Friday, 4 July 2025
NEWS FEED

‘สุเทพ’ จี้ รัฐบาลเยียวยา ‘นวดสปา’ หลัง กมธ.แรงงานฯ รับเรื่องร้องขอความเป็นธรรม ซัด ‘ประยุทธ์’ ต้นตอปัญหาควรลาออก เพื่อเปิดทางมีรัฐบาลใหม่ ด้าน ‘ทวีศักดิ์’ ชี้ คำสั่ง กทม.- ศบค. ขาดความชัดเจน เล่นกับความทุกข์ร้อนของประชาชน

สุเทพ อู่อ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการเเรงงาน สภาผู้เเทนราษฎร พร้อม ทวีศักดิ์ ทักษิณ กรรมาธิการฯ รับหนังสือร้องของความเป็นธรรมจากกลุ่มอาชีพนวดและสปา ที่เรียกร้องให้รัฐบาลให้ผ่อนปรนเเละยกเลิกมาตรการสั่งปิด หลังได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ทั้ง 3 ระลอก เเต่ไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ จากภาครัฐ 

สุเทพ กล่าวว่า ตนรู้สึกเศร้าใจกับการบริหารงานของรัฐบาลที่ส่งผลกระทบเดือดร้อนกับพี่น้องประชาชน ซึ่งเกิดจากความไม่ชัดเจนด้านนโยบายของ ศบค.และรัฐบาล ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ผู้ใช้เเรงงาน ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการในภาคส่วนต่างๆที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดสถานประกอบการ ทั้งร้านนวดเเละสปา ร้านอาหาร สนามกีฬา หรือสถานประกอบการ อื่นๆ ทั้งหมด ตนจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมาธิการเพื่อดำเนินการอย่างเร่งด่วน ขณะนี้มีหลายกลุ่มที่เดือดร้อนมาก เช่น พี่น้องเเรงงานนอกระบบกลุ่มรถยนต์ขับขี่สาธารณะ (แท็กซี่), กลุ่มลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างกว่า 1,300 คน จากบริษัทบิลเลียน จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งนับตั้งเเต่ถูกเลิกจ้างยังไม่ได้รับการเยียวยาจากผู้ประกอบการ จากสถานการณ์ที่มีความลำบากไปทั่วเช่นนี้ จึงขอเรียกร้องให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกเพื่อเปิดทางให้บุคคลมีความสามรถเข้ามาบริหารงานแทน 

ด้าน ทวีศักดิ์ ทักษิณ ในฐานะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า กลุ่มผู้ประกอบการนวดแผนไทยเเละสปา ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างจากนโยบายที่ไม่ชัดเจนของภาครัฐที่ใช้ควบคุมการเเพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่ โดย เมื่อวานนี้ (31 พ.ค. 64 ) ทางกรุงเทพมหานครออกมาตรการปลดล็อก 5 กลุ่มธุรกิจซึ่งมีร้านนวดเเละสปาให้กลับมาเปิดกิจการได้ เเต่ไม่ทันข้ามวัน ในช่วงเย็น ทางศบค.กลับออกเเถลงการณ์ให้ชะลอมาตรการดังกล่าว จึงส่งผลกระทบต่อทางด้านจิตใจของพี่น้องประชาชนเเละผู้ประกอบการมาก เพราะทันที่ที่ได้ข่าวว่าปลดล็อก จากต้นทุนที่ไม่มีอยู่แล้วด้วยหวังว่าจะเปิดกิจการได้จึงไปกู้หนี้ยืมสินแต่สุดท้ายก็โดนยกเลิกไป เรื่องความเดือดร้อนของประชาชนแบบนี้ไม่ควรเกิดรัฐบาลต้องมีความชัดเจนต่อกรณีที่เกิดขึ้น

พิทักษ์ โยธา นายกสมาคมจารวีเพื่ออนุรักษ์นวดแผนไทย กล่าวว่า ในวันนี้ที่มายื่นเรื่องต่อประธานกรรมาธิการเเรงงาน เพื่อขอคัดค้านคำสั่งของ ศบค. ให้ปิดสถานที่ต่างๆรวมร้านนวดเเละสปาออกไปอีก 14 วัน กรณีความไม่ชัดเจนระหว่าง ศบค.กับ กทม. ที่เกิดขึ้น ผู้ประกอบการไม่มีทุนเป็นเดิมอยู่เเล้ว เเต่เมื่อรัฐประกาศมาตรการคลายล็อกออกมาก็ต้องเตรียมพร้อมเปิดร้านอีกครั้ง โดยต้องไปกู้นายทุนนอกระบบมาก่อน ทั้งในการพ่นยา ฆ่าเชื้อ เสื้อผ้า ซื้อหน้ากากอนามัย พอมาตรการรัฐออกมาสั่งปิดอีก 14 วัน ทุกคนแทบล้มทั้งยืน เพราะหนี้นอกระบบเขาเก็บเป็นรายวัน ไม่รู้จะเอารายได้มาจากไหน ตั้งแต่ระลอกแรกพวกเราได้รับผลกระทบด้วยการสั่งปิดทุกครั้งและแทบไม่ได้รับการเยียวยาเลย โครงการเราชนะ มีผู้ได้รับการช่วยเหลือเพียง 65% เท่านั้น อีก 35% คือ มีรายได้ในในปี 2562 เกิน 300,000 บาท ซึ่งทางรัฐบาลใช้ AI ตรวจสอบ แต่เราได้รับผลกระทบในปี 2563 จึงไม่ได้รับความช่วยเหลือ พนักงานของเราจะไปสมัครงานที่ไหนไม่ว่า ปั้มน้ำมัน ร้านอาหาร ก็ไม่มีตำแหน่งให้ ไม่รู้พวกเขาจะกินอยู่อย่างไรต่อไป จึงต้องการให้กรรมาธิการช่วยเหลือในกรณีดังกล่าว 

ขณะที่ อักษิกา จันทรวินิจ ตัวเเทนผู้ประกอบการร้านนวดเพื่อสุขภาพในกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่าน นโยบายต่างๆ ที่ออกโดยศูนย์บริหารสถานการณ์เเพร่ระบาดโรคไวรัสโคโรนา 2019 ( ศบค.) ทำให้กิจการได้รับผลกระทบจำนวนมาก แต่เป็นนโยบายแบบหว่านแห ปัจจุบันมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากเเละมีอยู่ทุกภาคส่วน มีหน่วยงานราชการ มีธนาคาร เเละมีร้านสะดวกซื้อ ที่พบว่ามีผู้ติดเชื้อทุกๆหน่วยงาน เเต่ทุกหน่วยงานได้รับการดูเเลอย่างเป็นธรรม ไม่มีหน่วยงานไหนถูกปิดทุกที่ทั่วประเทศเหมือนสปา ร้านสักคิ้ว ฟิตเนส ตรงนี้จึงต้องขอความเป็นธรรม เราขอให้ ศบค.และ กทม.ดูเเลพวกเราอย่างเท่าเทียม เราต้องการพื้นที่ในการทำงานได้ในภาวะติดเชื้อ เราไม่มีวันทำให้จำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงได้ภายในเร็ววันนี้  ศบค. ทำลายความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่มีความตั้งใจ แต่ ศบค. ไม่เคยเห็นความตั้งใจดังกล่าวในการรับผิดชอบสังคมของพวกเรา กลับใช้นโยบายสั่งปิดเเบบหว่านแหและเหมารวม ขอเรียกร้ององให้ภาครัฐเร่งดูเเลผู้ประกอบการและพนักงานนวดสปาอย่างเร่งด่วน

Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัคราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ได้โพสต์ว่า เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ทำการอนุมัติการใช้งานในกรณีฉุกเฉินแก่วัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่าง Sinovac ที่ผลิตโดย บริษัท ซิโนแวก ไบโอเทค

จากเฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัคราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ได้โพสต์ว่า เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ทำการอนุมัติการใช้งานในกรณีฉุกเฉินแก่วัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่าง Sinovac ที่ผลิตโดย บริษัท ซิโนแวก ไบโอเทค (Sinovac Biotech) บริษัทเวชภัณฑ์สัญชาติจีนแล้ว

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 พ.ค. องค์การอนามัยโลก ได้ดำเนินการตรวจสอบและอนุมัติวัคซีนที่พัฒนาขึ้นโดยซิโนฟาร์ม (Sinopharm) บริษัทเภสัชภัณฑ์สัญชาติจีน สำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน ทำให้ Sinovac เป็นลำดับที่สองของวัคซีนจีน ตามหลังวัคซีน Sinopharm

ขณะเดียวกัน Sinovac ก็จัดเป็นลำดับที่ 7 ที่องค์การอนามัยโลกให้การรับรองวัคซีน

1.) Pfizer

2.) AstraZeneca

3.) Covisheild

4.) Johnson & Johnson

5.) Moderna

6.) Sinopharm

ทั้งนี้ ภายหลัง องค์การอนามัยโลก ได้ทำการประเมินวัคซีน Sinovac ของจีน อย่างละเอียดรอบคอบ และอนุมัติ EUL (Emergency Use Listing) เรียบร้อยแล้ว จะส่งผลให้วัคซีน Sinovac สามารถฉีดใน 92 ประเทศ ที่อยู่ในโครงการ COVAX ได้เลย

สำหรับประสิทธิผลในการป้องกันโรคที่รุนแรงจนนอนโรงพยาบาลได้ 100% โดยมีข้อมูลเพิ่มเติม จากอินโดนีเซียว่า ประสิทธิผลในการป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ที่ฉีดวัคซีน 120,000 คน สูงถึง 94%

นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก รับรองให้วัคซีนฉีดได้ในประชาชนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป และสามารถฉีดในผู้สูงอายุที่มีวัยมากกว่า 60 ปีได้ด้วย

นับเป็นอีกข่าวดี สำหรับผู้ที่ยังกังวลใจเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิผลของวัคซีน Sinovac

 

ที่มา:

https://www.blockdit.com/posts/60b65729f85bd50d89b977e0

https://mgronline.com/china/detail/9640000053047

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4082918435088264&id=846555798724560


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ทบ.จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมเชิญชวนร่วมลงนามถวายพระพรออนไลน์

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.ต.หญิง ปวีณา ศรีบัวชุม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2564 กองทัพบกกำหนดจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ ถวายเป็นพระราชกุศล ในวโรกาสอันเป็นมหามงคล โดยหน่วยทหารทั่วประเทศจะร่วมกับส่วนราชการ และประชาชนจิตอาสาจัดกิจกรรม การถวายพระพร พิธีทางศาสนา การร่วมกันบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ กิจกรรมจิตอาสาทำความดีช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 สำหรับในพื้นที่ส่วนกลาง กำหนดจัดกิจกรรมในวันพุธที่ 2 มิ.ย.64 ณ กองบัญชาการกองทัพบก กทม. โดยมีพิธีตักบาตรพระสงฆ์ 10 รูปถวายเป็นพระราชกุศล พิธีถวายราชสดุดีและถวายพระพรชัยมงคล พิธีเจริญพระพุทธมนต์ไถ่ชีวิตกระบือ 6 ตัว ถวายเป็นพระราชกุศล โดยนำไปมอบให้กับเกษตรกรโครงการเกษตรรวมใจอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.นครนายก, นำกำลังพลร่วมการบริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศล และเพิ่มปริมาณโลหิตสำรองเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย, การจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ และการลงนามถวายพระพร ณ กองบัญชาการกองทัพบก 

กองทัพบกจึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมในกิจกรรมกับหน่วยทหารทั่วประเทศ รวมทั้งขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิ.ย.64  ตามที่สำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนร่วมลงนาม ผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ www.royaloffice.th ระหว่างวันที่ 1-6 มิ.ย.64 

มาเลเซียระดมงบประมาณเยียวยา Covid-19 กว่า 1.28 หมื่นล้านเหรียญ ข้าราชการกว่า 800,000 คน ยอมถูกตัดงบสวัสดิการ สมทบกองทุนช่วยชาติ

หลังจากที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นายมูห์ยิดดิน ยัสซิน ได้ประกาศล็อกดาวน์ประเทศเป็นเวลานานถึง 2 สัปดาห์ เพื่อหวังที่จะตัดวงจร ควบคุมการแพร่ระบาดระลอกล่าสุดของ Covid-19 ในมาเลเซีย ที่พบยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงเกือบ 7,000 คนต่อวัน โดยจะเริ่มล็อคดาวน์ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน นี้เป็นต้นไป

ทันทีที่มีข่าวยืนยันว่าจะประกาศล็อกดาวน์ให้ชาวมาเลเซียได้เตรียมตัว เตรียมใจ นายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ก็ได้ประกาศงบกระตุ้นเศรษฐกิจก้อนใหม่กว่า 4 หมื่นล้านริงกิต หรือประมาณ 3 แสนล้านบาทเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากมาตรการปิดเมืองของรัฐบาล

นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้กล่าวว่า การออกคำสั่งปิดทำการบริษัท ห้างร้านในช่วงล็อคดาวน์เป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ยาก เพราะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจของประเทศ และการใช้ชีวิตของประชาชนอย่างมาก ซึ่งรัฐบาลก็ต้องยอมรับจากใจจริงว่าเรามีงบประมาณอย่างจำกัด แต่รัฐบาลก็จะพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดสรรงบประมาณมาเพื่อบรรเทาทุกข์จากวิกฤตินี้

ส่วนงบกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ เรียกว่า "Pemerkasa Plus" ที่จะมอบเงินเยียวยาจำนวน 2,500 ริงกิต (ประมาณ 19,000 บาท) ต่อ 1 ครัวเรือน สำหรับครอบครัวที่มีรายได้น้อยกว่า 5,000 ริงกิตต่อเดือน และเงินช่วยเหลือรายเดือนอีกจำนวนหนึ่ง ที่คาดว่าจะมีผู้มีสิทธิ์รับเงินเยียวยานี้ถึง 2.5 ล้านคน

ส่วนผู้ประกอบการจะได้สิทธิ์ในการขอหยุดพักชำระหนี้ได้นาน 3 เดือน หรือลดจำนวนเงินในการผ่อนชำระลงครึ่งหนึ่ง ที่สามารถขยายการชำระหนี้ได้ 6 เดือน

แต่อย่างที่รัฐบาลมาเลเซียได้ออกตัวไว้แล้วว่า งบประมาณแผ่นดินมีอยู่อย่างจำกัด และตลอดช่วงวิกฤติ Covid-19 ที่ยาวนานมากกว่า 1 ปี ทำให้เศรษฐกิจมาเลเซียติดลบไป 5.6% ในปี 2020 ดังนั้นงบกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับภาคประชาชนในครั้งนี้ บางส่วนจำเป็นต้องดึงมาจากงบสวัสดิการข้าราชการกว่า 800,000 คน

นาย ตัน สรี โหมด ซุกิ อาลี หัวหน้าเลขาธิการรัฐบาล ได้กล่าวว่า เงินสวัสดิการที่จะถูกตัดจะเป็นงบค่าจัดเลี้ยง รับรอง งบเบิกจ่ายหากมีภารกิจพิเศษจำนวน 3 เดือน ที่หักจากข้าราชการระดับสูงตั้งแต่เกรด 29 ขึ้นไปเท่านั้น คาดว่าน่าจะได้งบมาไม่น้อยกว่า 30 ล้านริงกิต ส่วนข้าราชการชั้นผู้น้อย หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงในการดูแลสถานการณ์ Covid-19 จะไม่โดนตัดงบใดๆ

ซึ่งการเสียสละครั้งนี้เป็นสิ่งที่แสดงออกถึงความเป็นอันหนึ่ง อันเดียวกับรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่กำลังเดือดร้อน ลำบาก นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี มูห์ยิดดิน ยัสซิน และคณะรัฐบาลทั้งหมดจะงดรับเงินเดือนเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่มิถุนายนนี้เป็นต้นไป เพื่อสมทบกองทุนกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติในครั้งนี้ด้วย

ช่างเป็นเวลาที่ลำบากอย่างมากจริงๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และ ภาคประชาชนกับสถานการณ์ Covid-19 ที่เจ็บแต่ไม่จบสักที แต่หากทุกคนในชาติสามัคคี พร้อมที่จะแบกรับความยากลำบากร่วมกัน ต้องผ่านไปได้อย่างแน่นอน

 

อ้างอิง

https://www.straitstimes.com/asia/se-asia/800000-malaysian-civil-servants-take-allowance-cut-to-contribute-to-covid-19-fund

https://www.straitstimes.com/asia/se-asia/malaysia-announces-additional-128b-financial-stimulus-ahead-of-lockdown

https://www.straitstimes.com/asia/se-asia/people-prepare-for-a-tough-time-during-lockdown-in-malaysia

https://www.aljazeera.com/news/2021/5/28/malaysia-pm-orders-total-lockdown-amid-covid-19-surge


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘หมอมนูญ’ หมอชี้ไวรัสโควิด-19 มีวิวัฒนาการนำหน้าเรา 1 ก้าวเสมอ คาดต้องอยู่กันไปอย่างน้อย 1-2 ปี

นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก ‘หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC’ ระบุว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 มีวิวัฒนาการทางธรรมชาติ นำหน้าเรา 1 ก้าวเสมอ

เมื่อปีที่แล้วประเทศไทยประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดระลอกแรกเป็นอย่างดี ช่วงมกราคมถึง 14 ธันวาคม พ.ศ.2563 ระยะเวลา 11 เดือนครึ่ง มีผู้ป่วย 4,237 คน เสียชีวิต 60 คน

สหประชาชาติชื่นชมไทยรับมือโรคโควิดในด้าน

1.) การดำเนินมาตรการของรัฐบาล

2.) ความสามัคคีของประชาชนในการช่วยกันป้องกันโรค สวมใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และล้างมือ

3.) ความรับผิดชอบต่อสังคมของอาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสม.

มองย้อนหลังตัวแปรสำคัญคือเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะนั้นสายพันธุ์ G ยังไม่เก่งเหมือนเชื้อปัจจุบัน อาจปรับตัวไม่เข้ากับสภาพอากาศของประเทศไทยซึ่งร้อนและชื้น จึงหยุดการแพร่ระบาด

ขณะนี้ประเทศไทยเผชิญการระบาดอย่างรวดเร็ว การระบาดระลอก 3 เพียง 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึง 31 พฤษภาคม พ.ศ.2564 มีผู้ป่วยสะสม 130,929 ราย เสียชีวิตสะสมแล้ว 937 คน

จากการตรวจรหัสพันธุกรรมแบบทั้งตัวซึ่งต้องใช้เงิน 1-2 หมื่นบาท พบมีการระบาดของสายพันธุ์อังกฤษ B.1.1.7 ซึ่งติดต่อกันง่าย แพร่กระจายเร็ว ทนร้อน ทนชื้น รุนแรงทำให้ตายมากขึ้น การรับมือการระบาดครั้งนี้ต้องอาศัยวัคซีน เร่งฉีดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เร็วที่สุด

เชื้อไวรัสโควิด-19 กำลังนำหน้าเราไปอีกแล้ว ล่าสุดเวียดนามรายงานตรวจพบไวรัสโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ที่เป็นลูกผสมระหว่างสายพันธุ์อินเดีย B.1.617 กับสายพันธุ์อังกฤษ B.1.1.7 สามารถติดต่อแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วทางอากาศ หมายความว่า เชื้อนี้เหมือนสายพันธุ์อินเดียแพร่กระจายได้ดียิ่งกว่าสายพันธุ์อังกฤษ แต่รุนแรงเท่าสายพันธุ์อังกฤษ

เราจะเผชิญกับโรคโควิด-19 ที่ติดต่อกันง่ายยิ่งขึ้น และยังรุนแรงมากเท่าเดิม ถ้าเชื้อกลายพันธุ์นี้สามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนปัจจุบัน ยิ่งจะสร้างปัญหา จำเป็นที่ทุกคนต้องฉีดวัคซีนรุ่นใหม่ที่กำลังพัฒนาเพื่อครอบคลุมสายพันธุ์ใหม่ๆปีหน้า ดูสถานการณ์แล้วเราตามเชื้อไวรัสโควิดไม่ทัน โรคโควิด-19 คงจะอยู่กับเราอย่างน้อยอีก 1-2 ปี

 

ที่มา : https://www.facebook.com/หมอมนูญ-ลีเชวงวงศ์-FC-604030819763686


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ครม.ไฟเขียวแจกเงิน 1.4 แสนล้าน ทั้ง คนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งได้ บัตรสวัสดิการ

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท โดยมีโครงการเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจ 1.4 แสนล้านบาท มี 4 โครงการ คือ

1.) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 วงเงิน 16,380 ล้านบาท โดยเติมเงินให้เดือนละ 200 บาท เป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่ก.ค.-ธ.ค.64 ครอบคลุม 13.6 ล้านคน

2.) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ วงเงิน 3,000 ล้านบาท จำนวน 2.5 ล้านคน เดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ธ.ค. 64 ส่วนวันที่เงินจะเข้านั้นกระทรวงการคลังจะแจ้งอีกครั้ง

3.) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 วงเงิน 9.3 หมื่นล้านบาท ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย 31 ล้านคน ให้สิทธิ์ใช้จ่ายไม่เกิน 150 บาท วงเงิน 3,000 บาทต่อคน โดยผู้ที่เข้าร่วมโครงการในระยะที่ 1-2 ประมาณ 15 ล้านคนจะให้ยืนยันสิทธิในระยะที่ 3 โดยที่ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ส่วนอีก 16 ล้านคน จะเปิดให้ลงทะเบียนร่วมโครงการใหม่ต่อไป ซึ่งกระทรวงการคลังจะแจ้งวันลงทะเบียนอีกครั้ง ซึ่งเงินที่จะให้นั้นแยกเป็น 2 ช่วง ช่วงละ 1,500 บาท คือ ก.ค.-ก.ย. 64 และ ต.ค.-ธ.ค. 64

4.) โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ วงเงิน 2.8 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมโครงการ 4 ล้านคน โดยภาครัฐจะสนับสนุนบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Voucher) ให้แก่ผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการ โดยจำกัดวงเงินใช้จ่ายสูงสุดที่ใช้คำนวณสิทธิ e-Voucher ไม่เกิน 6 หมื่นบาทต่อคน และไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน ซึ่งจะได้รับสิทธิ e-Voucher สะสมสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน ซึ่งผู้เข้าโครงการจะได้รับการสนับสนุน E-Voucher จากภาครัฐในช่วง ก.ค.-ก.ย. 64 เพื่อไปใช้จ่ายในเดือน ส.ค.-ธ.ค. 64 ส่วนในรายละเอียดว่าจะสามารถใช้จ่ายสินค้าและบริการอะไรได้บ้างกระทรวงการคลังจะชี้แจงรายละเอียดต่อไป


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สั่งการ ป.ป.ส. เร่งสืบสวนขบวนการ ค้ายาเสพติดข้ามชาติ หลังจากที่ผ่านมาพบการจับกุมการลักลอบส่งยาเสพติดไปต่างประเทศหลายคดี

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ป.ป.ส. กล่าวว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสั่งการให้ สำนักงาน ป.ป.ส.เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลกลุ่มนักค้ายาเสพติดที่ลักลอบขนยาเสพติดซุกซ่อนไปกับสิ่งของไปยังต่างประเทศหลายคดี โดยให้สืบหาผู้สั่งการ ผู้ส่ง ให้ดูว่ามีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายที่ ป.ป.ส. ได้ดำเนินการสืบสวนอยู่หรือไม่ โดยให้เร่งรัดสืบสวนและดำเนินการจับกุมยึดทรัพย์สินต่อไป

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2564 เจ้าหน้าที่ศุลกากรฮ่องกงได้ตรวจยึดไอซ์น้ำหนัก 9 กิโลกรัม ซุกซ่อนในกรอบรูปบรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ที่ขนส่งมาจากประเทศไทยทางเรือ จับกุมผู้ต้องสงสัย เป็นชายสัญชาติ จีน-ฮ่องกง 2 คน และได้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับ สำนักงาน ป.ป.ส. เพื่อขยายผลถึงตัวการที่ส่งยาเสพติดมาจากประเทศไทย

ต่อมาวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2564 สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมกับ กรมศุลกากร และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้สืบสวนจนทราบแหล่งที่มาของการส่งยาเสพติดดังกล่าว และทราบว่าจะมีการส่งกรอบรูปลักษณะเดียวกับที่ส่งไปฮ่องกง จึงได้ทำการตรวจสอบสิ่งของในตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งกำลังเตรียมส่งออกจากประเทศไทยไปยังฮ่องกง ที่ศูนย์เอกซเรย์สินค้าขาออกระหว่างประเทศ พบกรอบรูป 5 ชิ้น ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับที่ศุลกากรฮ่องกงได้ตรวจยึด และได้แกะกรอบรูปออกดูมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 9 กิโลกรัม บรรจุถุงพลาสติกใสถุงละ 1 กิโลกรัม จำนวน 9 ถุง ซุกซ่อนอยู่ข้างใน จึงดำเนินการบันทึก ตรวจยึด และส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีต่อไป

นอกจากนี้ยังได้ขยายผลไปตรวจค้น บริษัทขนส่งสินค้าระหว่างประเทศภายในซอยเพชรบุรี 17 พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนักรวม 2 กิโลกรัม ซุกซ่อนในเครื่องขยายเสียงปะปนไปกับสินค้าชนิดอื่นเตรียมส่งไปยังประเทศฟิลิปปินส์ จึงได้ทำบันทึกตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมมือกับศุลกากรฮ่องกงในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด โดยจะดำเนินการขยายผลตรวจสอบจากการจับกุม ตรวจยึดยาเสพติดดังกล่าวซึ่งขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ลักลอบขนส่งยาเสพติดในกลุ่มดังกล่าวต่อไป


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เลี่ยงปัญหาตีตราประเทศต้นกำเนิดเชื้อกลายพันธุ์ใหม่

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้เปลี่ยนชื่อวิธีเรียกสายพันธุ์โควิด-19 โดยจะใช้อักษรกรีก (Greek Alphabet) แทนการเรียกชื่อสายพันธุ์ด้วยชื่อประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงการตีตราประเทศต่าง ๆ ว่าเป็นต้นกำเนิดของโควิด-19 สายพันธุ์นั้น ๆ


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘แรมโบ้’ เหน็บ ‘วิโรจน์-ประเสริฐ’ เซียนข่าวปลอม อ่านตามที่คนร่างมาให้ ไม่ตรวจสอบข้อมูล ก่อนอภิปราย

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงภาพรวมการอภิปราย ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท วาระแรก ของฝ่ายค้านที่ทั้งมีการเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลาออก เนื่องจากจัดสรรงบประมาณผิดพลาด ไม่ลำดับความสำคัญ รวมถึงการบริหารจัดการโควิด-19 ล้มเหลว โดยตนย้ำว่าการบริหารงานของพล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลที่ผ่านมาได้แก้ไขปัญหาในหลายอย่าง พัฒนาประเทศในหลายด้าน ซึ่งก็มีผลงานที่ฝ่ายค้านก็เห็น รวมถึงการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ไขปัญหาเพื่อให้สถานการณ์ได้คลี่คลายให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันจะมีวัคซีนทยอยเข้ามาอีก ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้

นายเสกสกล กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณของกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงสาธารณสุข ต้องพิจารณาในภาพรวมและแนวทางการดำเนินงานในระยะยาว โดยงบประมาณกระทรวงกลาโหมถูกปรับลดลงทุกปีต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 โดยปี 2565 กระทรวงกลาโหมเสนอขอตั้งงบประมาณ จำนวน 203,282.0 ล้านบาท ลดลงจากปี 2564 จำนวน 11,248.7 ล้านบาท ด้านงบประมาณสาธารณสุข รัฐบาลได้ให้ความสำคัญ และเสนอขอตั้งงบประมาณ พ.ศ.2565 ไว้ที่หลายหน่วยงาน เพื่อสวัสดิการประชาชนอย่างครอบคลุมและทั่วถึงในทุกมิติด้านสุขภาพ โดยกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 9 กรม 153,940.5 ล้านบาท ลดลงจากปี 2564 จำนวน 4,338.1 ล้านบาท เรื่องเงินกู้ ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลได้มีการลงทุน ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไปกว่า 2.1 ล้านล้านบาท จำนวน 162 โครงการ ซึ่งกว่า 70 เปอร์เซ็นต์เป็นการกู้เพื่อใช้ในการลงทุน วงเงินประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท หากพรรคฝ่ายค้านไม่หูหนวก ตาบอด ใจมืดมัวจนเกินไปคงต้องรู้บ้าง

นายเสกสกล กล่าวว่า ส่วนที่พรรคเพื่อไทยแกล้งลืมก็คือ รัฐบาลปัจจุบันนี้ต้องใช้หนี้จำนำข้าว ที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้สร้างความเสียหายเกือบ 10 ปีแล้ว โดยรัฐต้องตั้งงบประมาณชดเชย ขาดทุนจำนำข้าวไปแล้ว 705,000 ล้านบาท ปัจจุบันยังเหลือหนี้จำนำข้าวอยู่อีกประมาณ 280,000 ล้านบาท ประมาณ 12 ปี จึงจะหมด สำหรับการกู้ตาม พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ก็มีแผนการใช้จ่ายครบถ้วนแล้ว และเบิกจ่ายไปแล้วกว่าร้อยละ 79.88 เกิดการจ้างงาน 163,628 คน ฝึกอบรมทักษะเกษตรกรไปแล้วอย่างน้อย 90,000 กว่าราย เบิกจ่ายงบประมาณที่ได้อนุมัติโครงการไปแล้ว 817,000 ล้านบาท ช่วยพยุงเศรษฐกิจและส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจร้อยละ 2 ของ GDP

นายเสกสกล กล่าวว่า ฟังการอภิปรายฝ่ายค้าน มองว่า นายวิโรจน์ ลักษณาอดิศร พรรคก้าวไกลใครก็รู้ว่าเป็น ‘เซียนข่าวปลอม’ หลอกพวกเดียวกันเองไม่พอ ปล่อยข่าวบิดเบือนหลอกชาวบ้านให้เข้าใจผิดไปด้วย แบบนี้นอกจากจะ ‘ปั้นน้ำเป็นตัว’ ยัง ‘เอาเท้าราน้ำ’ ล่าสุดก็เต้าข่าวเรื่องวัคซีนซิโนฟาร์มของนายหน้าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ประชาชนคอการเมืองฝากบอกมาเห็นหน้าตาเวลาอภิปรายแล้วระวังลูกตาจะถลนออกจากเบ้าตา เพราะท่าทางดูขึงขังเอาจริงจังเกินไป แต่พอฟังข้อมูลบิดเบือนตลอด ไม่ตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อนที่จะพูด

นายเสกสกล กล่าวว่า นายประเสริฐ จันทรรวงทอง พรรคเพื่อไทยก็ไม่ต่างกัน อ่านตามที่คนร่างมาให้ ไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งหลายเรื่องตนอธิบายพรรคเพื่อไทยไปหลายคนและก็ได้ตอบคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ผู้ก่อตั้งพรรคไทยสร้างไทย และนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ไปแล้ว ก็ยังมาพูด ผิดๆ เพี้ยนๆ เป็นแผ่นเสียงตกร่อง แล้วบ้านเมืองจะเดินหน้าไปได้อย่างไร ข้อมูลบิดเบือนจนทำให้ประชาชนสับสน

“ซึ่งการจัดสรรงบประมาณ นายกฯ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับทุกกระทรวงฯ เพื่อนำงบประมาณไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนให้ได้มากที่สุด ดังนั้นพรรคฝ่ายค้านควรนำข้อมูลทั้งหมดออกมาพูดด้วย ไม่ใช่นำแต่ข้อมูลในด้านของตัวเองมาอภิปรายให้ประชาชนได้รับทราบ และทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดต่อรัฐบาล ประเดี๋ยวประชาชนจะขนานนามฝ่ายค้านว่าเป็นพวกเด็กเลี้ยงแกะ ประเภทคอยพูดจาเอาข้อมูลเท็จ หลอกลวงต้มตุ๋นประชาชนรายวัน” นายเสกสกล กล่าว


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เผยความคืบหน้าตรวจตัวอย่างวัคซีนโควิด 'แอสตราเซเนกา' ของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ เพิ่มอีก 5 ล็อต ล่าสุดผ่านมาตรฐานแล้ว

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เผยความคืบหน้าตรวจตัวอย่างวัคซีนโควิด 'แอสตราเซเนกา' ของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ เพิ่มอีก 5 ล็อต ล่าสุดผ่านมาตรฐานแล้ว รวมกับของเดิมที่ผ่านการตรวจมาก่อนหน้านี้ 9 ล็อต รวมผ่านมาตรฐานทั้งหมด 14 ล็อต ส่วนจะนำวัคซีนออกไปใช้ต้องรอเอกสารสรุปการผลิตและควบคุมคุณภาพจากผู้ผลิต

.นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ตามที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้รับตัวอย่างวัคซีนของแอสตราเซนเนกา เพิ่มเติมจาก 5 ล็อตการผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด นั้น ล่าสุดผลการตรวจออกมาผ่านมาตรฐานทุกตัวอย่าง เพราะฉะนั้นเมื่อรวมกับของเดิมอีก 9 ล็อตที่ตรวจผ่านไปก่อนหน้านี้ เท่ากับว่าวัคซีนแอสตราเซนเนกาฯ ที่ผลิตในไทย ตรวจผ่านคุณภาพ มาตรฐานทั้งหมด 14 ล็อต

อย่างไรก็ตาม การจะออกล็อตรีลีสต์ เพื่อนำวัคซีนออกไปใช้ได้ ต้องรอเอกสารข้อมูลสรุปการผลิตและการควบคุมคุณภาพของผู้ผลิต (Summary Production Protocol) ซึ่งตรงนี้อยู่ที่บริษัทผู้ผลิต แต่ก็อย่างที่ชี้แจงไปว่า เนื่องจากการผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซฯ นั้นเป็นการผลิตล็อตแรกๆ ทางแอสตราฯ โอบอลเลยต้องมีการตรวจสอบเอกสารต่างๆ อย่างละเอียด

 

ที่มา: https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=4717965628230555&id=189995197694310


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top