Sunday, 12 May 2024
NEWS FEED

รองนายกรัฐมนตรี ‘วิษณุ เครืองาม’ เผยครม.เห็นชอบให้เลือกตั้งทิ้งถิ่นระดับเทศบาลก่อน ส่วนเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร รอคิวก่อน ระบุ ยังอยู่ระหว่างแก้กฎหมายจะยังคงมี สก.- สข. หรือไม่

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้เตรียมการจัดเลือกตั้งท้องถิ่น ระดับเทศบาล และ สภาเทศบาล ว่า เป็นการเลือกตั้งระดับเทศบาล คือ เทศบาลตำบล เทศบาลเมือง และ เทศบาลนคร ส่วนการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เป็นลำดับที่จะพิจารณาต่อไป

การเลือกตั้งเกี่ยวกับกทม. ยังมีปัญหาเพราะขณะนี้ยังถกเถียงกันเรื่องสก. และ สข. ว่าจะให้มีสข. หรือไม่ ถ้าจะให้มีกฎหมายต้องแก้กฎหมาย ซึ่งขณะนี้ค้างอยู่สภาฯ ดังนั้นลำดับแรกเลือกระดับเทศบาลก่อน จากนั้น ค่อยเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) จากนั้นเป็นเมืองพัทยา และ กทม. ซึ่ง 2 อย่างนี้อาจจะร่วมหรือแยกกันก็ได้

ซึ่งเลขากกต. ชี้แจงว่า พื้นที่เทศบาลไม่ทับซ้อนกับพื้นที่อบต. จึงไม่สามารถนำมาเลือกพร้อมกันได้ จึงต้องแยกกันเลยขอให้แต่ละอย่างเว้นช่วง โดยเรื่องเทศบาลควรเลือกภายใน 3 เดือนแรกของปี เนื่องจากมีความเกี่ยวโยงกับจำนวนประชากรที่พรบ.การทะเบียนราษฎรให้สรุปเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 63 และต้องประกาศภายใน 3 เดือนจึงเลือกตั้งเทศบาลภายในเดือนมี.ค.64 ส่วนวันที่เท่าไหร่นั่นอยู่ที่กกต.เพราะครม.ไม่มีอำนาจ

เมื่อถามว่ามีการประเมินเบื้องต้นว่าจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ช่วงไหน นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบเพราะครม.ในวันนี้ไม่มีการพูดเรื่องดังกล่าว เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับครม.เพราะจะเป็นผู้บอกว่าวันนี้เลือกเทศบาล โดยขอเอาเรื่องเลือกตั้งระดับเทศบาลก่อน ส่วนการเลือกตั้งระดับอื่น ๆ จะเป็นเมื่อไหร่ ครม.จะเป็นคนบอก และประเมินตามสถานการณ์หลายอย่าง เช่น กฎหมายเกี่ยวกับสข. ที่ค้างอยู่ในสภาฯที่รอความเห็นรัฐบาล

กลายเป็นที่โจษจันไปทั้งเมืองลอดช่อง เมื่อสาวใหญ่วัย 65 ปีชาวสิงคโปร์ ที่เคยติดเชื้อ Covid-19 เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ที่ผ่านมาต้องติดคุกนานถึง 5 เดือนเพียงเพราะเธอปกปิด Timeline

สาวใหญ่ดวงตกรายนื้ชื่อว่านาง " โอ บี ฮก " แต่งงานแล้ว มีสามีเป็นตัว เป็นตนที่ยังอยู่กินด้วยกัน แต่เมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว เธอตรวจพบว่าติดเชื้อ Covid-19 และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล Singapore General Hospital

ทางการสิงคโปร์จึงส่งเจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุขมาสอบสวนโรค และให้เธอเปิดเผย Timeline ว่าได้ไปที่ไหน กับใครมาบ้างในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในตอนแรกเธอบ่ายเบี่ยง อ้างว่าไข้ขึ้น อ่อนเพลีย และต้องการพักผ่อน

วันต่อมาเจ้าหน้าที่ยังจี้ต่อ โทรศัพท์มาให้เธอแจงวัน เวลา และสถานที่ที่ไปในรอบสัปดาห์อย่างละเอียด เธอบอกเพียงว่าไปวัด ไหว้เจ้า และกินเลี้ยงกับครอบครัวช่วงตรุษจีน

แต่ว่า Timeline ที่เธอได้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกลับไม่ตรงกับที่เธอเคยแจ้งบอกคุณหมอไว้ว่า เธอไปจ่ายตลาดที่ย่าน บูกิต บาต็อก และ บูกิต ติมาห์ สัปดาห์ละ 3 ครั้ง และไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดให้สามีในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่มีครอบครัว ที่มีหลาน ๆไปร่วมงานฉลองหลายคน

และเรื่องก็มาโป๊ะแตก เมื่อมีคนไข้ติด Covid-19 อีกคนเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาล และเมื่อเช็ค Timeline ของคนไข้รายนั้น ก็พบว่าเคยเจอคุณนาย โอ บี ฮก ที่ภัตตาคาร Joy Garden ในห้าง SAFRA Jurong เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ซึ่งมีงานเทศกาลดินเนอร์ และคาราโอเกะ ที่กลายเป็น Cluster ใหญ่ มีคนติดเชื้อในงานเลี้ยงมากถึง 47 ราย

เมื่อพบหลักฐานว่า คุณนายโอ บี ฮก ไปงานเลี้ยงในห้าง SAFRA Jurong และยังพบว่าเธอไม่ได้มาคนเดียว แต่มากับผู้ชายอีกคน ซึ่งไม่ใช่สามีของเธอ!!

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจึงเร่งสืบว่าผู้ชายที่มากับคุณนายโอ บี ฮก เป็นใคร และในที่สุดก็ทราบชื่อว่าเขาคือ นาย "ลิม เกียง ฮง" อายุ 71 ปี และติดเชื้อ Covid-19 เช่นเดียวกัน

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางเจ้าหน้าที่จึงสืบต่อ จากข้อมูลประวัติการใช้บัตรเครดิตของนายลิม เกียง ฮง และ เลขทะเบียนรถที่มีบันทึกว่าไปจอดในสถานที่ใดบ้างในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ก็พบความจริงว่า คุณนาย โอ บี ฮก และ นายลิม เกียง ฮง นัดพบกันถึง 5 ครั้งในรอบไม่กี่สัปดาห์ และมักนัดพบกันในร้านอาหารตามห้างสรรพสินค้าในเขตฝั่งตะวันตกของเมืองสิงคโปร์

เจ้าหน้าที่จึงนำหลักฐานกลับไปหาคุณนาย โอ บี ฮก แจงรายละเอียด Timeline ที่สืบได้ถี่ยิบ จนคุณนายโอ ต้องยอมรับสารภาพความจริงว่า ที่เธอจงใจปกปิดไม่ยอมบอกเรื่องของนายลิม เพราะไม่อยากเป็นที่ครหานินทาว่าเธอมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับนายลิม เกียง ฮก แต่ก็ยังนัดเจอนายลิม อยู่เป็นประจำในวันที่สามีออกไปตีแบตมินตัน ที่มักจะเป็นวันว่างของเธอ เพราะไม่ต้องทำกับข้าว

แต่ที่เรื่องมาแดง เพราะติด Covid-19 จากการแอบนัดพบกันที่ห้าง SAFRA Jurong ที่เป็น Cluster ใหญ่นั่นเอง

เรื่องลับส่วนตัวเช่นนี้ เกิดกับใครคงไม่อยากจะบอก และคงไม่มีคนนอกคนไหนอยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ไม่ใช่กับครั้งนี้ ที่มีโจทย์การติดเชื้อ Covid-19 มาเกี่ยวด้วย คุณนาย โอ บี ฮก นอกใจสามีของเธอหรือยัง ไม่อาจรู้ได้ แต่ที่ฟันธงได้แน่ๆคือ เธอทำผิดกฎหมายเรื่องการปกปิดข้อมูล Timeline ในช่วงที่มีกฎหมายว่าด้วยเรื่องการควบคุมโรคระบาด

และผลจากการที่เธอปิดบังข้อมูล ทำให้หลานชายอีกคนในครอบครัวติดเชื้อ Covid-19 ไปด้วยจากงานเลี้ยงฉลองวันเกิดสามีของเธอในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นั่นเอง

และความผิดในการปกปิดข้อมูลสอบสวนโรคในสิงคโปร์ มีโทษสูงสุดถึงจำคุก 6 เดือน ปรับอีก 10,000 เหรียญสิงคโปร์ หรือประมาณ 2.27 แสนบาท

หลังจากสู้คดีมาหลายเดือน ศาลสิงคโปร์เพิ่งตัดสินลงโทษคุณนาย โอ บี ฮก ด้วยโทษจำคุกนาน 5 เดือน ข้อหาปกปิด Timeline ที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาด Covid-19 เพิ่ม ยังทำให้เจ้าหน้าที่รัฐเสียทั้งเวลา และงบประมาณโดยใช่เหตุ

จึงเป็นข้อคิดเตือนใจสำหรับใครหลายคน ที่คิดว่าติด Covid ไม่เป็นไร แต่สำหรับบางประเทศเขาซีเรียสกว่าที่คุณคิด เพราะฉะนั้น หากคุณ...มีความลับเยอะ ใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ ถ้าไม่อยากถูกเปิดเผย Timeline นะจ๊ะ


แหล่งข่าว

https://www.todayonline.com/singapore/housewife-safra-jurong-covid-19-cluster-gets-jail-not-disclosing-secret-meetings-male

https://www.bbc.com/news/world-asia-55579775

https://www.straitstimes.com/singapore/courts-crime/jail-for-housewife-with-covid-19-who-failed-to-disclose-meetings-with-male

กรมสรรพากร ขยายเวลาการใช้ระบบภาษีหัก ณ ที่จ่ายอิเล็กทรอนิกส์ (e-Withholding Tax) เหลือ 2% ถึงสิ้นปี 2565 คาดทำให้มีกระแสเงินสดหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ กว่า 24,840 ล้านบาท ส่วนการลงทุนระบบใช้สิทธิหักรายจ่ายได้ 2 เท่า

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2564 ได้มีมติเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการใช้ระบบภาษีหัก ณ ที่จ่ายอิเล็กทรอนิกส์ (e-Withholding Tax) โดยลดอัตราภาษีหัก ณ ที่มีอัตรา 5% และ 3% เหลือ 2%

สำหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมินผ่านระบบ e-Withholding Tax ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 - 31 ธันวาคม 2565 ซึ่งจะช่วยคืนสภาพคล่องให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ ทำให้มีกระแสเงินสดหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ กว่า 24,840 ล้านบาท

นายเอกนิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะรัฐมนตรี ยังได้เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถนำรายจ่ายจากการลงทุน และการใช้บริการระบบ e-Withholding Tax หรือระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) มาหักเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่า

ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 - 31 ธันวาคม 2565 ซึ่งจะช่วยให้ภาคเอกชนมีต้นทุน และภาระในการจัดทำ และการจัดเก็บเอกสารรวมทั้งการปฏิบัติหน้าที่ทางภาษีลดลง นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลและการแปลงเป็นดิจิทัลของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน สนับสนุนนโยบายประเทศไทย 4.0 และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19)

สำหรับ ระบบ e-Withholding Tax เป็นหนึ่งในนโยบาย Tax From Home ที่กรมสรรพากรได้นำการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงานด้วยดิจิทัล (Digital Transformation) มาใช้เพื่อให้การปฏิบัติการและชำระภาษีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นเรื่องง่าย สามารถทำได้ทุกที่ ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ปรับเปลี่ยนการลงทุนในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19

ครม.อนุมัติงบประมาณกว่า 473 ล้าน ให้กระทรวงกลาโหม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ (State Quarantine) เพิ่มเติม รองรับผู้กักกันตัวในระยะที่ 5

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ในการดำเนินการพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ (State Quarantine) เพิ่มเติม เพื่อรองรับผู้กักกันตัว จำนวน 22,248 คน ในระยะที่ 5 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. - 30 พ.ย 2563 วงเงิน 473,150,000บาท

ตามที่กระทรวงกลาโหม เสนอ แบ่งเป็นค่าตอบแทนบุคลากร ค่าเช่าที่พักกักกันตัวค่าวัสดุการแพทย์และยานพาหนะ เป็นต้น โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้เบิกจ่ายในงบดำเนินงาน

นายอนุชา กล่าวว่า "ที่ผ่านมากระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมกันจัดสถานที่ พื้นที่สำหรับสังเกตอาการ เพื่อใช้ในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค โดยเป็นสถานที่ราชการ 2 แห่ง และโรงแรมเอกชน 26 แห่ง เพื่อรองรับผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศและเข้ารับการกักกันตัว จำนวน 63,570 คน ตั้งแต่ 7 มี.ค - 30 ก.ย.2563 ระยะที่ 1 -ระยะที่ 4 โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายการดำเนินการพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ รวมวงเงินรวมทั้งสิ้น 1,536,340,514 บาท"

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (12 มกราคม พ.ศ. 2564)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 287 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 10,834 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิต 67 ราย รักษาหายเพิ่ม 166 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 6,566 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 4,035 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 287 ราย เป็น ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จากสาธารณรัฐประชาชนจีน 1 ราย,ญี่ปุ่น 1 ราย,สหรัฐอเมริกา 2 ราย,สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย,สหราชอาณาจักร 2 ราย,อินโดนีเซีย 1 ราย,อินเดีย 1 ราย

ผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 153 ราย

ติดเชื้อจากการตรวจคัดกรองเชิงรุก 125 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 173 ราย รักษาหายแล้ว 153 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 392 ราย รักษาหายแล้ว 374 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 8.37 แสน ราย รักษาหายแล้ว 6.89 แสน เสียชีวิต 24,343 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 40 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.38 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.09 แสน ราย เสียชีวิต 555 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.31 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.15 แสน ราย เสียชีวิต 2,858 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.9 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.58 แสน ราย เสียชีวิต 9,416 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,929 ราย รักษาหายแล้ว 58,668 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมติดเชื้อ 1,515 ราย รักษาหายแล้ว 1,361 ราย เสียชีวิต 35 ราย

คณะรัฐมนตรี เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาฯ จูงใจเอกชนบริจาคเงินเข้ากองทุนวิจัย 4 หน่วยงาน สามารถใช้ลดหย่อนภาษี ได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิ

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร พ.ศ. ....

ซึ่งเป็นมาตรการทางภาษีเพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนร่วมบริจาคเงินให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม โดยยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดา บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริจาคเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย

1.) กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

2.) กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม

3.) กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา

และ 4.) กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข

ซึ่งมาตรการนี้เป็นการขยายเวลามาตรการทางภาษีเดิมที่สิ้นสุดไปแล้วเมื่อ 31 ธันวาคม 2562 โดยให้มีผลนับตั้งแต่วันที่ร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้มีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 สาระสำคัญมีดังนี้

1.) บุคคลธรรมดาที่บริจาคเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้กับ 4 หน่วยงาน สามารถนำเงินที่บริจาคมาหักเป็นค่าใช้จ่ายหรือค่าลดหย่อนได้ 2 เท่าของจำนวนที่บริจาค แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้ หลังหักค่าใช้จ่ายและหักค่าลดหย่อนแล้ว

2.) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริจาคเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้กับ 4 หน่วยงาน สามารถนำเงินที่บริจาคมาหักเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาคแต่ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลฯ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือการกีฬา

น.ส.รัชดา กล่าวว่า "แม้มาตรการนี้จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 5 ล้านบาท แต่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการจูงใจให้ภาคเอกชนร่วมบริจาคให้แก่กองทุนวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมเพิ่มขึ้น และส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ

อีกทั้งยังเป็นแหล่งเงินทุนเพื่อดำเนินการและสนับสนุนการวิจัยพัฒนาและนวัตกรรม ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาวอีกด้วย ทั้งนี้ ในลำดับต่อไป จะส่งร่างพระราชกฤษฎีกาให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้"

ครม.อนุมัติ ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันหุ่นยนต์ระดับโลก RoboCup 2022 คาด ส่งเสริม-เสริมสร้าง-เชื่อมโยง-การลงทุนระหว่างประเทศ โดยงานจะจัดขึ้นช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2565 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า อนุมัติหลักการให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันหุ่นยนต์ระดับโลก RoboCup 2022 ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ใช้กรอบงบประมาณวงเงิน 20 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า "การแข่งขันจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2565 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา แบ่งกิจกรรมออกเป็น 4 ส่วนได้แก่ การจัดการแข่งขัน RoboCup แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มอายุไม่เกิน 19 ปี หรือ RoboCup Junior League และกลุ่มอายุ 19 ปีขึ้นไป หรือ RoboCup Major League

ส่วน Exhibition เป็นพื้นที่สำหรับนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ และส่วนแสดงวัฒนธรรมไทย, ส่วน Symposium เป็นการนำเสนอแลกเปลี่ยนองค์ความรู้โดยนักวิชาการด้านหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ และระบบอัตโนมัติที่มีชื่อเสียงระดับโลก และส่วน Startup Pitching เป็นเวทีกลางที่เปิดโอกาสให้ผู้ประดิษฐ์ ผู้ประกอบการ นักวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์ได้เข้ามามีโอกาสในการนำเสนอนวัตกรรมการประดิษฐ์ของตนต่อกลุ่มผู้ลงทุน"

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า "ในการจัดงานแข่งขันครั้งนี้คาดว่าประโยชน์ที่จะได้รับประกอบด้วย

1.) การเสริมสร้างและพัฒนาบุคลากรและเพิ่มจำนวนบุคลากรผู้มีความรู้ความสามารถในด้านปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ของประเทศให้มีความสามารถในการแข่งขันระดับสากล

2.) เสริมสร้างพัฒนาการวิจัย และการต่อยอดงานวิจัยในด้านปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ รวมทั้งสาขาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมของประเทศไทยที่มีความเชื่อมโยงและร่วมมือระหว่างประเทศ

3.) เป็นการเชื่อมโยงและสนับสนุนกับภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะระบบอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติของประเทศ รวมถึงแสดงศักยภาพของนักประดิษฐ์ ผู้ประกอบการ นักเรียน และนักศึกษาไทยให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับสากล

4.) เกิดการลงทุนระหว่างประเทศจากอุตสาหกรรมขั้นสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ และหุ่นยนต์ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ"

FBI เตือนมีป่วนอีกรอบ (มีแนวโน้มสถานการณ์อาจรุนแรงกว่าเหตุการณ์ยึดรัฐสภา 6 ม.ค.) ในวอชิงตันดีซี และเมืองหลวงของทั้ง 50 รัฐ ทั่วประเทศจากกองเชียร์ของทรัมป์ ในวันที่ 20 ม.ค. ที่ 'โจ ไบเดน' ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง

ข้อความที่สื่อสารกันออนไลน์ โดยเฉพาะในเพจของกลุ่มขวาจัดใช้ข้อความปลุกระดมยั่วยุ ให้เตรียมพร้อมป่วนใช้ความรุนแรงอีกรอบ เพื่อขัดขวางการส่งมอบหน้าที่ ที่กองเชียร์ทรัมป์ยังมโนเชื่อว่ามีการทุจริตในการเลือกตั้งจากบัตรเลือกตั้งผีหลายล้านใบ ในรัฐสวิงสเตท อย่าง Pensylvania-Wisconsin-Michagan-Georgia ส่งผลให้ทรัมป์พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นที่มาของถ้อยคำ "STOP THE STEAL" ยุติการทุจริตโกงการเลือกตั้ง ที่ตะโกนกันในช่วงชุมนุมประท้วง

ฝ่ายความมั่นคงได้เตรียมเจ้าหน้าที่ทหารไว้ 15,000 นาย สำรองอีก 10,000 นาย เพื่อรับมือสถานการณ์ที่อาจเกิดความรุนแรงขึ้นอีกรอบในพิธีสาบานตนที่เมืองหลวงวอชิงตันดีซี ที่ทรัมป์ ประกาศก่อนหน้านี้จะไม่เข้าร่วมในพิธีดังกล่าว

และคาดว่าในวันพุธนี้ ญัตติถอดถอนประธานาธิบดีสหรัฐ ที่เสนอโดยประธานสภาผู้แทนราษฎร Nancy Pelosi จะผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร (Democrat ครองเสียงข้างมาก) ก่อนถูกส่งต่อไปวุฒิสภา (Republican มีเสียงข้างมาก) และต้องใช้เสียง 2 ใน 3 หรือ 66 เสียงจากสว.ทั้งหมด 100 คน เพื่อให้มีผลในการถอดถอนจากตำแหน่งปธน.โอกาสถอดถอนทรัมป์จากตำแหน่งจากเสียงสนับสนุนในวุฒิสภานั้น ดูแล้วท่าจะเป็นเรื่องที่ 'เป็นไปไม่ได้'


ที่มา: เพจ Sermsuk Kasitipradit

คณะรัฐมนตรี ไฟเขียวจ่ายเงินเยียวยาประชาชน จำนวน 3,500 บาท ระยะเวลา 2 เดือน สำหรับอาชีพลูกจ้าง อาชีพอิสระ ที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม พร้อมเปิดให้ลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งอีก 1 ล้านสิทธิ ปลายเดือนม.ค.นี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ (Video Conference) ถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้มีการอนุมัติหลายโครงการ โดยเฉพาะมาตรการเยียวยาและดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดรอบใหม่ของโรคโควิด-19

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ในวันนี้ ครม.อนุมัติได้เงินเยียวยาประชาชน จำนวน 3,500 บาท ระยะเวลา 2 เดือน ซึ่งมีรูปแบบเยียวยาในอาชีพ คือ แรงงานลูกจ้าง ลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม รวมไปถึงยังมีโครงการคนละครึ่ง เปิดให้ลงทะเบียนใหม่ 1 ล้านสิทธิ์ ปลายเดือน ม.ค. นี้ด้วย

ขณะเดียวกัน ยังได้มอบหมายให้ไปหารือเอกชนช่วยลดค่าอินเตอร์เน็ต 3 เดือน เพื่อรองรับการทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home รวมถึงได้เห็นชอบมาตรการลดค่าไฟ-ค่าน้ำ เป็นเวลา 2 เดือน ก.พ. - มี.ค. เพื่อบรรเทาผลกระทบโควิด-19 อีกด้วย"

รถไฟฟ้าบีทีเอส เพิ่มความถี่การเดินรถในช่วงเวลาเร่งด่วน หนุนมาตรการ Social Distancing แม้ขณะนี้จำนวนผู้โดยสารลดลง พร้อมทำความสะอาดภายในสถานี และคัดกรองผู้โดยสารก่อนเขาใช้บริการตามมาตรฐานด้านสารธารณสุขอย่างเข้มข้น

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดเผยว่า เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทวีความรุนแรงมาอีกระลอกนั้น เพื่อความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดให้แก่ผู้โดยสาร และสร้างความมั่นใจในการใช้บริการ

แม้ว่าในขณะนี้จำนวนผู้โดยสารจะลดลง บริษัทฯ ยังคงนำขบวนรถไฟฟ้าออกวิ่งให้บริการมากที่สุด เพื่อเพิ่มการให้บริการด้วยความถี่สูงสุดเป็น 2 นาที 25 วินาที จากเดิม 2 นาที 40 วินาที ในช่วงเวลาเร่งด่วน เพื่อส่งเสริมมาตรการ Social Distancing นอกเหนือจากมาตรการลดความเสี่ยงต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการมาแล้วอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้

คัดกรองอุณหภูมิของผู้โดยสารก่อนเข้าใช้บริการในระบบ อุณหภูมิต้องไม่เกิน 37.5 องศาเซลเซียส พร้อมทั้งคัดกรองสุขภาพของเจ้าหน้าที่พนักงาน ทุกครั้งก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ ให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานต้องสวมหน้ากากอนามัย และถือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัด

ให้ผู้โดยสารทุกท่านต้องสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า และตลอดเวลาที่ใช้บริการ ไม่นำหน้ากากลงมาไว้ใต้คาง พร้อมทั้งงดการพูดคุยภายในขบวนรถไฟฟ้า หลีกเลี่ยงการหันหน้าเข้าหากัน เว้นระยะห่างในการยืน และนั่งภายในขบวนรถไฟฟ้า และชานชาลา

จัดจุดบริการแอลกอฮอล์ ทุกทางเข้า - ออกสถานี พร้อมเพิ่มความถี่ในการฉีดพ่น และเช็ดทำความสะอาดภายในขบวนรถไฟฟ้า และจุดสัมผัสร่วม ภายในสถานีทุกชั่วโมง และบริเวณรอบสถานีด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จัดบริการแอลกอฮอล์เคลื่อนที่ บนชั้นชานชาลาสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้โดยสาร

ขอความร่วมมือผู้โดยสารทุกท่านลงทะเบียน “ไทยชนะ” เมื่อเข้า และออกจากขบวนรถไฟฟ้าขบวนนั้น ๆ ด้วยการพิมพ์หมายเลขรถไฟฟ้า 4 หลัก ลงใน Application ‘BTS SkyTrain’ หรือ Line official : @btsskytrain

ทั้งนี้ บริษัทขอความร่วมมือผู้โดยสารทุกท่านโปรดเผื่อเวลาในการเดินทาง เพื่อกระจายการเดินทาง ลดความหนาแน่น บริษัทฯ ต้องขออภัยในความไม่สะดวก และจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อความปลอดภัย และสร้างความมั่นใจแก่ผู้มาใช้บริการสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บีทีเอส โทรศัพท์ 0 2617 6000 Line official : @btsskytrain หรือเช็กสถานะการเดินรถได้ที่ Application ‘BTS SkyTrain’ และแฟนเพจ Facebook :รถไฟฟ้าบีทีเอส


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top