นักแสดง กับ ดารา เป็นสถานะในวงการบันเทิง ที่ฟังดูใกล้เคียงกันมาก และดาราดาวรุ่ง ช่อง one31 อย่าง "ตรี - ภรภัทร ศรีขจรเดชา" ก้าวข้ามเส้นแบ่งนั้นมาได้ ซึ่งผลงานล่าสุด ละครเลดี้บานฉ่ำ เขาให้คะแนนตัวเองไว้ 7.5 / 10 แต่เรื่องชีวิตได้เกรดเท่าไหร่ ต้องตั้งใจอ่านกันดู
บางคนใช้เวลานับปี บางคนสิบปี บางคนอาจเพียงผลงานข้ามคืน แต่สำหรับหนุ่มวัย 25 ที่ผ่านการพิสูจน์ฝีมือด้านการแสดงในละครมาแล้ว 4 เรื่อง ตรีจึงค่อย ๆ เป็นที่รู้จักมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนต้นกล้าที่ค่อย ๆ เติบโตหยัดยืน
ด้วยความสูงเกิน 180 ซม. หน้าคม ผิวเข้ม เขาจึงโดดเด่นมากยามที่เดินมาถึงสตูดิโอ บนใบหน้ามีรอยยิ้มเล็ก ๆ และคำทักทายใคร ๆ อย่างอารมณ์ดี แม้จะยังไม่รู้จักกัน แต่พอเดาได้ว่า พระเอกร่างสูงโปร่งคนนี้เป็นคนอารมณ์ดีแน่นอน เรื่องราวระหว่าง The States Times กับเขาจะจริงจัง ดราม่า หรือฮาซะขนาดไหน พื้นที่ถัดจากนี้มีคำตอบ
Q: หากไม่เรียก ตรี มีชื่ออื่น ๆ ไหม ที่เพื่อน ๆ หรือคนสนิทใกล้ ๆ ตัวตรี เรียก
A: ตอนเด็ก ๆ อาจจะมีที่เรียก "ตรีเทพ" มาจากเด็ก ๆ เล่นเกมเก่งเทพ ๆ (หัวเราะ) ถ้าเด็กมาก ๆ เลย เคยมีเรียก "อ้วน เตี้ย ดำ" พอสูงขึ้นมาจริง ๆ ก็มาเรียกว่า "โย่ง" แต่รวม ๆ ส่วนใหญ่ก็เรียก "ตรี" นั่นแหละครับ
Q: ประมาณว่าเคยโดนบุลลี่
A: (หัวเราะ) ใช่ครับ แต่ตอนนี้ก็ไม่มีใครบุลลี่แล้วครับ อ้อ! มีอีกอัน ช่วงมัธยมฯ ผมเกรียน แล้วตรงนี้ (ชี้ไปที่ท้ายทอย) มันจะเป็นแบบรอยขีดเหมือนช่องหยอดกระปุก ตอนนั้นเป็นแผลหัวแตก เลยโดนเรียก "กระปุกออมสิน" ไม่ชอบเลย (ยิ้ม)
Q: โดยรวม ๆ คนใกล้ตัวตรี มักบอกว่านิสัยใจคอคุณเป็นยังไงครับ
A: เข้าถึงยากมั้งครับ ดูหยิ่ง ไม่ค่อยพูด แต่จริง ๆ ผมอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นเรื่องปกติ ถ้ารู้จักกันแล้ว คุยเต็มที่เลยครับ
Q: แล้วตัวตนจริง ๆ เป็นยังไงกันแน่
A: Friendly นะ คุยได้ทุกเรื่อง ใครปรึกษาก็คุยได้ ใจ - ใจ ค่อนข้างพูดตรง ไม่ได้ประจบใครเลย ผมเป็นแบบนี้กับทุกคน ทำอย่างนี้เหมือนกันกับทุก ๆ คนครับ
Q: แล้วสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่น คืออะไรครับ
A: ผมว่า ผมเอาใจใส่คนนะ เป็นห่วงตลอดเวลา ถามไถ่ว่า ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง ทำอะไรอยู่ ยิ่งสนิทก็ยิ่งเป็นห่วงตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน หรือแม้แต่พี่ยาม ป้าแม่บ้าน ผมจะทักทาย สวัสดีทุกครั้งที่พบกัน แล้วก็ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเสมอ
.
Q: ด้านการแสดง นับตั้งแต่ละครเรื่องแรก จนถึงตอนนี้ ถ้าให้เต็มสิบ ตรีให้คะแนนตัวเองเท่าไหร่
A: เรื่องแรก (เรื่องเธอคือพรหมลิขิต) ผมให้แค่ประมาณ 2 - 3 คะแนน แค่นั้น เพราะว่าถ้าเทียบกับคนอื่น ละครมันก็เหมือนกับการเข้าโรงเรียนนะครับ ค่อย ๆ เริ่ม ค่อย ๆ เพิ่มพูนไปตามประสบการณ์ที่เรามี แต่ตอนนี้ล่าสุดกับ เลดี้บานฉ่ำ อาจจะให้ 7 - 7.5 คะแนน เพราะผมคิดว่ายังจะพัฒนาไปได้มากกว่านี้อีก
Q: คำว่า พัฒนา โฟกัสอะไรเป็นพิเศษ หรือต้องพัฒนาจุดไหน
A: พัฒนาการเล่นละครนี่แหละครับ มีบางจุดที่เราอาจจะยังถ่ายทอดอารมณ์มาโดยที่เราไม่ได้เรียบเรียงมา บางทีก็ปล่อยตู้มเลยทีเดียว มันควรจะเป็นเหมือน Dynamic ไล่เป็นเส้นกราฟ ตอนนี้ก็พยายามฝึกมากขึ้นอีก จัดการกับอารมณ์และร่างกายตัวเอง
Q: 6 ปีที่เข้ามายืนตรงนี้ เห็นหรือมองวงการบันเทิงอย่างไร
A: ตอนเข้ามาใหม่ ๆ ผมคิดว่าการเข้ามาเป็นดารามันง่ายนะครับ แต่เราคิดว่าแค่ดาราไง ไม่ได้คิดว่าเราจะเป็นพระเอกหรือรู้จักคำว่าศิลปิน นักแสดง ดาราก็อาจจะแค่ท่องบท เล่นได้ เดี๋ยวมันก็มีชื่อเสียงไปเอง ผมเคยคิดว่าแค่ร้องไห้ได้ ก็คือเก่งมากแล้ว แต่เอาเข้าจริงมันไม่ใช่เลย พอเราโตขึ้น เราก็เห็นมิติต่าง ๆ มากขึ้น บางครั้ง บางซีน มันไม่จำเป็นต้องร้องไห้มีน้ำตาก็ได้ การเสียใจมันมีหลายรูปแบบ และนั่นมันคือ การเข้าใจบทและความเป็นนักแสดง
Q: แล้วอะไรคือ มุมคิดสู่การพัฒนา
A: หลังจากผมมีโอกาสอุปสมบท ได้เรียนรู้โลกทางธรรม รู้จักปล่อยวางมากขึ้น เข้าใจว่าโลกเป็นแบบนี้ ๆ ทำใจให้มันสบาย เพราะในการใช้ชีวิตและโลกการทำงาน ผมควรจะอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว คือใครแนะนำอะไร ไม่ว่าเขาจะอายุเยอะกว่าหรือน้อยกว่า เราควรเป็นผู้ฟังที่ดีก่อน ทำอะไรก็ตาม รู้จักรับฟังคนอื่นด้วย ไม่ใช่แค่ฟังแต่ตัวเอง
.
Q: จากบทบาทนักแสดง มีอะไรที่ตรีอยากทำ แต่ยังไม่ได้ทำอีกไหมในวงการ
A: ก่อนผมเข้ามาตรงนี้ ผมเป็นคนที่ไม่ชอบเป็นจุดสนใจ ไม่ชอบแสดงออกอะไรเลย แต่แล้วการทำงานมันพาเรามาถึงจุดนี้ เราควรจะเปลี่ยนตัวเองบ้าง ไม่ใช่เราจะยึดติดกับอะไรเดิม ๆ อย่างการร้องเพลง ผมพูดเลยว่า ไม่ชอบร้องเพลงเลย แต่ทุกวันนี้ผมพยายามลอง ผมเริ่มฝึกร้องเพลงจริง ๆ จัง ๆ ประมาณ 2 - 3 เดือนมานี้ จากที่เคยร้องเพี้ยนมากก็เริ่มเพี้ยนน้อยลง เริ่มตามจังหวะมากขึ้น เริ่มใช้เสียงสูงเสียงต่ำได้ ผมว่าการเรียนสิ่งต่างๆ ช่วยเพิ่มความสามารถให้ตัวเรา ไม่ใช่แค่เล่นละคร ได้ ยุคนี้ไม่ได้แล้ว มันต้องทำเป็นหมดทุกอย่าง
Q: แล้วถ้างานพิธีกรล่ะ ก็ยังไม่เคย อยากทำไหม ถ้าไม่เคย
A: การเป็นพิธีกรกับการเป็นนักแสดงมันไม่เหมือนกันเลย พิธีกรมันต้องแบกไว้ทั้งหมด และต้องทำให้มันสนุกตลอด ผมไม่รู้ว่าผมจะมีความสามารถนั้นหรือเปล่า แต่ถ้าได้โอกาสก็อยากได้ลองเรียนรู้งานทุกแขนงในวงการบันเทิงครับ เมื่อก่อน อะไรที่ทำไม่ได้...ไม่รู้ ผมจะไม่ทำ แต่ตอนนี้ ผมคิดว่า ลองทำก่อน ชอบ...ไม่ชอบ มาว่ากัน อย่างน้อยทำไปให้ได้ลอง...ได้รู้ก่อน อย่าคิดปฏิเสธอะไรตั้งแต่เริ่ม ผมว่าแบบนั้นมันจะดีกับเรา
.
Q: ชีวิตตัวละครพระเอก (ท็อป) ในเลดี้บานฉ่ำ มีอะไรที่เหมือนหรือต่างกับตัวจริงของตรีบ้าง
A: ดูจากครอบครัวก็ต่างกันแล้ว พื้นเพเราไม่ได้เป็นแบบท็อป ชีวิตจริงผมโตมากับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว คนที่เลี้ยงผมมาคือ คุณแม่ คุณยาย และมีพี่ชายอีก 2 คน ที่คอยดูแล พี่ชายคนโตตอนนี้อายุ 41 คนกลางก็ 38 ซึ่งผมอายุย่าง 26 พวกเขาก็เป็นเหมือนผู้ปกครองที่คอยดูแล สั่งสอนเรา ตั้งแต่เด็กจะโดนตี โดนดุด้วย ตอนนั้นไม่เคยเข้าใจเลย แต่พอเราโตขึ้นมา เราเข้าใจในสิ่งที่เขาทำ เขาก็หวังดี เขาผ่านอะไรมาก่อน วันนี้ผมจึงรู้ว่าการฟังผู้ใหญ่เป็นสิ่งที่ดีครับ เพราะว่าเราอาจไม่เคยผ่านหลายอย่างมา สิ่งที่เขาพูดมันถูกหรือมันผิดแล้วค่อยว่ากัน แต่เราควรรับฟังก่อนเสมอ
Q: แล้วนิสัยใจคอท็อปเป็นอย่างไร
A: ท็อปมีนิสัยพื้นเพเป็นคนจริงใจ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ท็อปมีพ่อเป็นเพศทางเลือก และมีปมหนักกับชีวิตกับครอบครัว แต่ท็อปเป็นคนรักใครก็รักจริง อยากให้ทุกคนได้ดี เห็นใจคนอื่น มีความเมตตา มันอาจมีจุดร่วมที่เชื่อมโยงได้นิดหนึ่ง อย่างตัวผมถึงจะไม่ได้อยู่กับพ่อ แต่ก็สนิทกัน ตอนแรกได้บทมาเนี่ย โอ้โฮ เกี่ยวกับพ่อด้วยเหรอ ยากเลย เพราะเราอาจไม่ได้ผูกพันลึกซึ้งกับพ่อ แต่ตัวละครเจอปมที่หนักกว่าผม เรื่องที่ท็อปเจอมันเป็นเรื่องที่เด็กผู้ชายทุกคนคงรับยาก
Q: อะไรคือบทเรียนสำคัญจากตัวละครนี้
A: โลกอุดมคติของสังคม พ่ออาจเป็นทุกอย่างในชีวิต เป็นผู้นำ เป็นคนสั่งสอน อบรม และเสียสละทุกอย่าง พ่อเป็นเหมือนไอดอล แล้ววันหนึ่ง พ่อ (รับบทโดย วิลลี่ แมคอินทอช) ก็ทำลายความฝันนั้นเละตุ้มเป๊ะหมดเลย เมื่อท็อปรู้ว่าพ่อเป็นแบบนางโชว์ เขาก็เจ็บจี๊ดไปทั้งหัวใจ ทำนองนั้นครับ แต่พัฒนาการตัวละครก็นำเขาสู่การคลี่คลาย เขาอาจคิดว่าความรักของเพศทางเลือก ไม่มีจริงหรอก เพราะว่าพ่อเขาก็ไม่รักแม่ แต่การพัฒนาของตัวละครนี้ ก็เดินไปสู่การมองเห็นมุมที่ดีของคนกลุ่มนี้ ที่มีความรักไม่แตกต่างจากชายหญิง เพียงยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น แค่เขาต้องหาทางยอมรับให้ได้ มันก็จบ
.
Q: จากผลงานที่ผ่าน ถ้าเทียบความเข้มข้นของตัวละคร และการทำการบ้านหนัก
A: ตอนที่เป็นปีย์แสง (ในละครสงครามนักปั้น 1 และ 2 ) อาจจะเจอแม่ที่ตัวละครคิดว่า ทำไมถึงไม่รักเรา แต่เขาก็มีเหตุผลให้เรา มันก็ยังไม่ได้เป็นปมหนักขนาดท็อป (ในละครเลดี้บานฉ่ำ) ส่วนมาเป็นเรืออากาศโท รวิศ (ในละครภาตุฆาต) ชอบแฟนคนเดียวกันกับพี่น้อง ซึ่งรู้แค่ว่าเป็นเพื่อนสนิท ก็ไม่ถือว่าเป็นปมอะไร ยังไม่มีปมไหนที่ต้องทำการบ้านหนัก อาจต้องฝึกการพูดจา ท่าทาง และการเป็นทหาร
แต่สำหรับเลดี้บานฉ่ำ ตัวละครท็อปมันยากที่จะยอมรับในสิ่งที่พ่อเป็น ถามว่าเขาลืมได้ไหม เขาพยายามลืม เพราะว่าแม่เป็นคนบอกทุกอย่างว่าแม่ให้อภัย หรือว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่ผลสุดท้ายสิ่งที่เขามาเจอมันก็ยังเป็นปมย้ำที่ว่า พ่อเขามีแฟนเป็นผู้ชาย หอมแก้มกันต่อหน้าเรา แต่ท็อปก็ยังรับไม่ได้กับสิ่งที่มันเกิดขึ้น มันเลยเป็นตัวละครที่ยาก
Q: เรื่องนี้ประกบกับนำแสดงตัวใหญ่ทั้งนั้นเลย...
A: ผมต้องคลุกคลีกับพี่ ๆ ทุกคน ต้องรีบทำลายกำแพงตัวเองให้หมด ต้องอ่อนน้อมและเข้าไปถึงตัวงานให้ได้ ผมพยายามทำแบบนั้น อย่างพี่วิลลี่คือ พ่อและแม่ในคนคนเดียวกัน เราขอคำปรึกษาเขาว่าจะเอาอย่างไรดีครับซีนนี้ ต้องเล่นแบบไหน ผมลองแบบนี้นะ หรืออย่างพี่โก๊ะตี๋ และอีกหลายท่าน เขาใส่มุกตลกแบบอิมโพรไวซ์ หรือมุกสดแทรกมาตลอด บางทีเราไม่เคยเล่น Comedy ผมก็มีหลุดขำประจำ
.
Q: ร่วมงานกับ มารี เบิร์นเนอร์ เป็นยังไงบ้าง
A: พี่มารี เบิร์นเนอร์ เป็นคนเก่ง และ น่ารักครับ ถึงจะเห็นเขาอยู่ในวงการมาสักพัก แต่ไม่เคยร่วมงานด้วยเลย พยายามทำลายกำแพง พยายามสนิทกับเขาให้เร็วที่สุด เพราะถ้าเราไม่สนิทกัน ตัวละครมันจะไปกันไม่ได้ พยายามรับส่งให้ดีเวลาเล่นด้วยกัน พี่เขาก็ประสบการณ์มากกว่า เขาก็มักจะสอนในสิ่งที่ดี ๆ ตรีลองพูดอย่างนี้สิ ลองคิดอย่างนี้ เราก็ฟังเขาตลอด แต่ว่าถ้าบางอย่างเราไม่เข้าใจ พี่ลองแบบนี้ดีกว่าไหม ก็ลองเล่นดู แล้วก็พากันไปครับ พากันไปทั้งคู่ รับส่งกันอย่างดี
Q: ในช่อง ONE ตรีปลาบปลื้มใครบ้าง
A: ผู้หญิงที่ผมร่วมงานมาก็พวกแม่ ๆ ทุกคน ผมก็ปลาบปลื้มหมดนะครับ พี่แหม่ม พี่เกด เพราะว่าเขาเก่ง เป็นคนมีฝีมือมาก มีสมาธิ อย่างผู้ชาย พี่กัปตัน พี่ดอม ทุกคนที่เราทำงานด้วยเก่งหมด อย่างนางเอก เลดี้บานฉ่ำ พี่มารี ผมร่วมงานด้วยแล้วผมรู้สึกว่าแบบ โอ้โฮ เขาเก่งทั้งในจอและนอกจอ คือเป็นคนมีความคิดที่ดี คนเรามีความคิดบวก คนก็จะอยากอยู่ด้วย อยากร่วมงานด้วยครับ
Q: แล้วถ้าเป็นระดับสากลล่ะในโลกนี้ ตรีชอบซูเปอร์สตาร์คนไหนบ้าง
A: ถ้าเป็นเกาหลี ผมก็ชอบลีมินโฮ, คิม อูบิน, แบ ซูจี อย่างนี้ผมก็ชอบ เวลาที่เล่น ข้างนอกไม่จำเป็นต้องเยอะ แต่ข้างในเยอะมาก ผมก็ดูเป็น Reference ตลอด แล้วก็ล่าสุดนี่เลย Who Came From The Star นั่นก็เก่ง คือเราก็ดูทุกคนเป็นไอดอลเรา ดูถือว่าเป็นอาจารย์ ดูวิธีที่เขาถ่ายทอดอารมณ์ ส่วนถ้าเป็นสากล ผมชอบ คริสเตียน เบล และก็ นางเอก Me Before You เอมิลี คลาก ถ่ายทอดอารมณ์แบบสุดยอด ร้องไห้เลย
Q: พอเป็นนักแสดงแล้ว เวลาเสพอะไร มันจะล้นกว่าชาวบ้านเขา จริงไหม
A: จริงครับ การเป็นนักแสดงเวลาเสพอะไร มันต่างไปนะ Emotion เนี่ยมันรับง่ายกว่าคนอื่น ๆ อยู่แล้ว บางทีพูดปุ๊บเรารู้สึกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในชีวิตส่วนตัว หรืองาน เอ้อ...ทำไมเรารับเข้ามาง่ายจัง แต่ผมก็ศึกษาดูวิธีเล่น เฮ้ย ทำแบบนี้ได้ไง เล่นแบบนี้ได้ไง มันกลายเป็นคนละมุมมองเลย เวลาเรามายืนจุดนี้ เราดูว่าเขามีวิธีอย่างไร เขาคิดอย่างไร ทำไมเก่งจัง
Q: สมมุติว่าวันนี้ไม่ได้เป็นนักแสดง ตรีจะทำอะไรอยู่ที่ไหน
A: ก็คงไปใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไป อาจจะทำงานที่บ้าน ขายตั๋วเครื่องบิน ทำงานทัวร์ครับ แล้วช่วงนี้ก็อาจจะแย่หน่อย หรืออาจจะเปิดร้านอาหาร หรือทำแบรนด์เสื้อผ้า ก็คิดอยู่ว่าจะทำ เพราะว่าเราก็เป็นคนชอบแต่งตัวอยู่แล้ว หรือว่าอาจจะเป็น Programmer ก็ได้ Gamer ก็ได้นะ แนวนี้
Q: ตัวเรามีอะไรที่พิเศษกว่าคนอื่น ๆ อีก ที่ทำอยู่
A: ผมชอบสวดมนต์ ไหว้พระ มันทำให้จิตใจเราสงบ และกินมังสวิรัติ ทุกวันพระ กินมา 3 - 4 ปี แล้วครับ ทำเอง โดยไม่มีใครบังคับ และไม่ได้บนอะไรด้วยนะครับ เดือนนึง 4 ครั้ง มันไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง ทำแล้วสบายตัวสบายใจ
Q: มุมพักผ่อน อย่างการท่องเที่ยว ล่ะ
A: อยากไปมากกก ช่วงนี้ไม่มีเวลาเลย ชอบอยู่ในธรรมชาติ อากาศเย็น ๆ ไปนั่งอยู่เฉย ๆ ได้พักจริง ๆ มีโลกของตัวเอง ไม่ต้องคิดอะไร บางทีเราอาจเป็นคนที่ไม่ค่อยให้กำลังใจตัวเอง เวลาเราเจออะไรชอบแบบกดเข้าไปกว่าเดิม กดให้มันยิ่งแย่ผมว่า เราต้องหัดให้กำลังใจตัวเองเยอะ ๆ
Q: มันมากจากว่าสิ่งที่ผสมปนเปอยู่ระหว่างอารมณ์ตัวละคร กับ ชีวิตเรา หรือเปล่า
A: ใช่ครับ... บางทีกลับมาบ้าน นิ่ง ๆ แม่ถามเป็นอะไรหรือเปล่า ผมไม่รู้ตัวครับ มีอารมณ์ขึ้นลงแบบสวิงตลอดเวลา บางทีเราอาจจะไม่ได้แย่มาก ๆ แต่เราดูไม่เหมือนปกติ คนใกล้ชิดจะรู้ แล้วก็ต้องบอก ผมขอโทษนะที่แสดงออกผิดปกติ ต้องขอโทษ
.
Q: ในกรุงเทพฯ แฟน ๆ จะเจอตรีได้ที่ไหนบ้าง
A: ยากเลยครับ คงไม่เจอ ผมไม่ค่อยไปไหนเลย ชอบอยู่บ้านครับ แล้วก็ไปฟิตเนส ส่วนกินก็กินที่บ้าน หรือว่าถ้าโอกาสพิเศษจริง ๆ ก็ออกไปกินร้านทั่ว ๆ ไป อ้อ ถ้าเจอผมได้ ก็ที่ตึกแกรมมี่ครับ แล้วก็ที่กองถ่าย (หัวเราะ)
Q: เรื่องที่คนอื่นไม่รู้เกี่ยวกับตรี...
A: ตอนเด็ก ๆ ผมเคยโดนผู้หญิงบอกเลิกด้วยข้อหาว่า ผมเตี้ยเกินไป (หัวเราะ)
Q: เดี๋ยวก่อน! ขอโทษ ตอนนี้คือ 180+ นะ
A: แล้ววันนึง มันสูงเอง มันบังเอิญสูงเอง (หัวเราะ)
Q: คนแบบไหนที่จะไปเดต ไปสนุก ไปอยู่ด้วยกันหลาย ๆ วันได้
A: ผมว่ามันต้องอยู่ที่ความเข้าใจเหนือสิ่งอื่นใด เพราะว่าถ้าเรามองแค่หน้าตา อยู่ไปเรื่อย ๆ หน้าตาก็เฉย ๆ มันต้องเข้าใจกัน แล้วก็มีไลฟ์สไตล์ที่คล้าย ๆ กัน
Q: ชอบอยู่กับคนแบบไหน
A: ผมชอบคนเก่ง ชอบคนทำงาน ชอบคนที่อยู่ด้วยแล้วมันมีพลังบวก เพราะเราชอบเป็นพลังบวกให้เขาด้วย แล้วยิ่งอยู่บวกกับบวกมันยิ่งดี ผมชอบแบบนี้
.
Q: ถ้ามีเวลาเหลือแค่ 10 วัน อยากทำอะไรกับใคร ยังไงบ้าง
A: ขออยู่กับแม่ครับ อยู่กับคนที่เรารักจริง ๆ จะอยู่กับเขาให้นานที่สุด อยู่เพื่อใช้เวลากับเขาครับ อาจพาเขาไปทำทุกอย่างที่เรายังไม่ได้พาไป ชดเชยในสิ่งที่เราอาจเคยทำไม่ดีกับเขา อยากทำให้เขามีความสุขที่สุด สิ่งเดียวที่ทำให้เรามีความสุขอยู่ตอนนี้ก็คือ คุณแม่ และครอบครัว เป็นสิ่งเดียวที่ยึดจิตใจผม ผมอยากใช้เวลากับคุณแม่ให้มากที่สุด อันนี้พูดจริง ๆ จากใจ
Q: ในฐานะที่เป็นคนในอาชีพนักแสดง อยากบอกอะไรกับผู้คนในสังคมทุกวันนี้บ้าง
A: ขอให้รับฟังในสิ่งที่คนที่มีประสบการณ์มาก่อน ผ่านวันเวลามาก่อนเรา อาจจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่อยากให้รับฟังก่อน อยากให้เชื่อกันก่อน เพราะบางอย่างที่เรายังไม่เจอ เราไม่รู้หรอกมันจะเป็นอย่างไร อันนี้คือสิ่งที่ผมบอกตัวเองเสมอว่า ต้องรู้จักรับฟัง
.
ติดตามงานละคร เลดี้บานฉ่ำ ที่กำลังออนแอร์อยู่ทาง ช่อง one 31 ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.15-22.45 น. และผลงานอื่นๆ ของตรี ได้ที่ Instagram: treporapat / Twitter: treporapat
เรื่อง ณัฐพล ช่วงประยูร
ภาพ ณัฐ์วริทธิ์ วรรธนะพินทุ