Tuesday, 25 March 2025
SOFT POWER

ผู้ผลิตกางเกงลายช้างเชียงใหม่ไม่หวั่น ‘จีน’ ผลิตแข่ง ลั่น!! ไม่กระทบ เพราะคุณภาพของไทยดีกว่าชัดเจน

(5 ก.พ. 67) นางกิ่งกาญจน์ สมร เจ้าของ บริษัท ชินรดา การ์เม้นท์ ผู้ผลิตกางเกงผ้าลายช้าง จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงกรณีที่จีนผลิตกางเกงลายช้างขายในตลาด ว่า โรงงานไม่ได้รับผลกระทบจากข่าวที่เกิดขึ้น ถือเป็นข่าวดีมีลูกค้ามาช่วยแนะนำโรงงาน

ทั้งนี้ สินค้าแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด สีอาจจะคล้ายกัน แต่ทุกอย่างต่างกันแน่นอน ของจีนมีตะเข็บเดียวเพราะประหยัดไป ขายถูก 30 บาท ใช้ผ้ายืด ผ้าหนังไก่ ลายไม่ตรง ไซส์เล็ก ไม่มีไซส์ใหญ่ ชาวต่างชาติใส่ไม่ได้ ขาไม่เท่ากัน สังเกตได้ ส่วนของไทยมีการออกแบบแพทเทิร์นของเอง ขึ้นลายเอง พิมพ์ลายเอง มีเกณฑ์คุณภาพและคิวซี หรือตรวจสอบคุณภาพสินค้าทุกชิ้น 

‘สว.วีระศักดิ์’ ชี้ ‘Soft Power’ ไม่ได้แปลว่า ‘ขายดี’ แต่ต้องมี ‘เสน่ห์’ ที่ทำให้คนปลื้มตาม

(1 ก.พ.67) วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ Weerasak Kowsurat’ ในหัวข้อ ‘Soft Power’ โดยระบุว่า…

"Soft Power ไม่ได้แปลว่า ขายดี
แต่แปลว่า มีพลังดึงดูด
หรือเสน่ห์ที่ผู้อื่นปลื้มตาม โดยไม่รู้ตัว...
เพราะถ้ารู้ตัว ก็ได้ผลเป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้นเอง..."

‘ผู้แทนการค้าฯ’ ชวน ‘อาเลีย บาตต์’ ถ่ายหนังในไทยเพิ่ม หวังโชว์ ‘วัฒนธรรม-อาหาร-สถานที่เที่ยว’ สู่สายตาชาวโลก

(29 ม.ค. 67) นางนลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย กล่าวถึงการได้พบกับ Alia Bhatt (อาเลีย บาตต์) นักแสดงชาวอินเดีย ผู้รับบท ‘คังคุไบ’ จากภาพยนตร์ฮิตเรื่อง Gangubai Kathaiwadi (หญิงแกร่งแห่งมุมไบ) โดยตนได้เชิญชวนให้คุณอาเลีย บาตต์ มาถ่ายภาพยนตร์ในไทยเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการมีนางเอกดังระดับโลกมาถ่ายทำภาพยนตร์ในไทยนั้นจะเป็นการเสริมสร้าง Soft Power ให้แก่ประเทศไทย โดยทุกอย่างที่คุณอาเลียทำ อาหารที่รับประทาน สถานที่ที่ไปจะเป็นกระแสและจะได้รับความนิยมจากฐานผู้สนับสนุนจากทั้งในอินเดียและประเทศอื่น ๆ ในชั่วข้ามคืน 

ซึ่งคุณอาเลีย บาตต์ นิยมเดินทางมาไทย โดยก่อนการหารือนั้นก็เพิ่งเดินทางกลับจากจังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้ ยังชื่นชอบอาหารไทยเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ ผัดไทย และที่สำคัญคือน้ำมะพร้าวซึ่งเป็นสิ่งแรกที่ต้องทานเมื่อเดินทางถึงไทย

นางนลินี เปิดเผยเพิ่มเติมว่าตนเองยังได้มีโอกาสหารือและชักชวนให้คุณ Sajid Nadiadwala เจ้าของบริษัทภาพยนตร์ชั้นนำของอินเดีย Nadiadwala Grandson Entertainment ซึ่งผลิตภาพยนตร์ไปแล้วกว่า 200 เรื่อง และมีภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง เช่น Kick หรือ Highway และยังเป็นประธานสภาผู้ผลิตภาพยนตร์และโทรทัศน์อินเดีย 11 สมัย โดยมีบริษัทผู้ผลิตในเครือราว 400 บริษัท สนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ Bollywood ในไทยเพิ่มเติม โดยชูจุดเด่นด้าน Soft Power ของไทยทั้งในแง่ของผู้คน วัฒนธรรม อาหาร และสถานที่ท่องเที่ยว

นางนลินี  ระบุว่า คุณ Sajid ยืนยันว่าผู้ผลิตภาพยนตร์อินเดียนิยมที่จะใช้ไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำ รวมถึงชื่นชมความสามารถด้านการแสดงของนักแสดงไทย โดยเฉพาะบทการต่อสู้และศิลปะแม่ไม้มวยไทย นอกจากนี้ ตนเองยังได้หารือถึงแนวการสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ของทางประเทศอื่น ๆ เช่น สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย หรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทั้งในรูปแบบการคืนเงินและการสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ต่าง ๆ เพื่อนำไปปรับปรุงแนวทางการสนับสนุนและดึงดูดการถ่ายทำภาพยนตร์ของต่างชาติในไทยต่อไป

“การถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยจะเป็นโอกาสสำคัญในการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของไทยไปสู่สังคมโลก รวมทั้งยังจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงเงินเข้าประเทศ รวมถึงก่อให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่อีกด้วย” นางนลินีฯ กล่าวทิ้งท้าย

ห้ามพลาด!! ‘ไอศกรีมทศกัณฐ์-หนุมาน’ ของดี ณ สัทธา อุทยานไทย เชื่อมโยงลายกระเบื้องพระปรางค์วัดอรุณฯ ปลุกกระแสความเป็นไทย

(25 ม.ค. 67) กลายเป็นกระแสฮือฮาอีกครั้งของไอศกรีม 3D ที่เพิ่งกลายเป็นกระแสไวรัลอย่างรวดเร็ว ‘ไอติมปลาทู’ ซอฟต์พาวเวอร์ของ จ.สมุทรสงคราม ที่มีนักท่องเที่ยวแห่ชิมเพียบ ทำเอายอดผลิตไม่ทัน หรือจะเป็นต้นตำหรับที่มาแรง ไอศกรีมลายกระเบื้องพระปรางค์วัดอรุณฯ 2 รสชาติแห่งความเป็นไทย ที่ลงใส่ตู้ไอศกรีมครั้งใดต้องหมดเกลี้ยงตู้ในแต่ละวัน

ล่าสุดที่ ณ สัทธา อุทยานไทย อ.บางแพ จ.ราชบุรี ได้ผลิต ‘ไอศกรีมรามเกียรติ์ ทศกัณฐ์ และหนุมาน’ หน้าตาสุดน่ารัก 4 รสชาติ คือ รสน้ำมะพร้าวน้ำหอมอัญชัน รสน้ำมะพร้าวน้ำหอมใบเตย รสนมชมพู และรสชาไทย ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากไอศกรีมลายกระเบื้องพระปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ที่สื่อถึงความเป็นไทย ทำให้นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวเน็ต ต่างพากันไปอุดหนุน เรียกได้ว่าลงกี่รอบก็หมดทุกรอบ นอกจากจะได้ชิมรสชาติของไอศกรีมแล้ว ยังสนุกกับการได้ถ่ายภาพไอศกรีมกับมุมต่างๆ ของพระปรางค์วัดอรุณฯ ด้วย

ซึ่งภายใน ณ สัทธา อุทยานไทย เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของ จ.ราชบุรี ที่นักรีวิวต่างพากันไปรีวิว จนมีนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศไทยเดินทางไปเที่ยวชมความงามของเทศกาลงานไฟร้อยล้านดวง และชมบรรยากาศความเป็นไทยๆ ที่มีการจำลองแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอย่าง ลานพระพุทธรูป 4 สมัย หรือจะเป็นบ้านทรงไทย หุ่นขี้ผึ้งของบุคคลสำคัญต่างๆ และพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของเมืองไทย

คุณพลอยพรรณ ขัตติยากรจรูญ เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด ณ สัทธา อุทยานไทย หนึ่งในเจ้าของไอเดียร์ไอศกรีมรามเกียรติ์ กล่าวว่า ไอเทมของไอศกรีม 3D กลายเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว ทาง ณ สัทธา อุทยานไทย ได้ออก ‘ไอศกรีมรามเกียรติ์ ทศกัณฐ์ และหนุมาน’ ชวนนักท่องเที่ยว พาทศกัณฐ์ กับหนุมาณ ไปเดินเที่ยวเซลฟี่กับุมมต่างๆ ภายใน ณ สัทธา อุทยานไทย 

โดยภายหลังจากเพจสื่อท้องถิ่นราชบุรี ได้นำ ‘ไอศกรีมรามเกียรติ์ ทศกัณฐ์ และหนุมาน’ ไปเผยแพร่ ปรากฏว่ามีผู้สนใจเข้ามาชม กดไลก์ กดแชร์เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่บอกว่าไอศกรีมรามเกียรติ์มาถึงราชบุรีแล้ว ต้องมาลองชิมให้ได้

ซึ่ง คุณพลอยพรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ‘ไอศกรีมรามเกียรติ์ ทศกัณฐ์ และหนุมาน’ ตอนนี้เราได้ออกมา 4 รสชาติ คือ รสน้ำมะพร้าวน้ำหอมอัญชัน รสน้ำมะพร้าวน้ำหอมใบเตย รสนมชมพู และรสชาไทย โดยเราผลิตเพียงวันละ 100 แท่งเท่านั้น จำหน่ายแท่งละ 99 บาท โดยเราใช้สูตรของทาง ณ สัทธา อุทยานไทย ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น มะพร้าวน้ำหอมจากสวน อ.ดำเนินสะดวก มาเป็นรสชาติหลักที่จะให้ความหอมเป็นไทยๆ จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการผลิตไอศกรีม ก่อนจะเทลงในแม่พิมพ์ จากนั้นนำไปฟรีซให้ไอศกรีมแข็งตัว เป็นเวลา 1 วัน จากนั้นนำมาบรรจุถุงจำหน่าย ตอนนี้กระแสดีมาก ได้รับการตอบรับดีจริงๆ มีนักท่องเที่ยวมาถามหากันตลอด จนผลิตกันไม่ทัน

ทั้งนี้ ตนจึงอยากจะเชิญชวนนักท่องเที่ยวได้พา ‘ทศกัณฐ์ กับ หนุมาน’ ไปเดินเที่ยวเซลฟี่กับุมมต่างๆ ภายใน ณ สัทธา อุทยานไทย ทั้งกลางวันและกลางคืน รับรองสวยทุกมุม สำหรับท่านที่สนใจจะมาซื้อไอศกรีม ‘ทศกัณฐ์ กับ หนุมาน’ ทางเราจัดสถานที่จำหน่ายไว้ 3 จุด ซึ่งได้แก่
จุดแรก ที่ร้านอาหารรสสัทธา จุดที่สอง เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ และจุดที่สาม ร้านกาแฟหน้าน้ำตก ภายใน ณ สัทธา อุทยานไทย หรือโทรสอบถามได้ที่ 032-383-333 และ 081-5272782

‘สาวไทย’ สุดภูมิใจ!! ถือพาสปอร์ตไทยโชว์ทุกครั้งที่เยือนต่างประเทศ ตั้งใจ!! ‘แต่งตัวสวย-พูดเพราะ’ โชว์ความงามแบบไทย ให้ต่างชาติจดจำ

(25 ม.ค. 67) เพจ ‘ประเทศไทยต้องชนะ’ ได้แชร์เรื่องราวน่าประทับใจที่สาวไทยเจ้าของเพจ ‘The Diceland : เรื่องเล่าของไดซ์’ ออกมาระบุว่าภูมิใจที่ได้ถือพาสปอร์ตไทย และจะถือโชว์ทุกครั้งที่ไปต่างประเทศ โดยระบุว่า…

พลัง Soft Power ไทย!! 🇹🇭 สาวสุดภูมิใจ เวลาเที่ยวต่างประเทศ มักถือพาสปอร์ตไทยโชว์ตลอด อยากให้คนรู้ว่า “นี่แหละคนไทย”

สาวไทยเจ้าของเพจดังรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความเล่าเรื่องระหว่างที่เธอเดินทางไปต่างประเทศ ผ่านเพจ The Diceland : เรื่องเล่าของไดซ์ ระบุข้อความว่า “ช่วงนี้มีสิ่งที่ชอบทำอย่างหนึ่ง อยู่สนามบินยุโรป ชอบถือพาสปอร์ตไทยโชว์หลาตลอดไม่เก็บเข้ากระเป๋า ยิ่งคนมองยิ่งชอบมากกกกก ภูมิใจอยากให้เขารู้ว่าสวย ๆ แบบนี้อะเป็นผู้หญิงไทย #พลังSoftPowerไทย”

ทั้งนี้ ยังระบุอีกว่า “ไดซ์จะแต่งตัวดี ถูกกาลเทศะ และพูดเพราะเสมอ ส่งต่อเป็นนัย ๆ ว่าประเทศไทยมีแต่คนสวย ๆ อยากให้เขามาเที่ยวกันเยอะ ๆ”

นอกจากนี้เธอยังคอมเมนต์ใต้โพสต์ของเธอเองเอาไว้ด้วยอีกว่า “หากใครใช้ Reels จะบอกว่าตอนนี้เรื่องท่องเที่ยวและ Thai Accent การพูดภาษาอังกฤษสำเนียงแบบไทย และหางเสียงบ้านเราดังมากนะ เช่น ok naa , thank you ka แบบไปนั่งอ่าน เขาบอกน่ารัก เป็นเรื่องความทรงจำ มันทำให้ฝรั่งคิดถึงเมืองไทย”

'กางเกงแมวโคราช' เด็ด!! โผล่แฟชันไอเทมในเกมดังระดับโลก อวดซอฟต์พาวเวอร์ไทย แถมสร้างมูลค่าได้ถึง 363 ล้านบาท

(22 ม.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากหอการค้าจังหวัดนครราชสีมาได้เปิดตัว กางเกงแมวโคราช ไปเมื่อช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา ได้เกิดกระแสกางเกงแมวโคราชเป็น Soft Power ดังไปทั่วประเทศ

ล่าสุดทางคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ได้ร่วมมือกับภาครัฐ และเอกชน ผลักดันกางเกงแมวโคราชสู่ระดับนานาชาติผ่านไอเทมในเกมออนไลน์ อย่างเช่น เกม Free Fire นับเป็นการต่อยอดการประยุกต์ใช้ดิจิทัลคอนเทนต์จากอุตสาหกรรมเกมและอีสปอร์ตที่กำลังเติบโต เพื่อร่วมส่งเสริมผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ที่สะท้อนวัฒนธรรม เรื่องราวและเสน่ห์ของประเทศไทย นำไปสู่การสร้าง Soft Power ต่อไปในอนาคต โดยมีรายงานว่า กางเกงแมวโคราช ใน skin ในเกม Free Fire ได้ Free Media รวมมูลค่าถึง 363 ล้านบาท

นายจิรพิสิฐ์ รุจน์เจริญ ประธาน YEC (Young Entrepreneur Chamber of Commerce) หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า เราได้นำผลิตภัณฑ์กางเกงแมวโคราชเข้าไปร่วมเป็นแฟชั่นไอเทมชิ้นใหม่ในเกม Free Fire ซึ่งเป็นเกมชื่อดังระดับโลก โดยในแต่ละไตรมาสสามารถเข้าถึงผู้เล่นได้มากกว่า 568 ล้านคน จากกว่า 160 ประเทศทั่วโลก

นับเป็นการสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับผู้เล่นเกม ด้วยการนำเสนอคอนเทนต์ที่พาผู้เล่นทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ ได้สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีความแปลกใหม่ เป็นการเผยแพร่เสน่ห์ของประเทศไทยในมุมใหม่ ๆ ออกไปสู่สายตาต่างชาติ และคาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้เล่นทั่วโลก โดยได้มีการเปิดตัวไอเทมกางเกงแมวโคราชพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 10 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา

‘เมืองโบราณศรีเทพ’ มรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 4 ของไทย

การประกาศขึ้นทะเบียน ‘เมืองโบราณศรีเทพ’ เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 4 ของไทย  เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 66 ที่ผ่านมา ได้สร้างความปลื้มปีติยินดีแก่คนไทยทั้งประเทศ 

โดยความภาคภูมิใจนี้ เกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ที่เล็งเห็นความสำคัญและคุณค่าของเมืองโบราณศรีเทพ จึงได้เสนอขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) เพื่อพิจารณาให้ขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก เมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2562 

โดยขอขึ้นทะเบียน เมืองโบราณศรีเทพ และแหล่งต่อเนื่อง จำนวน 3 แหล่ง ได้แก่…

>> เมืองโบราณศรีเทพ
>> โบราณสถานเขาคลังนอก
>> โบราณสถานถ้ำเขาถมอรัตน์

ต่อมาเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ได้จัดทำเอกสารนำเสนอเมืองโบราณศรีเทพขึ้นบัญชีแหล่งมรดกโลกฉบับสมบูรณ์แล้วเสร็จ นำส่งยังศูนย์มรดกโลก หรือ UNESCO 

หลังจากนั้น สภาการโบราณสถานระหว่างประเทศ (ICOMOS) ส่งผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจประเมินเมืองโบราณศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อพิจารณาพื้นที่และองค์ประกอบว่าสอดคล้องกับเอกสารหรือไม่ มีคุณค่าสำหรับชาวโลก มากน้อยเพียงใด และสมควรที่ชาวโลกจะช่วยกันอนุรักษ์หรือไม่ เมื่อเดือนกันยายน 2565

จากความพยายามเมื่อปี 2562 มาจนถึงปัจจุบัน ผลของการทำงานตั้งแต่รัฐบาลลุงตู่ ก็ประสบความสำเร็จ UNESCO ได้ขึ้นทะเบียน ‘อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ’ เป็นแหล่งมรดกโลกภายใต้ชื่อ ‘เมืองโบราณศรีเทพและโบราณสถานทวารวดีที่เกี่ยวเนื่อง’ (The Ancient Town of Si Thep and its Associated Dvaravati Monuments) นับว่าเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งที่ 4 ของประเทศไทย

ระยะเวลากว่าที่ ‘เมืองโบราณศรีเทพ’ จะได้รับเลือกเป็น ‘มรดกโลก’ ต้องผ่านห้วงเวลายาวนานถึง 4 ปี

สำหรับประวัติของเมืองโบราณศรีเทพ ก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2447 หรือประมาณ 118 ปีที่ผ่านมา ‘สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ’ ทรงค้นพบเมืองโบราณศรีเทพ ที่ถูกทิ้งร้างอยู่กลางป่า โดยแต่เดิมชาวบ้านเรียกว่า ‘เมืองอภัยสาลี’ ต่อมา สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ พบเมืองโบราณขนาดใหญ่ใกล้กับเมืองวิเชียรบุรี ซึ่งเมืองวิเชียรบุรีนั้น มีชื่อเดิมว่า ‘เมืองท่าโรง’ และ ‘เมืองศรีเทพ’ จึงทรงมีพระวินิจฉัยว่า ชื่อเมืองโบราณแห่งนี้ น่าจะเป็นต้นเค้าของการเรียกชื่อเดิมของเมืองวิเชียรบุรีว่า ‘เมืองศรีเทพ’

ต่อมากรมศิลปากร ได้ทำการสำรวจขึ้นทะเบียนอนุรักษ์และพัฒนา จนกระทั่งจัดตั้งเป็นอุทยานประวัติศาสตร์เมื่อ พ.ศ. 2527 ซึ่งตลอดเวลาดังกล่าว ได้มีการศึกษาวิจัย โดยนักวิชาการทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลได้เห็นถึงความสำคัญของเมืองโบราณแห่งนี้ จึงมอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร ดำเนินงานอนุรักษ์และพัฒนาเมืองโบราณศรีเทพอย่างต่อเนื่อง

ไม่เพียงเท่านี้ ปัจจุบันประเทศไทย ยังได้นำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม เพื่อขึ้นบัญชีเบื้องต้นแหล่งมรดกโลก (Tentative List) ซึ่งคาดว่าจะเข้าที่ประชุมมรดกโลกของยูเนสโกในปี 2567 อีกด้วย อาทิ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จ.อุดรธานี

ก็หวังว่าจะได้ยินข่าวดีอีกครั้งในเร็ววัน!!

#เหตุการณ์ที่ต้องจำ

‘สงกรานต์’ เทศกาลระดับโลก มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้

ย้อนกลับไปวันที่ 6 ธ.ค. ที่ผ่านมา นับเป็นข่าวดีส่งท้ายปีสำหรับคนไทย เมื่อองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก พิจารณาประกาศขึ้นทะเบียน ‘สงกรานต์ในประเทศไทย’ (Songkran in Thailand, traditional Thai New Year festival) ให้เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ในที่ประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ครั้งที่ 18 ที่เมืองคาเซเน สาธารณรัฐบอตสวานา

สำหรับคำว่า ‘สงกรานต์’ มาจากภาษาสันสกฤต ที่มีความหมายว่า ‘การเปลี่ยนผ่านของดวงดาว’ หรือ ‘การเปลี่ยนแปลง’ โดยเชื่อว่าในวันสงกรานต์ เป็นช่วงเวลาการเคลื่อนย้ายของจักรราศี อีกนัยหนึ่งก็คือการเคลื่อนสู่ปีใหม่ ทำให้คนไทยยึดถือวันสงกรานต์เป็น ‘วันขึ้นปีใหม่ไทย’ มาตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะในอดีตประเทศสยามใช้วันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่ทางการจนกระทั่ง พ.ศ. 2431 ประกาศให้วันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ 1 เมษายน จากนั้นใน พ.ศ. 2484 จึงเปลี่ยนเป็นวันที่ 1 มกราคมมาจนถึงทุกวันนี้

เทศกาลสงกรานต์เป็นประเพณีเก่าแก่ของไทยที่มีความสวยงามและเต็มไปด้วยบรรยากาศของความกตัญญู ความสนุกสนาน และความอบอุ่น จากกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การเล่นน้ำ ประแป้ง รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระ ยิ่งใครที่อยู่ห่างไกลครอบครัว ก็จะเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อเฉลิมฉลองและกล่าวคำอวยพรให้แก่กัน ดังนั้น ปัจจุบันปฏิทินไทยจะกำหนดให้เทศกาลสงกรานต์ตรงกับวันที่ 13-15 เมษายนของทุกปี และเป็นวันหยุดราชการ

สำหรับคนที่เกิดและเติบโตในไทย ก็คงคุ้นเคยกับเทศกาลนี้เป็นอย่างดี โดยแต่ละวันก็มีความหมายแตกต่างกันดังนี้

วันที่ 13 เรียกว่า ‘วันมหาสงกรานต์’ หมายถึง วันที่พระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษอีกครั้ง หลังจากผ่านเข้าสู่ราศีอื่น ๆ จนครบ 12 เดือน อีกทั้ง รัฐบาลได้กำหนดให้เป็น ‘วันผู้สูงอายุแห่งชาติ’

วันที่ 14 เรียกว่า ‘วันเนา’ แปลว่า วันอยู่ หมายถึง วันที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษอันเป็นราศีตั้งต้นปีเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว และรัฐบาลได้กำหนดให้เป็น ‘วันครอบครัว’

วันที่ 15 เรียกว่า ‘วันเถลิงศก’ เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ ถือเป็นวันเริ่มศกใหม่ การกำหนดให้อยู่วันนี้ ก็เพื่อให้แน่ใจว่าดวงอาทิตย์โคจรขาดจากราศีมีนมาสู่ราศีเมษแล้วอย่างน้อย 1 องศา

นอกจากนี้ เทศกาลสงกรานต์ นับเป็นเทศกาลที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมากเช่นกัน โดย ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์พาวเวอร์ ได้กำหนดแผนงานซอฟต์พาวเวอร์ ปี 2567 เล็งผลักดันการเล่นน้ำสงกรานต์ตลอดทั้งเดือนเมษายน หวังทำให้ประเทศไทยติด 1 ใน 10 ประเทศสุดยอดเฟสติวัลโลก

นอกจากเล่นน้ำในวันสงกรานต์ 13-15 เมษายนแล้ว ยังมี ‘วันไหล’ ที่มักจะจัดหลังวันสงกรานต์ประมาณ 5-6 วัน โดยสถานที่เด่น ๆ ที่เรามักจะเห็นกันก็คือ วันไหลบางแสน, วันไหลพัทยา, วันไหลพระประแดง, วันไหลระยอง และวันไหลชลบุรี

#เหตุการณ์ที่ต้องจำ
 

‘เจ็ตสกีเวิลด์คัพ’ ประกาศความสำเร็จต้นแบบงานกีฬาซอฟต์พาวเวอร์ สร้างประโยชน์ชาติ 4 ด้าน พร้อมเปิดศึกเมืองพัทยา 13-17 ธ.ค.นี้

‘ศึกเจ็ตสกีเวิลด์คัพ’ ประกาศความสำเร็จสมบูรณ์แบบในฐานะต้นแบบงานกีฬาซอฟต์พาวเวอร์ไทย และสปอร์ตทัวริซึ่ม ‘WGP#1 Waterjet World Cup, Thailand Grand Prix 2023’ พร้อมจัด 13-17 ธันวาคม 2566 ณ หาดจอมเทียน เมืองพัทยา และก้าวขึ้นเป็นคอนเทนต์กีฬาเจ็ตสกีพรีเมียม อันดับที่ 1 ของโลก ที่สร้างประโยชน์หลักชาติไทย 4 ด้าน ได้แก่ นำเข้าผู้ร่วมกิจกรรมจากทั่วโลกกว่า 3,000 คน เติบโตขึ้นเทียบชั้น ‘มหกรรมกีฬา’ สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน, ประชาสัมพันธ์เมืองไทยโดยถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียม 121 ประเทศ ผู้ชมกว่า 100 ล้านคน, นำกีฬาไทยขึ้นเป็นแบรนด์กีฬาความเร็วโลก และยกระดับสร้างชื่อเสียงชาติไทยในฐานะผู้บริหารกีฬาโลก

เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 66 จากการแถลงข่าวร่วมกันของ คุณณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, คุณสุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ, คุณ วีรพงศ์ พงศ์สวัสดิ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, คุณวงศ์สถิตย์ สุวรรณสุทธิ ผู้จัดการฝ่ายตลาดหล่อลื่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน), ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ นายกสมาคมกีฬาเจ็ตสกีแห่งประเทศไทย และ พล.ต.อ. เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ในฐานะประธานอำนวยการ จัดการแข่งขันฯ เปิดเผยว่า…

‘WGP#1 โมเดล’ เป็นโมเดลการพัฒนาแบรนด์ทัวร์นาเมนต์กีฬาไทย เพื่อให้เกิดการเติบโตด้านทรัพย์สินทางปัญญา และพัฒนากีฬาไทยสามารถแข่งขันกับนานาชาติได้อย่างยั่งยืนบนเวทีโลกขณะนี้ กล่าวได้ว่า ทัวร์นาเมนต์ ‘WGP#1 Waterjet World Cup, Thailand Grand Prix 2023’ ที่จะเริ่มแข่งขันวันที่ 13-17 ธันวาคม 2566 ณ เมืองพัทยา ประเทศไทย ได้ก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จ สร้างความเชื่อถือต่อคณะนักกีฬา ได้รับความสำคัญเป็นทัวร์นาเมนต์กีฬาเจ็ตสกี อันดับที่ 1 ของโลก อย่างเป็นทางการแล้ว มีจำนวนทีมแข่งนานาชาติ นักกีฬามือหนึ่งของโลกมากกว่าทุกๆ ทัวร์นาเมนต์

ทัวร์นาเมนต์ WGP#1 ของไทย กำลังมีอิทธิพลด้านซอฟต์พาวเวอร์ครอบคลุมกว่า 55 ชาติ ในการแข่งขันบนทวีปต่างๆ ประเทศไทยมีเครื่องมือการขยายงานที่สำคัญคือ ‘การเป็นเจ้าของทัวร์นาเมนต์ เจ็ตสกีเก็บคะแนนชิงแชมป์โลก’ หรือ ‘World Series’ ที่จัดบนทวีปหลักของโลก 3 ทวีป ได้แก่ ทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา และทวีปเอเชียที่ประเทศไทย โดยขณะนี้ WGP#1 ได้เติบโตขึ้นเป็นผู้ควบคุมนโยบายการแข่งขันกีฬาเจ็ตสกีทั่วโลกในปัจจุบัน

งานหลักที่ขับเคลื่อนเป็นสิ่งแรก ก็คือ สนามตัดสินชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นคอนเทนต์ที่ดีที่สุดในโลก ต้องอยู่ที่ประเทศไทย เพื่อนำเข้าทีมงานรวมกว่า 3,000 คน และสามารถสร้างการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของภาครัฐด้วย ที่จะผลักดันเป็นโครงการสปอร์ตทัวริซึ่ม ที่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายรัฐบาล ยังไม่รวมด้านผู้ชมอีกกว่า 5,000 คน ใน 4 วัน จึงเท่ากับทัวร์นาเมนต์กีฬาครั้งนี้ จะขับเคลื่อนผู้ร่วมกิจกรรมกว่า 8,000 คน

การเติบโตนี้พัฒนาถึงขั้น ‘มหกรรมกีฬานานาชาติ’ แล้ว ตอบสนองด้านการสร้างเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวได้ดี เป็น 1 ใน 4 เป้าหมายของ WGP#1 ด้านที่ 2 คือ การสร้างโอกาสประชาสัมพันธ์ประเทศไทยไปบนเวทีโลก โดยถ่ายทอดสดออกไป 121 ประเทศ มีผู้ชมกว่า 100 ล้านคน ด้านที่ 3 นำกีฬาไทยขึ้นเป็นแบรนด์กีฬาความเร็วโลก ซึ่งสร้างประโยชน์ต่อยอดได้อีกหลายมิติ และด้านที่ 4 ยกระดับสร้างชื่อเสียงของชาติไทย ในฐานะผู้บริหารกีฬาโลก สร้างเกียรติยศด้านกีฬาอย่างสูง ทั้งหมดเป็นความสำเร็จที่จะเกิดขึ้น ขอขอบคุณการสนับสนุนของ การกีฬาแห่งประเทศไทย, กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, โตโยต้า, การบินไทย, สยามวอเตอร์คราฟ, เทอมินอล 21, บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน), ฟรีด้อมเรซซิ่ง, JETPILOT โรงแรมดิวารี, เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี, สมาคมกีฬาเจ็ตสกีโลก IJSBA และสมาคมกีฬาเจ็ตสกีแห่งประเทศไทย

‘นายกฯ’ ดัน ‘มวยไทย’ ซอฟต์พาวเวอร์เบอร์ 1 ของไทย เล็งต่อยอดอาชีพนักมวย - สร้างรายได้จากทุกมิติ

(8 ธ.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง แถลงภายหลัง นายพิมล ศรีวิกรม์ กรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ด้านกีฬา นำผู้บริหาร One Championship พร้อม ร.ท.สมบัติ บัญชาเมฆ หรือ ‘บัวขาว บัญชาเมฆ’ และคณะ เข้าเยี่ยมคารวะนายกฯ ว่า 

“ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่ามวยไทยเป็นซอฟต์พาวเวอร์อันดับต้นของประเทศไทย เป็นกิจกรรมที่มีคำว่าไทยอยู่ด้วย และมวยไทยให้คุณค่าซอฟต์พาวเวอร์ความเป็นไทยเยอะ ตัวอย่าง ค่ายมวยไทยในประเทศอังกฤษมีประมาณ 5 - 6 พันแห่ง จึงเป็นซอฟต์พาวเวอร์อันดับ 1 ที่ถูกส่งไปทั่วโลก มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล มีการถ่ายทอดสดเป็น live Streaming รวมไปถึงการขายสินค้าและอุปกรณ์ เช่น กางเกงมวย นวม ที่ทำประโยชน์ให้ประเทศไทย กีฬามวยไทยถึงแม้นักมวยจะอายุมากถึง 41 ปี เหมือนนายบัวขาว ถ้ารักษาตัวดี ก็ยังสามารถเป็นความหวังและแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ ที่อยากเข้ามามีส่วนร่วมกับกิจกรรมมวยไทย 

นอกจากนั้น คนไทยอยากมีอาชีพที่มั่นคง เพราะหากย้อนไป 30 - 40 ปีที่แล้ว อาชีพนักมวยมีระยะสั้น อายุนักมวยที่ขึ้นชกก็สั้นบางคนแค่ 3 - 4 ปี แต่หากดูแลตัวเองดีอายุ 40 - 50 ปี ก็ยังขึ้นชกได้ หากไม่อยากชกต่อก็สามารถเอามวยไทยไปบรรจุในกิจกรรมอื่น เช่น ในวิชาพลศึกษา หรือตั้งค่ายมวยในต่างประเทศ และจะเป็นช่องทางขยายอาชีพให้กับนักมวยไทย เช่นเดียวกับนักฟุตบอล ที่ไปเป็นโค้ด หรือผู้ฝึกสอนให้กับหลายสโมสร เป็นการต่อยอดอาชีพที่มั่นคงสร้างรายได้ต่อไป จากนี้จะเป็นการคิกออฟซอฟต์พาวเวอร์อันดับ 1 ของประเทศได้”

นายเศรษฐา กล่าวว่า “รายการ One Championship มีการถ่ายทอดสดและมีผู้ชมหลายร้อยล้านคน ทำให้แปลกใจ เหตุใดมีผู้ชมจำนวนมาก ทำให้คิดว่ามวยไทยเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่มีศักยภาพสามารถไปได้อีกไกลมาก และทำรายได้ให้ประเทศ โดยเชื่อมโยงไปกับการท่องเที่ยว เช่น เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.ภูเก็ต มีการเข้าแคมป์เรียนมวยไทย ขณะที่เวทีมวยราชดำเนิน เวทีมวยลุมพินี เป็นศูนย์รวมขนาดใหญ่ใครอยากเรียนชกมวยก็มาเยี่ยม จึงต้องมีการส่งเสริม ทั้งนี้ ในวันที่ 22 ธ.ค.จะมีการแข่งขันศึกชิงแชมป์โลกมวยไทย ที่เวทีมวยลุมพินี และถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ตนจะถือโอกาสเดินทางไปเยี่ยมชมการแข่งขัน”

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลมีแนวทางจะผลิตนักมวยอย่างไร เพื่อส่งเสริมให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ต้องมีหลายด้าน ทั้งการดูเรื่องตรวจคนเข้าเมือง ที่ต้องประสานกระทรวงการต่างประเทศ เพราะมีนักมวยไทยหลายคนอยากไปสอน และตั้งค่ายมวยในต่างประเทศ แต่ใช้วีซ่านักท่องเที่ยวทำให้ผิดกฎการเข้าเมือง ขณะที่คนที่สนใจกิจกรรมมวยไทย และอยากเข้ามาเรียนมวยไทย ทางกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทย ต้องอำนวยความสะดวกให้คนที่เข้ามาคนที่เข้ามา”

เมื่อถามว่า อยากเห็นปลายทางของมวยไทยอย่างไร อยากให้มวยไทยไปทั่วโลก หรือให้นักท่องเที่ยวและนักมวยต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทย นายเศรษฐา กล่าวว่า “ที่ถามมาเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่เราอยากสร้างรายได้เสริมให้คนที่ต้องการมาทำกิจกรรมมวยไทย ตั้งแต่ผู้ผลิตกางเกงเจ้าของสนามมวย การท่องเที่ยว สำคัญที่สุดคือต่อยอดอาชีพให้นักมวยไทย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ นายกฯ ได้โชว์เข็มขัดแชมป์เปี้ยนโลก WBC ขนาดย่อ ที่สวมข้อมือด้านขวาให้ผู้สื่อข่าวบันทึกภาพ ส่วนเข็มขัดของจริง ประธานสภามวยโลกจะเป็นผู้นำมาโชว์ในงานอะเมซซิ่งมวยไทย ที่จัดระหว่างวันที่ 2 - 5 ก.พ. 2567


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top