Wednesday, 4 December 2024
LITE

"หัวใจวาย" มัจจุราชเงียบที่เกิดได้กับทุกคน

สัปดาห์ก่อน ข่าวการจากไปของ "ดีเอโก้ มาราโดน่า" นักฟุตบอลชื่อดัง ทำเอาผู้คนทั่วโลกใจหาย พร้อมกับต้องเหลียวกลับมาดูแลใส่ใจร่างกายตัวเอง เนื่องจากมาราโดน่าเสียชีวิตด้วยสาเหตุ "หัวใจล้มเหลว" หรือ "ภาวะหัวใจวาย" ซึ่งในทางการแพทย์ ภาวะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะผู้สูงอายุ แต่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนที่อายุน้อยได้เช่นกัน

The States Times LITE ชวนทุกคนมาเรียนรู้ภาวะหัวใจล้มเหลวนี้ร่วมกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับตัวเรา สัญญาณไหนที่ควรระวัง หรือทางไหนที่ควรหลีกเลี่ยง แม้แต่คุณเข้าข่ายภาวะสุ่มเสี่ยงจะเป็นโรคหัวใจหรือเปล่า ตามไปเรียนรู้แบบง่าย ๆ กัน

หัวใจล้มเหลวคืออะไร?

มันคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถปั๊มเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ เมื่อหัวใจอ่อนแรงไม่สามารถปั๊มเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ อวัยวะต่างๆ ของร่างกายก็จะเริ่ม "ขาดเลือด" หรือ "ไม่สามารถใช้เลือดได้" หรือ "ไม่สามารถนำเอาออกซิเจนในเลือดไปใช้งานได้" เหล่านี้จะนำไปสู่ "อาการวูบ" เป็นลม หรือถ้าหากขั้นรุนแรง คือปั๊มเลือดออกไม่ได้เลย จะกลายเป็นหัวใจล้มเหลวจนถึงขั้นทำให้หัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิตได้ 

.

คนอายุน้อยก็หัวใจล้มเหลวได้

เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม หรือไม่ดูแลการรับประทานอาหาร เช่น นิยมอาหารฟาสต์ฟู้ดส์ อาหารที่มีรสหวาน อาหารรสจัด รสเค็ม ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยนำไปสู่โรคไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ซึ่งโรคเหล่านี้เป็นพิษต่อหัวใจและหลอดเลือด ทำให้มีความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลวได้ง่าย และเร็วขึ้นกว่าเดิม แม้อายุจะยังน้อยอยู่ก็ตาม

สัญญาณแบบไหนที่เข้าข่ายหัวใจมีปัญหา?

สังเกตง่าย ๆ ว่า  จะออกแรงได้น้อยลง หรือเหนื่อยง่ายเวลาออกแรง ถ้าหนักมากกว่านั้น จะพบว่ามีอาการเหนื่อยแม้กระทั่งทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน หรือประเภทรุนแรงมาก ๆ แม้กระทั่งนั่งอยู่เฉย ๆ ก็ยังรู้สึกเหนื่อย นอนราบแล้วไอ ขาบวม น้ำหนักขึ้นเร็วกว่าปกติ ซึ่งหากพบอาการในลักษณะนี้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน เพราะเป็นสัญญาณเตือนว่า คุณอาจมีสิทธิ์หัวใจล้มเหลว ถึงขั้นเสียชีวิตฉับพลันได้

.

ดูแลตัวเองอย่างไรให้ปลอดภัยจากภาวะหัวใจล้มเหลว

1.) "อย่า" ต่อไปนี้ให้ได้ อย่าให้อ้วน อย่าให้น้ำหนักเกิน อย่าให้ไขมันในเลือดสูง อย่าให้เป็นเบาหวาน อย่าสูบบุหรี่ อย่าดื่มเหล้า และอย่าเครียด

2.) การพักผ่อนที่เพียงพอ จะทำให้ห่างไกลทั้งจากภาวะหัวใจล้มเหลว หรือโรคภัยต่าง ๆ ได้

3.) การออกกำลังกาย ยังเป็นยาที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน จะมากหรือน้อย ยังไงก็ควรต้องออกกำลังกาย

4.) เปลี่ยนพฤติกรรมที่ต้องใช้ร่างกายหนัก ๆ ประเภทอดนอนทำงานยันเช้า หรือนอนไม่เป็นเวลา อย่าคิดว่ายังอายุน้อยแล้วจะไม่ป่วย เพราะร่างกายถูกใช้งานหนักเกินความจำเป็น จะยิ่งทรุดโทรมเร็วกว่าปกติ เหมือนรถที่ใช้งานตลอดเวลา ย่อมจะพังเร็วเป็นธรรมดา

.

ทั้งหมดเป็นที่มาที่ไปของภาวะหัวใจวาย หรือหัวใจล้มเหลว ซึ่งถึงที่สุด คงไม่มีอะไรดีไปกว่า การใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายอยู่เสมอ ให้ความสำคัญกับมันบ้าง มิฉะนั้น เราอาจใช้งานมันได้ไม่นาน อันนั้นจะเรื่องใหญ่เอานะ รักอะไรไม่เท่า รักตัวเอง ใช้ชีวิต  รวมทั้งใช้ร่างกายกันด้วยความพอดีกันนะครับ 


อ้างอิง

https://www.phyathai.com/article_detail/

https://mgronline.com/goodhealth/detail/9590000066796

 

3 ธันวาคม..วันคนพิการสากล

3 ธันวาคมของทุกปี ถูกยกให้เป็น วันคนพิการสากล

 

วันนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2525 หรือกว่า 38 ปีมาแล้ว โดยองค์การสหประชาชาติ ได้ตั้งวันนี้ขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนทั่วโลกได้ตระหนักถึงศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ของคนพิการ และให้เกิดการตื่นตัวในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของคนพิการ รวมไปถึงสนับสนุนการสร้างเสริมศักยภาพ การเปิดโอกาสและสนับสนุนคนพิการให้สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรได้อย่างเท่าเทียมกับคนทั่วไป

 

นอกจากนี้ยังได้มีการสนับสนุนให้ประเทศต่าง ๆ เฉลิมฉลองวันคนพิการสากลทุกปี เพื่อขับเคลื่อนปฏิบัติการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของคนพิการอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมจัดกิจกรรมรณรงค์ให้เกิดการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยอยู่บนพื้นฐานของสิทธิอย่างเป็นรูปธรรม และได้มาตรฐานในระดับสากล

 

จากการสำรวจทางสถิติขององค์การสหประชาชาติ พบว่า กลุ่มประเทศแถบเอเชียและแปซิฟิกนี้มีจำนวนประชากรที่เป็นบุคคลพิการมากที่สุดในโลก ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาความยากจน นอกจากนั้นก็เกิดจากความรุนแรงของภัยพิบัติทางธรรมชาติ  อุบัติเหตุ และผลของสงคราม ด้วยความพิการทุพพลภาพที่มากขึ้นทุกขณะ ทางองค์การสหประชาชาติจึงพยายามรณรงค์ให้ทุกๆ ฝ่ายได้ช่วยกันหาทางป้องกันแก้ไข เพื่อลดจำนวนผู้พิการลงให้ได้อย่างต่อเนื่อง

 

แม้จะเป็นเรื่องที่ต้องป้องกันแก้ไขกันอย่างจริงจัง และยาวนาน แต่สิ่งที่ผู้คนในสังคมสามารถทำได้ทันทีนั่นก็คือ การมีน้ำใจ ช่วยเหลือ และหยิบยื่นโอกาสให้กับผู้พิการ เท่านี้ก็สามารถทำให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และดำรงชีวิตด้วยตัวเองอย่างมีความสุขยิ่งขึ้นเช่นกัน

 

 

 

สัมผัสตัวตนพระเอกมาแรง "ตรี - ภรภัทร ศรีขจรเดชา"

นักแสดง กับ ดารา เป็นสถานะในวงการบันเทิง ที่ฟังดูใกล้เคียงกันมาก และดาราดาวรุ่ง ช่อง one31 อย่าง "ตรี - ภรภัทร ศรีขจรเดชา" ก้าวข้ามเส้นแบ่งนั้นมาได้ ซึ่งผลงานล่าสุด ละครเลดี้บานฉ่ำ เขาให้คะแนนตัวเองไว้ 7.5 / 10 แต่เรื่องชีวิตได้เกรดเท่าไหร่ ต้องตั้งใจอ่านกันดู

บางคนใช้เวลานับปี บางคนสิบปี บางคนอาจเพียงผลงานข้ามคืน แต่สำหรับหนุ่มวัย 25 ที่ผ่านการพิสูจน์ฝีมือด้านการแสดงในละครมาแล้ว 4 เรื่อง ตรีจึงค่อย ๆ เป็นที่รู้จักมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนต้นกล้าที่ค่อย ๆ เติบโตหยัดยืน

ด้วยความสูงเกิน 180 ซม. หน้าคม ผิวเข้ม เขาจึงโดดเด่นมากยามที่เดินมาถึงสตูดิโอ บนใบหน้ามีรอยยิ้มเล็ก ๆ และคำทักทายใคร ๆ อย่างอารมณ์ดี แม้จะยังไม่รู้จักกัน แต่พอเดาได้ว่า พระเอกร่างสูงโปร่งคนนี้เป็นคนอารมณ์ดีแน่นอน เรื่องราวระหว่าง The States Times กับเขาจะจริงจัง ดราม่า หรือฮาซะขนาดไหน พื้นที่ถัดจากนี้มีคำตอบ  


Q: หากไม่เรียก ตรี มีชื่ออื่น ๆ ไหม ที่เพื่อน ๆ หรือคนสนิทใกล้ ๆ ตัวตรี เรียก

A: ตอนเด็ก ๆ อาจจะมีที่เรียก "ตรีเทพ" มาจากเด็ก ๆ เล่นเกมเก่งเทพ ๆ (หัวเราะ) ถ้าเด็กมาก ๆ เลย เคยมีเรียก "อ้วน เตี้ย ดำ" พอสูงขึ้นมาจริง ๆ ก็มาเรียกว่า "โย่ง" แต่รวม ๆ ส่วนใหญ่ก็เรียก "ตรี" นั่นแหละครับ

Q: ประมาณว่าเคยโดนบุลลี่ 

A: (หัวเราะ) ใช่ครับ แต่ตอนนี้ก็ไม่มีใครบุลลี่แล้วครับ อ้อ! มีอีกอัน ช่วงมัธยมฯ ผมเกรียน แล้วตรงนี้ (ชี้ไปที่ท้ายทอย) มันจะเป็นแบบรอยขีดเหมือนช่องหยอดกระปุก ตอนนั้นเป็นแผลหัวแตก เลยโดนเรียก "กระปุกออมสิน" ไม่ชอบเลย (ยิ้ม)

Q: โดยรวม ๆ คนใกล้ตัวตรี มักบอกว่านิสัยใจคอคุณเป็นยังไงครับ 

A: เข้าถึงยากมั้งครับ ดูหยิ่ง ไม่ค่อยพูด แต่จริง ๆ ผมอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นเรื่องปกติ ถ้ารู้จักกันแล้ว คุยเต็มที่เลยครับ

Q: แล้วตัวตนจริง ๆ เป็นยังไงกันแน่

A: Friendly นะ คุยได้ทุกเรื่อง ใครปรึกษาก็คุยได้ ใจ - ใจ ค่อนข้างพูดตรง ไม่ได้ประจบใครเลย ผมเป็นแบบนี้กับทุกคน ทำอย่างนี้เหมือนกันกับทุก ๆ คนครับ

Q: แล้วสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่น คืออะไรครับ 

A: ผมว่า ผมเอาใจใส่คนนะ เป็นห่วงตลอดเวลา ถามไถ่ว่า ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง ทำอะไรอยู่ ยิ่งสนิทก็ยิ่งเป็นห่วงตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน หรือแม้แต่พี่ยาม ป้าแม่บ้าน ผมจะทักทาย สวัสดีทุกครั้งที่พบกัน แล้วก็ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเสมอ 

.

Q: ด้านการแสดง นับตั้งแต่ละครเรื่องแรก จนถึงตอนนี้ ถ้าให้เต็มสิบ ตรีให้คะแนนตัวเองเท่าไหร่ 

A: เรื่องแรก (เรื่องเธอคือพรหมลิขิต) ผมให้แค่ประมาณ 2 - 3 คะแนน แค่นั้น เพราะว่าถ้าเทียบกับคนอื่น ละครมันก็เหมือนกับการเข้าโรงเรียนนะครับ ค่อย ๆ เริ่ม ค่อย ๆ เพิ่มพูนไปตามประสบการณ์ที่เรามี แต่ตอนนี้ล่าสุดกับ เลดี้บานฉ่ำ อาจจะให้ 7 - 7.5 คะแนน เพราะผมคิดว่ายังจะพัฒนาไปได้มากกว่านี้อีก

Q: คำว่า พัฒนา โฟกัสอะไรเป็นพิเศษ หรือต้องพัฒนาจุดไหน 

A: พัฒนาการเล่นละครนี่แหละครับ มีบางจุดที่เราอาจจะยังถ่ายทอดอารมณ์มาโดยที่เราไม่ได้เรียบเรียงมา บางทีก็ปล่อยตู้มเลยทีเดียว มันควรจะเป็นเหมือน Dynamic ไล่เป็นเส้นกราฟ ตอนนี้ก็พยายามฝึกมากขึ้นอีก จัดการกับอารมณ์และร่างกายตัวเอง

Q: 6 ปีที่เข้ามายืนตรงนี้ เห็นหรือมองวงการบันเทิงอย่างไร

A: ตอนเข้ามาใหม่ ๆ ผมคิดว่าการเข้ามาเป็นดารามันง่ายนะครับ แต่เราคิดว่าแค่ดาราไง ไม่ได้คิดว่าเราจะเป็นพระเอกหรือรู้จักคำว่าศิลปิน นักแสดง ดาราก็อาจจะแค่ท่องบท เล่นได้ เดี๋ยวมันก็มีชื่อเสียงไปเอง ผมเคยคิดว่าแค่ร้องไห้ได้ ก็คือเก่งมากแล้ว แต่เอาเข้าจริงมันไม่ใช่เลย พอเราโตขึ้น เราก็เห็นมิติต่าง ๆ มากขึ้น บางครั้ง บางซีน มันไม่จำเป็นต้องร้องไห้มีน้ำตาก็ได้ การเสียใจมันมีหลายรูปแบบ และนั่นมันคือ การเข้าใจบทและความเป็นนักแสดง

Q: แล้วอะไรคือ มุมคิดสู่การพัฒนา

A: หลังจากผมมีโอกาสอุปสมบท ได้เรียนรู้โลกทางธรรม รู้จักปล่อยวางมากขึ้น เข้าใจว่าโลกเป็นแบบนี้ ๆ ทำใจให้มันสบาย เพราะในการใช้ชีวิตและโลกการทำงาน ผมควรจะอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว คือใครแนะนำอะไร ไม่ว่าเขาจะอายุเยอะกว่าหรือน้อยกว่า เราควรเป็นผู้ฟังที่ดีก่อน ทำอะไรก็ตาม รู้จักรับฟังคนอื่นด้วย ไม่ใช่แค่ฟังแต่ตัวเอง

.

Q: จากบทบาทนักแสดง มีอะไรที่ตรีอยากทำ แต่ยังไม่ได้ทำอีกไหมในวงการ

A: ก่อนผมเข้ามาตรงนี้ ผมเป็นคนที่ไม่ชอบเป็นจุดสนใจ ไม่ชอบแสดงออกอะไรเลย แต่แล้วการทำงานมันพาเรามาถึงจุดนี้ เราควรจะเปลี่ยนตัวเองบ้าง ไม่ใช่เราจะยึดติดกับอะไรเดิม ๆ อย่างการร้องเพลง ผมพูดเลยว่า ไม่ชอบร้องเพลงเลย แต่ทุกวันนี้ผมพยายามลอง ผมเริ่มฝึกร้องเพลงจริง ๆ จัง ๆ ประมาณ 2 - 3 เดือนมานี้ จากที่เคยร้องเพี้ยนมากก็เริ่มเพี้ยนน้อยลง เริ่มตามจังหวะมากขึ้น เริ่มใช้เสียงสูงเสียงต่ำได้ ผมว่าการเรียนสิ่งต่างๆ ช่วยเพิ่มความสามารถให้ตัวเรา ไม่ใช่แค่เล่นละคร ได้ ยุคนี้ไม่ได้แล้ว มันต้องทำเป็นหมดทุกอย่าง 

Q: แล้วถ้างานพิธีกรล่ะ ก็ยังไม่เคย อยากทำไหม ถ้าไม่เคย

A: การเป็นพิธีกรกับการเป็นนักแสดงมันไม่เหมือนกันเลย พิธีกรมันต้องแบกไว้ทั้งหมด และต้องทำให้มันสนุกตลอด ผมไม่รู้ว่าผมจะมีความสามารถนั้นหรือเปล่า แต่ถ้าได้โอกาสก็อยากได้ลองเรียนรู้งานทุกแขนงในวงการบันเทิงครับ เมื่อก่อน อะไรที่ทำไม่ได้...ไม่รู้ ผมจะไม่ทำ แต่ตอนนี้ ผมคิดว่า ลองทำก่อน ชอบ...ไม่ชอบ มาว่ากัน อย่างน้อยทำไปให้ได้ลอง...ได้รู้ก่อน อย่าคิดปฏิเสธอะไรตั้งแต่เริ่ม ผมว่าแบบนั้นมันจะดีกับเรา

.

Q: ชีวิตตัวละครพระเอก (ท็อป) ในเลดี้บานฉ่ำ มีอะไรที่เหมือนหรือต่างกับตัวจริงของตรีบ้าง

A: ดูจากครอบครัวก็ต่างกันแล้ว พื้นเพเราไม่ได้เป็นแบบท็อป ชีวิตจริงผมโตมากับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว คนที่เลี้ยงผมมาคือ คุณแม่ คุณยาย และมีพี่ชายอีก 2 คน ที่คอยดูแล พี่ชายคนโตตอนนี้อายุ 41 คนกลางก็ 38 ซึ่งผมอายุย่าง 26 พวกเขาก็เป็นเหมือนผู้ปกครองที่คอยดูแล สั่งสอนเรา ตั้งแต่เด็กจะโดนตี โดนดุด้วย ตอนนั้นไม่เคยเข้าใจเลย แต่พอเราโตขึ้นมา เราเข้าใจในสิ่งที่เขาทำ เขาก็หวังดี เขาผ่านอะไรมาก่อน วันนี้ผมจึงรู้ว่าการฟังผู้ใหญ่เป็นสิ่งที่ดีครับ เพราะว่าเราอาจไม่เคยผ่านหลายอย่างมา สิ่งที่เขาพูดมันถูกหรือมันผิดแล้วค่อยว่ากัน แต่เราควรรับฟังก่อนเสมอ

Q: แล้วนิสัยใจคอท็อปเป็นอย่างไร

A: ท็อปมีนิสัยพื้นเพเป็นคนจริงใจ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ท็อปมีพ่อเป็นเพศทางเลือก และมีปมหนักกับชีวิตกับครอบครัว แต่ท็อปเป็นคนรักใครก็รักจริง อยากให้ทุกคนได้ดี เห็นใจคนอื่น มีความเมตตา มันอาจมีจุดร่วมที่เชื่อมโยงได้นิดหนึ่ง อย่างตัวผมถึงจะไม่ได้อยู่กับพ่อ แต่ก็สนิทกัน ตอนแรกได้บทมาเนี่ย โอ้โฮ เกี่ยวกับพ่อด้วยเหรอ ยากเลย เพราะเราอาจไม่ได้ผูกพันลึกซึ้งกับพ่อ แต่ตัวละครเจอปมที่หนักกว่าผม เรื่องที่ท็อปเจอมันเป็นเรื่องที่เด็กผู้ชายทุกคนคงรับยาก 

Q: อะไรคือบทเรียนสำคัญจากตัวละครนี้

A: โลกอุดมคติของสังคม พ่ออาจเป็นทุกอย่างในชีวิต เป็นผู้นำ เป็นคนสั่งสอน อบรม และเสียสละทุกอย่าง พ่อเป็นเหมือนไอดอล แล้ววันหนึ่ง พ่อ (รับบทโดย วิลลี่ แมคอินทอช) ก็ทำลายความฝันนั้นเละตุ้มเป๊ะหมดเลย เมื่อท็อปรู้ว่าพ่อเป็นแบบนางโชว์ เขาก็เจ็บจี๊ดไปทั้งหัวใจ ทำนองนั้นครับ แต่พัฒนาการตัวละครก็นำเขาสู่การคลี่คลาย เขาอาจคิดว่าความรักของเพศทางเลือก ไม่มีจริงหรอก เพราะว่าพ่อเขาก็ไม่รักแม่ แต่การพัฒนาของตัวละครนี้ ก็เดินไปสู่การมองเห็นมุมที่ดีของคนกลุ่มนี้ ที่มีความรักไม่แตกต่างจากชายหญิง เพียงยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น แค่เขาต้องหาทางยอมรับให้ได้ มันก็จบ

.

Q: จากผลงานที่ผ่าน ถ้าเทียบความเข้มข้นของตัวละคร และการทำการบ้านหนัก 

A: ตอนที่เป็นปีย์แสง (ในละครสงครามนักปั้น 1 และ 2 ) อาจจะเจอแม่ที่ตัวละครคิดว่า ทำไมถึงไม่รักเรา แต่เขาก็มีเหตุผลให้เรา มันก็ยังไม่ได้เป็นปมหนักขนาดท็อป (ในละครเลดี้บานฉ่ำ) ส่วนมาเป็นเรืออากาศโท รวิศ (ในละครภาตุฆาต) ชอบแฟนคนเดียวกันกับพี่น้อง ซึ่งรู้แค่ว่าเป็นเพื่อนสนิท ก็ไม่ถือว่าเป็นปมอะไร ยังไม่มีปมไหนที่ต้องทำการบ้านหนัก อาจต้องฝึกการพูดจา ท่าทาง และการเป็นทหาร 

แต่สำหรับเลดี้บานฉ่ำ ตัวละครท็อปมันยากที่จะยอมรับในสิ่งที่พ่อเป็น ถามว่าเขาลืมได้ไหม เขาพยายามลืม เพราะว่าแม่เป็นคนบอกทุกอย่างว่าแม่ให้อภัย หรือว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่ผลสุดท้ายสิ่งที่เขามาเจอมันก็ยังเป็นปมย้ำที่ว่า พ่อเขามีแฟนเป็นผู้ชาย หอมแก้มกันต่อหน้าเรา แต่ท็อปก็ยังรับไม่ได้กับสิ่งที่มันเกิดขึ้น มันเลยเป็นตัวละครที่ยาก

Q: เรื่องนี้ประกบกับนำแสดงตัวใหญ่ทั้งนั้นเลย...

A: ผมต้องคลุกคลีกับพี่ ๆ ทุกคน ต้องรีบทำลายกำแพงตัวเองให้หมด ต้องอ่อนน้อมและเข้าไปถึงตัวงานให้ได้ ผมพยายามทำแบบนั้น อย่างพี่วิลลี่คือ พ่อและแม่ในคนคนเดียวกัน เราขอคำปรึกษาเขาว่าจะเอาอย่างไรดีครับซีนนี้ ต้องเล่นแบบไหน ผมลองแบบนี้นะ หรืออย่างพี่โก๊ะตี๋ และอีกหลายท่าน เขาใส่มุกตลกแบบอิมโพรไวซ์ หรือมุกสดแทรกมาตลอด บางทีเราไม่เคยเล่น Comedy ผมก็มีหลุดขำประจำ

.

Q: ร่วมงานกับ มารี เบิร์นเนอร์ เป็นยังไงบ้าง

A: พี่มารี เบิร์นเนอร์ เป็นคนเก่ง และ น่ารักครับ ถึงจะเห็นเขาอยู่ในวงการมาสักพัก แต่ไม่เคยร่วมงานด้วยเลย พยายามทำลายกำแพง พยายามสนิทกับเขาให้เร็วที่สุด เพราะถ้าเราไม่สนิทกัน ตัวละครมันจะไปกันไม่ได้ พยายามรับส่งให้ดีเวลาเล่นด้วยกัน พี่เขาก็ประสบการณ์มากกว่า เขาก็มักจะสอนในสิ่งที่ดี ๆ ตรีลองพูดอย่างนี้สิ ลองคิดอย่างนี้ เราก็ฟังเขาตลอด แต่ว่าถ้าบางอย่างเราไม่เข้าใจ พี่ลองแบบนี้ดีกว่าไหม ก็ลองเล่นดู แล้วก็พากันไปครับ พากันไปทั้งคู่ รับส่งกันอย่างดี

Q: ในช่อง ONE ตรีปลาบปลื้มใครบ้าง

A: ผู้หญิงที่ผมร่วมงานมาก็พวกแม่ ๆ ทุกคน ผมก็ปลาบปลื้มหมดนะครับ พี่แหม่ม พี่เกด เพราะว่าเขาเก่ง เป็นคนมีฝีมือมาก มีสมาธิ อย่างผู้ชาย พี่กัปตัน พี่ดอม ทุกคนที่เราทำงานด้วยเก่งหมด อย่างนางเอก เลดี้บานฉ่ำ พี่มารี ผมร่วมงานด้วยแล้วผมรู้สึกว่าแบบ โอ้โฮ เขาเก่งทั้งในจอและนอกจอ คือเป็นคนมีความคิดที่ดี คนเรามีความคิดบวก คนก็จะอยากอยู่ด้วย อยากร่วมงานด้วยครับ

Q: แล้วถ้าเป็นระดับสากลล่ะในโลกนี้ ตรีชอบซูเปอร์สตาร์คนไหนบ้าง 

A: ถ้าเป็นเกาหลี ผมก็ชอบลีมินโฮ, คิม อูบิน, แบ ซูจี อย่างนี้ผมก็ชอบ เวลาที่เล่น ข้างนอกไม่จำเป็นต้องเยอะ แต่ข้างในเยอะมาก ผมก็ดูเป็น Reference ตลอด แล้วก็ล่าสุดนี่เลย Who Came From The Star นั่นก็เก่ง คือเราก็ดูทุกคนเป็นไอดอลเรา ดูถือว่าเป็นอาจารย์ ดูวิธีที่เขาถ่ายทอดอารมณ์ ส่วนถ้าเป็นสากล ผมชอบ คริสเตียน เบล และก็ นางเอก Me Before You เอมิลี คลาก ถ่ายทอดอารมณ์แบบสุดยอด ร้องไห้เลย

Q: พอเป็นนักแสดงแล้ว เวลาเสพอะไร มันจะล้นกว่าชาวบ้านเขา จริงไหม

A: จริงครับ การเป็นนักแสดงเวลาเสพอะไร มันต่างไปนะ Emotion เนี่ยมันรับง่ายกว่าคนอื่น ๆ อยู่แล้ว บางทีพูดปุ๊บเรารู้สึกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในชีวิตส่วนตัว หรืองาน เอ้อ...ทำไมเรารับเข้ามาง่ายจัง แต่ผมก็ศึกษาดูวิธีเล่น เฮ้ย ทำแบบนี้ได้ไง เล่นแบบนี้ได้ไง มันกลายเป็นคนละมุมมองเลย เวลาเรามายืนจุดนี้ เราดูว่าเขามีวิธีอย่างไร เขาคิดอย่างไร ทำไมเก่งจัง

Q: สมมุติว่าวันนี้ไม่ได้เป็นนักแสดง ตรีจะทำอะไรอยู่ที่ไหน

A: ก็คงไปใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไป อาจจะทำงานที่บ้าน ขายตั๋วเครื่องบิน ทำงานทัวร์ครับ แล้วช่วงนี้ก็อาจจะแย่หน่อย หรืออาจจะเปิดร้านอาหาร หรือทำแบรนด์เสื้อผ้า ก็คิดอยู่ว่าจะทำ เพราะว่าเราก็เป็นคนชอบแต่งตัวอยู่แล้ว หรือว่าอาจจะเป็น Programmer ก็ได้ Gamer ก็ได้นะ แนวนี้ 

Q: ตัวเรามีอะไรที่พิเศษกว่าคนอื่น ๆ อีก ที่ทำอยู่

A: ผมชอบสวดมนต์ ไหว้พระ มันทำให้จิตใจเราสงบ และกินมังสวิรัติ ทุกวันพระ กินมา 3 - 4 ปี แล้วครับ ทำเอง โดยไม่มีใครบังคับ และไม่ได้บนอะไรด้วยนะครับ เดือนนึง 4 ครั้ง มันไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง ทำแล้วสบายตัวสบายใจ

Q: มุมพักผ่อน อย่างการท่องเที่ยว ล่ะ

A: อยากไปมากกก ช่วงนี้ไม่มีเวลาเลย ชอบอยู่ในธรรมชาติ อากาศเย็น ๆ ไปนั่งอยู่เฉย ๆ ได้พักจริง ๆ มีโลกของตัวเอง ไม่ต้องคิดอะไร บางทีเราอาจเป็นคนที่ไม่ค่อยให้กำลังใจตัวเอง เวลาเราเจออะไรชอบแบบกดเข้าไปกว่าเดิม กดให้มันยิ่งแย่ผมว่า เราต้องหัดให้กำลังใจตัวเองเยอะ ๆ 

Q: มันมากจากว่าสิ่งที่ผสมปนเปอยู่ระหว่างอารมณ์ตัวละคร กับ ชีวิตเรา หรือเปล่า

A: ใช่ครับ... บางทีกลับมาบ้าน นิ่ง ๆ แม่ถามเป็นอะไรหรือเปล่า ผมไม่รู้ตัวครับ มีอารมณ์ขึ้นลงแบบสวิงตลอดเวลา บางทีเราอาจจะไม่ได้แย่มาก ๆ แต่เราดูไม่เหมือนปกติ คนใกล้ชิดจะรู้ แล้วก็ต้องบอก ผมขอโทษนะที่แสดงออกผิดปกติ ต้องขอโทษ

.

Q: ในกรุงเทพฯ แฟน ๆ จะเจอตรีได้ที่ไหนบ้าง

A: ยากเลยครับ คงไม่เจอ ผมไม่ค่อยไปไหนเลย ชอบอยู่บ้านครับ แล้วก็ไปฟิตเนส ส่วนกินก็กินที่บ้าน หรือว่าถ้าโอกาสพิเศษจริง ๆ ก็ออกไปกินร้านทั่ว ๆ ไป อ้อ ถ้าเจอผมได้ ก็ที่ตึกแกรมมี่ครับ แล้วก็ที่กองถ่าย (หัวเราะ)

Q: เรื่องที่คนอื่นไม่รู้เกี่ยวกับตรี...

A: ตอนเด็ก ๆ ผมเคยโดนผู้หญิงบอกเลิกด้วยข้อหาว่า ผมเตี้ยเกินไป (หัวเราะ)

Q: เดี๋ยวก่อน! ขอโทษ ตอนนี้คือ 180+ นะ

A: แล้ววันนึง มันสูงเอง มันบังเอิญสูงเอง (หัวเราะ)

Q: คนแบบไหนที่จะไปเดต ไปสนุก ไปอยู่ด้วยกันหลาย ๆ วันได้

A: ผมว่ามันต้องอยู่ที่ความเข้าใจเหนือสิ่งอื่นใด เพราะว่าถ้าเรามองแค่หน้าตา อยู่ไปเรื่อย ๆ หน้าตาก็เฉย ๆ มันต้องเข้าใจกัน แล้วก็มีไลฟ์สไตล์ที่คล้าย ๆ กัน 

Q: ชอบอยู่กับคนแบบไหน

A: ผมชอบคนเก่ง ชอบคนทำงาน ชอบคนที่อยู่ด้วยแล้วมันมีพลังบวก เพราะเราชอบเป็นพลังบวกให้เขาด้วย แล้วยิ่งอยู่บวกกับบวกมันยิ่งดี ผมชอบแบบนี้

.

Q: ถ้ามีเวลาเหลือแค่ 10 วัน อยากทำอะไรกับใคร ยังไงบ้าง

A: ขออยู่กับแม่ครับ อยู่กับคนที่เรารักจริง ๆ จะอยู่กับเขาให้นานที่สุด อยู่เพื่อใช้เวลากับเขาครับ อาจพาเขาไปทำทุกอย่างที่เรายังไม่ได้พาไป ชดเชยในสิ่งที่เราอาจเคยทำไม่ดีกับเขา อยากทำให้เขามีความสุขที่สุด สิ่งเดียวที่ทำให้เรามีความสุขอยู่ตอนนี้ก็คือ คุณแม่ และครอบครัว เป็นสิ่งเดียวที่ยึดจิตใจผม ผมอยากใช้เวลากับคุณแม่ให้มากที่สุด อันนี้พูดจริง ๆ จากใจ

Q: ในฐานะที่เป็นคนในอาชีพนักแสดง อยากบอกอะไรกับผู้คนในสังคมทุกวันนี้บ้าง

A: ขอให้รับฟังในสิ่งที่คนที่มีประสบการณ์มาก่อน ผ่านวันเวลามาก่อนเรา อาจจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่อยากให้รับฟังก่อน อยากให้เชื่อกันก่อน เพราะบางอย่างที่เรายังไม่เจอ เราไม่รู้หรอกมันจะเป็นอย่างไร อันนี้คือสิ่งที่ผมบอกตัวเองเสมอว่า ต้องรู้จักรับฟัง 

.

ติดตามงานละคร เลดี้บานฉ่ำ ที่กำลังออนแอร์อยู่ทาง ช่อง one 31 ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.15-22.45 น. และผลงานอื่นๆ ของตรี ได้ที่ Instagram: treporapat  / Twitter: treporapat


เรื่อง ณัฐพล ช่วงประยูร 

ภาพ ณัฐ์วริทธิ์ วรรธนะพินทุ

 

ชวนเดินชิล ๆ ...เที่ยวงานวันพ่อ

เริ่มแล้วจ้า!! กิจกรรมเนื่องในวันชาติ วันพ่อแห่งชาติ และวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ปีนี้มีโซนต่าง ๆ ให้เลือกเดินดูงานกันมากมาย เรียกว่าเดินชิล ๆ บริเวณรอบพระบรมมหาราชวัง บรรยากาศได้ แถมมีของกินโดน ๆ เพียบ!

เริ่มต้นตรงบริเวณสนามไชย จะเป็นโซนพิเศษ (หรือเรียกว่าโซนพระราชทาน) จุดนี้จะเป็นนิทรรศการโครงการของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา

ต่อมาตรงบริเวณสวนสราญรมย์ เป็นโซนนิทรรศการ นำเสนอนิทรรศการภาพหอเกียรติยศ (Hall of fame) ภาพแห่งความทรงจำ ภาพพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

กลับมาที่ถนนสนามไชยตลอดเส้นทาง ตั้งแต่หน้าลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 4 พระราชวังสราญรมย์ ยังได้มีการนำเสนอนิทรรศการมีชีวิต (Live Exhibition) ของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรที่มีต่อปวงชนชาวไทย จำนวน 29 หน่วยงาน

นอกจากนี้ก็ยังมีกิจกรรมการแสดงความสามารถของเด็กและเยาวชน การแสดงมายากล การวาดรูป การปั้น การเพ้นท์หน้า เพ้นท์เล็บ ฯลฯ ที่บริเวณสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม) รวมทั้งยังมีร้านค้ามาออกร้านมากมาย ภายใต้ชื่อกิจกรรม "เลิศลิ้มชิมรส เหนือจรดใต้" และมีการจำหน่ายสินค้า OTOP จากกลุ่มผู้ประกอบการ การจำหน่ายอาหารทานเล่นและเครื่องดื่ม ตลอดแนวถนนสนามไชย ใช้ชื่อว่า "เดินชิมริมทาง"

งานนี้ได้ทั้งชม ทั้งชิม และทั้งชิล น่ามาเดินเพลิน ๆ กันมากมาย การเดินทางก็ไม่ยากอะไร โดยสารรถไฟฟ้า MRT มาลงสถานีสนามไชย แค่นี้ก็ถึงเลย งานเริ่มตั้งแต่ 1 - 6 ธันวาคม พ.ศ.2563 เวลา 10.00 - 20.00 น.

ว่างวันไหน มาเดินกันนะ 

 

วันนี้คุณใส่ใจ "หน้ากากอนามัย" กันดีแค่ไหน?

เชียงใหม่ติด! เชียงรายติด!! พะเยาติด!!! และกทม. ก็เพิ่งมีข่าวติด!!!!

โควิด-19 ยังไม่จากไปไหน ยังวน ๆ เวียน ๆ อยู่รอบ ๆ ตัวเรา สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือ "การป้องกัน" ถามว่า วันนี้ คุณใส่ใจกับการป้องกันดีแค่ไหน?

อย่าปล่อยให้ โควิด-19 มาใกล้ตัว การ์ดต้องไม่ตก หน้ากากอนามัยก็ต้องไม่ตกจากใบหน้าด้วยนะจ้ะ

2 ธันวาคม พ.ศ. 2526 ครบรอบ 37 ปี 'Thriller' MV ที่ดีที่สุดของ ไมเคิล แจ็คสัน

พูดชื่อ ‘ไมเคิล แจ็คสัน’ นักฟังเพลงตัวยงต้องยกให้เขาเป็น ‘ราชาเพลงป็อปของโลก’ แม้วันนี้เจ้าตัวจะจากไปกว่า 11 ปีแล้ว (ไมเคิล แจ็คสัน เสียชีวิต 25 มิถุนายน ค.ศ. 2009) แต่ผลงานและชื่อเสียงของเขา ก็ยังคงถูกคนรุ่นหลังพูดถึงอยู่เสมอๆ

 

 และหากย้อนเวลากลับไปในวันนี้เมื่อ 37 ปีก่อน ถือเป็นวันสำคัญของ King of Pop คนนี้ เพราะเขาได้ปล่อยมิวสิกวิดีโอเพลง Thriller ลงสู่จอทีวีให้แฟนๆ ได้ชมเป็นครั้งแรก แถมมันยังเป็นงานที่ไม่ธรรมดา เนื่องจากเป็นมิวสิกวิดีโอที่มีความยาวถึง 14 นาที ซึ่งหาได้ยากมากในยุคสมัยนั้น รวมทั้งมันยังมีการโปรดักชั่นที่อลังการเอามากๆ

 

เนื้อหาของ MV ว่าด้วยเรื่องของผีดิบ ที่ออกมาโชว์สเต็ปการเต้นแบบสุดจี๊ดจ๊าด (แน่นอน ไมเคิล ก็เป็นผีดิบด้วยเช่นกัน) นอกจากนี้ยังเป็นมิวสิกวิดีโอที่สร้างออกมาเป็นซีรี่ย์ กล่าวคือ ทำออกมาเพื่อรองรับเพลงอย่าง Billie Jean, Beat It และ Thriller ซึ่งเวลาผ่านมากว่า 37 ปี ซีรี่ย์มิวสิกวิดีโอนี้ก็ถูกยกให้เป็นมิวสิกวิดีโอที่มีอิทธิพลต่อวงการเพลงป็อปมากที่สุดตลอดกาล

 

ว่ากันว่า เพลงของไมเคิล ไม่เคยเอ้าต์ และตัวเขา ก็ไม่เคยตายไปจากความทรงจำของนักฟังเพลงเลยจริงๆ

 

ลิ้งค์ MV เพลง Thriller: https://www.youtube.com/watch?v=sOnqjkJTMaA

 

1 ธันวาคม พ.ศ. 2476 วันเกิดนักวาดการ์ตูนชื่อดัง ‘โดราเอมอน’

เป็นการ์ตูนในดวงใจของใครหลายคน แถมต่อให้เวลาจะผ่านมายาวนานแค่ไหน ‘โดราเอมอน’ ก็ยังครองใจคนทุกเพศ ทุกวัย ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า การ์ตูนเรื่องนี้ถูกตีพิมพ์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 นับถึงวันนี้ผ่านมาถึง 51 ปีเข้าไปแล้ว

 

เกริ่นมาถึงตรงนี้ เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญของการ์ตูนเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันเกิดของ ‘ฟูจิโกะ เอฟ. ฟูจิโอะ’ หนึ่งในนักวาดการ์ตูน หรือจะเรียกว่า เป็นหนึ่งในผู้ให้กำเนิดโดราเอมอนก็ว่าได้

 

การ์ตูนโดราเอมอนมีนักวาด 2 คน พวกเขาชื่อฉายาว่า ‘ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ’ หรือในชื่อจริงก็คือ อาบิโกะ โมโตโอะ และ ฮิโรชิ ฟุจิโมโตะ ซึ่งคนหลังนี้เองที่เป็นเจ้าของวันเกิดในวันนี้

 

ทั้งฮิโรชิและอาบิโกะทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 ทั้งคู่มีผลงานการ์ตูนพ็อคเก็ต บุคส์ ร่วมกันครั้งแรกในเรื่อง Utopia: The Last World War จากนั้นก็มีผลงานตามมาอีกมากมาย อาทิ เจ้าหนูอะตอม, ผีน้อยคิวทาโร่, นินจาฮาโตริ, ปาร์แมน แต่เรื่องนี้ทำให้พวกเขากลายเป็นนักวาดการ์ตูนชื่อก้องโลก คงหนีไม่พ้นเรื่อง...โดราเอมอน

 

การ์ตูนเรื่องนี้กวาดรางวัล และยอดจำหน่ายแบบถล่มทลาย โดยเฉพาะเมื่อตอนที่มันได้ถูกนำไปสร้างเป็นการ์ตูนทางทีวีในช่วงปี พ.ศ. 2522 ในประเทศญี่ปุ่น ก่อนที่มันจะถูกส่งมาฉายที่เมืองไทยในราวปี พ.ศ. 2525 และหลังจากนั้น เรื่องราวของเจ้าแมวจากโลกอนาคตกับเด็กชายผู้ไม่เอาไหนก็เข้าไปนั่งในใจของคนดูมาโดยตลอด

 

แม้วันนี้จะเป็นวันคล้ายวันเกิดของ ฮิโรชิ ฟุจิโมโตะ หรือ ‘ฟูจิโกะ เอฟ. ฟูจิโอะ’ นามปากกาที่เขาใช้หลังจากแยกกับอาบิโกะแล้ว ทว่าในความเป็นจริง ฮิโรชิเสียชีวิตไปตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2539 แต่หากว่าเขายังมีชีวิตอยู่ วันนี้จะมีอายุครบ 86 ปีพอดิบพอดี และเหนือสิ่งอื่นใด การ์ตูนโดราเอมอนของเขา ยังคงครองความเป็นการ์ตูนอมตะในใจของผู้คนไม่เสื่อมคลาย

 

 

 

เมื่อนักเรียน (ไม่ใส่) ชุดนักเรียน!

ร้อนกันตั้งแต่เปิดเทอม ไม่ใช่ว่าที่โรงเรียนไม่มีพัดลม หรือแอร์ห้องเรียนไหนเสีย แต่ว่าเหล่านักเรียนขอ 'ไม่ใส่ชุดนักเรียน' จนกลายเป็นประเด็นที่พูดถึงกันทั้งในโลกออนไลน์ ออฟไลน์

เอาเป็นว่า ประชาชนทุกคนของประเทศ (ในวันนี้) ล้วนมีมุมมองและเหตุผลกันเป็นของตนเอง The States Times LITE ก็เลยขอร่วมแบ่งปัน 'มุมมอง' ตามที่เห็นนี้เช่นกันจ้ะ

เรื่องทรัพย์..ทรัพย์

อันคำว่าทรัพย์นั้น ถ้ามีมากก็สบายใจ แต่หากมีน้อยไป อันนี้ก็ต้องเอามือก่ายหน้าผาก ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นเขาพูดกันเรื่องทรัพย์กันอยู่มากมายนะคะ

วันนี้ The States Classroom เลยขออนุญาตนำความหมายของทรัพย์มาบอกเล่ากัน อ่านกันสบาย ๆ นะคะ ไว้เป็นความรู้ ไม่ต้องเอาไปดีเบตนะคะ อุ๊บส์!!

'Spot' ไม่อยากเลี้ยงสุนัขจริง เลี้ยงสุนัขหุ่นยนต์ก็ได้นะ

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เคยเลี้ยงแต่สุนัขที่เห่าโฮ่ง ๆ แต่ในยุค 2020 ถ้าคุณเกิดเบื่อสุนัขตัวเป็น ๆ สามารถมองหาสุนัขหุ่นยนต์มาเป็นเพื่อนรู้ใจได้นะ

นวัตกรรมชั้นเลิศนี้มีชื่อว่า 'Spot' มันเป็นหุ่นยนต์สุนัขที่ถูกพัฒนาจากบริษัทด้านออกแบบวิศวกรรมหุ่นยนต์ Boston Dynamics ซึ่งเปิดตัวมาตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน แต่ว่าล่าสุดนี้ เจ้า Spot หมาหุ่นยนต์ได้ทำการวางจำหน่ายแล้ว

โดยรายละเอียดความสามารถของเจ้า Spot นั้น มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลายเชียวล่ะ สามารถแบกของในน้ำหนักกว่า 14 กิโลกรัมได้ ทนทุกสภาพอากาศ อากาศติดลบกว่า -20 องศาเซลเซียส พี่ก็ทนได้ แถมยังไม่กลัวน้ำ ไม่กลัวฝุ่น ถ้ามีสิ่งกีดขวางมาอยู่รอบข้าง ก็สามารถหลบหลีกได้ เพราะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับวัตถุครอบคลุมแบบ 360 องศา

ที่ผ่านมา เจ้า Spot มักถูกนำไปใช้งานทางการทหารซะเป็นส่วนมาก ประมาณว่าเป็นหน่วยหุ่นยนต์หมาลาดตระเวณ หรือเคยใช้เป็นวิทยุสื่อสารระหว่างหมอกับผู้เข้าจุดคัดกรองตรวจหาโควิด-19 รวมทั้งยังใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมอีกด้วย 

แต่เร็ว ๆ นี้ ทาง Boston Dynamics ได้เตรียมการจะทำให้เจ้า Spot กลายเป็นสุนัขแสนรู้ประจำบ้าน คอยทำความสะอาดและรักษาความปลอดภัยให้กับบ้าน เจ๋งไปเลยใช่ไหมล่ะ ส่วนราคาเจ้า Spot ก็ไม่มากมายเท่าไรหรอก แค่ 74,5000 เหรียญสหรัฐ หรือราว ๆ 2.3 ล้านบาทเท่านั้นเอ๊งง! 

เอิ่มมม เลี้ยงสุนัขยุค 2020 ต้องมีเงินหลักล้านนะจ้ะ จะบอกห้ายยย!

 

 

ปัญหา 'ช่องว่างระหว่างวัยในที่ทำงาน' แก้ได้

หลายคนเคยวาดฝัน ว่าเมื่อฉันเรียนจบไปแล้ว ฉันจะเดินเข้าสู่ที่ทำงานทันสมัย ใหม่ ๆ ดี ๆ เท่ ๆ คูล ๆ บลา ๆๆๆ ทว่าตัดกลับมาในฉากชีวิตจริง วันแรกของการทำงาน คือบริษัทเก่าซูเปอร์โบราณ แถมยังมีหัวหน้างานที่แทบจะยกมือไหว้เรียก...คุณพ่อ!!

เป็นธรรมดา ภาพฝันกับภาพความจริง มักไม่ค่อยแนบสนิทชิดเป็นภาพเดียวกันสักเท่าไร แถมหนำซ้ำ การมีหัวหน้าเป็นคุณพ่อ เอ้ย! การมีหัวหน้าอายุคราวคุณพ่อ ยังทำให้หลายคนต้องพกแผงยาพาราเซตตามอลไว้บนโต๊ะตลอดเวลา เพราะต้องกินแก้ปวดหัว จากปัญหาการสื่อสารด้วยภาษาที่ยากจะเข้าใจ หรือไม่ก็เป็นการสั่งงานที่เชื่องช้า ทุก ๆ งาน ทุก ๆ อย่าง มักต้องเริ่มจากนับหนึ่งเสมอ พอจะแนะนำอะไรไป ก็ทำหน้างงใส่ แถมพูดเสียงแข็ง 'นี่ผมเป็นหัวหน้าคุณนะ!'

เจอ 'ปัญหา' ที่เรียกว่า หัวหน้าแก่แบบนี้ หลายคนตั้งธงในใจ ได้งานใหม่เมื่อไร 'กรูไปแน่!!'

ใจเย็น ๆ ก่อนครับ ชะลออารมณ์เบื่อหน่าย แล้วมาตรึกตรองกันดูดี ๆ เสียก่อน 

เริ่มต้นที่คำว่า 'ปัญหา' มองกันให้ชัด ๆ ว่าปัญหาจริง ๆ คือ หัวหน้างานที่แก่ หรือว่าที่จริงแล้ว เป็นเราเองที่แก่? 

'แก่' ในที่นี้ หมายความว่า ใจเราเองหรือเปล่า ที่เหมือนคนแก่ ที่ไม่ยอมเปิดรับ ภาษาอังกฤษเรียก ไม่ 'Open Mind' คอยตั้งกำแพงกับสิ่งที่หัวหน้าบอกหรือพูดอยู่หรือไม่ ลองทุบกำแพง หรือแม้แต่แง้มประตูออกสักนิด ไม่ต้องเปิดมากก็ได้ เปิดพอให้ 'มุมมองที่แตกต่าง' ได้เข้ามาในสมองและความคิดของเราดูบ้าง 

บางทีอะไรที่มันเคยไม่ใช่ พอมองดี ๆ มันกลับกลายเป็นความลงตัวขึ้นมาก็เป็นได้ รถยนต์มีคันเร่งให้เหยียบไปได้เร็วปรู้ดปร้าด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องเหยียบคันเร่งเร็วแบบนั้นเสมอไป ผ่อนลงมาบ้าง จะได้เห็นอะไร ๆ ที่แตกต่างตั้งมากมาย 

ยิ่งเมื่อเราผ่อนคลาย ช่องว่าง (Gab) ระหว่างเรากับหัวหน้า ที่เคยห่างไกลลิบ ๆ ก็จะค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้น ไม่ต้องห่วงนะว่าจะดูเหมือนว่าเรายอมเขา เพราะหากว่าเขาเป็น 'หัวหน้างานที่ดี' เขาจะปรับท่าที และขยับเข้าหา เพื่อเรียนรู้กันและกันมากขึ้น

ปัญหาเรื่องอายุที่ห่างกัน หากมองในแง่ดี ยิ่งเราอายุห่างจากหัวหน้างานมากเท่าไร เราก็จะได้ 'ประสบการณ์' มากขึ้นเท่านั้น และจงเชื่อเถอะว่า ไม่มีประสบการณ์ไหนที่เก่า หรือเป็นประสบการณ์หมดอายุ ใช้งานไม่ได้ เพราะประสบการณ์คือตัวแปรของความรอบคอบ รอบคอบในการทำงาน รอบคอบในความคิด ในการตัดสินใจ แล้วที่สำคัญ ประสบการณ์ไปหาซื้อตามห้างสะดวกซื้อที่ไหนไม่ได้ ซึ่งบางที มันอยู่ที่ 'หัวหน้างาน' ของเรานี่ล่ะ

ไม่มีใครเริ่มต้นงานแล้วสามารถเป็นหัวหน้างานได้ทันที เมื่อก่อนคนที่เคยเป็นหัวหน้า ก็ต้องเคยเป็นลูกน้องมาก่อนทั้งนั้น เหมือนกับเราในตอนนี้ที่กำลังเป็นลูกน้อง แต่วันหนึ่ง เราก็จะขึ้นไปเป็นหัวหน้าแทนบ้าง แล้ววันนั้น เราก็จะมีลูกน้องมองเราว่า 'แก่' เพียงแต่ถ้าเราเข้าใจในการหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านนี้ สุดท้าย..เราจะสามารถยิ้มให้กับเจ้าลูกน้องคนนั้นได้อย่างสบายใจ

เอาเป็นว่า พรุ่งนี้ตื่นเช้าก่อนเข้าออฟฟิศ ซื้อขนมปัง ปาท่องโก๋ ไปฝากคนแก่ เอ้ย! ไปฝากหัวหน้าสักหน่อยแล้วกัน แล้วอะไร ๆ จะดีขึ้นแน่นวล...   

ชำแหละ VAR ส่งผลดีหรือผลเสียต่อโลกฟุตบอล?

เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกคู่ระหว่าง ไบรท์ตัน กับ ลิเวอร์พูล ที่จบลงไปด้วยการเสมอกัน 0-0 ดูจะทำให้เหล่าบรรดาสาวกหงส์แดงคันตามง่ามนิ้วมือนิ้วเท้า หลายคนมีอาการอยากกระโดดโอเวอร์เฮดคิกเข้าใส่ที่หน้าจอทีวีตอนถ่ายทอดสด เนื่องด้วยลิเวอร์พูลถูกริบประตูไป 2 ประตู ด้วยฝีมือของ ‘พี่ VAR’ แถมที่เดือดขั้นสุดยิ่งไปกว่านั้น คือช่วงท้ายของเกม ลิเวอร์พูลมาโดนจับเช็ก VAR จนเสียลูกจุดโทษ ส่งผลให้ไบรท์ตันมาตามตีเสมอได้สำเร็จ

 

เจออิทธิฤทธิ์ ‘พี่ VAR’ เข้าไปแบบนี้ ด้านผู้จัดการทีมหงส์แดง เจอร์เก้น คล็อปป์ ถึงกับออกอาการหงุดหงิด ทำไม VAR ถึงได้ส่งผลต่อเกมฟุตบอลมากมายขนาดนี้ แล้วตกลง VAR มันส่งผลดีหรือผลเสียต่อฟุตบอลกันแน่ มาหาคำตอบกัน!


VAR หรือ Video Assistant Referees หรือในความหมายภาษาไทยให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ‘กรรมการที่ตัดสินจากภาพ’ เกิดขึ้นจากความตั้งใจที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้การตัดสินของ ‘จารย์’ หรือ ‘ผู้ตัดสิน’ ให้มีความแม่นยำยิ่งขึ้น

ถึงตอนนี้ เริ่มนำมาใช้กันได้สัก 2-3 ปี ถ้าเอาผลลัพธ์ในมุมบวก แน่นอน การตัดสินในกรณีลูกน่ากังขา ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบรวดเร็วก็ดี หรือเหตุการณ์ที่กรรมการ คนดู หรือแม้แต่นักฟุตบอลด้วยกันเอง ดูไม่ทันก็ดี เหล่านี้ ช่วยได้ด้วย VAR

อีกอย่างหนึ่งคือ ทำให้นักฟุตบอลต้องยอมรับในคำตัดสิน เพราะภาพหลายมุมที่ถูกจับด้วยกล้องนับสิบๆ ตัว ยังไงก็ละเอียดมากพอที่จะทำให้นักฟุตบอลไม่กล้าเถียง แต่เมื่อพูดถึงมุมบวก มันก็มีมุมคู่ขนานกัน จะเรียกว่ามุมลบก็พูดไม่ได้เต็มปากนัก เรียกว่าเป็นมุมอับของ VAR ก็แล้วกัน

ที่เห็นกันชัดๆ คือ เกมฟุตบอลในวันนี้ มีสกอร์ที่ได้จากลูกจุดโทษมากขึ้น เพราะค่าเฉลี่ยส่วนใหญ่ของผลที่ออกมาจาก VAR มักจะลงท้ายด้วยการให้จุดโทษ

ปฏิเสธไม่ได้ว่า หลายๆ เกมในวันนี้ คนดูมุ่งเป้าโฟกัสไปที่ ‘จุดโทษจาก VAR’ มากกว่าเกมในสนามเสียอีก แถมที่เป็นตลกร้ายกว่านั้น บางนัดที่เกมตื้อๆ ทำอะไรกันไม่ได้ แฟนบอล(บางราย) ร้องหา ‘เมื่อไรจะมีลูกโทษจาก VAR วะ!’

ตลกร้ายเข้าไปอีก หากมีช็อตที่ผู้เล่นกระทบกระทั่งกันเพียงเล็กน้อย หรือเอาเท้าแหย่กันให้หกล้มในเขตโทษ ประโยคที่ดังก้องสนามก็คือ VAR!!

อันนี้เป็นมิติของคนดูนะครับ ส่วนมิติของผู้เล่นในสนาม เอามุมที่แย่ที่สุดก่อน จากเมื่อก่อนที่จะมีผู้เล่นที่เป็นสายพุ่ง สายดีดตัว ที่เป็นจอมเรียกจุดโทษ โชคดีฟาวล์จริงก็แล้วไป แต่โชคร้ายตั้งใจเป็นนักแสดง พอแสดงไม่เข้าตากรรมการ ก็อาจะถูกใบเหลืองจากจารย์ไปได้ ทว่าเมื่อวันนี้มีพี่ VAR เข้ามาเป็นตาวิเศษเห็นนะ กลับกลายเป็นว่า เราจะได้เห็นสายดีด สายพุ่ง สายล้ม มากขึ้นอย่างเสียไม่ได้

ลองสังเกตช่วงท้ายของเกมที่เสมอกันกันดูสิครับ เกิดกรณีดราม่ากันมาแล้วกี่คู่?

เล่ามาถึงตรงนี้ ไม่ได้บอกว่า เทคโนโลยี VAR ไม่ใช่ของดี หรือกลายเป็นตัวทำให้เกมฟุตบอลผิดเพี้ยนไป แต่ชื่อของมันก็บอกอยู่แล้วว่า มาเป็นผู้ช่วย (assistant) ไม่ใช่คนตัดสินใจ ชี้ถูก ชี้ผิด เป็นตัวช่วยให้เห็นว่า ผลลัพธ์ควรเป็นอย่างไรต่างหาก

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวใดๆ บนโลกนี้ ที่เหนือกว่าเทคโนโลยี ก็คือ ‘คน’ นี่ล่ะ เทคโนโลยีมันออกมาเพื่อรองรับคน ดังนั้น คนอย่างเราๆ นี่แหละ ที่จะต้องนำพาเทคโนโลยีไปเกิดผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์มากที่สุด

ปิดท้ายด้วยการย้อนเวลาไปยังยุคฟุตบอลโบราณ สมัยนั้นไม่มีหรอกรองเท้าสตั๊ด หรือปุ่มสตั๊ดที่เป็นเหล็ก หรือสนับแข้ง หรือแม้แต่ถุงมือโกล์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป อะไรๆ เหล่านี้ก็ได้เข้ามาเพื่อ ‘ช่วย’ ให้นักเตะและเกมฟุตบอลมีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น หันกลับมาที่เทคโนโลยี VAR ในวันนี้ ก็เชื่อว่ามันเกิดขึ้นมาด้วยความประสงค์ที่จะทำให้เกมฟุตบอลสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ทีนี้ก็อยู่ที่เราแล้วล่ะว่า จะใช้มันให้ตอบโจทย์กับคำว่า ‘สมบูรณ์แบบ’ ได้มากน้อยเพียงใด

30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556...สตาร์ดัง พอล วอล์คเกอร์ เสียชีวิต

นึกถึงหนังสายความเร็วระดับตำนาน หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อ The Fast and The Furious และหากให้นึกต่อไป ภาพที่หลายคนจดจำได้ดี คือ 2 นักแสดงนำของเรื่อง วิน ดีเซล และ พอล วอล์คเกอร์

 

ย้อนกลับไปวันนี้เมื่อ 7 ปีก่อน มีเหตุการณ์ช็อกแฟนหนัง เมื่อมีข่าวว่า พอล วอล์คเกอร์ เกิดประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ตามรายงานข่าวแจ้งว่า เขากับเพื่อนได้ขึ้นไปทดลองรถ Porsche Carrera GT เพื่อทดสอบหมุนรถ แต่รถเกิดเสียหลักพุ่งชนกับต้นไม้ข้างทาง เพลิงลุกไหม้ทำให้พอลและเพื่อนเสียชีวิตลงทั้งคู่

 

จากข่าวช็อกๆ นี้ ทำเอาแฟนหนังของเขาพากันเศร้าสลด เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า ตัวละคร ‘ไบรอัน โอคอนเนอร์’ ในหนังฟาสต์ฯ นั้น เป็นตัวละครที่คนดูรักและติดตามกันมาตลอด การจากไปของเขาอย่างกระทันหัน จึงทำให้หนังที่ถูกสร้างภาคต่ออีกหลายภาคนั้น ต้องถูกนำมาพิจารณากันใหม่อีกครั้ง

 

พอลเริ่มต้นชีวิตการแสดงภาพยนตร์มาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1987 กับหนังเรื่อง Monster in the Closet ก่อนจะเริ่มมีผลงานมากขึ้นตลอดช่วงทศวรรษที่ 90 อาทิ Meet the Deedles Phil Deedle, Pleasantville, Skip Martin และใน ค.ศ. 2001 เขาก็ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของหนัง The Fast and the Furious หลังจากนั้นชื่อเสียงของเขาก็โด่งดังเหมือนพลุที่ถูกจุดขึ้นไปบนฟ้า มีหนังต่อแถวให้เขาไปร่วมงานด้วยอีกมากมาย รวมไปถึงหนังฟาสต์ฯ ที่ถูกสร้างภาคต่อมาอีกหลายภาค

 

พอลเสียชีวิตขณะถ่ายทำหนังฟาสต์ฯ ภาคที่ 7 แต่ในที่สุด ภาคดังกล่าวนั้นก็ถ่ายทำจนเสร็จสิ้น โดยต้องใช้นักแสดงสแตนอิน เล่นแทนตัวเขาถึง 4 คน ปัจจุบันแม้หนังจะดำเนินต่อมาถึงภาคที่ 9 แล้ว แต่แฟนๆ หนังสายความเร็วเรื่องนี้ ก็ยังจดจำและนึกถึง ‘ไบรอัน โอคอนเนอร์’ อยู่เสมอ

 

วันนี้ครบ 7 ปีของจากไป แฟนหนังอย่างเราก็ขอแสดงความไว้อาลัย และเขาจะอยู่ในใจแฟนหนังตลอดไป...

 

 

 

 

รวมซูเปอร์สตาร์ที่จากไปในปี 2020

กำลังจะเข้าสู่เดือนธันวาคมแล้ว มีใครนึกคล้ายๆ เราไหม อยากให้ปี 2020 นี้ผ่านไปไวๆ เพราปีนี้ดุม้าก! ลำพังแค่โควิด-19 ก็ทำให้ผู้คนทั้งโลกต้องนะจังงัง (หมายถึง ต้องหยุดนิ่งน่ะ) กันไปหมด แถมปี 2020 ยังเป็นปีแห่งการสูญเสีย ‘เหล่าซูเปอร์สตาร์ของโลก’ บอกตรงๆ ว่า ใจหายเอามากๆ

 

เริ่มตั้งแต่ต้นปี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม เกิดข่าวช็อกโลก เมื่อ โคบี ไบรอันท์ อดีตนักบาสเก็ตบอลเอ็นบีเอ และได้ชื่อว่าเป็นนักบาสเก็ตบอลที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก ต้องจบชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก เหตุการณ์เกิดขึ้นขณะที่นักบาสเก็ตบอลคนดัง กำลังจะเดินทางไปที่สถาบันแมมบา พร้อมกับลูกสาวของตัวเอง แต่สภาพอากาศและทัศนวิสัยไม่ดี นักบินพยายามบินวนเพื่อหาทางลงอยู่ราว 15 นาที แต่ผลสุดท้ายก็ไม่สามารถควบคุมการบินได้ เป็นเหตุให้ ฮ. ตกลงบริเวณภูเขาในเขตเมืองคาราบาซาส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โคบี และลูกสาว รวมถึงคนบนเครื่องรวม 9 ชีวิต เสียชีวิตลงทันที

 

นับว่าเป็นการสูญเสียบุคลากรในโลกกีฬาที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะโคบีเพิ่งจะเลิกเล่นบาสเก็ตบอลอาชีพไปไม่นาน แถมเจ้าตัวยังเพิ่งอายุเพียง 41 ปี ยังสามารถรันวงการบาสเก็ตบอล รวมถึงส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับน้องๆ คนรุ่นใหม่ได้อีกนาน

 

ต่อมาในปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โลกก็ต้องสูญเสียบุคลากรทางการแสดงไปอีกคน เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม มีข่าวแจ้งว่า ฌอน คอนเนอรี่ นักแสดงมากความสามารถแห่งโลกฮอลลีวู้ด ได้เสียชีวิตลงที่เมืองบาฮามาส ฌอนคือหนึ่งในตำนานการแสดง โดยเฉพาะกับภาพยนตร์สุดยิ่งใหญ่ ‘เจมส์ บอนด์ 007’ ซึ่งเขาคือนักแสดงที่สวมบทบาทสายลับ เจมส์ บอนด์ เป็นคนแรก

 

นักแสดงมากความสามารถคนนี้เป็นดาวที่เวียนว่ายอยู่ในแวดวงภาพยนตร์มาอย่างยาวนานกว่า 50 ปี มีหนังที่เรียกว่าขึ้นหิ้งมากมาย อาทิ The Hunt for Red October, Highlander, Indiana Jones and the Last Crusade และ The Rock รวมทั้งยังเคยได้รับรางวัลออสการ์ จากบทบาทในภาพยนตร์เรื่อง Untouchables  

 

ฌอนในวัย 90 ปี ล้มป่วยมาได้ระยะหนึ่ง ก่อนที่จะจากไปอย่างสงบท่ามกลางสมาชิกในครอบครัว ปิดตำนานเจมส์ บอนด์ คนแรกของโลก และนักแสดงมากความสามารถที่โลกเคยมีมา

และล่าสุด กับการสูญเสียอดีตสตาร์แห่งโลกฟุตบอล ดีเอโก มาราโดนา เจ้าของตำนานแชมป์ฟุตบอลโลก ปี 1986 ร่วมกับทีมชาติอาร์เจนตินา และเป็นไอดอลในโลกฟุตบอลให้กับเด็กๆ หลายยุคสมัย โดยเจ้าตัวเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน ขณะนอนหลับอยู่ที่บ้านพัก ก่อนจะเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

 

มาราโดนา เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งโลกฟุตบอล ด้วยความเป็นอัจฉริยะเชิงลูกหนัง ตลอดจนบุคลิกเฉพาะตัวที่มักจะตกเป็นข่าวคราวอยู่เสมอ เขาได้รับการยอมรับ ทั้งจากแฟนบอล และบรรดานักฟุตบอลด้วยกันเอง ภายหลังข่าวการเสียชีวิตของตำนานหมายเลข 10 มีผู้คนและนักฟุตบอลระดับโลกออกมาไว้อาลัยมากเป็นประวัติกาล งานศพของเขามีผู้คนไปร่วมไว้อาลัยมากมาย จนหวิดจะกลายเป็นจราจลขนาดย่อมๆ ทั้งหมดสะท้อนได้ดีถึงความผูกพันและความยิ่งใหญ่ของเขา ที่ยากจะหาใครเทียบเคียงได้จริงๆ

 

นี่เป็น 3 สตาร์ดังที่จากไปในปี 2020 แต่ไม่ว่าเวลาจะเดินทางไปอีกยาวนานแค่ไหน เราก็จะจดจำความยิ่งใหญ่ของพวกเขาตลอดไป...

28 พฤศจิกายน...วันแห่งการประดิษฐ์หัวตัวเอง

อ่านชื่อวันกันไม่ผิดหรอก วันนี้เป็นวันแห่งการประดิษฐ์หัวตัวเอง หรือ Make Your Own Head Day วันชื่อแปลกนี้ถูกคิดขึ้นมา เพื่อให้เราได้ย้อนกลับมามองตัวเอง ได้มองเห็นข้อดีและข้อเสียของตัวเรา

 

ถามว่ามองย้อนยังไง? วันนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีกิจกรรมให้เด็กๆ ได้ประดิษฐ์ศรีษะหรือ ‘หัวตัวเอง’ ในรูปแบบใดก็ได้ ตามแต่ความถนัด เช่น วาด ปั้น หรือแกะสลัก สุดแล้วแต่จะสร้างสรรค์กันออกมา

 

แม้จะเป็นกิจกรรมที่มีความสนุก เพราะจู่ๆ ได้ลุกขึ้นมาประดิษฐ์หัวตัวเอง ก็เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ดี แต่อย่างที่บอกไป มันแฝงให้เห็นถึงการได้มองตัวเอง สังเกตตัวเอง เรียกว่าเป็นการเรียนรู้ตัวเองไปในทางอ้อม พอพูดถึงการประดิษฐ์หัวตัวเอง เราเลยขอใช้ภาพประกอบการ์ตูนในตำนาน ‘ดร.สลัมป์กับหนูน้อยอาราเล่’ เพราะถ้าขึ้นชื่อเรื่องการเอาหัวตัวเองออกมาถอดดูแล้ว คงต้องยกให้แม่หนูน้อยอาราเล่คนนี้นี่เองงงง!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top