Saturday, 18 May 2024
NEWS FEED

แทมมี ดักเวิร์ธ นักการเมืองชาวอเมริกันเชื้อสายไทย สมาชิกวุฒิสภาแห่งสหรัฐอเมริกา จากรัฐอิลลินอยส์ พรรคเดโมแครต กล่าวถึง เหตุการณ์จลาจลที่เกิดขึ้นในสภาคองเกรสในสุนทรพจน์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ในห้องประชุมวุฒิสภา

หลังสภาเปิดประชุมพิจารณารับรองผลการเลือกตั้งของ โจ ไบเดน อีกครั้ง

"ฉันใช้ชีวิตในวัยผู้ใหญ่มาตลอดเพื่อปกป้องประชาธิปไตยของเรา แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจำเป็นต้องปกป้องมันจากการพยายามล้มล้างอย่างรุนแรงในอาคารรัฐสภาของประเทศเรา"

ดักเวิร์ธ ซึ่งเป็นอดีตทหารผ่านศึกอิรักกล่าวว่า "ในปี 2004 ฉันเก็บกระเป๋าเป้สะพายหลังผูกเชือกรองเท้าและเดินทางไปอิรักโดยเต็มใจที่จะเสียสละทุกสิ่งที่ฉันร้องขอเพราะฉันรักประเทศนี้และเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของระบบการเลือกตั้งของเราซึ่งได้ประกาศให้จอร์จ ดับเบิลยู บุช เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ฉันสูญเสียขาของฉันไปต่อสู้อย่างภาคภูมิใจในสงครามที่ฉันไม่สนับสนุนตามคำสั่งของประธานาธิบดีที่ฉันไม่ได้ลงคะแนน เพราะฉันเชื่อในคุณค่าที่ประเทศของเราก่อตั้งขึ้น - เพราะฉันเชื่อในรัฐบาลเพื่อประชาชน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะเลือกใครเป็นผู้นำ ไม่ใช่การทำแบบอื่น"

ดักเวิร์ธ ยังกล่าวด้วยว่า “สิ่งที่เราเห็นในวันนี้ไม่ใช่การประท้วง แต่เป็นการพยายามก่อรัฐประหาร ฉันปฏิเสธที่จะปล่อยให้ใครก็ตามที่มีเจตนายุยงให้เกิดความวุ่นวายหรือปลุกปั่นความรุนแรงขัดขวางไม่ให้ฉันปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ สภาคองเกรสต้องดำเนินการต่อไปเพื่อรับรองผลการเลือกตั้งและก้าวไปข้างหน้าต่อไปให้พ้นจากเรื่องน่าอับอายนี้ในประวัติศาสตร์ของเรา มันเป็นหนทางเดียวที่จะกระชับหนทางในการรักษาชาติของเรา”

กระทรวงพาณิชย์ จูงใจเอกชนจดทะเบียนธุรกิจออนไลน์ ประกาศลดค่าธรรมเนียม e-Registration ลง 50% เหลือเพียง 2,750 บาท จากอัตราเดิม 5,500 บาท นาน 3 ปี

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ออกประกาศกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม ลดอัตราค่าธรรมเนียม และยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด พ.ศ. 2563

เพื่อขยายระยะเวลาและเพิ่มส่วนลดอัตราค่าธรรมเนียมแก่ห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดที่จดทะเบียนผ่านระบบจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) จากเดิมลดให้ร้อยละ 30 เป็นลดให้ร้อยละ 50 เป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึง 31 ธันวาคม 2566

ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนนิติบุคคลผ่านทางระบบการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Registration จะเสียค่าธรรมเนียมที่ถูกลงกว่าครึ่งหนึ่งของการยื่นขอจดทะเบียนฯ แบบ walk in ที่มีค่าธรรมเนียม 5,500 บาท โดยการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทจำกัดผ่านระบบ e-Registration ในอัตราใหม่นี้จะมีค่าธรรมเนียมเหลือเพียง 2,750 บาท และห้างหุ้นส่วนจำกัดมีอัตราค่าธรรมเนียมเพียง 500 บาท การเปลี่ยนแปลง/การเพิ่มทุนของห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดมีอัตราค่าธรรมเนียม 250 บาทต่อ 1 ครั้ง

สำหรับการลดอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับการปรับปรุงบริการภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2563 ที่ให้ส่วนราชการพิจารณาทบทวนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในการอนุมัติ อนุญาต ของทางราชการ ให้สอดคล้องกับต้นทุนของภาครัฐ ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเริ่มต้นและประกอบธุรกิจแก่ผู้ประกอบการ เป็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการยื่นคำขอจดทะเบียนผ่านระบบ e-Registration มากขึ้น

ทั้งนี้ ด้วยระบบ e-Registration ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้ง เปลี่ยนแปลงฯ หรือเพิ่มทุนได้ง่าย ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่มีเรื่องเวลา/สถานที่มาเป็นอุปสรรค ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง อันเป็นการช่วยบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบการที่ได้รับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งในประเทศไทยและ ทั่วโลกยังคงมีสถานการณ์ที่รุนแรง

“แม้ว่าการลดอัตราค่าธรรมเนียมฯ ดังกล่าวอาจทำให้รัฐสูญเสียรายได้ลงกว่า 165 ล้านบาทต่อปี แต่ในทางกลับกันประเทศไทยจะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล เนื่องจากช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการประกอบธุรกิจ เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและพัฒนาศักยภาพให้แก่ผู้ประกอบการ นอกจากนี้

ยังจะส่งผลต่ออันดับของไทยด้านการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ หรือ Doing Business ของธนาคารโลกที่คาดว่าจะมีอันดับที่ดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายลงจะทำให้นักลงทุนชาวต่างชาติเกิดความสนใจและเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางในการมาลงทุนมากขึ้น” รมช.พณ. กล่าวทิ้งท้าย

นายเอกศักดิ์ บุญพา ปลัดอำเภอ รักษาการนายอำเภอวังเหนือ จ.ลำปาง ออกเอกสารด่วนที่สุด แจ้งว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นหญิงอายุ 25 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.วังเหนือ มีประวัติเข้าพื้นที่ในช่วงวันที่ 26-31 ธันวาคม 2563

ทั้งนี้มีการส่งต่อ โพสต์ในเฟซบุ๊กของหญิงคนหนึ่ง ที่ระบุว่าตัวเองติดเชื้อโควิด-19 มีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง และพบติดเชื้อโควิด-19 รักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกทม.

หญิงคนดังกล่าวเล่าไทม์ไลน์ของตัวเองอย่างละเอียด โดยระบุว่า เดินทางกลับจากเกาหลี และกักตัวครบ 14 วัน โดยตรวจไม่พบเชื้อไวรัสโควิด-19

"ไทมไลน์ นะคะ คร่าวๆ

กักตัวที่กลับมาจากเกาหลี ครบ 14 วัน ไม่พบว่าติดเชื้อโควิด

23 ธันวาคม 63 ออกจากการกักตัว เดินทางไปโรงแรมโนโวเทล ประตูน้ำ จากนั้น ไปห้างเอมควอเทียร์ ทานโอมากาเสะ กับน้อง 2 คน เดินซื้อของแถวประตูน้ำ สวมหน้ากากอนามัยตลอด ตอนเย็น ไปนั่งร้าน 76 Garage แถวลาดพร้าววังหิน ไปด้วยกัน 4 คน เสร็จแล้วไปต่อ คลับ เวลาตี 1 Top 1 แถวรัชดา กลับโรงแรมนอนพัก

24 ธันวาคม 63 ตื่นบ่าย ออกไปฉีดดอลลี่อาย แถวรัชดา แวะทำผม ทานข้าว ย่านรัชดา ทุ่มครึ่ง ไปรูฟทอฟ ตรงตึกมหานคร กับน้อง 2 คน กลับประมาน 5 ทุ่ม ละไปทานหมูกระทะ ต่อที่ร้าน แถวๆถนนอโศก ไปต่อคลับ Top1 จนปิดตีสาม มีพี่ชวนไปต่อ คลับ กอตแฮม ถึงตี 5 กลับโรงแรม

25 ธันวาคม 63 ไปเที่ยวคลับ แถวสีลม กับน้อง ไปเจอพี่ อีก 2-3 คน จากนั้นไปต่อ คลับ Top 1 คลับแถวรัชดา กลับมาโรงแรมประมานตี 1-2

26 ธันวาคม 63 เช็กเอาท์โรงแรม เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางไป จ. เชียงใหม่ สายการบิน ไทยสไมล์ รอบบิน 16.00น.-17.00น. โดยประมาณ พ่อมารับ แวะเดินตลาด ท่าแพ นั่งกินข้าวกับพ่อ ร้านริมทาง แล้วก็เดินทางกลับ แวะปั๊มเติมน้ำมัน เดินทางไปบ้านที่อำเภอวังเหนือ ถึง 3 ทุ่ม เก็บของที่บ้าน ก่อนขี่มอเตอร์ไซด์ ออกไปบ้าน ป้า เจอญาติ ประมาน 3-5 คน คุยกัน สวมหน้ากากอนามัยตลอด

27 ธันวาคม 63 เช้าไปวัดปงวัง ทำบุญ ตอนบ่ายไปบ้านป้าแตงเจอญาติ 3-5 คน จากนั้น ไปตลาดปงวัง กับพี่ 2 คน ซื้อกับข้าวในตลาด เสร็จปุ๊บกลับมาบ้านป้า ทำกับข้าวกินกัน จากนั้น 1 ทุ่มครึ่ง โทรชวนเพื่อนไปเที่ยว ต่อ ที่ร้านเพลินบาร์ แม่ขะจาน ไปกัน 4 คน มีคนมาที่โต๊ะ และชวนไปนั่งที่โต๊ะ 4-5 คน ขณะดื่ม ไม่ได้สวมแมส จากนั้น กลับบ้าน ประมาณตี 1

28 ธันวาคม 63 ตื่น 11 โมง ไปรับพี่ที่เป็นครูที่โรงเรียนบ้านก่อ ไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านทุ่งเป้า แวะซื้อกาแฟ ร้านสามแยก จากนั้นไปส่งพี่กลับโรงเรียน ไปทำธุระเกี่ยวกับรถ ที่เวียงป่าเป้า ต่อ พ.ร.บ.รถฯ แวะนิ่มซี่เส็ง ถามข้อมูลเล็กน้อย จากนั้นเข้าตลาดวังเหนือ ซื้อของกิน นิดหน่อย กลับบ้าน แล้วเดินมาบ้านป้าต่อ ทำปิ้งย่างกินกัน 5-7 คน กลับบ้าน 3-4 ทุ่ม

29 ธันวาคม 63 ตื่น 11 โมง เพื่อนมารับไปกินข้าว ที่ร้าน Lake monster อยู่กัน 5-6 ตรงปากทางปงวัง จนถึง 5 โมง กลับไปรับหลานที่โรงเรียนบ้านก่อ แวะตลาดปงวัง ซื้อน้ำ กลับบ้านป้าแตง ต่อกินข้าวเย็นแล้ว เล่นบิงโก ประมาน 5-6 คน

30 ธันวาคม 63 ตื่นบ่าย แวะซื้อขนมจีนร้านพี่น้ำใส แล้วไปทานบ้านป้าแตง ตอนเย็น แวะไปนั่งร้าน ครัวฮั้วหินฮิมต้า แป๊บเดียว ไปต่อร้านน้องในตลาด วังเหนือ ร้านชายสี่มีเล่า นั่งนาน จนร้านปิด

31 ธันวาคม 63 เดินทางไปเชียงใหม่ เวลา 4 โมง นั่งรถกรีนบัสไปลงอาเขตแล้วเรียกแกรบ ไปส่งที่โรงแรม เชน โฮเทล พักคนเดียว จากนั้นเรียกแกรบวิน ไปส่งซื้อรองเท้าส้นสูง ก็กลับมาโรงแรม อาบน้ำ แต่งตัวไปวอร์มอัพคาเฟ่ วันเคาทดาวน์ จนถึง ตี 1 อยู่ด้วยกัน ทั้งโต๊ะ รวม 10 คน ออกมาจากวอร์มอัพ ไปกินหมูทะ หลังอินฟินิตี้ ต่อ ถึง ตี 2-3

1 มกราคม 63 ไปหาเพื่อนที่ โรงแรมสเตย์วิท นิมมาน นั่งทานกาแฟ ในโรงแรม รอเพื่อน จากนั้น ไปทานข้าวต่อ ร้าน zood zood 7-8 คน จากนั้น ไปเช่ามอเตอร์ไซค์ ขับไปดอยปุย จนถึง 18.00น. กลับเข้าเมือง สามทุ่ม ไปร้านเหล้าท่าช้างต่อ จนถึงเที่ยงคืน ก็กลับ โรงแรม เพื่อนชวนออกไปต่อ แต่คลับไม่สนุก เลยไปกินเหล้าต่อที่โรงแรมเพื่อน ตี 5 ก็แยกกลับโรงแรมตัวเอง นอน

2 มกราคม 63 ไปทานอาหารที่ร้านต๋องเต็มโต็ะ ถึงบ่าย 3-4 โมง จากนั้นขี่มอเตอร์ไซค์ไปต่อที่สวนดอกไม้ป้านกเอี้ยง สองทุ่มครึ่ง ไปร้านเหล้า ฮอมบาร์ จนถึงเที่ยงคืน ไปต่อร้านหมูกระทะ ถึงตี 1-2 กลับโรงแรมนอน

3 มกราคม 63 ไปสนามบินเชียงใหม่ เริ่มรู้สึกว่าตัวเอง ไอ บ่อย ขึ้นเครื่อง เวลาบ่ายโมง ถึง กทม. บ่าย 2 ก็มาหาน้องที่ ห้วยขวาง มีพี่ อีก 2 คน ก็ไปซื้อของใช้ส่วนตัวที่บิ๊กซี ไปทานส้มตำ กลับห้อง นอนพัก

4 มกราคม 63 แยกตัว นอนพัก ที่ห้อง เริ่มมีไข้ ไอเจ็บคอ

5 มกราคม 63 ไปตรวจ ที่โรงเอกชน ย่านโชคชัย 4 กลับห้องนอนพัก ทานยา แยกกักตัว

6 มกราคม 63 พัก กักตัว ทานยา ที่ห้อง

7 มกราคม ผลโควิด-19 ออก ผลเป็นบวก เมื่อพบว่าติดโควิด-19 ก็รีบ มาที่โรงพยาบาล แอทมิดรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง"

ทั้งนี้หญิงสาวคนนี้ยังทิ้งท้ายว่า ส่วนตัวคาดว่า น่าจะติดมาจากผับดัง ที่เชียงใหม่

ทิสโก้ ชี้หุ้นไทยปีนี้ฟื้นจาก 3 ปัจจัยบวก ทั้งตัวเลขเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนฟื้น, นโยบายการเงินผ่อนคลายหรือ QE และนโยบายโจ ไบเดนหนุน คาดสิ้นปีอาจเห็นดัชนีแตะ 1,600

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ผลกระทบ COVID-19 ทำให้ตลาดหุ้นไทยปีที่แล้วปรับตัวลง 8% และเคลื่อนไหวแย่กว่าตลาดหุ้นโลก (MSCI World Index) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14% สำหรับมุมมองหุ้นไทยในปีนี้ บล.ทิสโก้ คาดว่า หุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวจากปีที่แล้วจาก 3 ปัจจัยบวก คือ

1.) การฟื้นตัวของตัวเลขเศรษฐกิจและกำไรของบริษัทจดทะเบียน โดยบล.ทิสโก้คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะกลับมาเติบโต 3.4% จากปี 2564 ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัว 6.3%

ส่วนกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยในปี 2564 คาดว่าจะฟื้นตัวแรง 34% ขณะที่ปี 2563 คาดว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนไทยจะติดลบ 38% สาเหตุที่กำไรเพิ่มขึ้นแรงมาจากกำไรในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของกำไรตลาดโดยรวมจะเติบโต 79% และ 25% ตามลำดับ ขณะที่ปี 2565 คาดกำไรโดยรวมจะเติบโตอีก 16% อานิสงส์จากภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัวได้เต็มที่หลังมีวัคซีน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว

2.) นโยบายการเงินยังคงอยู่ในระดับที่ผ่อนคลายมากเมื่อเทียบกับในอดีต หรือการทำ QE โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ได้ปรับเป้าหมายนโยบายการเงินไปใช้ “อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย” ที่ 2% ซึ่งจะทำให้ FED สามารถผ่อนคลายนโยบายการเงินได้นานกว่าในอดีต ทั้งการคงดอกเบี้ยในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และการอัดฉีดสภาพคล่องอย่างต่อเนื่อง จากการประเมินคาดว่า FED จะอัดฉีดสภาพคล่องในปีนี้เพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ฯ

3.) นโยบายด้านเศรษฐกิจของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ที่มีแผนการใช้จ่ายเงินจำนวนมากจะกดดันเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนค่าลง เป็นผลดีต่อตลาดหุ้นและราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวม ขณะเดียวกัน นโยบายต่างประเทศของไบเดนที่ประนีประนอมกว่าทรัมป์ และคาดการณ์ข้างหน้าได้ง่ายกว่าทรัมป์ น่าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโลก และช่วยลดความผันผวนของตลาดลงได้

จากปัจจัยสนับสนุนดังกล่าว ทางบล.ทิสโก้ จึงได้ประเมินดัชนีหุ้นไทยที่เหมาะสมในปี 2564 ที่ 1,450-1,590 จุด โดยในครึ่งปีหลังมีโอกาสสูง ที่จะเหวี่ยงตัวขึ้นไปใกล้ ๆ ระดับ 1,600 จุด หรือเทียบเท่าตอนสิ้นปี 2562 ก่อนที่ COVID-19 จะระบาด

‘นายสุชาติ ชมกลิ่น’ วอนผู้ประกอบการนำแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายมาขึ้นทะเบียนได้ตั้งแต่ 15 มกราคม - 13 กุมภาพันธ์ เชื่อว่าแรงงานที่เข้ามาแบบผิดกฎหมายเมื่อเข้าสู่ระบบจะเป็นประโยชน์กับกลุ่มประมง

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ (กพร.ปช.) ครั้งที่ 1/2464 ว่า ในส่วนของแรงงานเถื่อนนั้นหลายคนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อาจไม่เข้าใจ บางกลุ่มอาจจะอยู่ในประเทศไทยหลายปีแล้ว ซึ่งผิดเอ็มโอยู ผิดนายจ้าง เป็นแรงงานเถื่อน ที่ไม่ได้เดินทางกลับประเทศ แต่ไม่ได้เป็นการมุดเข้ามาตามแนวชายแดนทั้งหมด ดังนั้นคำว่าแรงงานเถื่อนอย่าเหมารวมว่าเป็นการมุดเข้ามาทั้งหมด เพราะเรามีเจ้าหน้าที่ดูแลตามด่านถาวร วันนี้ขอฝากขบวนการหรือคนที่นำพาแรงงานเข้ามา ต้องนึกถึงความเป็นอยู่และความปลอดภัยของคนไทยด้วย ที่ผ่านมาฝ่ายความมั่นคงปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว กระทรวงแรงงานได้มีการตรวจสถานประกอบการและอำนาจหน้าที่ ซึ่งเราให้ความเป็นธรรมกับทุกคน

ส่วนการดำเนินการกับสถานประกอบการที่นำแรงงานเถื่อนไปทอดทิ้ง รมว.แรงงาน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี สั่งการและกำชับให้กระทรวงแรงงาน และกระทรวงมหาดไทยแก้ปัญหา ซึ่งอยู่ในระหว่างการผ่อนผัน แต่ต้องยอมรับความจริงว่าการที่จะบอกให้สถานประกอบการนำแรงงานทั้งหมดมาตรวจโควิด-19 เพื่อตรวจสอบควบคุมโรค คงไม่มีใครกล้านำมาให้ตรวจทั้งหมด จึงจำเป็นต้องมีมาตรการออกมาเพื่อนำเข้าสู่ระบบ เพื่อไม่ให้สถานประกอบการขาดแรงงาน ขณะเดียวกันจะได้มีการตรวจคัดกรองโรคอย่างเข้มงวด จากนั้นแรงงานทั้งหมดจะเข้าสู่ระบบที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นวิธีการแก้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย หรือรายงานที่อยู่ใต้ดิน ให้ขึ้นมาอยู่บนดินอย่างถูกต้อง ถือเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น จากนั้นก็จะมีการแก้ปัญหาระยะกลางและระยะยาวต่อไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำแผน

เมื่อถามว่าปัจจุบันการจ้างงานในส่วนของแรงงานประมงมีความขาดแคลนจำนวนมากจะแก้ปัญหาอย่างไร นายสุชาติ กล่าวว่า เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมาทางสมาคมประมง ได้มาพบและขอให้ผ่อนผันเพราะแรงงานประมงไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม แรงงานประมงทุกคนที่มีอยู่ผ่านการคัดกรองอย่างถูกต้อง และยืนยันว่าไม่มีผิดกฎหมายอย่างแน่นอน แต่เมื่อคนงานกลับประเทศปัญหาการขาดแคลนแรงงานย่อมเกิดขึ้น

ซึ่งในขณะนี้ยังอนุญาตให้นำเข้าไม่ได้ เพราะการที่จะอนุญาตให้นำคนจากต่างประเทศเข้ามาเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่ความพยายามนำแรงงานที่เข้ามาแบบผิดกฎหมายที่มีอยู่ในประเทศไทย เข้าสู่ระบบก็จะเป็นประโยชน์กับกลุ่มประมง เพราะหลังจากทำบัตรสีชมพูเสร็จ จะสามารถเข้าสู่แรงงานประมงได้ เสียเงินอีกเพียง 100 บาท เพื่อขึ้นทะเบียนประจำเรือ

ทั้งนี้ ระหว่าง วันที่ 15 มกราคม - 13 กุมภาพันธ์ เป็นช่วงที่รัฐบาลผ่อนผันให้กับผู้ประกอบการ ที่มีแรงงานไม่ถูกต้องมาขึ้นทะเบียน และหลังจากวันที่ 13 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไปรัฐจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุดจึงขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือ เราจะทำทุกอย่างเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้อง

‘ลุงตู่’ เตรียมพาเด็ก ๆ เข้าทำเนียบ พาทัวร์-ทำกิจกรรมร่วมกับตัวแทนเยาวชน นั่งเก้าอี้นายก พร้อมพูดคุยถึงการมีส่วนร่วมกับนโยบายรัฐบาล ผ่านคลิปวิดีโอ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่องเอ็นบีที ในวันเสาร์ที่ 9 ม.ค. น. เวลา 10.00 น.

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการจัดงานวันเด็กของทำเนียบรัฐบาล ว่า การจัดงานวันเด็กในวันเสาร์ ที่ 9 ม.ค.ในปีนี้ทำเนียบรัฐบาลไม่ได้เปิดให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ เหมือนปีที่ผ่านมา แต่จะรวบรวมกิจกรรมต่าง ๆ ทำเป็นคลิปวิดีโอ เพื่อออกอากาศสถานีโทรทัศน์ช่องเอ็นบีที ให้ประชาชนรับชมในช่วงเวลา 10.00 - 11.30 น.

ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้บันทึกเทปไว้เมื่อวันที่ 6 ม.ค. โดยช่วงแรกเป็นการทำกิจกรรมร่วมกับตัวแทนเยาวชน และพาเด็ก ๆ ชมห้องทำงานนายกฯ และนั่งเก้าอี้นายกฯ เหมือนเช่นทุกปี ในช่วงที่สองนายกฯ ได้พูดคุยกับเยาวชนที่เป็นตัวแทนเพื่อพูดถึงการมีส่วนร่วมกับนโยบายของรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีเรื่องสารคดี นิทานชุดคุณธรรม และส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงต่าง ๆ

โดนัลด์ ทรัมพ์ เตรียมรับชะตากรรมหนัก หลังเป็นส่วนหนึ่งในต้นเหตุการจราจลที่ส่อเค้าบานปลาย

ในที่สุด ม็อบผู้สนันสนุน โดนัลด์ ทรัมพ์ ประธานาธิบดีสหรัฐที่กำลังจะกลายเป็นอดีตก็มาตามนัด อย่างที่ทรัมพ์เคยส่งสัญญาณประกาศนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 6 มกราคม 2021 ที่สภาคองเกรสในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ที่หลายคนเคยปรามาสว่า ยังจะมีแฟนคลับเดนตายของทรัมพ์เหลืออยู่สักเท่าไหร่ หลังจากที่ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งใหญ่ของสหรัฐเมื่อ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2020 มีการรับรองอย่างเป็นทางการแล้วว่าผู้ชนะคือ นาย โจ ไบเดน ไม่มีพลิกโผ

แต่พอถึงเวลาช่วงบ่าย เริ่มประชุมสภารับรองนายโจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ ม็อบของเหล่าบรรดาแฟนคลับของทรัมพ์ก็มาชุมนุมหน้าอาคารรัฐสภากันอย่างล้นหลามเต็มพื้นที่ บางส่วนมาพร้อมอาวุธปืน ชูป้ายสนับสนุนทรัมพ์ และไม่มีใครสวมหน้ากากอนามัย

จุดประสงค์ของการมาชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ เพื่อต้องการประท้วงผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาว่ามีการทุจริต โกงคะแนนการเลือกตั้ง ตามที่โดนัลด์ ทรัมพ์เคยสื่อสารผ่านทางทวิตเตอร์มาโดยตลอดว่าเขาถูกโกง และมีการบุกรุกเข้าไปในรัฐสภา จนสมาชิกผู้แทนหนีกันกระเจิง เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เกิดเสียงปืนดัง และมีผู้บาดเจ็บเป็นเจ้าหน้าที่หญิงที่โดนกระสุนปืน ภายหลังมีรายงานว่าเสียชีวิตแล้ว

ม็อบทรัมพ์ ได้บุกยึดรัฐสภาได้กว่า 3 ชั่วโมง ก่อนที่จะมีการประกาศเคอร์ฟิวในเวลา 6 โมงเย็น และทางการจัดส่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิมาควบคุมสถานการณ์จนสงบเรียบร้อย จึงสามารถเปิดประชุมสภาต่อได้ในเวลา 2 ทุ่ม

วันนี้จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในความอัปยศอดสูของมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา ที่ได้เห็นภาพของกลุ่มคนที่ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง และใช้กำลังและอาวุธบุกรุกเข้าไปในรัฐสภา ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในระบบการปกครองของสหรัฐ และมีการใช้ความรุนแรงจนเกิดความสูญเสีย

ฟากประธานาธิบดีทรัมพ์ ที่ตอนนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของปัญหา แม้จะพยายามออกมาโพสต์ทวิตเตอร์ ให้ร่วมชุมนุมกันอย่างสงบ และเคารพกฎหมาย แต่ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นแม้แต่น้อย ซึ่งตอนนี้ ทั้งทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก และ อินสตาแกรม ต่างระงับบัญชีผู้ใช้ของทรัมพ์เป็นการชั่วคราวแล้ว

และหลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้คลี่คลายลง ผลกระทบตามหลังย่อมสะท้อนกลับไปทางโดนัลด์ ทรัมพ์ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเขามีเวลาเหลือในตำแหน่งเพียงแค่ไม่ถึง 2 สัปดาห์จนถึงวันที่ โจ ไบเดน เข้าพิธีสาบานตนในวันที่ 20 มกราคม หลังจากนี้ โดนัลด์ ทรัมพ์ อาจต้องเจอพายุลูกใหญ่ จากคดีความค้างเก่าในการใช้คำสั่งประธานาธิบดีที่ศาลสูงบางรัฐพิจารณาว่าไม่ชอบด้วยกฏหมาย หรือยุยงปลุกปั่นจนเกิดความรุนแรง จนมีผู้เสียชีวิต ในวันที่เขาไม่มีสิทธิ์คุ้มกันในตำแหน่งแล้ว

ส่วนคนที่จะได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์นี้ ไม่ต่างจากทรัมพ์ หนีไม่พ้นรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ที่เขาคาดหวังจะลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยหน้า แต่ภาพลักษณ์และการกระทำของทรัมพ์อาจฝังแน่นลงในประวัติชีวิตในการดำรงตำแหน่งที่ไม่อาจสลัดหลุดได้ แม้ว่า ไมค์ เพนซ์ ได้ออกมาทวิตเตอร์ประณามกลุ่มผู้ประท้วงที่ใช้ความรุนแรง และแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิต โดยเน้นย้ำว่าฝ่ายที่ใช้ความรุนแรงจะไม่มีวันชนะ รวมถึงสมาชิกพรรครีพับลิกัน ต่างออกมาปฏิเสธว่าม็อบในวันนี้ ไม่ใช่กลุ่มผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน แต่เป็นกลุ่มหัวรุนแรงที่ไม่เคารพกฎหมายที่ไม่อาจรับได้

และนี่อาจจะเป็นจุดแตกหัก แยกทางระหว่างทรัมพ์ และชาวรีพับลิกันแล้วก็เป็นได้

ส่วนทั่วโลกก็จับตาเหตุการณ์ในสหรัฐในมุมมองที่ต่างกันออกไป

ประธานาธิบดีเอมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นในกรุงวอชิตัน ดี.ซี. วันนี้ ไม่สมกับชาวอเมริกันเลย” และยังโพสต์ต่อในทวิตเตอร์ว่า “พวกเราเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย”

สตีเฟ่น โลฟเวน นายกรัฐมนตรีสวีเดนออกมากล่าวว่า ทั้งประธานาธิบดีทรัมพ์ และ ชาวสภาคองเกรสหลายคนต้องรับผิดชอบในเหตุการณ์ครั้งนี้

บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก็ไม่พลาด ออกมากล่าวประณามความรุนแรงที่สภาคองเกรสว่าช่างเป็นซีนที่น่าหดหู่ใจที่ได้เห็น ยิ่งเกิดที่สหรัฐอเมริกา ประเทศที่กล่าวว่าเป็นเสาหลักของประชาธิปไตยทั่วโลก ซึ่งไม่ควรเลยที่จะเกิดเรื่องเช่นนี้ในวันที่มีการเปลี่ยนผ่านอำนาจ

ส่วนสำนักข่าว Global Times ของจีนรายงานความเห็นของชาวเน็ตจีน ที่มีต่อเหตุการณ์บุกยึดสภาคองเกรสของสหรัฐว่า เป็นเรื่องของกรรมเก่า ที่สหรัฐเคยสนับสนุนกลุ่มที่เรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงให้ก่อความไม่สงบในบ้านเมือง และวันนี้ก็ได้มาเจอกันตัวเอง โดยมามีการเปรียบเทียบเหตุการณ์ที่ชาวม็อบฮ่องกงบุกทำลายสภาฮ่องกงเมื่อปี 2019 กับเหตุการณ์ที่สภาคองเกรสของสหรัฐในวันนี้อย่างประชดประชันว่า อยู่ฮ่องกงเรียกฮีโร่ แต่อยู่ที่สหรัฐเรียกผู้ก่อการร้าย

แต่เรื่องนี้จะเป็นกรรมเก่าของสหรัฐ กรรมใหม่ของทรัมพ์ หรือกรรมสะสมของโจ ไบเดน ที่จะต้องมีดูแลชาวสหรัฐที่มีความแตกแยกอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอย่างไร และจากเหตุการณ์นี้ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นประเทศโลกที่ 3 หรือ ประเทศพัฒนาแล้ว หากประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ผิด ข่าวปลอม ข้อความในสื่อโซเชียลเต็มไปด้วยข้อความรุนแรง วาทกรรมที่สร้างความเกลียดชัง ความแตกแยกและความรุนแรงก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่


แหล่งข่าว

https://www.theguardian.com/us-news/2021/jan/06/trump-blows-up-us-democracy-the-world-watches-on-in-horror

https://www.aljazeera.com/news/2021/1/6/pro-donald-trump-protesters-storm-us-capitol

https://www.globaltimes.cn/page/202101/1212074.shtml

https://abcnews.go.com/US/timeline-pro-trump-protesters-stormed-capitol/story?id=75096094

สภาคองเกรสยืนยันชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐของ โจ ไบเดน หลังได้รับเสียง Electoral Vote เหนือกว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ โดยการนับคะแนนเสียงเลือกตั้ง 3 เสียงของรัฐเวอร์มอนต์ทำให้ ไบเดน ได้คะแนนเกิน 270 เสียง

ทั้งนี้ วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรปฏิเสธการคัดค้านไม่ยอมรับคะแนนเสียงเลือกตั้งของรัฐจอร์เจียและเพนซิลเวเนีย ซึ่งไบเดนนำทรัมป์ พรรครีพับลิกันยังคัดค้านการรับรองคะแนนเสียงเลือกตั้งของรัฐแอริโซนา เนวาดา และมิชิแกน

“การรับรองคะแนนเสียงของประธานวุฒิสภา จะถือเป็นการประกาศที่เพียงพอแล้วว่า บุคคลที่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาเป็นใคร วาระจะเริ่มต้นในวันที่ 20 มกราคม 2021” ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวหลังจากการนับคะแนน Electoral Vote สิ้นสุดลง

การรับรองดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากผู้สนับสนุนทรัมป์ก่อการจลาจลโดยบุกเข้าไปในรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค. (ตามเวลาท้องถิ่น) ที่ผ่านมา โดยการประชุมของสภาคองเกรสในการรับรองคะแนนเสียงอย่างเป็นทางการหยุดชะงักเป็นเวลาหลายชั่วโมงเมื่อผู้สนับสนุนทรัมป์บุกเข้ามา โดยขณะนั้นเพิ่งนับคะแนนไปได้เพียง 12 เสียงเท่านั้น

หลังเหตุการณ์คลี่คลายลง สภาคองเกรสได้ดำเนินการนับคะแนนต่อในเวลาประมาณ 20.00 น. และในที่สุดผลการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างเป็นทางการก็สิ้นสุดลง พร้อมกับชัยชนะของไบเดน ที่คะแนน 306 ต่อ 232 เสียง นั่นหมายความว่า โจ ไบเดน กลายเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐที่ถูกต้องอย่างเป็นทางการ

ด้าน แดน สกาวิโน (Dan Scavino) ผู้ช่วยด้านโซเชียลมีเดียของทรัมป์ ได้เป็นตัวแทนทวีต “คำแถลงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” แทนเจ้าตัว เนื่องจากบัญชีทวิตเตอร์ถูกแบนชั่วคราว ความว่า

“แม้ว่าผมจะไม่เห็นด้วยอย่างสิ้นเชิงกับผลของการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ข้อเท็จจริงก็ทำให้ผมเข้าใจ อย่างไรก็ตาม จะมีการส่งมอบตำแหน่งอย่างถูกระเบียบในวันที่ 20 มกราคม ผมพูดเสมอว่า เราจะต่อสู้ต่อไปเพื่อให้แน่ใจว่ามีการนับเฉพาะคะแนนเสียงตามกฎหมายเท่านั้น แม้ว่านี่จะเป็นการสิ้นสุดวาระแรกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ประธานาธิบดี แต่ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการต่อสู้เพื่อทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง”


ที่มา: PPTV / CNN / The Guardian

ธนาคารออมสิน เร่งออกมาตรการด่วนช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อของธนาคาร จำนวนกว่า 1.9 ล้านราย ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัด เข้ามาตรการพักชำระเงินต้น ลดการจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ได้ ระยะเวลา 3 - 6 เดือน

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ลูกค้าของธนาคารออมสินในพื้นที่จังหวัด ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด/พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดรวม 28 จังหวัด หรือพื้นที่สีแดง ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สามารถลงทะเบียนเข้ามาตรการช่วยเหลือลูกค้าธนาคารที่เดือดร้อนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ขณะนี้ได้

โดยธนาคารจะพิจารณาให้ลูกค้าสามารถขอพักชำระเงินต้นไว้ก่อน โดยจ่ายเฉพาะดอกเบี้ย หรือขอลดการจ่ายดอกเบี้ยบางส่วนได้ แล้วแต่กรณีขึ้นอยู่กับความหนักเบาของผลกระทบที่ได้รับ ซึ่งมาตรการครั้งนี้มีระยะเวลา 3 - 6 เดือน

"จากข้อมูลลูกค้าของธนาคารพบว่า ในพื้นที่ 28 จังหวัดมีลูกค้าสินเชื่อของธนาคารจำนวนกว่า 1.9 ล้านราย วงเงินสินเชื่อกว่า 670,000 ล้านบาท ซึ่งการระบาดระลอกใหม่และพื้นที่ดังกล่าว ถูกกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด

คาดว่าจะมีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่ประสบปัญหาได้รับผลกระทบ ธนาคารจึงได้เร่งเปิดให้ลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการช่วยเหลือผ่านเว็บไซต์ธนาคารออมสิน หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ธนาคารจะติดต่อกลับเพื่อดำเนินการในรายละเอียดต่อไป" นายวิทัย กล่าว

ทั้งนี้ ลูกค้าสินเชื่อธนาคารออมสินในพื้นที่จังหวัดที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด/พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดรวม 28 จังหวัด สามารถลงทะเบียนเข้ามาตรการช่วยเหลือได้ที่เว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th พร้อมทั้งระบุข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลการติดต่อให้ชัดเจนครบถ้วน เริ่มเปิดให้ลงทะเบียนในวันศุกร์ที่ 8 มกราคม 2564 นี้เป็นต้นไป

‘ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ ย้ำชัด พยายามทำทุกอย่างไม่ให้มีบ่อน หากทำผิดกฎหมายต้องถูกลงโทษทั้งหมด มั่นใจคณะกรรมการแก้ปัญหาบ่อนการพนัน ของนายกฯ ชุดนี้ ตอบโจทย์

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าเรื่องบ่อนการพนัน ว่า เราก็ทำไปทุกอย่างแล้ว พยายามทำทุกอย่าง และดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับผู้ที่ตั้งบ่อนเหล่านี้ พยายามเอาคณะกรรมการต่าง ๆ มาดูแล เราก็ไม่อยากให้มีบ่อนหรอก

เมื่อถามว่า การที่มีภาพข่าวโต๊ะบ่อนการพนันร่วงบนถนน แสดงให้เห็นถึงการดำเนินการที่เข้มข้นขึ้นกับบ่อนการพนันของเจ้าหน้าที่ในขณะนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ไม่รู้หรอก ถ้าทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกลงโทษทั้งหมด

เมื่อถามว่า ขณะนี้ได้ชื่อของผู้ที่จะมาเป็นประธาน คณะกรรมการแก้ปัญหาบ่อนการพนัน ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งให้ตั้งขึ้นหรือยัง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องไปถามนายกฯ และนายกฯ ไม่ได้มาหารือกับฝ่ายความมั่นคง เมื่อถามว่า การตั้งคณะกรรมการชุดนี้จะตอบโจทย์เรื่องการแก้ปัญหาบ่อนการพนันได้ดีใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตอบโจทย์อยู่แล้ว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top