Wednesday, 19 March 2025
SOFT POWER

‘ม.ฮาร์วาร์ด’ บรรจุ ‘ภาษาไทย’ ลงหลักสูตรการเรียนการสอนปี 66-67 เชื่อ!! ก้าวสำคัญแห่ง 'ภาษาสยาม' ผงาดข้ามสู่ความเป็นอินเตอร์

เมื่อไม่นานมานี้ ช่องยูทูบ ‘สะท้อนไทย’ ได้นำเสนอมุมมองของผู้คนในหลายประเทศ ว่ามีความคิดเห็นยังไงกับประเทศไทยในแง่มุมต่างๆ

หนึ่งในนั้นเป็นเรื่องของภาษาไทย ที่ดังไกลทั่วโลกจนถึงขั้นมหาวิทยาลัยระดับโลกอย่าง ‘ฮาร์วาร์ด’ (Harvard University) ต้องทำการบรรจุไว้ในหลักสูตรการศึกษา

สำหรับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เป็นมหาวิทยาลัยเอกชน ในเมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา โดยได้ก่อตั้งเมื่อวันที่ 8 ก.ย. ค.ศ. 2179

เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยกลุ่มไอวีลีก (Ivy League) โดยในปี ค.ศ. 2009-2010 และได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง ของสหรัฐอเมริกา โดยนิตยสารยูเอสนิวส์ รวมถึงได้รับการจัดอันดับโดย ไทมส์ไฮเออร์เอดยูเคชันซัปพลีเมนต์ (Times Higher Education) หนังสือพิมพ์ชื่อดังจากลอนดอน ประเทศอังกฤษ ให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับที่ 7 ของโลก ในปี ค.ศ. 2019-2020 ซึ่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีแห่งหนึ่งของโลก ที่ผู้คนทั่วโลกให้การยอมรับ

ทั้งนี้หากอ้างอิงจาก เพจอาเซียน ได้มีการโพสต์ถึงภาษาของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้มีการบรรจุเข้าไปเป็นหลักสูตรการเรียนการสอนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้แก่ ภาษาบาฮาซา (Bahasa) ของประเทศอินโดนีเซีย, ภาษาตากาล็อก (Tagalog) หรือภาษาฟิลิปีโน (Filipino) ประเทศฟิลิปปินส์ และ ภาษาไทย (Thai) ของประเทศไทย

ด้าน เว็บไซต์เดอะสตาร์ ได้เขียนบทความเกี่ยวกับภาษาตากาล็อก, ภาษาบาฮาซา และภาษาไทยที่ถูกนำมาสอนในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ไว้ด้วยว่า ภาควิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด จะทำการจ้างอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ 3 คน เพื่อสอนภาษาเหล่านี้โดยเฉพาะ สำหรับปีการศึกษา 2566-2567

แน่นอนว่า ภายหลังที่ทางมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้บรรจุหลักสูตรภาควิชาภาษาไทย เข้าไปเป็นหนึ่งในหลักสูตรการเรียนการสอน ก็ทำให้ในโลกออนไลน์ มีการแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นดังกล่าวกันเป็นจำนวนมาก อาทิ...

- “ฉันเรียนภาษาไทยมา 2-3 ปีแล้ว แต่ฉันกลัวเกินกว่าจะพูดกับคนพื้นเมืองเสมอ เพราะฉันมักจะไม่มั่นใจในความเข้าใจของตัวเอง”
- “ภาษาที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร คำศัพท์แสลงใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกปีที่มาจากคนหนุ่มสาว ง่ายยากอยู่ที่นิสัย และเรียนรู้ได้อย่างเต็มใจ ถ้ามีความสุขภาษา เขาจะสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว”
- “ภาษาไทยไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย”
- “ภาษาไทยเป็นภาษาที่ทั่วโลกให้การยอมรับ”
- “คนรุ่นใหม่ทั่วโลกอยากเรียนภาษาไทยกันมากขึ้น”

- “ภาษาเวียดนามอยู่ในอันดับที่ 10 ของโลก เมื่อพิจารณาจากจำนวนของเจ้าของภาษา 86 ล้านคน และอันดับที่ 20 ของโลก เมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้พูดระดับ 1 และ 2 ภาษาเวียดนามเป็นภาษาประชากรรายใหญ่อันดับ 4 ในสหรัฐอเมริกา เป็นเรื่องปกติที่จะได้รับการสอนภาษาเวียดนามในฮาร์วาร์ด แต่น่าตลกที่ข้อมูลนี้ แสดงเฉพาะภาษาไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียเท่านั้น”
- “ถ้าไม่มีภาษาเวียดนาม นั่นคือข่าวปลอม ได้โปรด จงเข้าไปเช็กที่เว็บไซต์ของฮาร์วาร์ด”
- “ภาษาอินโดนีเซียเอามาจากภาษามาเลเซีย” และได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นโต้แย้งความเห็นนี้ว่า “ภาษามาเลเซียไม่มีอยู่จริง”

***ทั้งนี้ ก็มีดรามาเล็กๆ ถึงความเห็นที่พูดถึงเกี่ยวกับภาษาเขมร ซึ่งอ้างว่าเป็นต้นกำเนิดของภาษาไทยในหัวข้อประเด็นนี้ด้วย อาทิ...
- “แล้วภาษาเขมรล่ะ อยู่ที่ไหน?” จากคำถามนี้ ก็ได้มีความคิดเห็นส่วนใหญ่มาตอบกลับใต้คอมเมนต์นี้ว่า…
- “พวกเขาไม่สอนหรอก ภาษาตลกแบบนั้น มันตลกเกินไป”

หลังจากนั้นก็ได้มีชาวกัมพูชาเข้ามาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมอีกว่า…
- “ตัวอักษรไทย มาจากภาษาเขมร ยินดีต้อนรับ คนรับใช้ชาวไทยของเรา”
- “ทำไมเขาถึงไม่สอนภาษาเขมร พวกเขายิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล”
- “ภาษาต้นฉบับแรกอยู่ที่ไหน? ภาษาเขมรอยู่ที่ไหน?”
- “ต้องมีแค่ภาษาเขมรอย่างเดียวสิ เพราะเขมรคือประเทศมหาอำนาจ”

ไม่ว่าประเด็นข้อถกเถียงจะเป็นเช่นไรก็ตาม แต่สิ่งที่น่าภูมิใจคือ ภาษาไทยกับก้าวสำคัญในการเป็นหนึ่งในหลักสูตรการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยระดับโลกอย่าง 'ฮาร์วาร์ด' อาจเป็นจุดเริ่มต้นบทใหม่ของ Soft Power ไทยผ่านภาษาไทยนับต่อจากนี้ ก็เป็นได้...

‘นักบิด MotoGP’ ควงตะหลิวจับกระทะ แข่งทำ ‘ผัดไทย’ ชู ‘สตรีตฟู้ด’ ซอฟต์พาวเวอร์ไทย สู่แฟน MotoGP ทั่วโลก

เมื่อวานนี้ (25 ต.ค. 66) ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ นักบิดโมโตจีพีชื่อดังจากยามาฮ่า และ ก๊องส์ ธัชกร บัวศรี นักแข่งดาวรุ่งชาวไทยจากทีมฮอนด้า ครองเจ้าสมรภูมิกระทะเดือด คว้าถ้วย ‘ผัดไทยจีพี’ ไปครอง ในกิจกรรม Pre-Event สุดน่ารักที่จัดต้อนรับนักบิดและเป็นส่วนหนึ่งของการถ่ายทำวิดีโอโปรโมตประเทศไทยของทีมดอร์น่า สปอร์ต ที่ปักหลักถ่ายทำ สถานที่สวยงามรอบเกาะรัตนโกสินทร์และแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพ ตื่นตาแฟนโมโตจีพีทั่วโลก ในการนำเหล่าเทพนักบิดชื่อดังระดับโลก ‘กวาร์ตาราโร-มอร์บิเดลลี่-เมียร์’ ปะทะ 3 นักบิดไทย ‘ก้อง-ก๊องส์-ไอเดีย’ แข่งขันทำสุดยอดเมนูสตรีตฟู้ดแสนอร่อยที่สร้างชื่อและภาพจำให้กับประเทศไทยตลอดกาล สูตรเด็ดจากเชฟ ‘กระติ๊บ’ ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล ดีกรีนางเอกดัง เตรียมถ่ายทอดภาพความสวยงามและเรื่องราวต่าง ๆ ในช่วงการแข่งขัน 27-29 ต.ค.นี้ สู่แฟนมอเตอร์สปอร์ตกว่า 207 ประเทศ 800 ล้านคนทั่วโลก

ความเคลื่อนไหวกิจกรรม Pre Event ต้อนรับนักแข่ง โมโตจีพี สนามประเทศไทย รายการ ‘OR Thailand Grand Prix 2023’ ที่จัดขึ้นในวันพุธที่ 25 ตุลาคม 2566 ที่ห้องราชพฤกษ์บอลรูม ชั้น 2 อาคารสปอร์ตคลับเฮ้าส์ ราชพฤกษ์คลับ นอร์ธปาร์ค ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ นักบิดโมโตจีพีชื่อดัง ได้แก่ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร และฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ นักบิดชื่อดังจากยามาฮ่า, โจอัน เมียร์ จากฮอนด้า รวมทั้งนักบิดไทยที่ลงแข่งขันในศึกโมโตจีพี สนามประเทศไทย 3 คน ได้แก่ ก้อง สมเกียรติ จันทรา จากฮอนด้า ในรุ่น Moto2, รุ่น Moto3 ไอเดีย กฤตภัทร เขื่อนคำ จากยามาฮ่า และ ก๊องส์ ธัชกร บัวศรี จากทีมฮอนด้า พร้อมด้วยเหล่าแฟนคลับและกองทัพสื่อมวลชน ร่วมชมการถ่ายทำวิดีโอประชาสัมพันธ์ประเทศไทย โดยทีมงานดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขัน

ซีนสำคัญของการถ่ายทำวิดีโอโปรโมตประเทศไทย เป็นการเดินเรื่องที่ นักบิดต่างชาติได้พบกับ รถเข็นขาย ‘ผัดไทย’ จึงชักชวนกันไปฝึกหัดและแข่งขันกันทำผัดไทย สู่ซอฟต์พาวเวอร์สตรีตฟู้ดอาหารไทยที่เลื่องชื่อไปทั่วโลก ส่งผ่านวัฒนธรรมอาหารผ่านกิจกรรม Pre-Event ที่ฝ่ายจัดฯ โมโตจีพี เตรียมไว้ต้อนรับในนักแข่งในชื่อ ‘ผัดไทยจีพี’ หรือ ‘PadThai GP Contest’

บรรยากาศภายในงานเริ่มจากขบวนกลองยาว การฟ้อนรำต้อนรับ โดยมีคณะผู้บริหารจากภาครัฐ-เอกชน ที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการผลักดันให้เกิดงานโมโตจีพี สนามประเทศไทย นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายยุทธศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นประธาน พร้อมด้วย นาย นิธี  สีแพรรองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ นายอารักษ์ พรประภา ประธาน บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด, นายวีรพงษ์ ธนากิจจานนท์ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายกีฬายานยนต์ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, นายสุรเชษฐ คล้ายแจ้ง ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานงานทะเบียนและภาษีรถ กรมการขนส่งทางบก และตนัยศิริ ชาญวิทยารณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ร่วมให้การต้อนรับ มอบพวงมาลัย และมอบผ้ากันเปื้อนผัดไทยจีพีให้กับเหล่านักบิด

การแข่งขันได้เชฟฝีมือดี ดีกรีนางเอกชื่อดัง กระติ๊บ ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล นำสูตรเด็ด เคล็ดลับการทำผัดไทยให้อร่อย มาสอนให้เหล่านักบิดได้ลงมือทำในแบบต้นตำรับ เมนูสตรีตฟู้ดแสนอร่อยของคนไทยที่กลายเป็นจานโปรดของคนทั่วโลก ซึ่งเมื่อได้ทาน ชวนให้นึกถึงประเทศไทย โดย อ็อกซ์ฟอร์ด ดิกชันนารี บรรจุชื่อ ‘pad thai’ (ผัดไทย) ให้เป็นคำศัพท์สากล เนื่องจากเป็นเมนูที่โด่งดังเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก

การตัดสินการแข่งขันครั้งนี้ โดยเหล่าคณะกรรมการจากภาครัฐเอกชนและแฟนคลับโมโตจีพี ร่วมชิมและโหวตให้กับ ฟรังโก้ มอร์บิเดลลี่ นักบิดโมโตจีพีชื่อดังจากยามาฮ่า และ ก๊องส์ ธัชกร บัวศรี นักแข่งดาวรุ่งชาวไทยจากทีมฮอนด้า ครองเจ้าสมรภูมิกระทะเดือด คว้าถ้วยผัดไทยจีพีไปครอง โพเดี้ยมอันดับ 2 ได้แก่ โจอัน เมียร์ จากฮอนด้า และ ไอเดีย กฤตภัทร เขื่อนคำ จากยามาฮ่า โพเดี้ยมอันดับ 3 ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร จากยามาฮ่า และ ก้อง สมเกียรติ จันทรา จากฮอนด้า บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ประทับใจ 

ทั้งนี้ การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ภายใต้ชื่อรายการ ‘โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023’ (OR Thailand Grand Prix 2023) ศึกสองล้อที่เร็วที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก มีกำหนดแข่งขันระหว่าง 27- 29 ตุลาคม 2566 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์   

แฟนความเร็วซื้อบัตรชมการแข่งขันได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven  ทุกสาขาทั่วประเทศ ส่วนบัตรแอดมิชชัน(ADMISSION) เข้าร่วมชมงานในลานกิจกรรม บูธจำหน่ายสินค้า คอนเสิร์ตและมวย ซื้อบัตรได้ที่บูธ Allticket หน้างาน วันที่ 27-29 ต.ค. เท่านั้น ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แฟนเพจ Chang Circuit Buriram

ยอมใจ!! 'สาวจีน' ปั่นจักรยาน 4,000 กิโลเมตร เพื่อมาเรียนมวยไทย กับ 'บัวขาว บัญชาเมฆ'

(25 ต.ค.66) นับว่าเป็นเรื่องราวดี ๆ ของวงการมวยไทย หลังจากเพจเฟซบุ๊ก Banchamek Gym (Buakaw Banchamek, บัวขาว บัญชาเมฆ) ได้เผยว่า มี ผู้หญิงชาวจีน ลงทุนลงแรงปั่นจักรยาน 4,000 กิโลเมตร มาเรียนมวยไทยกับ บัวขาว บัญชาเมฆ ที่ค่ายในจังหวัดเชียงใหม่ นับเป็น ซอฟต์พาวเวอร์ชั้นดี จนกลายเป็นที่ฮือฮาในประเทศจีนอย่างมาก

เพจของบัวขาว ระบุว่า “นี่ก็อีกราย Soft power อีกราย คนนี้จากประเทศจีน ตอนนี้ติดชาร์ตอันดับที่ 3 ของเวยป๋อละ กับการที่ หลี่ เจิน เซียง สาวจีน จากเมืองเหมียนหยาง มณฑลเสฉวน ได้ตัดสินใจขี่จักรยาน เป็นระยะทางกว่า 4,000 กิโลเมตร มายังประเทศไทยเพื่อทำความฝันให้สำเร็จในการมาฝึกซ้อมมวยไทยที่ค่ายพี่บัวขาวที่เชียงใหม่ละขึ้นชก ในประเทศต้นตำรับของมวยไทย พวกเรามาเอาใจช่วยกันครับ เผื่อใครในนี้เจอเขา ก็ทักยิ้มให้บ้างช่วยกันแสดงความเป็นเจ้าบ้านที่ดี และต้อนรับเขาในฐานะที่ชื่นชอบมวยไทยเหมือนกัน เราควรภาคภูมิใจที่ชาวต่างชาติต่างหลงใหลในมวยไทยที่เป็นศิลปะการต่อสู้ประจำชาติของเรา”

'อนุทิน' ชื่นชมหนัง 'สัปเหร่อ' ยกของดีที่ควรต้องโชว์  ตัวอย่างความสำเร็จซอฟต์พาวเวอร์ผ่านวิถีชาวบ้าน

(24 ต.ค.66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกระแสภาพยนตร์เรื่อง ‘สัปเหร่อ’ ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ คือตัวอย่างความสำเร็จจากการนำเสนอสิ่งที่เป็นวิถีของชาวบ้าน หลายสิ่งหลายอย่างเราเคยสงสัย หนังเรื่องนี้ เฉลยไว้หมดแล้ว แล้วยังให้แง่คิดเรื่องชีวิต ครอบครัว ความรัก ไว้ด้วย หนังทำให้เราเห็นว่า วิถีไทย ไทยสไตล์ ไม่ว่าจะรูปแบบไหน ก็ต่างมีเสน่ห์ทั้งนั้น ไม่ต้องไปทำตามแบบใครเลย ภูมิใจในความเป็นเรานี่เอง ดีที่สุด ต้องชื่นชมคนนำเสนอที่ภูมิใจในวิถีของตัวเอง กล้านำเสนอ อย่างตรงไปตรงมา กินใจผู้ชม ของอะไรก็ตาม มันมีดี ให้โชว์ทั้งนั้น ขอแค่ภูมิใจ แล้วกล้าโชว์ อย่าไปมองว่า เราด้อยกว่าเขา เราอ่อนกว่าเขาเด็ดขาด กับของไทยๆ สินค้าไทย กับฝีมือคนไทย มั่นใจว่าไม่แพ้ใครในโลก“อย่าง OTOP สำหรับผม ผมว่าหลายอย่างงดงามระดับโลกเลยนะ ผ้าไทย ผมใส่โชว์เลย ก็มันสวย แล้วผมก็เป็นคนที่ภาคภูมิใจในการใช้ของไทยอยู่แล้ว ถ้า

เรากล้าอวดซะอย่าง ของที่เราอวดมันก็มีคุณค่าขึ้นมาแล้ว เหมือนหนังเรื่องไทบ้าน ก่อนที่จะมีสัปเหร่อ คนทำเขากล้า หนังมันก็ได้ฉาย อย่างน้อยที่สุด สมมติ ถ้าไม่ได้กำไร ขาดทุน แต่เรื่องราววิถีไทบ้านที่เขาอยากนำเสนอมันก็ไปถึงคนอื่นๆ แล้ว ใครอยากจะปั้น Soft Power ไทยต้องกล้าทำ กล้าโชว์ก่อน ถ้ามานั่งกล้าๆ กลัวๆ ที่แย่กว่าคือด้อยค่ากันเอง แบบนั้นไปไม่รอด ถ้วยกาแฟใบโปรดของผมก็ซื้อจากงาน OTOP สวยงามมาก ผมยังโพสต์อวดอยู่เลย” นายอนุทิน กล่าว

‘สัปเหร่อ’ ตัวอย่าง ‘วิถีไทย’ ความจริงใจที่ไม่ปรุงแต่ง ฝ่าแรงบูลลี่ ‘วิถีเชย’ ด้วย ‘ความซื่อ’ ที่น่าอวด

(22 ต.ค.66) จากเฟซบุ๊ก ‘KUL’ โดย ‘นายกุลวิชญ์ สำแดงเดช’ ผู้ดำเนินรายการ Ringside การเมือง ได้โพสต์ข้อความถึงหนังไทยกระแสแรงอย่าง ‘สัปเหร่อ’ ที่กำลังไล่ล่าความสำเร็จและรายได้อย่างมากมาย ไว้ว่า…

“จริงใจ ไม่ปรุงแต่ง
10/10 #อวดดี

เราอาจจะเคยได้ยินพวกที่ป่าวประกาศว่ารักหนังไทย รักวัฒนธรรมไทย แต่กลับบูลลี่เหยียดหยันความเป็นวิถีไทย ว่า ‘เชย, ล้าหลัง’ ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม หนังเรื่องนี้ มองมุมต่าง ซึ่งจริงๆ หนังในจักรวาลไทยบ้านทุกเรื่อง คือ การเอาสิ่งที่บางคนกังขา มานำเสนออย่างตรงไปตรงมา

ความเป็นไทยบ้าน ที่ซื่อ ทื่อ ดิบ มันอาจจะไม่ศิวิไลซ์ แต่วัฒนธรรมแบบนี้ ก็สร้างคนให้เติบโตมาเป็นล้านๆ คน

ผมว่า คนนำเสนอ เขาภูมิใจในสิ่งที่เขาเป็นนะ และบางที การเป็นตัวเองนี่แหละคือดีที่สุด

มันไม่ต้องไปพยายามเป็นคนอื่นหรอก

นี่คือตัวอย่างของคำว่า วิถีไทย มันไม่น่าอาย มันโชว์ได้

มัน #อวดดีได้”

'นครพนม' ดึง ‘กรีน-ญิ๋งญิ๋ง’ รำบวงสรวงสะกด นทท. ในชุด ‘ระบำนาคนารี’ Soft Power สุดสง่า เสริมแรงส่งการท่องเที่ยวจังหวัดชายแดนอีสาน

เมื่อวานนี้ (19ต.ค.66) ที่ลานพญาศรีสัตตนาคราชพญานาคศักดิ์สิทธิ์ริมแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผวจ.นครพนม พร้อมด้วย นางสงวน จันทร์พร นายกเหล่ากาชาดนครพนม นางสาวกรอปแก้ว ปัญยารชุน รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานกลยุทธ์ ภาพลักษณ์และการสื่อสารองค์กร บริษัทเดอะวัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัดมหาชน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้นำชุมชนท้องถิ่น และประชาชน นักท่องเที่ยว ร่วมพิธีบวงสรวงถวายสักการบูชาต่อองค์พญาศรีสัตตนาคราช พญานาคศักดิ์สิทธิ์ นาคาธิบดีสองฝั่งโขง เพื่อเป็นสิริมงคล และส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดชายแดนอีสาน

นอกจากนี้เป็นการประกาศความพร้อมในการต้อนรับประชาชน นักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว งานประเพณีไหลเรือไฟ ในเทศกาลออกพรรษา ระหว่างวันที่ 20-30 ตุลาคม 2566

สำหรับไฮไลต์ ของงานจะมีขึ้นในคืนเดือนเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งเป็นวันออกพรรษา จะมีการไหลเรือไฟ สวยงามอลังการ จากชาวบ้านที่ได้ชื่อว่าเป็นศิลปินเรือไฟ สร้างจากไม้ไผ่มากกว่าลำละ 5,000 ลำ แล้วใช้กระป๋องกาแฟเป็นตะเกียงบรรจุน้ำมันก๊าด หรือน้ำมันดีเซล แขวนบนเส้นลวดประดับลวดลายตามจินตนาการ รวม 12 อำเภอ 

อีกทั้งยังได้รับความร่วมมือการส่งเสริม กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว  สืบสานประเพณีความเชื่อของคนแถบลุ่มน้ำโขงของทีมละครเรื่องพนมนาคา ที่กำลังออกอากาศทางช่องวัน 31 (one 31) เป็นที่นิยมของแฟนละครอยู่ในขณะนี้ โดยละครดำเนินเรื่องที่เกี่ยวกับความเชื่อสายมูพญานาค รวมถึงเรื่องลี้ลับพญานาค มีดารานักแสดงนำ คือ น้องกรีน-อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล ในบทแสดงเป็นตัวละคร ถึงสองบทบาท คือ “อนัญชลี” กับ “หมอเอเชีย” รวมถึง น้องญิ๋งญิ๋ง-ศรุชา เพชรโรจน์ ที่รับบทเป็นนางรอง “โสวันนี”

ในโอกาสนี้ทั้ง 2 นักแสดงสาวสวย ได้ร่วมรำบวงสรวง ในชุดระบำนาคนารี ถือเป็นการรำแสดงในพิธีศักดิ์สิทธิ์ถวายองค์พญานาคสองพี่น้อง อันตชัย กับ อเนกตชาติ พญานาคสองพี่น้อง แห่งเมืองพนมนาคา สร้างมนต์เสน่ห์ สวยงามอลังการ เป็นมนต์ขลังต่อสายต่อประชาชน นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังได้ร่วม รำบวงสรวงในชุดศรีโคตรบูรณ์ ร่วมกับนางรำชนเผ่านครพนม ถือเป็นการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จ.นครพนม

ด้าน น้องกรีน-อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล แสดงเป็นตัวละคร สองบทบาท คือ “อนัญชลี” กับ “หมอเอเชีย” รวมถึง น้องญิ๋งญิ๋ง-ศรุชา เพชรโรจน์ รับบทเป็นนางรอง “โสวันนี” เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้มา จ.นครพนม เมืองศักดิ์สิทธิ์ลุ่มแม่น้ำโขงอีสาน เชื่อมโยงตำนานความเชื่อพญานาค รวมถึงมีโอกาสมารำถวายองค์พญานาคศรีสัตตนาคราช เป็นสิริมงคลต่อทีมละคร และแก่ตนเอง ส่วนตัวยอมรับมีความเชื่อเรื่องพญานาค มีบ้างเกิดที่เรื่องลี้ลับในขณะการถ่ายละคร โดยน้องกรีนยอมรับ อินมากกับบทละครสองบทบาท ทั้งอนัญชลี รวมถึงหมอเอเชีย

สำหรับน้องญิ๋งญิ๋ง-ศรุชา เพชรโรจน์ ที่รับบทเป็น”โสวันนี” อยากให้แฟนละครติดตาม เพราะยังเหลืออีก 5 ตอน ก็ถึงตอนอวสานแล้ว จะมีเรื่องตื่นเต้นสนุกสนานมากกว่านี้แน่ ขอบคุณที่ให้การติดตาม และในโอกาส จ.นครพนม จะมีการจัดประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ ฝากเชิญชวนประชาชน นักท่องเที่ยว มาท่องเที่ยวเพราะเป็นจังหวัดที่สวยงาม และมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญหลายแห่ง มั่นใจว่าจะได้สัมผัสความสวยงาม และเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top