุขลักษณะ มีอุปกรณ์สื่อสาร ติดตั้งโคมไฟเดินเรือ หรืออื่น ๆ มีระบบระบายอากาศ เก็บเชื้อเพลิงเหมาะสมปลอดภัย มีอุปกรณ์ช่วยชีวิต มีชูชีพพร้อมใช้งาน เบาะนั่งครบตามจำนวนผู้โดยสาร วางในจุดที่เหมาะสม มีน้ำยาดับเพลิง มียาสามัญประจำบ้าน ชุดปฐมพยาบาล และมีน้ำดื่มสะอาดสำรอง 

หวั่นก่อการร้าย!! ศุลกากรเมียนมาประกาศห้ามนำเข้ารถจักรยานยนต์จากไทยแล้ว หลังเกรงผู้ก่อความไม่สงบ นำไปสร้างสถานการณ์

เพจ LOOK Myanmar ได้โพสต์ข้อชี้แจ้งข้อมูลหลังจากล่าสุดศุลกากรเมียนมา ได้ประกาศห้ามนำเข้ารถจักรยานยนตร์จากไทยแล้วว่า... 

1. ประกาศดังกล่าว เป็นบังคับการนำเข้าจักรยานยนต์จากทุกประเทศ ไม่ใช่แค่ไทย

2. ตอบคำถามที่สงสัย มีความเห็นจากผู้รู้บอกว่า การก่อการในเมืองใหญ่ที่สร้างความปั่นป่วนในขณะนี้ ผู้ก่อความไม่สงบได้ใช้พาหนะเป็นจักรยานยนต์ จึงเป็นเหตุให้มีการสั่งห้ามนำเข้าจักรยานยนตร์ใหม่ๆ เข้ามา แต่อาจต้องดูว่าจักรยานยนตร์เหล่านี้ จะรวมถึงจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ความเร็วไม่สูงเท่าแบบใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงหรือไม่ด้วยอีกที

3. ประกาศยกเลิกนี้นำเข้านี้ เป็นประกาศชั่วคราวจนกว่าจะมีประกาศใหม่เปลี่ยนแปลง

ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=3942214699179991&id=621374414597386

คนละไม้_คนละมือ’ ‘โอวาทเมด’ เดินหน้าโครงการ CSR ต่อเนื่อง พ่นยาฆ่าเชื้อไวรัส Coronavirus (Covid-19) ให้กับทาง ‘มูลนิธิออทิสติกไทย’ 

นายสุชาติ โอวาทวรรณสกุล (ผู้ปกครองคนพิการ)ใจบุญ  และ ‘โอวาทเมด’ ร่วมกัน คนละไม้_คนละมือ ‘พ่นฆ่าเชื้อโควิด-19’  ให้เด็กออทิสติกปลอดภัย ฟรี!!!!

พื้นที่ประมาณ 800 ตารางเมตร ซึ่งถือได้ว่าเป็นกิจกรรม ‘CSR’ ที่เป็นสาธารณกุศล อีกหนึ่งรูปแบบ เพื่อพ่นยาฆ่าเชื้อไวรัส Coronavirus (Covid-19) ให้กับทาง ‘มูลนิธิออทิสติกไทย’ 

โดยทาง ‘โอวาทเมด’ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็น ‘Food Grade’ ช่วยลดความเสี่ยง ในการที่จะมีเชื้อไวรัส หรือ เชื้อโรคอื่นที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ 

อีกทั้ง ‘โอวาทเมด’ ยังมีความห่วงใยในสุขภาพอนามัยของประชาชน ช่วงสถานการณ์โควิด _19 ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างมากในขณะนี้ ต่อพี่น้องประชาชน บุคคลทั่วไป คนพิการ และ ผู้ด้อยโอกาส จึงจัดกิจกรรม ‘พ่นฆ่าเชื่อโรค’ ดังกล่าว เพื่อเป็นกุศล

ทั้งนี้ หากประชาชน หรือ บริษัท ห้าง ร้าน สถานประกอบการ หน่วยงานภาครัฐ โรงเรียน ที่พักอาศัย โรงแรม รีสอร์ท สามารถติดต่อสอบถาม สำนักงาน ‘โอวาทเมด’ ได้ 

'ผู้นำคนพิการภาคตะวันออก'​ ใจถึง-พึ่งได้ ลงพื้นที่ มอบถุงยังชีพ สร้างขวัญกำลังใจให้กับคนพิการ และหน่วยงานของรัฐ

นายณรงค์ ไปวันเสาร์ นายกสมาคมคนพิการภาคตะวันออก และผู้นำคนพิการด้านการสร้างงาน สร้างอาชีพ ระดับชาติ เดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆในจังหวัดชลบุรี และ เขตภาคตะวันออก เพื่อมอบถุงยังชีพให้กับ คนพิการ /องค์กรคนพิการ /ผู้นำท้องถิ่น และหน่วยงานภาครัฐ จำนวนกว่า 500 ถุง เพื่อมอบเป็นขวัญกำลังใจ ในช่วงที่สถานการณ์เชื้อไวรัสโควิค 19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการแพร่ระบาดรอบ 3 ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยนั้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของพี่น้องประชาชน รวมถึงคนพิการ และครอบครัวคนพิการเป็นอย่างมาก 

ทั้งนี้ นายณรงค์​ ยังได้กล่าวถึงการดำเนินกิจกรรม "มอบถุงยังชีพ" นี้ ว่า อยากจะเป็นส่วนหนึ่งช่วยเหลือภาครัฐที่ได้ทำงานอย่างหนัก ในการดูแลคุณภาพด้านสาธารณสุขของประชาชน และยังคงต้องดูแลในเรื่องของการประกอบอาชีพของประชาชน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากนัก

แม้เราจะเป็นเพียง "คนพิการ" แต่เราก็อยากจะร่วมกับรัฐบาลในการสร้างคุณงามความดี ตอบแทนพี่น้องประชาชน และประเทศชาติ ตามกำลังที่ทางสมาคมฯ พอจะช่วยเหลือได้ในยามที่คนไทยตกทุกข์ได้ยาก

ห้วงเวลานี้​ เราทุกคนควรจะจับมือกันและก้าวข้ามผ่านวิกฤติการณ์อันเลวร้ายนี้ไปด้วยกัน ด้วยการลงมือทำแบบ​ ​'คนละไม้_คนละมือ'​

'ตำรวจสอบสวนกลาง'​ ไม่ทอดทิ้งประชาชน และห่วงใย มอบน้ำใจแก่วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา

พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก. พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.มานะ กลีบสัตบุศย์ ผบก.อก.บช.ก. พ.ต.อ.ณัฐกร ประภายนต์ รอง ผบก.อก.บช.ก. และ​ พ.ต.อ.ณัฐพล ลิปิพันธ์​ ผกก.ฝอ.5.บก.อก.บช.ก.

ได้มอบหมายให้ พ.ต.ต.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์ สว.ฝอ.5 บก.อก.บช.ก. พร้อมกำลังพลจิตอาสา บก.อก.บช.ก. เป็นตัวแทน ร่วมกันมอบวัตถุดิบประกอบอาหาร เครื่องดื่ม โดยการสนับสนุนจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) และอุปกรณ์ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แก่วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา (มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ)  

ซึ่งประกอบด้วย... 

1.ข้าวสาร จำนวน 220 กิโลกรัม
2.น้ำดื่ม จำนวน 100 แพค 
3.ไข่ไก่สด จำนวน1,000 ฟอง
4.หน้ากากอนามัย จำนวน 2,500 ชิ้น
5.เอทิลแอลกอฮอล์ จำนวน 60 ลิตร

โดยมี ซิสเตอร์ภาวิณี พิชัยศรีสวัสดิ์ ผู้จัดการวิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา  พร้อมคณะเป็นผู้รับมอบ ณ วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา จ.ชลบุรี
http://www.cib.police.go.th/2016/news.php?id=882


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top