Tuesday, 1 July 2025
NEWS FEED

‘หมอมนูญ’ หมอชี้ไวรัสโควิด-19 มีวิวัฒนาการนำหน้าเรา 1 ก้าวเสมอ คาดต้องอยู่กันไปอย่างน้อย 1-2 ปี

นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก ‘หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC’ ระบุว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 มีวิวัฒนาการทางธรรมชาติ นำหน้าเรา 1 ก้าวเสมอ

เมื่อปีที่แล้วประเทศไทยประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดระลอกแรกเป็นอย่างดี ช่วงมกราคมถึง 14 ธันวาคม พ.ศ.2563 ระยะเวลา 11 เดือนครึ่ง มีผู้ป่วย 4,237 คน เสียชีวิต 60 คน

สหประชาชาติชื่นชมไทยรับมือโรคโควิดในด้าน

1.) การดำเนินมาตรการของรัฐบาล

2.) ความสามัคคีของประชาชนในการช่วยกันป้องกันโรค สวมใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และล้างมือ

3.) ความรับผิดชอบต่อสังคมของอาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสม.

มองย้อนหลังตัวแปรสำคัญคือเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะนั้นสายพันธุ์ G ยังไม่เก่งเหมือนเชื้อปัจจุบัน อาจปรับตัวไม่เข้ากับสภาพอากาศของประเทศไทยซึ่งร้อนและชื้น จึงหยุดการแพร่ระบาด

ขณะนี้ประเทศไทยเผชิญการระบาดอย่างรวดเร็ว การระบาดระลอก 3 เพียง 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึง 31 พฤษภาคม พ.ศ.2564 มีผู้ป่วยสะสม 130,929 ราย เสียชีวิตสะสมแล้ว 937 คน

จากการตรวจรหัสพันธุกรรมแบบทั้งตัวซึ่งต้องใช้เงิน 1-2 หมื่นบาท พบมีการระบาดของสายพันธุ์อังกฤษ B.1.1.7 ซึ่งติดต่อกันง่าย แพร่กระจายเร็ว ทนร้อน ทนชื้น รุนแรงทำให้ตายมากขึ้น การรับมือการระบาดครั้งนี้ต้องอาศัยวัคซีน เร่งฉีดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เร็วที่สุด

เชื้อไวรัสโควิด-19 กำลังนำหน้าเราไปอีกแล้ว ล่าสุดเวียดนามรายงานตรวจพบไวรัสโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ที่เป็นลูกผสมระหว่างสายพันธุ์อินเดีย B.1.617 กับสายพันธุ์อังกฤษ B.1.1.7 สามารถติดต่อแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วทางอากาศ หมายความว่า เชื้อนี้เหมือนสายพันธุ์อินเดียแพร่กระจายได้ดียิ่งกว่าสายพันธุ์อังกฤษ แต่รุนแรงเท่าสายพันธุ์อังกฤษ

เราจะเผชิญกับโรคโควิด-19 ที่ติดต่อกันง่ายยิ่งขึ้น และยังรุนแรงมากเท่าเดิม ถ้าเชื้อกลายพันธุ์นี้สามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนปัจจุบัน ยิ่งจะสร้างปัญหา จำเป็นที่ทุกคนต้องฉีดวัคซีนรุ่นใหม่ที่กำลังพัฒนาเพื่อครอบคลุมสายพันธุ์ใหม่ๆปีหน้า ดูสถานการณ์แล้วเราตามเชื้อไวรัสโควิดไม่ทัน โรคโควิด-19 คงจะอยู่กับเราอย่างน้อยอีก 1-2 ปี

 

ที่มา : https://www.facebook.com/หมอมนูญ-ลีเชวงวงศ์-FC-604030819763686


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ครม.ไฟเขียวแจกเงิน 1.4 แสนล้าน ทั้ง คนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งได้ บัตรสวัสดิการ

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท โดยมีโครงการเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจ 1.4 แสนล้านบาท มี 4 โครงการ คือ

1.) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 วงเงิน 16,380 ล้านบาท โดยเติมเงินให้เดือนละ 200 บาท เป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่ก.ค.-ธ.ค.64 ครอบคลุม 13.6 ล้านคน

2.) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ วงเงิน 3,000 ล้านบาท จำนวน 2.5 ล้านคน เดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ธ.ค. 64 ส่วนวันที่เงินจะเข้านั้นกระทรวงการคลังจะแจ้งอีกครั้ง

3.) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 วงเงิน 9.3 หมื่นล้านบาท ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย 31 ล้านคน ให้สิทธิ์ใช้จ่ายไม่เกิน 150 บาท วงเงิน 3,000 บาทต่อคน โดยผู้ที่เข้าร่วมโครงการในระยะที่ 1-2 ประมาณ 15 ล้านคนจะให้ยืนยันสิทธิในระยะที่ 3 โดยที่ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ส่วนอีก 16 ล้านคน จะเปิดให้ลงทะเบียนร่วมโครงการใหม่ต่อไป ซึ่งกระทรวงการคลังจะแจ้งวันลงทะเบียนอีกครั้ง ซึ่งเงินที่จะให้นั้นแยกเป็น 2 ช่วง ช่วงละ 1,500 บาท คือ ก.ค.-ก.ย. 64 และ ต.ค.-ธ.ค. 64

4.) โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ วงเงิน 2.8 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการ 4 ล้านคน โดยภาครัฐจะสนับสนุนบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Voucher) ให้แก่ผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการ โดยจำกัดวงเงินใช้จ่ายสูงสุดที่ใช้คำนวณสิทธิ e-Voucher ไม่เกิน 6 หมื่นบาทต่อคน และไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน ซึ่งจะได้รับสิทธิ e-Voucher สะสมสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน ซึ่งผู้เข้าโครงการจะได้รับการสนับสนุน E-Voucher จากภาครัฐในช่วง ก.ค.-ก.ย. 64 เพื่อไปใช้จ่ายในเดือน ส.ค.-ธ.ค. 64 ส่วนในรายละเอียดว่าจะสามารถใช้จ่ายสินค้าและบริการอะไรได้บ้างกระทรวงการคลังจะชี้แจงรายละเอียดต่อไป


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สั่งการ ป.ป.ส. เร่งสืบสวนขบวนการ ค้ายาเสพติดข้ามชาติ หลังจากที่ผ่านมาพบการจับกุมการลักลอบส่งยาเสพติดไปต่างประเทศหลายคดี

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ป.ป.ส. กล่าวว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสั่งการให้ สำนักงาน ป.ป.ส.เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลกลุ่มนักค้ายาเสพติดที่ลักลอบขนยาเสพติดซุกซ่อนไปกับสิ่งของไปยังต่างประเทศหลายคดี โดยให้สืบหาผู้สั่งการ ผู้ส่ง ให้ดูว่ามีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายที่ ป.ป.ส. ได้ดำเนินการสืบสวนอยู่หรือไม่ โดยให้เร่งรัดสืบสวนและดำเนินการจับกุมยึดทรัพย์สินต่อไป

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2564 เจ้าหน้าที่ศุลกากรฮ่องกงได้ตรวจยึดไอซ์น้ำหนัก 9 กิโลกรัม ซุกซ่อนในกรอบรูปบรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ที่ขนส่งมาจากประเทศไทยทางเรือ จับกุมผู้ต้องสงสัย เป็นชายสัญชาติ จีน-ฮ่องกง 2 คน และได้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับ สำนักงาน ป.ป.ส. เพื่อขยายผลถึงตัวการที่ส่งยาเสพติดมาจากประเทศไทย

ต่อมาวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2564 สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมกับ กรมศุลกากร และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้สืบสวนจนทราบแหล่งที่มาของการส่งยาเสพติดดังกล่าว และทราบว่าจะมีการส่งกรอบรูปลักษณะเดียวกับที่ส่งไปฮ่องกง จึงได้ทำการตรวจสอบสิ่งของในตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งกำลังเตรียมส่งออกจากประเทศไทยไปยังฮ่องกง ที่ศูนย์เอกซเรย์สินค้าขาออกระหว่างประเทศ พบกรอบรูป 5 ชิ้น ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับที่ศุลกากรฮ่องกงได้ตรวจยึด และได้แกะกรอบรูปออกดูมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 9 กิโลกรัม บรรจุถุงพลาสติกใสถุงละ 1 กิโลกรัม จำนวน 9 ถุง ซุกซ่อนอยู่ข้างใน จึงดำเนินการบันทึก ตรวจยึด และส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีต่อไป

นอกจากนี้ยังได้ขยายผลไปตรวจค้น บริษัทขนส่งสินค้าระหว่างประเทศภายในซอยเพชรบุรี 17 พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนักรวม 2 กิโลกรัม ซุกซ่อนในเครื่องขยายเสียงปะปนไปกับสินค้าชนิดอื่นเตรียมส่งไปยังประเทศฟิลิปปินส์ จึงได้ทำบันทึกตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมมือกับศุลกากรฮ่องกงในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด โดยจะดำเนินการขยายผลตรวจสอบจากการจับกุม ตรวจยึดยาเสพติดดังกล่าวซึ่งขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ลักลอบขนส่งยาเสพติดในกลุ่มดังกล่าวต่อไป


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เลี่ยงปัญหาตีตราประเทศต้นกำเนิดเชื้อกลายพันธุ์ใหม่

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้เปลี่ยนชื่อวิธีเรียกสายพันธุ์โควิด-19 โดยจะใช้อักษรกรีก (Greek Alphabet) แทนการเรียกชื่อสายพันธุ์ด้วยชื่อประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงการตีตราประเทศต่าง ๆ ว่าเป็นต้นกำเนิดของโควิด-19 สายพันธุ์นั้น ๆ


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘แรมโบ้’ เหน็บ ‘วิโรจน์-ประเสริฐ’ เซียนข่าวปลอม อ่านตามที่คนร่างมาให้ ไม่ตรวจสอบข้อมูล ก่อนอภิปราย

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงภาพรวมการอภิปราย ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท วาระแรก ของฝ่ายค้านที่ทั้งมีการเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลาออก เนื่องจากจัดสรรงบประมาณผิดพลาด ไม่ลำดับความสำคัญ รวมถึงการบริหารจัดการโควิด-19 ล้มเหลว โดยตนย้ำว่าการบริหารงานของพล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลที่ผ่านมาได้แก้ไขปัญหาในหลายอย่าง พัฒนาประเทศในหลายด้าน ซึ่งก็มีผลงานที่ฝ่ายค้านก็เห็น รวมถึงการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ไขปัญหาเพื่อให้สถานการณ์ได้คลี่คลายให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันจะมีวัคซีนทยอยเข้ามาอีก ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้

นายเสกสกล กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณของกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงสาธารณสุข ต้องพิจารณาในภาพรวมและแนวทางการดำเนินงานในระยะยาว โดยงบประมาณกระทรวงกลาโหมถูกปรับลดลงทุกปีต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 โดยปี 2565 กระทรวงกลาโหมเสนอขอตั้งงบประมาณ จำนวน 203,282.0 ล้านบาท ลดลงจากปี 2564 จำนวน 11,248.7 ล้านบาท ด้านงบประมาณสาธารณสุข รัฐบาลได้ให้ความสำคัญ และเสนอขอตั้งงบประมาณ พ.ศ.2565 ไว้ที่หลายหน่วยงาน เพื่อสวัสดิการประชาชนอย่างครอบคลุมและทั่วถึงในทุกมิติด้านสุขภาพ โดยกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 9 กรม 153,940.5 ล้านบาท ลดลงจากปี 2564 จำนวน 4,338.1 ล้านบาท เรื่องเงินกู้ ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลได้มีการลงทุน ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไปกว่า 2.1 ล้านล้านบาท จำนวน 162 โครงการ ซึ่งกว่า 70 เปอร์เซ็นต์เป็นการกู้เพื่อใช้ในการลงทุน วงเงินประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท หากพรรคฝ่ายค้านไม่หูหนวก ตาบอด ใจมืดมัวจนเกินไปคงต้องรู้บ้าง

นายเสกสกล กล่าวว่า ส่วนที่พรรคเพื่อไทยแกล้งลืมก็คือ รัฐบาลปัจจุบันนี้ต้องใช้หนี้จำนำข้าว ที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้สร้างความเสียหายเกือบ 10 ปีแล้ว โดยรัฐต้องตั้งงบประมาณชดเชย ขาดทุนจำนำข้าวไปแล้ว 705,000 ล้านบาท ปัจจุบันยังเหลือหนี้จำนำข้าวอยู่อีกประมาณ 280,000 ล้านบาท ประมาณ 12 ปี จึงจะหมด สำหรับการกู้ตาม พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ก็มีแผนการใช้จ่ายครบถ้วนแล้ว และเบิกจ่ายไปแล้วกว่าร้อยละ 79.88 เกิดการจ้างงาน 163,628 คน ฝึกอบรมทักษะเกษตรกรไปแล้วอย่างน้อย 90,000 กว่าราย เบิกจ่ายงบประมาณที่ได้อนุมัติโครงการไปแล้ว 817,000 ล้านบาท ช่วยพยุงเศรษฐกิจและส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจร้อยละ 2 ของ GDP

นายเสกสกล กล่าวว่า ฟังการอภิปรายฝ่ายค้าน มองว่า นายวิโรจน์ ลักษณาอดิศร พรรคก้าวไกลใครก็รู้ว่าเป็น ‘เซียนข่าวปลอม’ หลอกพวกเดียวกันเองไม่พอ ปล่อยข่าวบิดเบือนหลอกชาวบ้านให้เข้าใจผิดไปด้วย แบบนี้นอกจากจะ ‘ปั้นน้ำเป็นตัว’ ยัง ‘เอาเท้าราน้ำ’ ล่าสุดก็เต้าข่าวเรื่องวัคซีนซิโนฟาร์มของนายหน้าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ประชาชนคอการเมืองฝากบอกมาเห็นหน้าตาเวลาอภิปรายแล้วระวังลูกตาจะถลนออกจากเบ้าตา เพราะท่าทางดูขึงขังเอาจริงจังเกินไป แต่พอฟังข้อมูลบิดเบือนตลอด ไม่ตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อนที่จะพูด

นายเสกสกล กล่าวว่า นายประเสริฐ จันทรรวงทอง พรรคเพื่อไทยก็ไม่ต่างกัน อ่านตามที่คนร่างมาให้ ไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งหลายเรื่องตนอธิบายพรรคเพื่อไทยไปหลายคนและก็ได้ตอบคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ผู้ก่อตั้งพรรคไทยสร้างไทย และนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ไปแล้ว ก็ยังมาพูด ผิดๆ เพี้ยนๆ เป็นแผ่นเสียงตกร่อง แล้วบ้านเมืองจะเดินหน้าไปได้อย่างไร ข้อมูลบิดเบือนจนทำให้ประชาชนสับสน

“ซึ่งการจัดสรรงบประมาณ นายกฯ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับทุกกระทรวงฯ เพื่อนำงบประมาณไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนให้ได้มากที่สุด ดังนั้นพรรคฝ่ายค้านควรนำข้อมูลทั้งหมดออกมาพูดด้วย ไม่ใช่นำแต่ข้อมูลในด้านของตัวเองมาอภิปรายให้ประชาชนได้รับทราบ และทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดต่อรัฐบาล ประเดี๋ยวประชาชนจะขนานนามฝ่ายค้านว่าเป็นพวกเด็กเลี้ยงแกะ ประเภทคอยพูดจาเอาข้อมูลเท็จ หลอกลวงต้มตุ๋นประชาชนรายวัน” นายเสกสกล กล่าว


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เผยความคืบหน้าตรวจตัวอย่างวัคซีนโควิด 'แอสตราเซเนกา' ของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ เพิ่มอีก 5 ล็อต ล่าสุดผ่านมาตรฐานแล้ว

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เผยความคืบหน้าตรวจตัวอย่างวัคซีนโควิด 'แอสตราเซเนกา' ของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ เพิ่มอีก 5 ล็อต ล่าสุดผ่านมาตรฐานแล้ว รวมกับของเดิมที่ผ่านการตรวจมาก่อนหน้านี้ 9 ล็อต รวมผ่านมาตรฐานทั้งหมด 14 ล็อต ส่วนจะนำวัคซีนออกไปใช้ต้องรอเอกสารสรุปการผลิตและควบคุมคุณภาพจากผู้ผลิต

.นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ตามที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้รับตัวอย่างวัคซีนของแอสตราเซนเนกา เพิ่มเติมจาก 5 ล็อตการผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด นั้น ล่าสุดผลการตรวจออกมาผ่านมาตรฐานทุกตัวอย่าง เพราะฉะนั้นเมื่อรวมกับของเดิมอีก 9 ล็อตที่ตรวจผ่านไปก่อนหน้านี้ เท่ากับว่าวัคซีนแอสตราเซนเนกาฯ ที่ผลิตในไทย ตรวจผ่านคุณภาพ มาตรฐานทั้งหมด 14 ล็อต

อย่างไรก็ตาม การจะออกล็อตรีลีสต์ เพื่อนำวัคซีนออกไปใช้ได้ ต้องรอเอกสารข้อมูลสรุปการผลิตและการควบคุมคุณภาพของผู้ผลิต (Summary Production Protocol) ซึ่งตรงนี้อยู่ที่บริษัทผู้ผลิต แต่ก็อย่างที่ชี้แจงไปว่า เนื่องจากการผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซฯ นั้นเป็นการผลิตล็อตแรกๆ ทางแอสตราฯ โอบอลเลยต้องมีการตรวจสอบเอกสารต่างๆ อย่างละเอียด

 

ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=4717965628230555&id=189995197694310


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

บางที ยาที่ดีที่สุด ก็ไม่ใช่ ‘ยากิน หรือ ยาฉีด’ เสมอไป

บางที ยาที่ดีที่สุด ก็ไม่ใช่ ‘ยากิน หรือ ยาฉีด’ เสมอไป


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

คลายล็อกเล็ก ๆ กทม. ให้เปิด 5 กิจการ ดีเดย์ เริ่มตั้งแต่ 1 มิ.ย.นี้

กทม. คลายล็อกสถานประกอบการ 5 ประเภท ‘พิพิธภัณฑ์-ร้านสัก-ร้านนวดสปา-คลินิกเสริมความงาม-สวนสาธารณะ’ เริ่ม 1 มิ.ย.นี้

ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 15/2564 ประชุมพิจารณาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครส่วนใหญ่พบในชุมชน ตลาด แคมป์คนงาน ซึ่งอยู่ระหว่างการเข้าควบคุมโรค และสถานการณ์การระบาดยังคงทรงตัวอยู่ในคลัสเตอร์เฉพาะกลุ่มดังกล่าว ในส่วนของสถานประกอบการบางประเภทไม่พบคลัสเตอร์การระบาดแต่อย่างใด

ที่ประชุมจึงเห็นชอบให้ผ่อนปรนเปิดสถานประกอบการบางประเภทเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของภาคธุรกิจ และให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพได้ ภายใต้มาตรการของรัฐที่กำหนดอย่างเคร่งครัด

สำหรับสถานประกอบการที่ได้รับการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการให้เปิดได้ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.64 เป็นต้นไปมีดังนี้

1.) พิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์สถาน พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น รวมถึงพิพิธภัณฑ์ในลักษณะทำนองเดียวกัน ศูนย์การเรียนรู้ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการเรียนรู้ อุทยานวิทยาศาสตร์ ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม แหล่งประวัติศาสตร์โบราณสถาน และหอศิลป์ ทั้งนี้ให้เปิดได้ภายใต้มาตรการที่เข้มงวด เช่น ห้ามเข้าเยี่ยมชมเป็นกลุ่มคณะที่มีการรวมตัวกันจำนวนมาก

2.) สถานที่สักหรือเจาะผิวหนังหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ร้านทำเล็บ ทั้งนี้ให้เปิดได้ภายใต้มาตรการที่เข้มงวด เช่น หากพบการติดเชื้อในสถานบริการจำพวกนี้ ให้ปิด 14 วัน

3.) สถานที่ให้บริการควบคุมน้ำหนัก คลินิกเสริมความงาม สถานเสริมความงามและคลินิกเวชกรรมเสริมความงาม

4.) สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ (ร้านสปา ร้านนวดเพื่อสุขภาพ ร้านนวดเพื่อเสริมความงาม) สถานประกอบการนวดแผนไทย (งดเว้นการอบตัว อบสมุนไพร หรืออบไอน้ำ และการนวดบริเวณใบหน้า) นวดฝ่าเท้า

5.) สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ และสวนดอกไม้ ทั้งนี้ให้เปิดภายใต้มาตรการที่เข้มงวด เช่น ห้ามไม่ให้มีการนั่งร่วมกลุ่ม และไม่ให้นำอาหารเข้ามารับประทาน ยกเว้นน้ำดื่ม

สำหรับสถานประกอบการประเภทอื่นๆ ยังคงให้ปิดตามประกาศปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 29) ต่อไปจนถึงวันที่ 14 มิ.ย.64


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

X-Press Pearl ล่ม!! สะเทือนชายฝั่งศรีลังกา สะท้อนไทยต้องดูไว้เพื่อรับมือ

จากกรณีเรือคอนเทนเนอร์สัญชาติสิงคโปร์ X-Press Pearl (เอ็กซ์-เพรส เพิร์ล) ซึ่งบรรทุกสารเคมีกับเครื่องสำอางและไฟไหม้ติดต่อกันหลายวัน นอกชายฝั่งเมืองเนกอมโบ ทางตะวันตกของศรีลังกา จนมีน้ำมันเลอะเปื้อนและเศษซากเรือไฟไหม้เกลื่อนหาดต่างๆ ปรากฏเป็นภาพถ่ายที่สร้างความโกรธแค้นต่อคนในประเทศนั้น

ล่าสุด ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ถึงอีกปัญหาตามมาที่ต้องตระหนักว่า...

ภาพที่เพื่อนธรณ์เห็นคือ เม็ดพลาสติกจำนวนมหาศาลที่ลอยมาขึ้นฝั่งศรีลังกา ภายหลังจากเรือสินค้า X-Press Pearl ไฟไหม้อยู่นอกชายฝั่งโคลอมโบ

ตอนนี้ควบคุมไฟได้แล้ว ลูกเรือ 25 คนปลอดภัย ยังไม่มีร่องรอยน้ำมันรั่ว

แต่ที่มาถึงฝั่งแล้วแน่นอนคือเม็ดพลาสติกที่เป็นส่วนหนึ่งของสินค้า 1,486 ตู้ที่บรรทุกบนเรือ และยังมีสารเคมีอีก 25 ตัน

รายงานข่าวบอกว่า บนเรือมีคอนเทนเนอร์ใส่เม็ดพลาสติก 28 ตู้ ตอนนี้อย่างน้อย 8 ตู้ตกลงทะเล

MEPA หน่วยงานดูแลมลพิษทางทะเลศรีลังกาบอกว่า นี่อาจเป็นหายนะทางทะเลครั้งใหญ่สุดของประเทศ

เรือไหม้ห่างจากฝั่ง 9 ไมล์ แต่บริเวณชายฝั่งทางเหนือเมืองโคลอมโบคือเขตพื้นที่ชุ่มน้ำ Negombo

บริเวณนี้มีหาดทรายยาวเหยียด เป็นแหล่งท่องเที่ยว มีป่าชายเลน ยังเป็นที่อนุบาลสัตว์น้ำและทำประมง

เชื่อว่ามีชาวประมงกว่า 4,500 คนได้รับผลกระทบ และอาจเพิ่มขึ้นหากผู้คนกลัวไม่กล้ากินสัตว์น้ำจากบริเวณนี้

เม็ดพลาสติกจำนวนมหาศาลยังเป็นขยะทะเล และอาจส่งกระทบต่อไปอีก

ตอนนี้ยังไม่มีรายงานความเสียหาย แต่เชื่อว่าเมื่อประเมินแล้ว จะต้องมีการเรียกร้องกันตามมา

ตัวอย่างจากศรีลังกาเป็นเหตุการณ์ที่อาจเกิดกับประเทศไทยได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะเมื่อเราต้องการเป็นโลจิสติกส์ฮับ

เท่าที่มีประสบการณ์ ผมคิดว่าเราต้องดูกฎหมายทะเลให้ดี รวมถึงผลักดันให้เราสามารถฟ้องร้องเรือต่างชาติได้ง่ายขึ้น

เพราะในอดีตเรามีกรณีเรือต่างชาติชนปะการัง และสุดท้ายก็ต้องหาทางออกที่ต้องพูดคุยกันเยอะ

ยังรวมถึงการป้องกันระวังเรื่องความเสี่ยงจากอุบัติเหตุแบบนี้ที่ต้องทุ่มจริง

เพราะหากเกิดอะไรขึ้นมา มันแก้ไขฟื้นฟูไม่ได้ง่ายๆ หรือบางทีแทบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

ผมเคยไปศรีลังกา 3 รอบ ยังจำความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลรอบๆ ได้ดี

หวังว่าความเสียหายในทะเลศรีลังกาจะไม่มากไปกว่านี้

และยิ่งหวังว่าจะไม่เกิดอะไรแบบนี้ในทะเลไทยครับ

 

อ้างอิง: https://www.ndtv.com/world-news/mv-x-press-pearl-fire-worst-marine-ecological-disaster-sri-lanka-on-fire-in-singapore-vessel-fire-2452140

https://germany.in-24.com/world/6325.html

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4729081570440342&id=100000156385897

ภาพ - colombo Gazette/ NDTV


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ไทยผลิตยาเลิกบุหรี่สำเร็จครั้งแรกทำจากสมุนไพร "จามจุรีสีทอง"

สสส.ผนึก มศว-ศจย.-อภ จ่อขึ้นทะเบียนยาเลิกบุหรี่ "ไซทิซีน" สกัดจากสมุนไพร "จามจุรีสีทอง" เผยวิจัยใกล้สำเร็จปลอดภัย-ประสิทธิภาพดี เตรียมดันเข้าบัญชียาหลักแห่งชาติ ให้คนไทยเข้าถึงในราคาถูก

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยว่า เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก 31 พฤษภาคมของทุกปี โดยในปีนี้ องค์การอนามัยโลกกำหนดคำขวัญว่า “COMMIT TO QUIT” สำหรับประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดคำขวัญว่า “เลิกสูบ ลดเสี่ยง คุณทำได้” สสส.ได้ประสานพลังร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนให้สังคมไทยปลอดควันบุหรี่ โดยสนับสนุนมาตรควบคุมยาสูบในทุกระดับ ส่งเสริมมาตรการสิ่งแวดล้อมปลอดบุหรี่ ให้ความรู้สร้างความตระหนักถึงอันตรายของบุหรี่ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเลิกบุหรี่ พร้อมให้บริการบำบัดการติดบุหรี่และผลิตภัณฑ์นิโคติน เพื่อให้คนไทยเลิกบุหรี่ได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย

“ขณะนี้ทั่วโลกร่วมถึงประเทศไทยได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ซึ่งเชื้อจะทำลายปอด การสูบบุหรี่ทุกชนิดทำให้ปอดอักเสบรุนแรง บุหรี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำลายปอดและเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส และแพร่เชื้อไวรัสผ่านละออง ควันบุหรี่ชนิดต่างๆ หากคนสูบบุหรี่ติดโควิด-19 จะส่งผลให้อาการทรุดหนักได้ สสส. จึงขอเชิญชวนให้ใช้โอกาสนี้เลิกสูบบุหรี่ทุกชนิด เพื่อสุขภาพของตัวเอง และเพื่อความปลอดภัยจากโควิด-19” น.ส.รุ่งอรุณ กล่าว

รศ.นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญา อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบการหายใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) ในฐานะรองประธานเครือข่ายวิชาชีพแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ สนับสนุนโดย สสส. กล่าวว่า ขณะนี้คณะแพทยศาสตร์ มศว. ร่วมกับศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) สสส. และองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กำลังดำเนินการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนายาเลิกบุหรี่ชนิดใหม่ในประเทศไทยที่ชื่อว่า “ไซทิซีน” (Cytisine) ซึ่งเป็นสารสกัดธรรมชาติจาก “เมล็ดจามจุรีสีทอง” มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการถอนนิโคติน ทำให้ผ่อนคลายไม่หงุดหงิดในขณะที่เข้าสู่กระบวนการเลิกบุหรี่ ซึ่งยาชนิดนี้ใช้มานานกว่า 60 ปี ในยุโรปตะวันออก ถือเป็นยาเลิกบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพดีและปลอดภัยมาก จึงเป็นยาที่องค์การอนามัยโลกให้การรับรองและสนับสนุนให้รัฐบาลทุกประเทศจัดหาไว้เพื่อช่วยให้ประชาชนของตนเข้าถึงยาเลิกบุหรี่ที่ราคาถูกได้ง่ายขึ้น โดยขณะนี้งานวิจัยของประเทศไทยอยู่ในขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างที่เข้ารับบริการเลิกบุหรี่ด้วยยาชนิดนี้ 500 คน เทียบกับอีกกลุ่มที่ใช้ยาชนิดอื่นอีก 500 คน โดยจะวิเคราะห์ข้อมูลแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายนนี้ เมื่อได้ผลการวิจัยที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว อภ.จะทำการขึ้นทะเบียนยากับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จากนั้นจะผลักดันยานี้ให้เข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติต่อไป

“ยาชนิดนี้มีต้นทุนการผลิตที่ไม่แพงเมื่อเปรียบเทียบกับยาเลิกบุหรี่ชนิดอื่นๆ ที่มีจำหน่ายอยู่แล้วในประเทศไทย มั่นใจ อภ.จะสามารถกำหนดราคาขายให้มีราคาถูกเพื่อให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงยาช่วยเลิกบุหรี่ที่ดีและราคาถูกได้อย่างทั่วถึง สำหรับวิธีใช้ยาชนิดนี้ ยามีตัวยาขนาด 1.5 มิลลิกรัม/เม็ด โดยในช่วง 3 วันแรก จะต้องกิน 6 เม็ด/วัน จากนั้นลดขนาดลงเรื่อยๆ เหลือ 5 เม็ด/วัน จากนั้น 4 เม็ด/วัน และ 2 เม็ด/วันไปจนครบ 25 วัน โดยขณะนี้มีงานวิจัยในต่างประเทศที่พยายามหาวิธีการกินยาชนิดนี้ที่ง่ายขึ้น โดยพบว่าอาจกินแค่ครั้ง 2 เม็ด วันละ 3 เวลา ตลอด 25 วันไปเลยก็ได้ผลไม่ต่างกัน” รศ.นพ.สุทัศน์ กล่าว

สำหรับ ไซทิซีน เป็นยาที่ดี ปลอดภัย ราคาถูก มีงานวิจัยนานาชาติรองรับมากมายว่ามีประสิทธิผลดีจริง จึงเป็นที่สนใจมากของหลายๆ ประเทศ นอกจากนี้ ยังมีความพยายามนำเอายานี้ ซึ่งเดิมไม่มีเจ้าของลิขสิทธิ์ยา เข้าไปจดทะเบียนที่สหรัฐอเมริกา เพื่อหวังผลเป็นเจ้าของยานี้เสียเองและเล็งเห็นกำไรทางธุรกิจ สำหรับประเทศไทย ยังไม่มียาชนิดนี้อยู่ในระบบบัญชียาของประเทศ จึงมีความจำเป็นที่ภาครัฐของประเทศไทยต้องรีบดำเนินการผลักดันยานี้เข้าสู่ระบบบัญชียาโดยเร็ว เพื่อให้ยานี้เป็นสมบัติของคนไทยทุกคนต่อไป การมียาเลิกบุหรี่คุณภาพดีและราคาถูก ผลิตได้เองโดยภาครัฐ จึงนับเป็นก้าวย่างสำคัญของบริการเลิกบุหรี่ในประเทศไทยที่จะช่วยให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้นและหลีกหนีจากผลิตภัณฑ์ยาสูบได้อย่างถาวรยิ่งขึ้น

“ภาคีเครือข่ายมีการขับเคลื่อนรณรงค์การเลิกบุหรี่ร่วมกับ สสส. อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยมีคลินิกฟ้าใส ให้บริการเลิกบุหรี่และส่งต่อบำบัดรักษาในระบบบริการสุขภาพให้บริการทั่วประเทศ จากสถิติของเครือข่ายคลินิกให้คำปรึกษาเลิกบุหรี่เฉลี่ยใน 1 ปี มีผู้เข้ารับบริการสามารถเลิกสูบบุหรี่ได้สำเร็จ 30-40% ในขณะที่รายที่ไม่ใช้ยาสามารถเลิกได้สำเร็จเพียง 10% และในกลุ่มที่เลิกด้วยตนเอง โดยไม่ได้เข้ารับบริการเลิกบุหรี่ไม่ว่ารูปแบบใดๆ จะมีโอกาสเลิกสำเร็จเพียง 5% เท่านั้น ซึ่งในวันงดสูบบุหรี่โลกปีนี้ องค์การอนามัยโลก ได้กำหนดคำขวัญว่า “commit to quit” เพื่อกระตุ้นเตือนให้รัฐบาลของประเทศต่างๆ ได้ส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบบริการเลิกบุหรี่ พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงยาช่วยเลิกบุหรี่ที่ราคาถูกได้กว้างขวางยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการทำงานของสสส. และภาคีต่างๆ ที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะทำให้อัตราการสูบบุหรี่ของคนไทยลดลงให้ได้อย่างน้อย 25% จากเดิม ซึ่งยาไซทิซีน จะเป็นตัวช่วยสำคัญให้คนไทยมีสุขภาพดีขึ้นและปลอดบุหรี่ได้มากขึ้น” รศ.นพ.สุทัศน์ กล่าว

 

ที่มา : https://www.posttoday.com/social/general/654263?fbclid=IwAR0bKUv2_iOxvNiztqgY1zfL1KumgFYBzsOXPpYeofLQOWVft2F-ua1ycgk


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top