Monday, 7 July 2025
NEWS FEED

‘เจ้าหนี้’ ทุ่มจ่ายค่าทนาย 8 พันบาท ฟ้องลูกหนี้ หลังโดนชักดาบเงิน 2,266 บาท นานเกือบปี

เอาให้เข็ด เจ้าหนี้ยอมจ่ายค่าทนาย 8,000 บาท ฟ้องร้องเรียกเงินลูกหนี้ 2,266 บาท หลังเอาของไปขายแต่ผลัดจ่ายนานเกือบปี ดัดนิสัยพวกชอบชักดาบ

ปัญหาลูกหนี้ ถือว่าเป็นปัญหาที่สร้างความปวดหัวให้เจ้าหนี้เป็นอย่างมาก เพราะลูกหนี้บางคนเข้ามาขอยืมเงินแล้วไม่คืน ทั้งที่สัญญาอย่างดีว่าจะคืนเงินตรงเวลา แต่สุดท้ายกลับเงียบหาย ขณะที่ลูกหนี้บางคนก็หัวหมอบอกไม่หนี ไม่มี ไม่จ่าย จนกลายเป็นเรื่องฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลมาเป็นจำนวนมาก

ล่าสุดได้มีผู้เฟซบุ๊ก ณิชารีย์ พูนศรี (ทนายน้ำหวาน) เผยเรื่องราวของ เจ้าหนี้ให้ทนายฟ้องเรียกเงินค่าสินค้า 2,266 บาท หลังลูกหนี้เบี้ยวไม่ยอมจ่าย แม้จะต้องเสียค่าทนาย 8,000 บาท ก็ยอม โดยระบุว่า

นาทีระทึก!! ‘นักเรียน ม.2’ ถูกคนร้ายบุกยิงดับ หน้ามัสยิด ในปัตตานี จนท. เร่งตามล่าผู้ก่อเหตุ คาดหลบหนี ‘อ.ยะรังฯ’

เด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.2 นั่งอยู่กับแม่หน้ามัสยิด ถูกคนร้ายขับรถมายิง เสียชีวิต 1 ราย ที่ ปัตตานี
.
(10 มี.ค.66)  เวลาประมาณ 08.35 น. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุเหตุใช้อาวุธปืนยิง ที่ม้านั่งหินขัด หน้ามัสยิดดารุสนัดวะตุสอิสลามียะห์บริเวณโรงเรียน ประชารักษ์ ม.6 ต.ปุยุค อ.เมือง จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เป็นนักเรียน ชั้น ม.2 ทราบชื่อ ด.ญ.กูตักวา เงินสองสี อายุ 14 ปี ชาวปัตตานี ถูกกระสุนปืนเข้าบริเวณหน้าอกด้านซ้าย นำส่งโรงพยาบาลปัตตานี และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

เรื่องดีที่น่าสนับสนุน ‘ประชาธิปัตย์’ รับลูก ‘อ.ไข่’ ชง พ.ร.บ.สภาศิลปะฯ เชื่อช่วยหนุนซอฟต์พาวเวอร์ไทยโดดเด่นบนเวทีโลก

(10 มี.ค.66) ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค, นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม., คุณวทันยา บุนนาค หรือ มาดามเดียร์ ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง ได้ร่วมกันรับ หนังสือ ร่าง พ.ร.บ.สภาศิลปะ ศิลปิน และวัฒนธรรมแห่งชาติ จาก อาจารย์ไข่ มาลีฮวนน่า และคณะ

โดย นายจุรินทร์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ยินดีที่จะสนับสนุน ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ที่ถือว่าเป็นการรวมตัวเพื่อตั้งให้เป็นสภาวิชาชีพ ซึ่งจะรวมทั้งศิลปินและด้านศิลปวัฒนธรรมเข้ามาด้วย สำหรับในส่วนของพรรค ก็ได้มีการยกร่าง พ.ร.บ.ที่มีลักษณะใกล้เคียงกันอยู่แล้ว ดังนั้นจะได้รับร่างฯ จากทางศิลปิน หรือภาคประชาชน ซึ่งในภาพรวมแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ยินดีสนับสนุนโดยมีหลักการใหญ่คือ ต้องการให้ศิลปินทุกแขนงที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมระดับชาติ และพื้นบ้าน ได้มีสภาวิชาชีพเป็นของตัวเองขึ้นมา ซึ่งสอดคล้องกับแนวนโยบายของพรรค และจะช่วยดำเนินการทุกวิถีทางให้กฎหมายฉบับนี้ออกมาให้ได้ต่อไปในอนาคต

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.ที่ประชาธิปัตย์ ได้เตรียมไว้ว่า เป็นร่างที่มีลักษณะไม่แตกต่างกันแบบฟ้ากับดิน แต่มีหลักการใหญ่เหมือนกัน คือ สนับสนุนให้มีสภาวิชาชีพทางด้านนี้ ส่วนรายละเอียดจะเป็นเรื่องของตัวกฎหมาย ซึ่งเมื่อถึงเวลา หากสภารับหลักการก็จะมีการตั้ง กรรมาธิการเข้าไปพิจารณาอยู่แล้ว ซึ่ง กมธ.ชุดดังกล่าวก็จะประกอบด้วยผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองต่างๆ และตัวเจ้าของร่าง รวมถึงศิลปินทั้งหลายที่จะต้องเข้าไปร่วมเป็น กมธ.อยู่แล้ว โดยเฉพาะประชาธิปัตย์ ก็ยินดีเสนอตัวแทนเข้าไปเพิ่มเติมได้ 
 

ขออากาศสะอาด ‘นพดล’ จี้ รบ. แก้ไขพิษฝุ่น PM 2.5 อย่างเข้มงวด ลั่น!! “อย่าปล่อยปัญหาฝุ่น กัดกร่อนสุขภาพคนไทย”

พท.กระทุ้ง รบ.แก้ปัญหาฝุ่นพิษจริงจัง อย่าปล่อยลูกหลานอยู่ตามยถากรรม 

(10 มี.ค. 66) นายนพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ขอเรียกร้องแบบแผ่นเสียงตกร่องแทนพี่น้องคนไทยในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่าง ๆ ที่ทุกข์ยากแสนสาหัสจากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่อยู่ในระดับที่เป็นอันตราย เลวร้ายลงทุกวัน 

ซึ่งข้อมูลทางวิชาการชี้ว่าฝุ่นพิษนี้อาจนำไปสู่โรคร้าย กระทบต่อปอด หัวใจ สมอง และอาจมีผลกระทบในระยะยาว และไม่ปรากฏอาการในขณะนี้ ตนเรียกร้องให้รัฐบาลตื่นขึ้นมาแก้ปัญหาให้เป็นระบบและจริงจังกว่านี้ ได้เรียกร้องไปหลายครั้งแต่ยังไม่เห็นความตั้งใจจริงในการออกมาตรการ และระดมสรรพกำลังเพื่อแก้วิกฤต ถ้าไม่เร่งแก้คนไทยนับแสนนับล้านจะได้รับผลกระทบ ประเทศจะสูญเสียทั้งต้นทุนทางสุขภาพ สังคมและการท่องเที่ยว 

นายนพดล กล่าวต่อว่า จิตใจผู้มีหน้าที่รับผิดชอบทำด้วยอะไร คิดถึงหัวใจ ปอด สมอง สุขภาพของเด็กแรกเกิดจนถึงคนชราที่ต้องเผชิญฝุ่นพิษตามยถากรรมวันแล้ววันเล่าบ้างไหม เรื่องนี้เป็นวิกฤตครั้งใหญ่ เป็นโศกนาฏกรรมด้านสิ่งแวดล้อมที่รัฐบาลต้องแก้ไข ต้องระดมหน่วยงานทั้งส่วนกลางและท้องถิ่นเร่งแก้ปัญหาการเผาไร่ข้าวโพด ไร่อ้อย แก้ปัญหาการเผาป่าหน้าแล้ง ร่วมมือกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควบคุมไซต์ก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรม รถควันดำ โดยให้เจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่เข้มงวดผู้ปล่อยมลภาวะ นอกจากนั้นรัฐบาลได้เจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแก้ปัญหาฝุ่นข้ามแดนไปอย่างไรบ้าง

ตำรวจไซเบอร์ เตือนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาดหนัก ล่าสุดแอบอ้างอดีต รอง ผบ.ตร. ข่มขู่ให้เหยื่อโอนเงิน

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ขอฝากเตือนภัยมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นอดีตข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดังนี้ 
ในปัจจุบันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้สร้างความเสียหาย และความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก เนื่องมาจากสามารถเข้าถึงประชาชนได้หลากหลายช่องทาง ไม่ว่าเป็นจากสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ จากการส่งข้อความสั้น (SMS) รวมไปถึงผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ โดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Call Center) ซึ่งมีรูปแบบการทำงานเป็นขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน หลอกลวงเหยื่อโดยการใช้ความกลัว ความโลภ และความไม่รู้ของประชาชนเป็นเครื่องมือ ที่ผ่านมาพบว่ามีหลากหลายรูปแบบ เช่น การแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่บริษัทขนส่งสินค้า แจ้งไปยังผู้เสียหายว่าบัญชีธนาคาร หรือพัสดุที่ส่งไปต่างประเทศมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด หรือบัญชีธนาคารของผู้เสียหายถูกอายัด เป็นหนี้บัตรเครดิต เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด การฟอกเงิน มีหมายจับ หรือหลอกลวงว่าได้เช็คเงินคืนภาษี หรือหลอกถามข้อมูลส่วนตัวเพื่อนำไปปลอมแปลงในการทำธุรกรรมต่างๆ รวมถึงการหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมเพื่อฝังมัลแวร์ควบคุมโทรศัพท์มือถือโอนเงินออกจากบัญชี เป็นต้น


ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวน บช.สอท. ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหายหลายรายว่าถูกมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง สร้างความน่าเชื่อถือโดยการแจ้งชื่อนามสกุล และหมายเลขพนักงานให้ผู้เสียหายทราบ แล้วแจ้งผู้เสียหายว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน เนื่องจากผู้เสียหายได้ใช้บัตรเครดิตธนาคารดังกล่าวที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท จากนั้นได้โอนสายต่อไปยังมิจฉาชีพอีกรายอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัด สภ.เมืองพิษณุโลก ให้ผู้เสียหายแอดไลน์บัญชีไลน์ตำรวจปลอม ข่มขู่ว่าผู้เสียหายว่าจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ให้โอนเงินที่มีในอยู่บัญชีมาให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงิน รวมถึงมีการส่งเอกสาราชการปลอมให้ผู้เสียหายตรวจสอบ มีการสร้างสภาพแวดล้อมให้ผู้เสียหายได้ยินเสียงว่ามิจฉาชีพอยู่ที่สถานีตำรวจจริง ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารที่มิจฉาชีพเตรียมไว้

ต่อมาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ข่มขู่ผู้เสียหายอีกว่าจะต้องถูกดำเนินดดี และต้องถูกฝากขัง 90 วัน แต่ผู้กำกับการ สภ.เมืองพิษณุโลก สามารถช่วยเหลือไม่ให้ไม่ถูกดำเนินคดีได้ แนะนำให้แอดไลน์ไปพูดคุยขอความช่วยเหลือ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้แอดไลน์บัญชีตำรวจปลอมดังกล่าว ภายหลังทราบว่ารูปภาพโปรไฟล์ และชื่อบัญชีไลน์ดังกล่าว เป็นรูปและชื่อของอดีตข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ระดับรอง ผบ.ตร. ซึ่งในระหว่างที่พูดคุยกันนั้น มิจฉาชีพเพิ่มความน่าเชื่อถือโดยการไลน์วิดีโอคอลมายังผู้เสียหาย และทำการส่งภาพว่ากำลังตรวจสอบเงินที่ผู้เสียหายโอนมาให้ตรวจสอบ มิจฉาชีพข่มขู่เหยื่ออีกว่าต้องโอนเงินมาประกันตัว ให้รายงานตัวทุกๆ 2 ชม. อ้างว่ามีระบบติดตามตัว ห้ามหลบหนี ผู้เสียหายเกิดความกลัวจึงโอนเงินไปให้มิจฉาชีพได้รับความเสียหายจำนวนมาก 


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยจากมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐโทรศัพท์ไปหลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชน สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง


สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง รวมถึงวางมาตรการป้องกันสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ


ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชาผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ
การกระทำลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐาน “ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน ” หรือกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง 


โฆษก บช.สอท. กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ได้ร่วมกันหาแนวทาง และวางมาตรการป้องกันในการแก้ไขปัญหาภัยออนไลน์ต่างๆ ไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ไม่ว่าจะเป็นโครงการไซเบอร์วัคซีน การทำบันทึกข้อตกลง (MOU) การแก้ไขการรับจ้างการเปิดบัญชีม้า การครอบครองซิมโทรศัพท์มือถือ การอายัดบัญชีธนาคารให้ทันท่วงที การตรวจจับบัญชี หรือธุรกรรมการเงินที่ต้องสงสัย และการยืนยันตัวตนก่อนทำธุรกรรมการเงินที่มีวงเงินสูง เป็นต้น  
 

เชียงใหม่-สัมมนาผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์พลังงานภาคเหนือเตรียมพร้อมเผยแพร่ผลสำเร็จโครงการ Energy Points 3

สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรมฯ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จับมือสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ จัดสัมมนาผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์พลังงานภาคเหนือ เตรียมพร้อมเผยแพร่ผลสำเร็จโครงการ Energy Points 3 ภายใต้โครงการสนับสนุนการอนุรักษ์พลังงานและลดต้นทุนในอุตสาหกรรมขนาด SME ภายในเดือนมีนาคมนี้ ณ กรุงเทพมหานคร
 
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 เวลา 09.00 น. ณ ห้องบุษราคัม ชั้น 1 โรงแรมฟูราม่า จ.เชียงใหม่ สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยสนับสนุนโดยกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน จัดเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้ (Knowledge Sharing) ระหว่างคณะทำงานโครงการฯ และที่ปรึกษาด้านการอนุรักษ์พลังงานกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเตรียมพร้อมเผยแพร่ผลสำเร็จโครงการสนับสนุนการอนุรักษ์พลังงานและลดต้นทุนในอุตสาหกรรมขนาด SME โดยมี นายรุ่งเรือง สายพวรรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ,ผศ.ดร.ชลธิศ เอี่ยมวรวุฒิกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีประทุม และนายกิตติ์ จิรกิตยางกูร  รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการเสวนาร่วมกับที่ปรึกษาฯ จากกลุ่มจังหวัดในภาคเหนือ ประกอบไปด้วยภาคเหนือตอนบน 1 (เชียงใหม่), ภาคเหนือตอนบน 2 (เชียงราย), ภาคเหนือตอนล่าง 1 (พิษณุโลก), ภาคเหนือตอนล่าง 2 (นครสวรรค์) โดยช่วงบ่ายเป็นการเข้าเยี่ยมชมโรงงานตัวอย่างด้านอนุรักษ์พลังงาน ณ โรงงานน้ำแข็งธารทอง

โรคระบาดเพิ่มขึ้น!! ‘หมอยง’ เตือนระวัง ‘ยุงลาย-ชิคุนกุนยา-ไวรัสชิกา’ แนะทำลายแหล่งเพาะพันธ์ยุง เพื่อลดการกระจายโรค

ระบาดเพิ่มขึ้น!‘หมอยง’เตือนระวัง‘ไข้ปวดข้อยุงลาย-ชิคุนกุนยา-ซิกา’

(10 มี.ค.66) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan มีเนื้อหาดังนี้...

ไข้ปวดข้อยุงลาย ชิกุนกันย่า ซิกา

ยง ภู่วรวรรณ

ราชบัณฑิต

10 มีนาคม 2566

ในช่วงปีที่ผ่านมา มีการระบาดของไข้ปวดข้อยุงลาย ชิคุนกุนยาและไข้ไวรัสชิกา เพิ่มมากขึ้น

การระบาดของไข้ปวดข้อยุงลายตั้งแต่ปี พ.ศ.2561 เป็นต้นมา เกิดจากยุงลายบ้าน เช่นเดียวกับไข้เลือดออก จึงพบมากในเขตเมืองรวมทั้งกรุงเทพมหานคร ทำให้มีไข้ ผื่นขึ้น และปวดตามข้อ พบได้ทุกอายุแต่ในเด็กจะมีไข้ ออกผื่น อาการปวดข้อ อาจจะไม่เด่น ในผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ อาการปวดข้อจะเป็นค่อนข้างรุนแรง และคงอยู่หลายสัปดาห์ หรืออาจเป็นเดือนก็มี

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ร่วมประชุมคณะกรรมการบริหาร ศรชล. นำเสนอแนวทางบูรณาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU) แบบยั่งยืน

วันนี้ (10 มี.ค.66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง (ศพดส.ตร.) ได้เดินทางเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการบริหารศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ครั้งที่ 1/2566 ณ โรงแรมดุสิตธานี พัทยา จ.ชลบุรี โดยมี พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. เป็นประธานการประชุม และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมประกอบด้วย กรมประมง กรมเจ้าท่า กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

ในการประชุมครั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้นำเสนอเกี่ยวกับการดำเนินการปราบปรามการทำประมงผิดกฎหมายในหลายมิติ ได้แก่ การบังคับใช้กฎหมายกับเรือประมงพาณิชย์จำนวน 27 ลำ ที่ลักลอบทำประมงในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล ซึ่งคดีอยู่ในระหว่างการดำเนินการสอบสวน และการตรวจสอบกรณีเรือประมงที่ใช้อวนล้อมจับปลากะตักจำนวน 52 ลำ ซึ่งการดำเนินการจำเป็นจะต้องบูรณาการร่วมกับ ศรชล และกองทัพเรือ ในการใช้เครื่องมือพิเศษและกำลังพลเข้าดำเนินการตามกฎหมาย รวมไปถึงการดำเนินการล่าสุด กรณีตรวจพบเรือประมงสัญชาติเกาหลีชื่อ Sun Flower 7 ขนปลาทูน่าจำนวน 4,000 ตัน มาขึ้นท่าเพื่อส่งให้โรงงานปลากระป๋อง ซึ่งมีพฤติการณ์ในการทำประมงผิดกฎหมายโดยการเก็บทุ่นลอยน้ำสำหรับเป็นแพล่อปลาในพื้นที่มหาสมุทรแปซิฟิก ในการดูแลของคณะกรรมาธิการประมงแปซิฟิกตะวันตกและแปซิฟิกกลาง (WCPFC) โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งทางการไทยได้แสดงออกอย่างชัดเจนในการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย โดยการไม่อนุญาตให้นำปลาที่ได้จากการทำประมงผิดกฎหมายเข้ามาในราชอาณาจักร และได้ผลักดันเรือออกจากน่านน้ำไป ซึ่งในเรื่องนี้ จำเป็นจะต้องมีการกำหนดมาตรการในระยะยาว เพื่อแก้ไขปัญหาการรับสินค้าสัตว์น้ำที่ได้มาจากการทำประมงผิดกฎหมาย โดยคำนึงถึงภาพลักษณ์ของประเทศ และผลกระทบต่อธุรกิจการนำเข้าส่งออกสัตว์น้ำของประเทศไทยต่อไป

ไม่ดูก็ไม่ตาย!! ‘ชาวโซเชียล’ ความเห็นตรงกัน!! เรียกร้อง ‘กกท.’ ไม่ต้องซื้อลิขสิทธิ์ซีเกมส์ ถ้าต้องจ่ายแพงกว่าเพื่อนบ้าน

หลังจากมีประเด็นลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 5-17 พฤษภาคม 2566 โดยก่อนหน้านี้ฝ่ายจัดการแข่งขันออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เรียกค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกับไทย สูงถึง 800,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 28 ล้านบาท

โดย “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือกกท. ออกมาเปิดเผยว่าตัวเลขที่เจ้าภาพกัมพูชาเสนอเข้ามานั้นแม้จะไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ถือเป็นยอดที่สูงจนเกินไป และใกล้เคียงกับยอดที่มีข่าวมาก่อนหน้านี้ ซึ่งประเทศไทยถือเป็นชาติที่ต้องจ่ายแพงที่สุดในอาเซียนเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าเวียดนามเสียอีก

ล่าสุดมีกระแสจากชาวเน็ตในโลกออนไลน์ที่เข้าไปคอมเมนต์ในเพจ ‘กองประชาสัมพันธ์ กกท.’ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าถ้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดซีเกมส์ 2023 แพงหูฉี่ขนาดนี้ แฟนกีฬาชาวไทยก็พร้อมที่จะไม่ดู และประเทศไทยก็ไม่ควรจ่ายค่าลิขสิทธิ์ดังกล่าวแพงขนาดนั้นตามที่เป็นข่าว ซึ่งหลายคนบอกว่า "ไม่ดูก็ไม่ตาย"

วาระแห่งชาติ ‘บิ๊กตู่’ สั่งเข้ม!! ทุกหน่วยงาน แก้ไขปัญหา PM 2.5 แนะปชช. เลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง-สวมหน้ากากอนามัย

นายกฯ กระตุ้น ทุกหน่วยงาน เข้ม แก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ ขอประชาชนดูแลสุขภาพ หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง 

เมื่อวันที่ 10 มี.ค.66 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เกิดขึ้นทั้งในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทั่วทั้งประเทศ โดยเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ตามแนวทางปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ภายใต้ 3 มาตรการสำคัญ คือการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (แหล่งกำเนิด) และการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ เพื่อให้การแก้ไขปัญฝุ่นละอองตามบทบาทของแต่ละหน่วยงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลเป็นรูปธรรมตามแผนที่วางไว้ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบและความเดือดร้อนให้กับประชาชน 

นายอนุชา กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดของศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ ได้รายงานผลการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ระหว่างวันที่ 10-16 มี.ค. 66 ระบุว่า วันที่ 10 มี.ค. 66 พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอาจมีแนวโน้มฝุ่นละอองขึ้นสูงได้ในบางพื้นที่ โดยหลังวันที่ 11 มี.ค. 66 เป็นต้นไป สถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากลมทางใต้ช่วยพัดพาฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ อย่างไรก็ตามช่วงระหว่างวันที่ 14-16 มี.ค. 66 ยังเป็นช่วงที่ควรเฝ้าระวังของพื้นที่ เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองข้ามพื้นที่ได้ ขณะที่พื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีแนวโน้มฝุ่นละอองขึ้นสูงในพื้นที่ภาคเหนือทั้งตอนบนและล่างระหว่างวันที่ 10-14 มี.ค. 66 ทั้งนี้ เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน สถานการณ์ฝุ่นจะค่อย ๆ ลดลง คาดว่าจะยังมีปัญหาอยู่อีก 1-2 สัปดาห์ 

นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีย้ำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความเข้มข้นในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ในทุก ๆ มาตรการ เน้นแจ้งเตือนแนะนำข้อปฏิบัติตนแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง และสวมใส่หน้ากากอนามัย กำหนดสถานที่พักชั่วคราว หรือ Safety Zone ระบบแจ้งเตือนสถานการณ์และบริการสาธารณสุข เข้มงวดตรวจจับรถควันดำ เร่งระบายการจราจรไม่ให้ติดขัด ส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ตรวจสภาพ/บำรุงรักษายานพาหนะขนส่งสาธารณะ ทำความสะอาดพื้นผิวถนน รวมทั้งควบคุมการเผาในที่โล่ง/พื้นที่เกษตรอย่างเคร่งครัด ตรวจสอบและควบคุมการปล่อยมลพิษจากโรงงาน ป้องกันและลดปริมาณฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง 

นายอนุชา กล่าวว่า ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเฝ้าระวัง ติดตาม ตรวจสอบคุณภาพอากาศ ขยายเครือข่ายแจ้งเตือน สร้างการรับรู้ถึงข้อมูลและสถานการณ์ที่ถูกต้องแก่ประชาชน จัดระเบียบการเผาตามลักษณะพื้นที่ แบ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมให้สอดคล้องตามหลักวิชาการ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมความตระหนัก และปรับพฤติกรรมประชาชนในการลดการเผาในที่โล่ง พื้นที่การเกษตร และการเผาขยะในชุมชนหรือเมือง อย่างไรก็ตาม แหล่งกำเนิดฝุ่นละอองมาจากพวกเราทุกคน ดังนั้น การแก้ไขปัญหาต้องมาจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top