Tuesday, 1 July 2025
NEWS FEED

โควิดตัวกลายพันธุ์ 'มิว' ย่องระบาดในสหรัฐฯ ตรวจพบผู้ติดเชื้อเกือบทุกรัฐในประเทศ

นิวส์วีค นิตยสารข่าวรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันพุธ (1 ก.ย.) ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวกลายพันธุ์ ‘มิว’ ซึ่งพวกนักวิทยาศาสตร์บางส่วนกังวลว่าอาจหลบหลีกภูมิคุ้มกันของวัคซีน ถูกตรวจพบในรัฐต่าง ๆ เกือบทั่วสหรัฐฯ แต่ยังมีสัดส่วนเล็กน้อยมากไม่ถึง 1% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดในอเมริกา

เมื่อวันจันทร์ (30 ส.ค.) องค์การอนามัยโลก (WHO) เพิ่งประกาศให้ตัวกลายพันธุ์ ‘มิว’ เป็น ‘สายพันธุ์ที่ต้องได้รับความสนใจ (variant of interest)’ ทำให้มันกลายเป็นตัวกลายพันธุ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวที่ 5 ที่อยู่ในบัญชีดังกล่าว

พวกเจ้าหน้าที่มีความกังวล ด้วยที่สายพันธุ์นี้มีบ่อเกิดจากการกลายพันธุ์ บ่งชี้ว่ามันอาจสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากวัคซีน และแม้ยังพบเคสผู้ติดเชื้อค่อนข้างน้อย แต่องค์การอนามยโลกระบุในรายงานฉบับหนึ่งว่าเคสผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์มิว กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในโคลอมเบีย ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของมัน และในเอกวาดอร์

เกือบทุกรัฐของสหรัฐฯ ยกเว้นเนบราสกา เวอร์มอนต์และเซาท์ดาโคตา ต่างรายงานพบเคสผู้ติดเชื้อตัวหลายพันธุ์มิวแล้ว ตามข้อมูลของ Outbreak.info ซึ่งเป็นฐานข้อมูลแบบ open source จากสถาบันสถาบันวิจัยสคริปปส์ โดยมันมีอัตราความชุกสูงสุดในอะแลสกา คิดเป็นราว 4% ของเกือบ ๆ 4,000 ตัวอย่าง

มีอยู่ 15 รัฐ ประกอบด้วย นิวแฮมป์เชียร์ เวสต์เวอร์จิเนีย เซาท์แคโรไลนา เทนเนสซี เคนทักกี แอละแบมา มิสซิสซิปปี ลุยเซียนา อาร์คันซอ มิสซูรี ไอโอวา นอร์ทดาโคตา มอนแทนาและโอคลาโฮมา พบผู้ติดเชื้อราว ๆ 10 เคสหรือต่ำกว่านั้น

24 รัฐ พบผู้ติดเชื้อระหว่าง 11 เคสถึง 50 เคส ส่วน 4 รัฐ ประกอบด้วย นิวยอร์ก นิวเจอร์ซี เท็กซัสและวอชิงตัน พบผู้ติดเชื้อสูงสุดไม่เกิน 100 เคส ขณะที่ฟลอริดาเป็นรัฐเดียวที่พบผู้ติดเชื้อราว ๆ 100 ถึง 200 เคส และแคลิฟอร์เนีย เป็นรัฐที่พบผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์มิวมากที่สุด 289 เคส

นับตั้งแต่ตรวจพบตัวกลายพันธุ์มิวในเดือนมกราคม องค์การอนามัยโลกเน้นว่ามีรายงานเคสผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์นี้ประปรายเล็ก ๆ น้อย ๆ ทว่าด้วยคุณสมบัติการกลายพันธุ์ของมัน ก่อข้อสันนิษฐานว่ามันอาจสามารถแพร่เชื้อสู่คนที่มีภูมิคุ้มกันโควิด-19 โดยธรรมชาติหรือคนที่ฉีดวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แล้ว ซึ่งในกรณีจำเป็นต้องมีการค้นคว้าวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันข้อสันนิษฐานดังกล่าว

นอกจากนี้แล้วยังมีความเป็นไปได้ว่าวิธีรักษาด้วย Monoclonal Antibodies (แอนติบอดีที่สร้างจากเซลล์เม็ดเลือดขาว) ซึ่งได้ผลดีในบรรดาคนไข้ก่อนหน้านี้ อาจไม่ได้ผลกับตัวกลายพันธุ์มิวเช่นกัน

คาดหมายกันไว้อยู่แล้วว่าตัวกลายพันธุ์ต่าง ๆ นานาของ SARS-CoV-2 จะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นวิวัฒนาการโดยธรรมชาติของไวรัสตัวหนึ่ง ๆ เมื่อเวลาผ่านไป ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกกำลังจับตามองตัวกลายพันธุ์อื่น ๆ อีก 4 ตัว ในฐานะ ‘สายพันธุ์ที่น่ากังวล’ ประกอบด้วยอัลฟา เบตา แกมมาและเดลตา ซึ่งทั้งหมดมีทั้งแพร่กระจายเชื้อได้ง่าย ก่อการติดเชื้ออาการรุนแรงกว่าเดิม หรือลดประสิทธิภาาพของมาตรการด้านสาธารณสุขต่าง ๆ ในนั้นรวมถึงวัคซีนและการรักษา

เดลตา ซึ่งถูกจัดให้เป็นตัวกลายพันธุ์ที่น่ากังวลในเดือนพฤษภาคม กลายมาเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯ และกำลังโหมกระพือการแพร่ระบาดระลอกใหญ่ในกลุ่มคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน

นอกเหนือจากตัวกลายพันธุ์ที่น่ากังวลทั้ง 4 ตัวแล้ว องค์การอนามยโลกกำลังจับตาตัวกลายพันธุ์อื่น ๆ อีก 5 ตัว ในฐานะ ‘สายพันธุ์ที่ต้องได้รับความสนใจ’ ประกอบไปด้วย อีตา ไอโอตา แคปปา แลมบ์ดาและ มิว สืบเนื่องจากทั้งหมดมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่อาจทำให้พวกมันแพร่เชื้อได้ง่ายกว่าหรือเป็นอันตรายกับมนุษย์ และพบว่าพวกมันก่อให้เกิดคลัสเตอร์การแพร่ระบาดต่าง ๆ นานาในหลายประเทศ

แม้ว่าวัคซีนไม่ได้มีประสิทธิภาพ 100% แต่วัคซีนที่ได้รับการอนุมัติใช้แสดงให้เห็นว่ามันเป็นอาวุธสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 และกันไม่ให้ผู้คนล้มป่วยอาการหนักหากมีผลตรวจเป็นบวก อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมีความกังวลว่าหากไวรัสยังคงแพร่ระบาดอย่างไม่ลดละ อาจถือกำเนิดตัวกลายพันธุ์ใหม่ตัวหนึ่ง ๆ ที่สามารถต้านทานภูมิคุ้มกันจากวัคซีนได้


(ที่มา:นิวส์วีค)
https://mgronline.com/around/detail/9640000087122

'ผู้ว่าฯ ปู' โพสต์ข้อความ โควิด-19 ยังอยู่อีกนาน และปัญหาฝุ่น PM 2.5 เริ่มมากขึ้น ลั่น! พร้อมแก้ไขทั้งสองปัญหา

แม้สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูกันต่อไป 

อย่างไรก็ตามทางด้านนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า... 

เจอสถานการณ์โควิดอย่างทุกวันนี้ ลำบากกันถ้วนหน้า ขยับอย่างไร ยากจะหาความพอใจได้ทุกคน ณ เวลานี้ ต้องขอแต่เพียงประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด

คิดแต่เรื่องโควิด จนเกือบลืมไปว่า ที่สมุทรสาครเป็นดงโรงงาน ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 กำลังคืบคลานมา และเป็นปัญหาหนักตอนปลายปีเสมอ

เราเตรียมรับมือเชิงรุกกับ PM 2.5 ไว้ 2 เรื่อง... 

1.) ปรับภูมิทัศน์ถนนเอกชัยเป็นถนนนำร่อง ความยาวประมาณ 13 ก.ม. ครอบคลุม 5 ตำบล ปลูกต้นไม้ให้เป็นแบบเดียวกัน

ใช้ต้นไม้เป็นตัวกรองมลพิษที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

2.) ติดตั้งเครื่องวัดคุณภาพอากาศในทุกตำบล อย่างน้อยตำบลละ 1 จุด เพื่อบอกถึงคุณภาพอากาศในแต่ละจุดย่อย

ที่มีอยู่แล้ว เป็นเครื่องขนาดใหญ่ บอกให้เราทราบได้ถึงปัญหาของจังหวัด

แต่ถ้าจุดตรวจสอบเล็กลง เราจะสามารถเกาได้ถูกที่คันมากขึ้น

ทั้งสองเรื่อง สมุทรสาครพัฒนาเมือง (วิสาหกิจไม่แสวงหากำไร) เป็นโต้โผใหญ่

ทั้งหมดผ่านการประชุมทางไกลเรียบร้อยแล้ว
คาดว่าท้องถิ่นแต่ละแห่ง จะสามารถดำเนินการได้ในเร็ววันนี้

ใครจะไปคิดมาก่อนว่า วันนี้ เราต้องมาอยู่ในโลกออนไลน์เต็มตัว ประชุมออนไลน์ แลกเปลี่ยนความเห็นออนไลน์ ให้สัมภาษณ์ออนไลน์ เป็นวิทยากรออนไลน์

โควิดยังอยู่กับเราอีกนาน


ที่มา: https://www.facebook.com/2321609178162644/posts/3108695139454040/

‘เทพ โพธิ์งาม’ ฝากข้อคิดการสู้ชีวิต 5 ข้อ ผ่านเพจ ‘ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ’

เพจ ‘ขนมเปี๊ยะขั้นเทพ’ ได้โพสต์ข้อความแนวคิดการสู้ชีวิต ของ ‘เทพ โพธิ์งาม’ หรือ ป๋าเทพ เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า 5 ข้อคิด จาก - เทพ โพธิ์งาม 

1.) ยอมรับความเปลี่ยนแปลง - ปรับตัว
เราควรยอมรับการเปลี่ยนแปลง สภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ไม่เหมือนสมัย 10 - 20 ปีก่อน ยังคล่องตัวอยู่ ไม่หนักหนาสาหัสขนาดนี้ บางคนมักนำปัจจุบันไปเปรียบเทียบกับอดีตแล้วไม่ยอมรับ ซึ่งที่จริงแล้วควรต้องยอมรับ เพราะโลกปัจจุบันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา พร้อมให้แง่คิดในสไตล์แกว่า “เมื่อเราสมัครมาจะเป็นมนุษย์แล้ว ร้อนก็ต้องอยู่ได้ หนาวก็ต้องอยู่ได้ ในโลกปัจจุบันเราก็ต้องปรับตัวประคองเอาชีวิตให้อยู่รอด ให้มีชีวิตอยู่”

2.) รู้จักตัวเอง ทำแค่พอดีตัว อย่าประมาท
ถ้าจะเริ่มธุรกิจต้องดูตัวเอง ความหมายก็คือ ต้องรู้จักประเมินศักยภาพ ความสามารถของตนเองเสียก่อน รวมถึงเงินทุนที่มีอยู่ อย่าเพิ่งไปมองธุรกิจอะไรที่เกินกำลัง เพราะถ้าต้องไปกู้มาลงทุนเกินกำลัง นั่น คือ ความประมาท

ทั้งนี้ ป๋าเทพ บอกว่า “อย่าประมาท” คือ บทเรียนที่แกจำขึ้นใจ เพราะนี่คือปัจจัยสำคัญที่เคยทำให้แกเจ๊งมาหลายครั้ง โดยในข้อนี้ น่าจะเหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มออกมาใช้ชีวิตวัยทำงาน หรือ มองหาเส้นทางในการสร้างธุรกิจของตนเอง

3.) ก้าวข้ามความผิดพลาดในอดีต อยู่กับปัจจุบัน
เพราะความผิดพลาดเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ทุกการลงทุน ย่อมมีความเสี่ยง แต่สำหรับป๋าเทพเอง ในเรื่องนี้แกมองว่า ถ้าทำพลาด หรือ ล้มไปแล้ว ก็ให้ล้มไป แต่ควรผ่านมันไปให้ได้ และไม่ควรมานั่งเสียดาย เสียใจ ยึดติดกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น แต่ต้องมองไปข้างหน้าว่าจะมีช่องว่างอะไรที่ทำให้เราได้คิด ได้วางแผน หรือไม่

โดยกล่าวว่า “ชีวิตไม่ได้หมดแค่นั้น ชีวิตพลาดทีเดียวไม่ได้หมายความว่าจบ หรือ หมดแค่นั้น คนที่เขาประสบความสำเร็จ บางคนเขาก็เจ๊งมาเยอะแยะ แต่มีความไม่ยอมแพ้ เชื่อไหมว่าคนทำหมื่นคน จริง ๆ มันมีคนพลาดเกือบ 9 พันกว่าคน สำเร็จออกมาไม่ถึง 10 คน แต่สุดท้ายก็อยู่ตรงที่ตัวเราเองว่าจะพัฒนา หรือ ดูแลให้ได้มาตรฐานที่ดีขึ้นอย่างไร”

4.) เรียนรู้จริงจากมหาลัยชีวิต ที่ไม่มีวันสิ้นสุด
การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด ถือเป็นคำกล่าวอมตะที่ผู้ที่ประสบความสำเร็จหลายคนมักนำมาพูดถึง แต่ในมุมของนักสู้ชีวิตที่ล้มเหลวมาแล้วหลายครั้งก็นำสิ่งนี้มาใช้เช่นกัน โดยป๋าเทพถือว่าความล้มเหลวที่ผ่านมาคือการลงทุนเพื่อหาความรู้ให้ตนเองผ่านมหาลัยชีวิต ที่แกนิยามไว้ดังนี้

“โรงเรียนมหาลัยชีวิต คือ โรงเรียนที่ต้องคิดว่าเริ่มต้นมาแล้วจะทำยังไง มันไม่มีวิชาในสถาบันเลยพวกนี้ มันเป็นวิชาที่ต้องมาเรียน เก่งมาจากไหน จบมาจากไหนก็ต้องมาเรียน เงินที่ลงทุนทำมาหากินไปมันเหมือนเป็นค่าเรียน พลาดพลั้งบ้างอะไรบ้าง มนุษย์มีกรอบอยู่ ความคิดสามารถเลยกรอบได้ แต่การประคองชีวิตมันก็ต้องเสี่ยง และใช้ความสามารถมากหน่อย มันจะมีสิ่งที่เป็นวิชาใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ ตลอดเวลาที่เรานึกไม่ถึงก็มี นั่นแหละก็คือการเรียน

5.) ทุกอย่างต้องวิเคราะห์
เพราะ “การวิเคราะห์” เป็นอีกหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ หรือ ทำงานต่าง ๆ ให้ประสบความสำเร็จ ช่วยสะท้อนจุดอ่อน จุดแข็ง หรือ ช่องโหว่ รอยรั่วที่มี เพื่อให้เราสามารถเติม หรือ เสริมในส่วนนั้น ๆ ได้ทัน ซึ่งในความล้มเหลวต่าง ๆ ที่ผ่านมา ป๋าเทพ ก็ยอมรับว่า นี่ถือเป็นอีกจุดอ่อนสำคัญที่แกได้เรียนรู้และพบเจอ

“จะทำอะไรมันต้องมีการวิเคราะห์ สมัยก่อนที่ป๋าเจ๊งมาตลอด ก็มาจากส่วนหนึ่งเราไม่ได้คิดจ้องแต่จะโดดอย่างเดียว มองภาพสวยงาม เช่น ทำตรงนี้ได้กำไรเท่านี้แน่เลย แต่ไม่ได้คิดเลยว่าถ้าขายไม่ได้จะทำยังไง ไปหวังแต่สิ่งที่คิดว่าจะได้ พอมันพลาดก็เสียใจ เพราะว่าไม่ได้รอบคอบ ไม่ได้เรียนรู้มาก่อน สุดท้ายเราต้องสู้ ถ้ากูยอม กูก็อด อย่าไปท้อ”

“ความฝันตื่นมาแล้วก็จบ แต่ความจริงคือสิ่งที่ต้องติดตาม” และนี่คืออีกหนึ่งแง่มุมที่กลั่นออกมาเป็นบทเรียนจากชีวิตจริงของชายที่ชื่อว่า เทพ โพธิ์งาม


Cr. บทสัมภาษณ์จาก aommoney / Cr.ภาพจาก Zurrreal)

"คนพิการไทย หัวใจแบ่งปัน" จากผู้รับกลายเป็นผู้ให้...โดยนายกสมาคมคนพิการภาคตะวันออก ร่วมส่งมอบข้าวสารให้แก่คนพิการ สืบเนื่องจากปัญหาสถานการณ์โควิด-19

เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2564 ณ ชุมชนทิวสนพัฒนา ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี สืบเนื่องสถานการณ์ COVID-19 ในปัจจุบันมีความรุนแรงเป็นอย่างมาก ส่งผลให้พี่น้องประชาชน / คนพิการ  / ผู้ยากไร้ ประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ ขาดรายได้ ตกงาน และเกิดปัญหาอีกมากมายตามมา อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น "นายณรงค์ ไปวันเสาร์" นายกสมาคมคนพิการภาคตะวันออก ได้เล็งเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้มอบข้าวสารขาว 100% คัดพิเศษ จำนวนหนึ่ง เพื่อส่งมอบให้กับ "คนพิการ" และผู้ป่วยติดเตียง โดยมี "นายภูชิชย์ พิทักษ์กรณ์ " ฑูตอารยสถาปัตย์จังหวัดชลบุรี รหัส AX-3051 /สมาชิกสามัญคนพิการแห่งประเทศไทย (จังหวัดชลบุรี) ดำเนินการประสาน "นายวรวิทย์ รังสิโย" สมาชิกสภาเทศบาลตำบลบางพระ (สท.ฉัตร) และคณะกรรมการชุมชนทิวสนพัฒนา ประชาสัมพันธ์ พร้อมทั้งจัดผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมารับบริจาคสิ่งของต่าง ๆ ในวัน-เวลา ดังกล่าว (สำหรับคนพิการที่ไม่สามารถเดินทางมารับได้ด้วยตนเอง ทางเรามีหน่วยเคลื่อนที่เร็วไปมอบถึงที่บ้าน หรือญาติมารับแทนก็ได้)

โดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยจึงถือหลัก "New Normal" วิถีชีวิตแนวใหม่ และมีเจ้าหน้าที่ อสม. มาร่วมวัดอุณหภูมิคัดกรอง ฉีดพ่นแอลกอฮอล์ ให้กับผู้ที่มาร่วมงานทุกท่าน


ภาพ/ข่าว  น.ท.หญิงพิมพ์ผกา พิทักษ์กรณ์

เพจดัง “Drama-addict” งัดผลวิจัย ชี้! บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ทำให้เซลล์ตายใน 30 นาที

จากการนำเสนอข่าว “เตือนสูบบุหรี่ไฟฟ้า 30 นาที เซลล์ถูกทำลาย เสี่ยงป่วยโรคหัวใจ ปอด มะเร็ง” โดยเพจ “อีจัน” โดยอ้างข่าวจากแพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดีและประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ทำให้ชาวเน็ตหัวร้อน เข้าไปแสดงความคิดเห็นโต้แย้ง จนกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ในขณะนี้นั้น “จ่าพิชิต" เจ้าของเฟซบุ๊กเพจชื่อดัง “ดราม่า แอดดิก” โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเพจ “ดราม่า แอดดิก” (Drama-addict) ระบุว่า จากงานวิจัยไม่ได้แปลว่า สูบแล้วเซลล์ตายในสามสิบนาที และยังคงต้องศึกษาต่อไปว่าระดับของอนุมูลอิสระในเซลล์ หรือ cellular oxidative stress ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวข้องกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าหรือไม่

ข้อความในเฟซบุ๊กเพจ “ดราม่า แอดดิก” (Drama-addict) ระบุว่า “อันนี้คอมเมนต์กำลังเดือด จ่าเลยไปหางานวิจัยอ้างอิงมาอ่านดูเป็นงานวิจัยแบบนี้ครับ นักวิจัย เอาเด็กวัยรุ่น 30 กว่าคน มาแบ่งสามกลุ่ม แบ่งเป็น 1. กลุ่มที่ไม่สูบบุหรี่ 2. สูบบุหรี่ปรกติ 3. สูบบุหรี่ไฟฟ้า จากนั้นให้ทั้งสามกลุ่ม ปื้ด ๆ ๆ สูบบุหรี่ไฟฟ้า แล้วก็วัดค่า cellular oxidative stress หลังจากสูบสามสิบนาที ซึ่ง cellular oxidative stress นี้ หมายถึง ภาวะเครียดที่เกิดจากออกซีเดชัน ประมาณว่า เกิดพวกอนุมูลอิสระ ที่เป็นอันตรายต่อเซลล์ ในระยะยาวก็อาจทำให้เซลล์ตาย หรือเสื่อมสภาพจนเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้ ทีนี้ นักวิจัย วัดค่า cellular oxidative stress นี้ เทียบในทั้งสามกลุ่ม พบว่า ค่านี้ ในกลุ่มที่สูบบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้าอยู่แล้ว ไม่ได้สูงขึ้นแต่อย่างใด (นักวิจัยโน๊ตไว้ว่า น่าจะเป็นเพราะค่าเบสไลน์ของกลุ่มนี้สูงอยู่แล้ว) แต่ค่านี้ในกลุ่มที่ไม่เคยสูบบุหรี่เลย พุ่งสูงขึ้น 2-4 เท่า”

“ซึ่งยังต้องศึกษากันต่อไปว่า cellular oxidative stress ที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ มีปัจจัยใดในบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า ที่มีผลต่อมันบ้าง และจะมีผลระยะยาวต่อสุขภาพอย่างไร และคนที่ปรกติไม่สูบบุหรี่อยู่แล้ว ก็ดีแล้ว อย่าลองสูบ ไม่ว่าจะบุหรี่จริงหรือบุหรี่ไฟฟ้า เพราะมันมีผลกับค่านี้เยอะกว่าในกลุ่มที่สูบอยู่แล้วมาก แต่ก็ไม่ได้แปลว่า สูบแล้วเซลล์ตายในสามสิบนาทีนะเธอว์ คนละประเด็นกัน”

โพสต์ดังกล่าวมีสมาชิกแฟนเพจเข้ามากดถูกใจกว่า 6 พันราย และยังแสดงความคิดเห็นกันอย่างต่อเนื่องอีกเกือบ 900 ราย ซึ่งต่างก็บอกตรงกันว่าเคยสูบบุหรี่มาหลายปี ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพราะรู้ว่าเป็นอันตรายน้อยกว่าการสูบบุหรี่ และก็พบว่าร่างกายดีขึ้น ไม่เหนื่อยง่าย ในขณะที่ส่วนใหญ่ก็เรียกร้องให้หยุดแอนตี้บุหรี่ไฟฟ้าและนำเสนอข้อมูลที่ไม่บิดเบือน รวมถึง เจ้าของเพจดัง 'เบ๊น อาปาเช่' ที่มาแสดงความคิดเห็นเช่นกันว่าเป็นหนึ่งในผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่

‘เกาะติดภารกิจพันธมิตรจิตอาสา’ มอบข้าวปันอิ่มชุมชนพหลโยธิน 66 รวมใจพัฒนา หวังสร้างความสุข เติมรอยยิ้ม สู้ภัยโควิดไปด้วยกัน

เกาะติดภารกิจพันธมิตรจิตอาสา วันที่ 2 กันยายน ที่ชุมชนพลโยธิน 66 รวมใจพัฒนา เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร น.อ.วันชัย ทับเงิน ประธานกรรมการชุมชน พร้อมคณะกรรมการ รับมอบข้าวกล่องพร้อมทานจาก "ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19" เพื่อบรรเทาทุกข์แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 จากนายสมชาย จรรยา อุปนายก สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับพันธมิตรจิตอาสาจากองค์กรต่างๆ ประกอบด้วย มูลนิธิสหชาติ สำนักข่าว News Online Thailand เว็ปไซต์ข่าวจั่นเจา Canchaonews.com หนังสือพิมพ์ดีดีโพสต์ นิวส์ เพื่อส่งมอบถึงมือชาวบ้านได้ปันอิ่ม

นายสมชาย จรรยา เปิดเผยว่า กิจกรรมที่สมาคมฯร่วมกับพันธมิตรจิตอาสาครั้งนี้ ได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม จนถึงวันที่ 26 กันยายน โดยเป็นสะพานบุญ รับมอบเพื่อส่งต่อข้าวกล่องพร้อมทานโครงการ "ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19" ของบริษัทในเครือซีพี  และ น้องเทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดเหรียญทองโอลิมปิก 2020 ร่วมส่งกำลังใจถึงพี่น้องประชาชนผ่าน “ข้าวกล่องปันอิ่ม”

นำไปมอบให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพิษโควิด ทั้งในกรุงเทพ ปริมณฑล และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแพร่ระบาดเชื้อโควิด เพื่อช่วยเหลือให้ทุกคนก้าวผ่านวิกฤติไปด้วยกัน ซึ่งวันนี้มอบให้กับชุมชนตั้งอยู่ตะเข็บรอยต่อระหว่างกรุงเทพมหานครฝั่งเหนือ ติดกับ จ.ปทุมธานี

ด้านน.อ.วันชัย ทับเงิน กล่าวว่า ชุมชนแห่งนี้มีผู้พักอาศัยจำนวน 108 ครัวเรือน มีสมาชิกกว่า 400 คน มีผู้ที่ติดเชื้อโควิด และส่งตัวไปทำการรักษายังโรงพยาบาลแล้ว 4 ราย และผู้ป่วยติดเตียงอีก 2 ราย โดยภายในชุมชนมีทั้งผู้ป่วยติดเตียง คนพิการ ผู้ติดเชื้อโควิด คนตกงาน ล้วนได้รับผลกระทบจากการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา

นอกจากนี้ พันธมิตรจิตอาสา ยังนำข้าวกล่องพร้อมทานส่งมอบให้กับ พนักงานทำความสะอาดกทม. วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และคนเร่ขายไอศครีม ได้ปันอิ่ม

“สท.เจี๊ยบ” วสิตา  บุญริ้ว  ลงพื้นที่แพรกษา เยี่ยมให้กำลังใจผู้ป่วยโควิด-19  พร้อมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ติดเชื้อ  ฝ่าวิกฤตโควิด-19

นางวสิตา  บุญริ้ว  สมาชิกสภาเทศบาลเมืองแพรกษา  เขต 3  พร้อมด้วย  คณะเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองแพรกษา  ลงพื้นที่ภายในชุมชนเขตพื้นที่  ต.แพรกษา  อ.เมือง  จ.สมุทรปราการ  เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่ติดเชื้อโควิด-19  ตามชุมชนต่างๆ พร้อมกับนำถุงยังชีพไปมอบให้กับผู้ติดเชื้อโควิด-19  ที่ต้องกักตัวภายในบ้านพักเพื่อประเมินอาการป่วย

โดยการลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่ติดเชื้อโควิด-19  นั้น  นางวสิตา  บุญริ้ว  สมาชิกสภาเทศบาลเมืองแพรกษา  ตลอดจนคณะสมาชิกสภาเทศบาลเมืองแพรกษามีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในชุมชนที่ติดเชื้อโควิด-19  ประกอบกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19  อย่างต่อเนื่อง  อีกทั้งยังเป็นตัวแทนของทางเทศบาลเมืองแพรกษา  นำถุงยังชีพมามอบให้กับผู้ติดเชื้อเนื่องจากทางเทศบาลเมืองแพรกษา  มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ต้องกักตัวภายในบ้านพักเพื่อประเมินอาการป่วย  และยังแสดงออกถึงความห่วงใยที่มีต่อประชาชนในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองแพรกษา

อย่างไรก็ตาม  การลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจประชาชนผู้ติดเชื้อภายในชุมชนต่างๆ นั้น  นางวสิตา  บุญริ้ว  สมาชิกสภาเทศบาลเมืองแพรกษา  ยังได้รับความร่วมมือจากทางร้านข้าวแกงละเวิก  นำอาหารแห้งประเภทอาหารกล่องมาร่วมสนับสนุนนำไปแจกให้กับผู้ติดเชื้อโควิด-19  อีกด้วย  สำหรับถุงยังชีพที่นำมามอบให้กับผู้ติดเชื้อโควิด-19  ทางเทศบาลเมืองแพรกษาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนได้ในระดับหนึ่งและขอให้ประชาชนมีความอดทนเพื่อที่เราจะก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

จับตา 3 บริษัท เดินหน้าทดลองยาเม็ดต้านโควิดโค้งสุดท้าย ด้าน ไฟเซอร์ เล็งขออนุมัติสิ้นปีนี้

บริษัท Pfizer ผู้ผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 เผยถึงความคืบหน้าในการพัฒนายา PF-07321332 ซึ่งเป็นยาต้านโควิด-19 ชนิดเม็ด สำหรับผู้ป่วยที่แสดงอาการแต่ไม่ได้รับการรักษาในโรงพยาบาล

โดยขณะนี้ยาดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างการทดลองระยะที่ 2 และระยะที่ 3 ซึ่งคาดว่าจะยื่นขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

Pfizer เผยว่าในการทดลองมีอาสาสมัครซึ่งเป็นผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 1,140 คน ที่ได้รับยา PF-07321332 ซึ่งออกแบบมาเพื่อยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่สำคัญของไวรัสโคโรนา ควบคู่กับยาริโทนาเวียร์ (ritonavir) ในปริมาณเล็กน้อย ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ป่วยจะได้รับยาตัวนี้ร่วมกับยาต้านไวรัสตัวอื่น ๆ

บริษัทผู้ผลิตคาดว่าหากการทดลองประสบความสำเร็จจะสามารถยื่นขออนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

ด้านบริษัท Merck & Co Inc จากสหรัฐฯ ก็กำลังอยู่ระหว่างการทดลอง molnupiravir ยาเม็ดต้านโควิด-19 ในระยะสุดท้ายเช่นกัน

โดยจะทำการประเมินว่าตัวยาจะช่วยลดความเสี่ยงในการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 ได้หรือไม่ โดยคาดการณ์ว่าจะยื่นขออนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินภายในสิ้นปีนี้

เช่นเดียวกับ Roche Holding AG บริษัทเวชภัณฑ์สัญชาติสวิสซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการทดลองยาเม็ดต้านโควิด-19 ในระยะที่ 3 เช่นกัน

โดยมีการเปิดเผยข้อมูลการทดลองเบื้องต้นเมื่อเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมาว่า AT-527 ยาต้านโควิด-19 ชนิดเม็ดของบริษัทช่วยลดปริมาณไวรัสในร่างกายของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

ทั้ง Pfizer, Merck และ Roche Holding AG เป็นบริษัทที่มีความคืบหน้ามากที่สุดในการพัฒนายาเม็ดต้านโควิด-19 ท่ามกลางการจับตามองว่าบริษัทใดจะสามารถพัฒนายาเม็ดรักษาโควิด-19 ได้สำเร็จเป็นเจ้าแรกของโลก


ที่มา : https://www.posttoday.com/world/662120


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

'เกาหลีเหนือ' ปฏิเสธไม่รับวัคซีนซิโนแวค ให้เหตุผลคุมโควิดดีแล้วและยังมีชาติอื่นจำเป็นมากกว่า

2 ก.ย. 64 เว็บไซต์ นสพ.The Straits Times ของสิงคโปร์ เสนอข่าว North Korea rejects offer of nearly 3 million Sinovac Covid-19 vaccines ระบุว่า เกาหลีเหนือปฏิเสธรับวัคซีนโควิด-19 สัญชาติจีน ยี่ห้อซิโนแวค จำนวน 3 ล้านโดส โดยอ้างว่าควรนำไปบริจาคให้ประเทศที่จำเป็นต้องได้รับก่อนดีกว่า อีกทั้งยังอ้างด้วยว่าไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แม้แต่รายเดียว ด้วยมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด ทั้งการปิดประเทศและควบคุมการเดินทางในประเทศ

รายงานข่าวยังอ้างข้อมูลจากหน่วยงานข่าวกรองของเกาหลีใต้ ระบุว่า เมื่อเดือน ก.ค. 64 เกาหลีเหนือยังปฏิเสธวัคซีนสัญชาติอังกฤษ ยี่ห้อแอสตราเซเนกา เนื่องจากกังวลเรื่องผลข้างเคียง ส่วนประเด็นไม่รับวัคซีนจีนนั้นคาดว่าน่าจะมาจากเรื่องประสิทธิภาพ แต่พบว่าสนใจวัคซีนของรัสเซีย ทั้งนี้ หลายประเทศที่ใช้วัคซีนซิโนแวค เช่น ไทย อุรุกวัย เริ่มให้วัคซีนชนิดอื่นสำหรับผู้ที่ฉีดซิโนแวคเป็นเข็มแรกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันโรค

ด้านองค์กร GAVI เจ้าภาพหลักของโคแว็กซ์ โครงการจัดหาและกระจายวัคซีนโควิด-19 ให้กับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ชี้แจงว่า ยังคงทำงานกับเกาหลีเหนือเพื่อรับมือกการระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่องค์กรยูนิเซฟ เปิดเผยว่า กระทรวงกิจการสาธารณะของเกาหลีเหนือ ยังคงติดต่อกับโคแว็กซ์เพื่อรับวัคซีนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า


ที่มา : https://www.naewna.com/inter/599264


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9

สปสช. เผย จ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบหลังจากการฉีดวัคซีนแล้ว เป็นเงินกว่า 110 ล้านบาท

2 ก.ย. 64 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ สปสช.เปิดให้ผู้มีอาการไม่พึงประสงค์หลังจากฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สามารถยื่นขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค. 64 ข้อมูลจนถึงวันที่ 27 ส.ค. 64 ที่ผ่านมา มีผู้ยื่นคำร้องเข้ามาทั้งหมดจำนวน 3,888 รายและยังอยู่ระหว่างรอข้อมูลเพิ่มเติมอีก 99 ราย โดยทางคณะอนุกรรมการระดับเขตได้พิจารณาจ่ายเงินชดเชยแล้ว 2,875 ราย และพิจารณาไม่จ่าย 914 ราย รวมเป็นเงินที่จ่ายชดเชยเบื้องต้นไปแล้ว 110,295,000 บาท 

นพ.จเด็จ กล่าวว่า หลักเกณฑ์การพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาเบื้องต้นจะแบ่งเป็น 3 ระดับตามความรุนแรงของอาการไม่พึงประสงค์นั้น ๆ โดยระดับ 1.) มีอาการป่วยต้องรักษาต่อเนื่อง จ่ายไม่เกิน 1 แสนบาท มีผู้รับเงินเยียวยาแล้ว 2,641 ราย ระดับ 2.) เกิดความเสียหายถึงขั้นสูญเสียอวัยวะหรือพิการจนมีผลต่อการดำรงชีวิต จ่ายไม่เกิน 2.4 แสนบาท มีผู้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว 12 ราย และ ระดับ 3.) กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร จ่ายไม่เกิน 4 แสนบาท มีญาติผู้เสียชีวิตรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว 222 ราย  

นพ.จเด็จ กล่าวด้วยว่า หากพิจารณาแยกตามเขต พบว่าสปสช.เขต 13 กทม. มีผู้ยื่นคำร้องเข้ามามากที่สุด จำนวน 840 ราย รองลงมาคือ สปสช.เขต 1 เชียงใหม่ จำนวน 559 ราย และ สปสช.เขต 10 อุบลราชธานี 451 ราย อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากจำนวนเงินที่มีการจ่ายเยียวยาไป พบว่า สปสช.เขต 4 สระบุรี จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจำนวนประมาณ 13 ล้านบาท รองลงมาคือ สปสช.เขต 10 อุบลราชธานี จำนวนประมาณ 11 ล้านบาท และ สปสช.เขต 6 ระยอง จ่ายเงินแล้วจำนวนประมาณ 10 ล้านบาท ส่วนเขตที่มีผู้ยื่นคำร้องมากที่สุดอย่าง สปสช.เขต 13 กทม. มีการจ่ายเงินเยียวยาไปแล้ว ประมาณ 7.5 ล้านบาท 

นพ.จเด็จ กล่าวว่า หลักการจ่ายเงินเยียวยาเบื้องต้นแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของ สปสช.นั้น ไม่ไช่การพิสูจน์ถูกผิดหรือชี้ชัดว่าเป็นผลที่เกิดจากการฉีดวัคซีนแต่อย่างใด แต่เป็นเงินเยียวยาเพื่อลดผลกระทบที่เกิดแก่ประชาชนเมื่อมีอาการไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น ซึ่งแม้ในภายหลังจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าสาเหตุของอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากวัคซีน ก็ไม่เป็นเหตุให้เรียกเงินคืนแต่อย่างใด 

ทั้งนี้ ผู้ได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 สามารถยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นได้ใน 3 จุด คือ ที่หน่วยบริการที่ไปรับการฉีด ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือที่ สปสช.เขตพื้นที่ ซึ่งหลังจากได้รับคำร้องแล้ว จะมีคณะอนุกรรมการในระดับเขตซึ่งประกอบด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและตัวแทนภาคประชาชนเป็นผู้พิจารณาว่าจะจ่ายเงินเยียวยาหรือไม่และจ่ายเป็นจำนวนเท่าใด ตามหลักฐานทางการแพทย์และระดับความหนักเบาของอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้น เมื่อมีผู้มายื่นคำร้องแล้ว คณะอนุกรรมการฯ ระดับเขตพื้นที่จะเร่งพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งในกรณีที่ผู้ยื่นคำร้องไม่เห็นด้วยกับผลการวินิจฉัย ก็มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อเลขาธิการ สปสช. ได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ทราบผลการวินิจฉัย


ที่มา : https://www.naewna.com/local/599297


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top