Wednesday, 25 June 2025
NEWS FEED

“บิ๊กป้อม” ไฟเขียว หลักการจ่ายเงินรางวัล-จัดพิธีมอบแก่นักกีฬา-เจ้าหน้าที่ รายการแข่งขัน “โอลิมปิก-พาราลิมปิก 2020 ” เน้น เรียบง่ายปลอดภัยจากโควิด-19

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

พล.อ.ประวิตร อนุมัติหลักการจ่ายเงินรางวัล และจัดพิธีมอบเงินรางวัลนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ รายการแข่งขัน โอลิมปิกเกมส์ครั้งที่ 32 และพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 16 กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น สำหรับผลการแข่งขันล่าสุด น.ส.พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ หรือ น้องเทนนิส นักกีฬาเทควันโด สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศ ได้รับเหรียญทอง รุ่น49 กิโลกรัมและเดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้ว  และยังมีนักกีฬาอื่นๆอีก ที่กำลังแข่งขัน ซึ่งมีความหวังที่จะได้รับเหรียญรางวัล ทุกคน จากทั้ง 2 รายการ 

พล.อ.ประวิตร เห็นชอบให้ความช่วยเหลือด้านสวัสดิการกีฬา แก่ครอบครัว กรณี การเสียชีวิตของนักกีฬาอาวุโสและนักกีฬาคนพิการแห่งชาติ ชนิดกีฬาเปตอง ซึ่งถือเป็นบุคลากรทางการกีฬาที่เคยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ  ทั้งนี้ในที่ประชุม ยังได้ให้ความสำคัญต่อการสร้างกระแสกีฬา จากการแข่งขันโดยเห็นชอบ สนับสนุนโครงการถ่ายทอดสด และการจัดกิจกรรมการสร้างกระแสชม และเชียร์ การแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่16 รวมถึงให้การสนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬาอาชีพ เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ด้วย

พล.อ.ประวิตร รับทราบ รายงานผลการประเมินการดำเนินงาน ของกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2563 ทุนหมุนเวียนอยู่ในระดับดีมากและการดำเนินงานปีงบประมาณ 2564 มีความคืบหน้า เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนของกฎหมาย

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวชื่นชม น้องเทนนิสที่สามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิก กีฬาเทควันโดให้กับประเทศไทยได้ อย่างน่าภาคภูมิใจยิ่ง  พร้อมส่งแรงเชียร์ไปยังนักกีฬาคนอื่นๆ ที่กำลังแข่งขันอยู่ในขณะนี้ ให้ประสพความสำเร็จ นำชื่อเสียงกลับสู่ประเทศไทย สำหรับเงินรางวัลนักกีฬาให้ การกีฬาแห่งประเทศไทย เร่งดำเนินการตามหลักเกณฑ์ โดยเร็วที่สุด  การจัดเตรียมพิธีมอบรางวัล ควรให้เป็นไปอย่างเรียบง่าย ปลอดภัยจากโควิด-19 และเป็นไปตามมาตรการของ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยเคร่งครัด

นักแสดงช่อง 3 สนับสนุนโครงการ “BLOOD CHALLENGE” ของสภากาชาดไทย ร่วมแชร์ผ่านโซเชียล และชวนคนไทยบริจาคโลหิต

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องไปทุกภาคส่วน ล่าสุดทำให้การบริจาคโลหิตของประชาชนมีจำนวนลดน้อยลง ในขณะที่ปัจจุบันจำนวนโลหิตที่จำเป็นต้องใช้รักษาผู้ป่วยมีจำนวนไม่เพียงพอจนเข้าขั้นวิกฤต ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จึงได้จัดทำโครงการภายใต้ชื่อ Blood Challenge “ได้เวลากลับมาช่วยเพื่อน บริจาคโลหิต ฝ่าวิกฤติ COVID-19” ชวนคนไทยส่งต่อบุญผ่านสังคมออนไลน์ และเชิญชวนเหล่าศิลปินนักแสดงทั่วประเทศร่วมกัน Challenge ส่งความตั้งใจดี ๆ สู่กัน สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้ให้การสนับสนุนโครงการ Blood Challenge ครั้งนี้

โดยเชิญชวนนักแสดงร่วมประชาสัมพันธ์สร้างกระแสให้คนไทยร่วมบริจาคโลหิตมากขึ้น โดยการถ่ายภาพถือป้ายรณรงค์ เขียนข้อความเชิญชวนสั้น ๆ โพสต์ลง Social Media ส่วนตัว ทั้ง Facebook, Instagram, Twitter และ TikTok พร้อมติด #BloodChallenge ซึ่งได้รับการตอบรับจากเหล่านักแสดงช่อง 3 เป็นอย่างดี รวมถึงนักแสดงหลายท่านยังได้เดินทางไปบริจาคโลหิตที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทยด้วยตัวเอง อาทิ แอน ทองประสม, หมาก ปริญ สุภารัตน์, คิมเบอร์ลี แอน โวลเทมัส, อาเล็ก ธีรเดช เมธาวรายุทธ, ภณ ณวัสน์ ภู่พันธัชสีห์, เต้ย พงศกร เมตตาริกานนท์, หมอก้อง สรวิชญ์ สุบุญ, อาร์ม พิพัฒน์ วิทยาปัญญานนท์, เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ, พรีม รณิดา เตชสิทธิ์, เกรท วรินทร ปัญหกาญจน์, โยเกิร์ต ณัฐฐชาช์ บุญประชม, เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข, มิ้นต์ ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง และ น็อต วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์ นอกจากนี้แพลตฟอร์มออนไลน์ของช่อง 3 และ รายการข่าวของสถานีข่าวช่อง 3 ยังได้ร่วมประชาสัมพันธ์ให้กับโครงการเช่นกัน

 

สำหรับกิจกรรม Blood Challenge “ได้เวลากลับมาช่วยเพื่อน บริจาคโลหิต ฝ่าวิกฤติ COVID-19” ครั้งนี้ประชาชนทั่วไปสามารถให้การสนับสนุนด้วยเช่นกัน โดยนอกจากการร่วมบริจาคโลหิตที่ศูนย์บริหารโลหิตแห่งชาติ และศูนย์บริจาคทั่วประเทศแล้ว ยังสามารถช่วยโดยการโพสต์ข้อความเชิญชวนลง Social Media ส่วนตัว ติด #BloodChallenge และตั้งค่าเป็นสาธารณะ พร้อม Tag ไปชวนครอบครัว เพื่อน หรือคนรู้จัก ร่วมแคมเปญต่ออีก 3 คน เป็นการกระตุ้นการร่วมบริจาคโลหิตในสภาวะวิกฤต เพื่อให้โรงพยาบาลทั่วประเทศจะได้มีโลหิตสำรองที่เพียงพอที่จะใช้ดูแลรักษาผู้ป่วยต่อไป ติดต่อสอบถามได้ที่หมายเลข 0 2256 4300

 

 

 

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ค้าน พรก. ฉุกเฉินคุมเข้ม ชี้ กฎหมายปกติจัดการเฟกนิวส์ ได้อยู่แล้ว

เมื่อวันที่ 30 ก.ค. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีโพสต์เฟซบุ๊คสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการข่าวปลอมในช่วงโควิด โดยสั่งให้ดำเนินคดีกับผู้ปล่อยเฟกนิวส์รายใหญ่ ไม่เว้นคนดัง - สื่อมวลชน พร้อมให้ติดตามใกล้ชิดนั้น

แต่ทว่ากลับใช้อำนาจตาม ม.9 แห่ง พรก.ฉุกเฉิน 2548 ออกข้อกำหนดฉบับที่ 27 ข้อ 11 ที่กำหนดมาตรการเพื่อมิให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันทำให้เกิดความเข้าใจผิด ในสถานการณ์ฉุกเฉิน การเสนอข่าวที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั่วราชอาณาจักร

การใช้อำนาจดังกล่าวทำให้องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนทั้ง 6 องค์กรออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการออกข้อกำหนดดังกล่าว หรือจัดทำแนวปฏิบัติจากข้อกำหนดพร้อมแถลงถึงเจตนารมณ์ในการบังคับใช้ให้เกิดความชัดเจน เพื่อมิให้มีนำข้อกำหนดดังกล่าว ไปเป็นเครื่องมือในการปิดกั้นการทำหน้าที่เสนอข่าวสารของสื่อมวลชนและการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตของประชาชน จนกระทบต่อสิทธิการรับรู้ข่าวสารและการแสดงความคิดเห็นของประชาชน

ทว่านายกรัฐมนตรีกลับไม่แคร์โดยออกข้อกำหนด ฉบับที่ 29 ออกมาสำทับห้ามเสนอข่าวอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอีก พร้อมสั่งให้ กสทช.แจ้งให้ผู้รับใบอนุญาตการให้บริการอินเทอร์เน็ตเข้มงวดกวดขันกับผู้ใช้บริการ หากกระทำผิดให้ส่งให้ตำรวจดำเนินคดีต่อไป ซึ่งอาจเป็นการใช้อำนาจที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ม.35 วรรคสอง และ ม.36 ได้

จริง ๆ แล้วกฎหมายที่ใช้จัดการพวกปล่อยข่าวปลอมหรือการบิดเบือนข่าวนั้น สามารถใช้กฎหมายปกติดำเนินการได้อยู่แล้ว โดยนายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องออกเป็นข้อกำหนดมาให้เป็นที่ขุ่นเคืองของหลาย ๆ ฝ่าย อาทิ ใช้ ป.อ. เอาผิดฐานหมิ่นประมาทใน ม.326 โดยมีม.328 เป็นบทเพิ่มโทษที่ใช้กันบ่อย ๆ หรือเอาผิดพวกบอกเล่าความเท็จ ให้เลื่องลือจนเป็นเหตุให้ประชาชนตื่นตกใจตาม ม.384 ก็ยังได้ อีกทั้งยังมี ป.อ.แพ่งฯ ในหมวดของการ "ละเมิด" กำหนดเรื่องการหมิ่นประมาทไว้แล้วใน ม.423 เพื่อเรียกค่าเสียหายได้

นอกจากนั้น ยังมี พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ ฉบับปี 2560 ม.14 ที่ใช้เอาผิดผู้ที่นำเข้าซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมหรือเป็นเท็จได้ ซึ่งก็มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับได้ อีกทั้ง กสทช. ก็มีกฎหมายของตนเองที่จะเอาผิดสื่อมวลชนที่เสนอข่าวบิดเบือนได้อยู่แล้ว ผ่านกลไกทางปกครองหรือศาล

ดังนั้น นายกรัฐมนตรี หรือ ศบค. ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องใช้อำนาจตาม ม.9 แห่ง พรก.ฉุกเฉินฯ มาปิดกั้นการทำหน้าที่เสนอข่าวสารของสื่อมวลชน และการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตของประชาชนเลย ทางออกที่เหมาะสมคือปรับปรุงข้อกำหนด ฉบับที่ 27 และ 29 เสียใหม่ โดยตัดทิ้ง ข้อ 11 และทบทวนหรือยกเลิกฉบับที่ 29 ออกไปเสีย ซึ่งไม่ทำให้กระบวนการเอาผิดผู้ที่บิดเบือนข้อมูลข่าวสารของรัฐเสียไป เพราะมีกฎหมายอื่นดูแลอยู่แล้วนั่นเอง


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘เจ้าแต้ว’ สุดาพร สีสอนดี เอาชนะ ซิมรานจิต คาอูร์ ด้วยคะแนน 5-0 ผ่านเข้าไปในรอบ 8 คนสุดท้าย

#เชียร์โอลิมปิกกับTHESTATESTIMES

ได้เฮกันแต่เช้า! ‘เจ้าแต้ว’ สุดาพร สีสอนดี นักมวยหญิงไทย ที่ลงทำการแข่งขันชกมวยในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ในรุ่นไลท์เวต 60 กก. สามารถเอาชนะนักชกจากประเทศอินเดีย ไปแบบสบายๆ

เจ้าแต้วลงดวลหมัดในรอบ 16 คนสุดท้ายเมื่อช่วงสายของบ้านเรา โดยพบกับ ซิมรานจิต คาอูร์ นักมวยหญิงจากอินเดีย ตลอด 3 ยก เป็นนักมวยหญิงไทยที่ทำผลงานได้ดีกว่า จนสามารถเอาชนะไปได้ด้วยคะแนน 5-0

เจ้าแต้วจะผ่านเข้าไปในรอบ 8 คนสุดท้าย เพื่อชิงเหรียญทองแดง โดยจะพบกับ แคโรไลน์ ดูบัวส์ นักชกสาวจากอังกฤษ ในวันที่ 3 สิงหาคมนี้ เวลา 10.50 น. ตามเวลาประเทศไทย


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

วัคซีนไฟเซอร์ บริจาคโดยสหรัฐ 1.5 ล้านโดส ถึงไทยเรียบร้อย ด้าน ‘อนุทิน’ ขอบคุณ รัฐบาลสหรัฐอเมริกา มอบวัคซีนให้กับประเทศไทยเพื่อ ป้องกันโรคโควิด-19 ระบาด

วันนี้ (30 ก.ค. 64) สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กเพจ U.S. Embassy Bangkok ระบุว่า วัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1.5 ล้านโดสที่บริจาคโดยสหรัฐฯ เดินทางถึงไทยแล้ว

ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหาร ได้เดินทางไปตรวจรับมอบวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1.5 ล้านโดส ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาสนับสนุนให้ไทย เมื่อช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมา

โดยนายอนุทิน กล่าวว่า ขอขอบคุณรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่ได้มอบวัคซีนให้กับประเทศไทยเพื่อป้องกันโรคระบาด ซึ่งการกระจายวัคซีนชุดนี้จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วัคซีนไฟเซอร์ ทั้ง 1.5 ล้านโดส จะต้องเก็บภายใต้อุณหภูมิ -70 ถึง -90 องศาเซลเซียส เพื่อคงประสิทธิภาพของวัคซีน หลังจากนั้น จะกระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศตามแผนการฉีดที่กำหนดไว้

วัคซีนไฟเซอร์ที่สหรัฐฯ บริจาค จำนวน 1.54 ล้านโดส เดินทางถึงไทยแล้วในเช้าวันนี้ ขณะที่ สธ.เร่งเตรียมการเก็บรักษาและติววิธีผสมน้ำเกลือเนื่องจากเป็นวัคซีนเข้มข้น ระบุ 1 ขวด ฉีดได้ 6 คน

สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1.54 ล้านโดสนี้มีการจัดสรร ดังนี้

- บุคลากรการแพทย์ดูแลผู้ป่วยโควิดทั่วประเทศ 700,000 โดส

- กลุ่มเสี่ยง (ผู้สูงอายุ / ผู้มี 7 โรคเรื้อรัง อายุ 12 ปีขึ้นไป / หญิงตั้งครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป) ในจังหวัดระบาดสูง 645,000 โดส

- ชาวต่างชาติในไทย เน้นผู้สูงอายุ / มีโรคเรื้อรัง และผู้จำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ 150,000 โดส

- ทำการศึกษาวิจัย 5,000 โดส

- สำรองส่วนกลาง 40,000 โดส


ที่มา : https://www.facebook.com/usembassybkk/?_rdc=1&_rdr


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ILINK ลงนามสัญญา จ้างก่อสร้างสถานีไฟฟ้า 3 สถานี มูลค่า 531.70 ล้านบาท

ILINK ลงนามสัญญา จ้างก่อสร้างสถานีไฟฟ้า 3 สถานี  มูลค่า 531.70 ล้านบาท

นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ลงนามร่วมกับ นายนุกูล ตูพานิช รองผู้ว่าการก่อสร้างและบริหารโครงการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อก่อสร้างสถานีไฟฟ้า 3 สถานี ในนาม INTERLINK and AIT CONSORTIUM มูลค่า 531,700,000 บาท โดย INTERLINK เป็นผู้ก่อสร้าง สถานีไฟฟ้าสันทราย 1, จ.เชียงใหม่ และ สถานีไฟฟ้า จ.สุพรรณบุรี 2, รวมมูลค่าทั้งสิ้น 366,032,060 บาท สัญญาจ้างเลขที่ C.CST.040/2564 ลว. 30 กรกฎาคม 2564 กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 390 วัน 

รมช.แรงงาน 'นฤมล'​ ส่งทีมมอบข้าวกล่องให้บุคลากรทางการแพทย์ ส่งแรงใจสู้ภัยโควิด-19

(28 ก.ค.64)​ 'ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์'​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ในช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง นอกจากพี่น้องแรงงานจะได้รับผลกระทบแล้ว ยังมีบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อรับมือกับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันนี้ได้มอบหมายให้ทีมงานนำข้าวกล่องไปมอบให้โรงพยาบาลบุษราคัม​ (โรงพยาบาลสนาม) สถาบันโรคทรวงอก และโรงพยาบาลศรีธัญญา เพื่อร่วมเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ให้ได้รับประทานอย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย รวมถึงเป็นกำลังในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 อีกด้วย          

รมช.แรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอบคุณในความเสียสละของทีมบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งถือเป็นด่านหน้าในการดูแลรักษาผู้ป่วย ทั้งโรงพยาบาลหลักและโรงพยาบาลสนาม ที่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการรักษา เฝ้าระวังอาการผู้ป่วย ตลอดจนควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไม่ให้ส่งผลกระทบกับพี่น้องประชาชนชาวไทย เพื่อร่วมกันนำพาประเทศไทยผ่านวิกฤติโควิด-19 ในครั้งนี้ไปด้วยกัน

 

"IWRM" นำน้ำดื่ม 2,400 ขวด พร้อมกับจิตอาสาทำดี นำต้นกล้า "ฟ้าทะลายโจร" ถวาย "หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์" เพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงสถานการณ์โควิด-19

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2564  ณ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่ 16 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี "นายยุทธพงษ์ เอี้ยงอ้าย" เลขานุการในหม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์  เป็นผู้แทน รับมอบน้ำดื่มจำนวน 2,400 ขวด จาก "นายธนวัฒน์ สันตินรนนท์" กรรมการผู้จัดการ บ.อินดัสเตรียล วอเตอร์ รีซอร์ท แมนเนจเม้นท์ จำกัด (IWRM) / นายวิเชษฐ์ เกตุแก้ว ผู้ประสานงานพื้นที่และชุมชน เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีชี), พร้อมด้วย สะพานบุญ นายโกสินธ์ จินาอ่อน บรรณาธิการบริหาร นสพ.สยามโฟกัสไทม์ ที่ปรึกษา สมาคมสื่อมวลชนเพื่อสังคม/ นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล นายกสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย / นายณัฐวุฒิ เหมือนเพชร ผอ.จังหวัดสมุทรปราการ (นสพ.สยามโฟกัสไทม์)เพื่อนำไปมอบส่งต่อยัง "นางสาวรุ่งนภา แก้วธรรม" ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 16 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นำไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ เนื่องด้วยในปัจจุบันมีประชาชนที่ต้องกักตัว และผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิค-19 เป็นจำนวนมากที่ขาดแคลนน้ำดื่มบริโภค และเครื่องอุปโภค เพราะไม่สามารถออกนอกบ้านไปทำงานประกอบอาชีพได้ตามปกติ 

การได้รับน้ำดื่มในครั้งนี้ยังเป็นขวัญกำลังใจให้บุคลากรทุกภาคส่วน นำไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทย คนพิการ คนยากไร้ คนด้อยโอกาส หน่วยงานของรัฐ และแรงงานต่างด้าว ที่มีความจำเป็นต้องการน้ำดื่มบริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์ เชื้อไวรัส covid-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้

ในท้ายนี้ "นางสาวรุ่งนภา แก้วธรรม" ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 16 ได้กล่าว สำนึกในพระเมตตากรุณา ของ "หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์" ที่ทรงห่วงใยพสกนิกร ทรงเล็งเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นแก่พสกนิกรชุมชนเล็ก ๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือ ทั้งนี้ได้กล่าวขอบคุณคณะผู้ประกอบการ และสะพานบุญทุกท่าน ที่เล็งเห็นความสำคัญของคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนในเรื่อง "น้ำดื่ม" เพื่อการบริโภค ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบัน "น้ำดื่ม" ถือเป็นสิ่งสำคัญและหัวใจหลักในการดำรงชีวิตที่จะขาดมิได้ และจะนำ "น้ำดื่ม" ที่รับมอบมานี้ นำไปจัดสรรให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด ต่อไป

หลังจากนั้น "นายยุทธพงษ์ เอี้ยงอ้าย" เลขานุการในหม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ เป็นผู้แทน รับมอบถวาย "ต้นกล้าฟ้าทะลายโจร" จาก "อ.นลินรัตน์ ไตรยศ" เพาะปลูกใน"ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง" โครงการในอุปถัมภ์ฯสมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย เพื่อขยายพันธุ์ต่อยอด และ มอบให้กับพสกนิกรนำไปใช้เป็นยารักษาโรคเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อไปในภายหน้า

มหาวิทยาลัยรามคำแหง ประกาศให้ทุนการศึกษา จำนวน 100 ทุน แก่นักศึกษาปัจจุบันและผู้สมัครนักศึกษาใหม่ ที่บิดา-มารดา เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 โดยให้เรียนฟรี 1 ปีการศึกษา เพื่อช่วยเหลือและให้โอกาสทางการศึกษาในเบื้องต้น

ผู้ช่วยศาสตราจารย์วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ทำให้มีผู้ได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีนักเรียนนักศึกษาจากหลายครอบครัวที่ต้องสูญเสียบิดามารดาจากโรคดังกล่าว จนมีผลกระทบต่อการศึกษา มหาวิทยาลัยวิทยาลัยรามคำแหง จึงขอมีส่วนร่วมในการดูแลและช่วยเหลือในเบื้องต้นแก่นักศึกษาที่สูญเสียบิดามารดาจากโรคโควิด-19 โดยมหาวิทยาลัยจะให้ทุนการศึกษา เรียนฟรี 1 ปีการศึกษา (ปีการศึกษา 2564) แก่นักศึกษาปัจจุบันและผู้สมัครเป็นนักศึกษาใหม่ เป็นจำนวน 100 ทุนการศึกษา

"ทั้งนี้เพื่อให้นักศึกษาเหล่านี้มีโอกาสได้เรียนต่อโดยไม่หยุดชะงัก ซึ่งการให้ทุนการศึกษาครั้งนี้ เป็นมาตรการที่เพิ่มเติมจากการลดค่าเล่าเรียน 50% ของมหาวิทยาลัย ตามนโยบายของรัฐบาลและของกระทรวงการอุดมศึกษาฯ และหากมีผู้ได้รับความเดือนร้อนมากเกินกว่าจำนวนทุนการศึกษาที่กำหนดในข้างต้น มหาวิทยาลัยก็จะพิจารณาจัดสรรทุนการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป"

สำหรับนักศึกษาที่ได้รับความเดือนร้อนในกรณีดังกล่าว สามารถยื่นความจำนงขอรับทุนการศึกษาได้ที่ งานแนะแนวจัดหางานและทุนการศึกษา กองกิจการนักศึกษา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป รายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 0-2310-8080


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'ธรรมนัส' เผย 'สมาคมมูลนิธิอินเดีย' จับมือพปชร. มอบเครื่องอุปโภค -บริโภค ช่วยปชช.บรรเทาเดือดร้อนจากโควิด

(29 ก.ค. 64) ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน พรรคพลังประชารัฐ (ศปฉ.พปชร.) เปิดเผยว่า...

ตนเป็นตัวแทนพรรคพปชร. รับมอบเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และหน้ากากอนามัย จากนายปินเดอร์ สิงมาดาน กรรมการบริหารสมาคมมูลนิธิอินเดียแห่งประเทศไทย เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่พบเป็นคลัสเตอร์ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ใช้ดำรงชีพในระหว่างการกักตัวในที่อยู่อาศัยของตนเองรวมถึงในพื้นที่ศูนย์พักคอยในแต่ละพื้นที่ตามมาตรการทางสาธารณสุข เพื่อให้ผู้ติดเชื้อมีสถานที่ดูแลซึ่งจะจำกัดวงการแพร่ระบาดได้มากขึ้น

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างศปฉ.พปชร. และสมาคมมูลนิธิอินเดียแห่งประเทศไทย มีเป้าหมายเดียวกันคือ เดินหน้าช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนทั้งคนไทยและคนไทยเชื้อสายอินเดีย ที่ตั้งถิ่นฐานและประกอบธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนมาก เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ให้ทั่วถึงได้มากที่สุด

โดยสมาคมมูลนิธิอินเดียฯ เป็นองค์กรที่มีสมาชิกมากที่สุด และเป็นศูนย์กลางการประสานงานของสมาคมอินเดียอีกหลายสมาคม ซึ่งดำเนินกิจกรรมช่วยเหลือสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั้งในรูปแบบการบริจาคและสนับสนุน ร่วมถึงการประสานช่วยเหลือผู้ป่วยในการเข้าสู่ระบบสาธารณสุข เพื่อให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤติร่วมกันในครั้งนี้


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top