Friday, 4 July 2025
NEWS FEED

ที่ปรึกษาศบค. แนะ ให้ตั้งความหวังอยู่บนพื้นฐานที่เป็นจริง เพราะโควิดจะอยู่กับเราจนถึงอย่างน้อยปีหน้า

2 ก.ค. 64 ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ตั้งความหวังที่เป็นจริง

เราทุกคน หวังว่าโควิดจะหายไปจากโลกนี้

หวังว่าเราจะได้กลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม เหมือนก่อนโควิด

แต่ความเป็นจริงคือ

- โควิด จะอยู่กับเราต่อไปจนถึงอย่างน้อยปีหน้า และต่อ ๆ ไปก็จะยังกลับมาเรื่อย ๆ แม้ว่าอาจจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว ก็ยังไม่มีอะไรรับประกันได้

- การที่เราจะใช้มาตรการกดจำนวนผู้ติดเชื้อให้ลดลง อาจตามมาด้วยความทุกข์เข็ญของปากท้องของผู้คนจำนวนมากเช่นกัน แต่ถ้าให้เสรีภาพในการทำมาหากินตามปกติ ก็จะเกิดความเสี่ยงต่อการรวมตัวและแพร่ระบาดอีก

- นับจนถึงวันนี้ ยังไม่มีประเทศไหนที่ได้กลับไปใช้ชีวิตเหมือนก่อนโควิดจริง ๆ เลยแม้แต่ประเทศเดียว ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนไปเท่าไหร่ก็ตาม จะมีก็แค่ช่วงสั้น ๆ เท่านั้น

ดังนั้น สิ่งที่เราทำได้ และควรทำ อาจเริ่มต้นจากการ set expectation หรือตั้งความหวังที่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง เช่น

- ยอมรับว่าเราต้องอยู่ร่วมกับโควิดไปอีกอย่างน้อยหนึ่งปี หรือนานกว่านั้น คงไม่ต้องรอว่าเมื่อไหร่เราจะได้กลับมาทำอะไรเหมือนเดิม แต่คิดล่วงหน้าไปเลยว่าเราจะทำอย่างไร เปลี่ยนแปลงตัวอย่างไร เพื่อให้อยู่กับโควิดให้ได้ และหวังว่าสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลงนั้น จะทำให้เราอยู่รอดปลอดภัยได้

- รับรู้ว่าสงครามครั้งนี้มีศึกสองด้าน คือสุขภาพกับเศรษฐกิจ ถ้าเลือกดูแลด้านหนึ่งเป็นพิเศษ อีกด้านก็จะแย่ ประเทศส่วนใหญ่ ในช่วงแรกก็จะเน้นสุขภาพ แต่เมื่อเวลาผ่านไป สุดท้ายก็ต้องกลับมาสู่ทางสายกลาง ซึ่งไม่มีทางที่จะกดยอดให้ต่ำมาก ๆ ได้ เพราะว่าจะเปิดช่องให้ทำมาหากิน ดำเนินชีวิตกันไปเท่าที่จะทำได้ ดังนั้น ความหวังของเราคือ การสามารถอยู่ร่วมกับโควิดไปได้โดยไม่มีความเสี่ยงมากเกินไป โดยที่ยังทำมาหากิน ใช้ชีวิตตามเดิมได้เท่าที่จะทำได้ บวกกับการใช้ชีวิตแบบใหม่ที่มาจากการปรับตัวของเรา

- รับรู้ว่ายอดผู้ติดเชื้อ เป็นระลอก มีขึ้นมีลง ขาขึ้นจะดูน่ากลัว เราก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ไม่ว่ายอดจะขึ้นไปสูงอย่างไร ก็จะต้องมีจุดที่ตกลงมา เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับทุกประเทศ ความหวังของเรา คือ ทำอย่างไรให้การระบาดนั้นสั้นที่สุด ผู้เสียชีวิตน้อยที่สุด (ซึ่งเป็นเหตุผลที่จำเป็นต้องให้คนแก่และกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด)

- รับรู้ว่าในวิกฤต จะมีความวุ่นวายสับสน เหมือนในภาวะสงคราม โดยเฉพาะเรื่องข้อมูลข่าวสาร และก็ไม่ใช่ทุกสื่อมวลชนที่จะเป็นที่พึ่งได้ แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดหวังว่าการสื่อสารจะต้องเป็นไปในทางเดียวกันทั้งหมด ตราบใดที่ทุกคนจะพูดจะเขียนอะไร ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ ก็มีช่องทางให้ทำได้ทั้งสิ้น หรือจะหวังให้ทุกสื่อทุกคนสื่อสารด้วยจริยธรรมก็คงไม่น่าจะเกิดขึ้นได้

ดังนั้น นอกจากเราควรจะคาดหวังข้อมูลที่ดี มีประโยชน์จากทางการแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญก็คือที่แต่ละคนควรจะหวังพึ่ง ก็คือสติของเราเองในการแยกแยะข้อมูลข่าวสารที่ท่วมท้นในทุก ๆ วัน ไม่เช่นนั้นเราก็จะตกเป็นเหยื่อเองได้

เรื่องมาตรการต่าง ๆ ของรัฐ เป็นสิ่งที่เราทุกคนในฐานะประชาชนมีสิทธิเรียกร้องและแสดงความคิดเห็น ซึ่งผมก็เชื่อว่าสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ คงไม่มีประเทศไหน ต้องการให้เกิดความเสียหายหรือใครเสียชีวิต และอยากจะแก้ปัญหาให้ดีที่สุด ซึ่งก็คงไม่สามารถจะเป็นที่พอใจของทุกคนได้ และก็คงไม่มีประเทศไหนที่สามารถดูแลทุกคนได้ทุกวันตลอดไป

แต่อย่างน้อย ถ้าเราเริ่มต้นจากการตั้งความหวังที่เป็นจริง เราอาจจะเริ่มมองว่า เป้าหมายของเรา ไม่ใช่การกลับไปสู่อดีตที่เคยทำ เพราะมันอาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่อาจจะเป็น การยอมรับความจริงว่าชีวิตของเราคงไม่ได้กลับไปเหมือนเดิมอีกแล้ว และเราจะทำอย่างไรให้มันดีที่สุด

ขอเป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ ท่านครับ

 

 

ที่มา : https://www.facebook.com/warat.karuchit


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

พล.อ.ประวิตร เร่งช่วยเหลือ ผู้ยากไร้/เกษตรกร ติดตามผลแก้ปัญหา ที่ดินทำกิน/แหล่งน้ำ/หนี้สิน SET ZERO เช่าซื้อที่ดินเป็นเช่า ลดความเดือดร้อน มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำ ย้ำไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการแก้ไขปัญหา ของสภาเครือข่ายประชาชนอีสาน (สอส.) และสภาประชาชน 4 ภาค ครั้งที่ 1/2564 โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.กษ. เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุม ได้รับทราบความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาที่ดิน และป่าไม้ กรณีการจัดหาที่ดิน เพื่อนำมาจัดสรรให้กับสมาชิกเครือข่ายฯ ซึ่งมีความคืบหน้า โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจพื้นที่ ว่ามีพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม หรือที่สาธารณะที่ไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ เพื่อพิจารณาจัดหาที่ดินแปลงใหม่ให้กับสมาชิกฯ ที่ยังไม่มีที่ทำกิน และรับทราบการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร

กรณีข้อเรียกร้องขอให้ชะลอการดำเนินคดี ซึ่งสถาบันเจ้าหนี้ได้ให้ความช่วยเหลือในระดับหนึ่งแล้ว ตามมาตรการของรัฐที่มีอยู่ รวมทั้งได้รับทราบ การส่งเสริมและฟื้นฟูอาชีพภาคเกษตร ซึ่งกลุ่มเกษตรกร ภาคเครือข่ายฯ ได้เสนอโครงการฟื้นฟูอาชีพตามหลัก เกษตรทฤษฎีใหม่โดยผสมผสานหลักเศรษฐกิจพอเพียง

จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ เรื่องสำคัญ ได้แก่การแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำตามข้อเสนอของ สมาชิกสภาเครือข่ายฯ ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เนื้อที่ 15,092ไร่ ในพื้นที่นำร่อง 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ลพบุรี,จ.นครราชสีมา และ จ.เพชรบุรี จำนวน 9 โครงการ วงเงิน 75,118,141 บาท

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวย้ำว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญ ต่อการแก้ไขปัญหา ความยากจน และเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ จากปัญหาที่ดินทำกิน, หนี้สิน, แหล่งน้ำ และการส่งเสริมฟื้นฟูอาชีพ มาอย่างต่อเนื่อง โดยยืนยันว่า จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังเป็นอันขาด พร้อมทั้ง ได้กำชับ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของภาครัฐ ต้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ยากไร้ และพี่น้องเกษตรกรอย่างจริงจังโดยเร็ว ภายใต้กรอบของกฎหมาย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน พร้อมต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบด้วย

หมอบุญ วนาสิน แจงวัคซีน "ไฟเซอร์-โมเดอร์นา" ล่าช้า เหตุเพราะไทยไม่ยอมเซ็นสัญญา หลังต่อสายตรงทวงถามทำไมไทยไม่ได้วัคซีน

เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 64 นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์ แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผ่านรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ถึงกรณีการนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นา และไฟเซอร์ที่ล่าช้า ว่า การสั่งซื้อวัคซีนนั้น ผู้ผลิตระบุว่าหลังจากเซ็นสัญญาแล้ว จะใช้เวลาอีก 4 เดือน ถึงจะส่งวัคซีนไปยังประเทศที่ซื้อได้ ถ้าไม่ติดเงื่อนไขจากรัฐบาล ทางรพ.ธนบุรี พร้อมจะเซ็นซื้อโมเดอร์นา ไฟเซอร์ 50 ล้านโดส ตั้งแต่ต.ค. 2563 แล้ว แต่การซื้อขายจำเป็นต้องซื้อรัฐต่อรัฐ ทำให้เอกชนซื้อไม่ได้ ต้องรอจนปัจจุบัน

ทั้งนี้ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีการยืนยันจากทั่วโลก ว่า วัคซีนแบบ mRNA คือวัคซีนที่ดีที่สุด โดยเฉพาะไฟเซอร์และโมเดอร์นา เช่น การศึกษาของสหรัฐอเมริกา ยืนยันแล้วว่าวัคซีน ที่ผลิตเทคโนโลยีใหม่ mRNA อย่าง โมเดอร์นา และไฟเซอร์ มีประสิทธิผลดีที่สุด คุ้มกันไม่ให้เกิดโรคได้ ไม่ใช่เพียงแค่ป้องกันการเสียชีวิต หรือ อาการหนักเท่านั้น โดยมีประสิทธิภาพสามารถป้องกันได้ทั้ง โควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) สายพันธุ์อัลฟ่า (อังกฤษ) และสายพันธุ์เบต้า (แอฟริกาใต้)

ส่วน เรื่องการซื้อวัคซีนที่ล่าช้านั้น ตนได้ติดต่อไปทางบริษัทผู้ผลิต เนื่องจากสนิทกัน ด้วยความสงสัยว่าทำไมประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย อย่าง ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ถึงได้แล้ว แต่ไทยไม่มีสักโดส จึงโทรศัพท์ไปที่ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ที่สนิทเป็นการส่วนตัว โดยได้คำตอบว่า “ไทยไม่ยอมเซ็นสัญญา”


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยเผยภาพวัคซีนป้องกันโควิด-19 ถึงไทยเมื่อวันที่ 1 ก.ค. อีก 1 ล้านโดส พร้อมประกาศสนับสนุนประเทศไทยต่อสู้กับโรคระบาด

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. เพจ “Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย” โพสต์ภาพวัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับการซีลอย่างดี ถูกลำเลียงถึงประเทศไทยอีก 1 ล้านโดส เพื่อใช้ต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดในประเทศไทยอยู่ในขณะนี้ โดยทาง “สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย” ได้ระบุข้อความว่า

“เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม วัคซีนป้องกันโควิด-19 ชุดใหม่ของจีนจำนวน 1 ล้านโดส ส่งถึงกรุงเทพฯ แล้ว จีนได้จัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้แก่ประเทศไทยแล้ว จำนวน 13 ชุด รวมทั้งสิ้น 11.5 ล้านโดส”

นอกจากนี้ ในวันที่ 1 ก.ค. ยังเป็นวันครบรอบ 100 ปี การก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน จึงได้มีการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมประกาศว่า ประเทศจีนจะสนับสนุนประเทศไทยในการต่อสู้กับโรคระบาดต่อไปภายใต้การนำที่แข็งแกร่งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และจะส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทยให้ดียิ่งขึ้นต่อไป


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ป.ป.ช. มีมติตั้งคณะไต่สวนอดีตผู้ว่าฯ - นายกอบจ. และบริษัทที่เกี่ยวข้อง กรณีเสาไฟกินรี ระบุต้องแล้วเสร็จภายใน 180 วัน

1 ก.ค. 64 นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษก ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ได้พิจารณารายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหาผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ กระทำการจัดซื้อจัดจ้างโครงการเสาไฟฟ้าแสงสว่างพร้อมรูปประติมากรรมกินรีโดยมิชอบ

โดยจากการตรวจสอบพบว่า ในปีงบประมาณ 2556, 2557, 2561, 2562, 2563, 2564 ซึ่งทาง อบต.ราชาเทวะ ได้จัดทำโครงการจัดซื้อเสาไฟฟ้าและซ่อมบำรุงเสาไฟฟ้าดังกล่าว โดยมีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างไม่ถูกต้องตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยวิธีการงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2541

และพบว่าการจัดซื้อจัดจ้างมีการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทผู้รับจ้างบางราย และยังพบว่าการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานตามที่กำหนด ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติแต่งตั้งองค์คณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงรวม 5 คณะ โดยแต่ละคณะจะแยกไต่สวนกันคนละปีงบประมาณ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนผู้ถูกกล่าวหากรณีนี้ มีทั้ง อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ, นายก อบต.ราชาเทวะ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และบริษัทเอกชน รวมกว่า 20 ราย ทั้งนี้ ตามกฎหมายระบุว่าการไต่สวนข้อเท็จจริงดังกล่าวต้องแล้วเสร็จภายใน 180 วัน

 

ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/108312


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ทบ. พร้อมรับทหารใหม่ ด้วยมาตรการป้องกัน COVID-19 อย่างเข้มงวด ระหว่าง 1-3 ก.ค.

พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกมีความพร้อมรับการรายงานตัวของ ทหารกองประจำการ ผลัดที่ 1/2564 ที่จะเดินทางมาในวันที่ 1 และ 3 ก.ค. 64 นี้ ด้วยมาตรการที่รัดกุมเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดการแพร่ระบาดแบบกลุ่มของหน่วยฝึกทหารใหม่ทั่วประเทศ

ตามนโยบาย พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่มอบให้กรมยุทธศึกษาทหารบก เป็นผู้กำหนดมาตรการในการบริหารจัดการฝึกทหารใหม่ ให้มีความปลอดภัย ลดความเสี่ยงการแพร่กระจายเชื้อ และเป็นไปตามที่ ศบค.กำหนดนั้น จึงได้กำหนดขั้นตอนการปฏิบัติ ออกเป็น 3 ขั้นตอนได้แก่

1.) ขั้นการเตรียมการก่อนการฝึก โดยจัดเตรียมพื้นที่ฝึกและพักอาศัยให้อยู่ในระบบปิด แบบ Bubble and Seal จำกัดเฉพาะผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการฝึกเท่านั้น สำหรับทหารที่ทำหน้าที่เป็น ผู้ฝึก ครูฝึก ผู้ช่วยครู และเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยฝึกทุกนาย ได้ทำการกักตัวภายในหน่วยฝึกล่วงหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วันก่อนวันที่ทหารใหม่จะมาถึง รวมทั้งดำเนินการด้านการตรวจหาเชื้อเชิงรุก และจัดให้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อให้มั่นใจว่าครูฝึกและเจ้าหน้าที่ทุกนาย ปลอดภัยจากเชื้อไวรัส

2.) ขั้นการดำเนินการ ในวันที่ทหารใหม่เข้ามารายงานตัวในหน่วยฝึกทหารใหม่ทั้ง 311 หน่วยทั่วประเทศ ได้จัดให้มีชุดแพทย์ทำการตรวจคัดกรองอย่างละเอียด หากพบผู้ติดเชื้อจะแยกออกเพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษา ณ รพ.ประจำค่ายทหาร ที่มีอยู่จำนวน 37 แห่ง สำหรับส่วนที่เหลือจะแยกกักตัวภายในหน่วยฝึกเป็นเวลา 14 วันเพื่อให้พร้อมทำการฝึกในขั้นต่อไป และ

3.) ขั้นการฝึกและเสริมสร้าง โดยระหว่างการกักตัว จะใช้วิธีการแยกสอนในห้องเรียน หรือใช้การเรียนแบบออนไลน์ไปก่อน เมื่อครบกำหนด 14 วัน จึงสามารถทำการฝึกในสนามฝึก ได้ แต่จะต้องเป็นไปตามมาตรการการเว้นระยะห่าง ของสาธารณะสุข (DMHTT) ทุกประการ ซึ่งทั้งครูฝึกและทหารใหม่ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ทุกคน จะถูกจำกัดให้อยู่แต่ภายในหน่วยฝึกไม่ให้ปะปนสู่ชุมชนภายนอก

สำหรับในส่วนของ กทม. และปริมณฑล ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้กำหนดให้ใช้พื้นที่ของ มทบ.11 เป็นสถานที่แรกรับรายงานตัว​ ซึ่งจะมารายงานตัวจำนวน 2 รอบ คือ รอบวันที่ 1 ก.ค.64 จำนวน 2,716 คน โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีภูมิลำเนาทหารอยู่ใน กทม. และ จังหวัดใกล้เคียง และรอบวันที่ 4 ก.ค. 64 จำนวนประมาณ 1,519 คน ส่วนใหญ่มาจากจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งกรมแพทย์ทหารบกได้เตรียมหน่วยแพทย์คัดกรองมาดำเนินการตรวจหาเชื้อเชิงรุกทุกนาย หากตรวจพบจะแยกไปทำการรักษาที่ รพ.สนามของ ทบ.ที่เตรียมไว้ (รพ.สนามเกียกกาย และ รพ.สนาม มทบ.11-2) ส่วนผู้ที่มีความเสี่ยงสูง จะให้ทำการกักตัวในสถานกักตัวของหน่วย (OQ) เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วันก่อนส่งตัวเข้าสู่กระบวนการฝึกต่อไป

นอกจากนั้น ผู้บัญชาการทหารบกยังได้สั่งการเพิ่มเติมการปฏิบัติในส่วนของ ผู้ที่ต้องเดินทางมาจากภาคอีสาน โดยจะใช้ชุดแพทย์ทหารต้นทาง ทำการตรวจหาเชื้อเชิงรุกภายในจังหวัดของตนเองตั้งแต่แรก หากตรวจพบก็ให้ทำการรักษาในจังหวัดนั้น ๆ ก่อนยังไม่ต้องเดินทางเข้ามายัง กทม.

ทั้งนี้ผู้บัญชาการทหารบก ได้ห่วงใยและให้ความสำคัญในการดูแลทหารกองประจำการที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพบกเป็นพิเศษ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีมาตรการเพิ่มเติมการดูแลด้านสุขอนามัย โภชนาการ เวชศาสตร์การกีฬา ตลอดจนการเพิ่มโอกาสในการรับราชการ เพราะถือว่าทหารกองประจำการทุกนายเป็นผู้มีความเสียสละ เข้ามาดูแลด้านความมั่นคง ช่วยเหลือประชาชนในหลากหลายภารกิจ ตลอดจนเป็นครอบครัวของกองทัพบกที่จะต้องได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด

เพจเฟซบุ๊ก World Forum ข่าวสารต่างประเทศ โพสต์ภาพนวัตกรรมใหม่ "หน้ากากอนามัยปิดจมูก" ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวเม็กซิกัน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสเข้าทางจมูกขณะรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับคนอื่น ซึ่งถูกยืนยันแล้วว่าใช้ได้ผลจริง

เพจเฟซบุ๊ก World Forum ข่าวสารต่างประเทศ โพสต์ภาพนวัตกรรมใหม่ "หน้ากากอนามัยปิดจมูก" ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวเม็กซิกัน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสเข้าทางจมูกขณะรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับคนอื่น ซึ่งถูกยืนยันแล้วว่าใช้ได้ผลจริง

.เพจเฟซบุ๊กโพสต์ข้อความระบุว่า...หน้ากาก ปิดจมูก สำหรับทานอาหารในที่สาธารณะ น่าสนใจในช่วงที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้น

นักวิทยาศาสตร์ชาวเม็กซิกัน Gustavo Acosta Altamirano จากมหาวิทยาลัย The Instituto Politécnico Nacional หรือ IPN ได้แสดงนวัตกรรมใหม่ของเขา เป็นหน้ากากอนามัยปิดจมูก ป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิดได้ดีโดยเฉพาะ เวลาทานอาหาร ร่วมกับบุคคลอื่น ป้องกันละออง การแพร่เชื้อไวรัสเข้าทางจมูก ใช้ได้ผลจริง

ทั้งนี้ ยังสามารถใช้ป้องกันสองชั้น โดยสวมหน้ากากอนามัยหลักทับอีกที เวลาต้องออกไปสถานที่สาธารณะ ก็จะสามารถป้องกันโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่

 

ที่มา World Forum ข่าวสารต่างประเทศ https://www.facebook.com/WorldForumTh/posts/335636018100648


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ และประธานชมรมเชื้อราทางการแพทย์ประเทศไทย ได้โพสต์ผลลัพธ์ของวัคซีนแอสตร้าฯ ที่น่าสนใจจากทางสหราชอาณาจักรผ่านเฟซบุ๊ก 'หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC' ว่า

ไม่นานมานี้ นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ และประธานชมรมเชื้อราทางการแพทย์ประเทศไทย ได้โพสต์ผลลัพธ์ของวัคซีนแอสตร้าฯ ที่น่าสนใจจากทางสหราชอาณาจักรผ่านเฟซบุ๊ก 'หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC' ว่า...

ยุทธศาสตร์ในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แต่ละประเทศแตกต่างกัน แล้วแต่จำนวนวัคซีนที่หามาได้

ของไทยเน้นปูพรมฉีดเข็มแรกโดยเฉพาะวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าให้มากที่สุดอย่างน้อย 50 ล้านคนให้เร็วที่สุดใน 120 วัน ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องในภาวะที่วัคซีนขาดแคลน

โดยยืดเวลาการให้วัคซีนแอสตร้าเข็มที่ 2 ออกไปเป็น 12-16 สัปดาห์ แทนที่จะเน้นให้ทุกคนต้องฉีดคนละ 2 เข็มใน 8 สัปดาห์ เหมือนประเทศที่มีวัคซีนเหลือพอ อย่างในประเทศสหรัฐอเมริกา 1 ใน 10 คน ที่ฉีดเข็มแรกไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา จะปฏิเสธเข็มที่ 2 แต่อย่างไรเสียคนที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในสหรัฐฯ คือคนที่ไม่เคยรับวัคซีน

เป็นที่ทราบกันดีจำนวนคนป่วยหนักเข้านอนโรงพยาบาลและใส่ท่อหายใจเพิ่มขึ้นทุกวัน จนเตียงในไอซียูในโรงพยาบาลไม่เพียงพอ ยิ่งกว่านั้นเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ที่พบบ่อยที่สุดประมาณ 80 กว่า% เป็นสายพันธุ์อัลฟ่าหรือสายพันธุ์อังกฤษ ตามมาด้วยสายพันธุ์เดลต้าหรือสายพันธุ์อินเดียเกือบ 20% เนื่องจากสายพันธุ์เดลต้าแพร่กระจายได้เร็วกว่าสายพันธุ์อังกฤษ 60% เชื่อว่าอีกไม่นานสายพันธุ์เดลต้าจะขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แทนสายพันธุ์อัลฟ่าในประเทศไทย

>> มีการศึกษาจากประเทศสหราชอาณาจักร วัคซีนแอสตร้าเซเนก้าเข็มแรกสามารถลดการป่วยหนักเข้านอนโรงพยาบาลจากสายพันธุ์เดลต้า 71% เทียบกับสายพันธุ์อัลฟ่า 76%

>> ส่วนวัคซีนแอสตร้า 2 เข็มลดการป่วยหนักเข้านอนรพ. จากสายพันธุ์เดลต้า 92% เทียบกับสายพันธุ์อัลฟ่า 86%

การปูพรมฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าเข็มแรกให้เร็วที่สุด อย่างน้อย 50 ล้านคนใน 120 วัน เป็นการให้ ที่แข่งกับเวลาก่อนที่เชื้อสายพันธุ์เดลต้าจะขึ้นมาแทนที่สายพันธุ์อัลฟ่า เพราะวัคซีนแอสตร้าฯ แม้เพียงเข็มแรกก็ช่วยลดจำนวนคนป่วยหนักเข้านอนรพ. มากกว่า 70%

สำหรับวัคซีนซิโนแวคและซิโนฟาร์มต้องให้ 2 เข็มใน 3-4 สัปดาห์ถึงจะมีประสิทธิภาพป้องกันการป่วยหนักเข้านอนในโรงพยาบาลและเสียชีวิต หลังฉีดวัคซีนแล้ว ทุกคนก็ยังต้องใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือเหมือนเดิม

ยุทธศาสตร์เมื่อกำหนดแล้วต้องทำให้ได้ ฝากความหวังกับบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ผู้ผลิตวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าสามารถทยอยส่งมอบวัคซีนให้กระทรวงสาธารณสุขมากที่สุดทันตามกำหนดเวลา

 

 

ที่มา : https://www.facebook.com/604030819763686/posts/1975480902618664/


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘บิ๊กตู่’ ขอชาวภูเก็ตเข้มทำตามกฎ นำร่องรับนักท่องเที่ยว ก่อนเปิดทั้งประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha’ ว่า การเปิดจังหวัดภูเก็ตต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วให้เข้ามาได้โดยไม่ต้องกักตัว ซึ่งเริ่มในวันนี้ (1 ก.ค. 64) ไม่ใช่เป็นเรื่องของจังหวัดภูเก็ตเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของทั้งประเทศ ถือเป็นก้าวสำคัญก้าวหนึ่งในการนำร่องเพื่อดูความเหมาะสมและประสิทธิภาพของมาตรการและขั้นตอนต่าง ๆ เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมตัวและเดินหน้าไปสู่เป้าหมายการเปิดทั้งประเทศใน 120 วันตามที่ผมได้ตั้งไว้

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเปิดโอกาสให้การใช้ชีวิตและการทำมาหากินของพี่น้องคนไทย เริ่มกลับมาได้อีกครั้งครับ

แม้จะรู้ว่ามีความเสี่ยง อย่างตอนนี้ ในบางประเทศ ทั้งในประเทศใหญ่ และประเทศที่เป็นประเทศเป้าหมายที่น่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทย ล่าสุดเริ่มมีจำนวนผู้ติดเชื้อ และจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มกลับขึ้นมาอีก แต่เราจำเป็นต้องยอมรับความเสี่ยงบ้าง สิ่งสำคัญคือเราต้องมีการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อะไรที่เห็นว่าควรต้องปรับเปลี่ยน ต้องดำเนินการให้เหมาะสมทันที เพี่อไม่ให้ส่งผลกระทบไปถึงเป้าหมายใหญ่ในการเปิดประเทศใน 120 วัน

“ผมขอให้ชาวภูเก็ตทุกคนร่วมมือกัน ช่วยกันอย่างเต็มที่ ระมัดระวังอย่างที่สุด และขอให้ช่วยกันทำตามกฎกติกาอย่างเคร่งครัด ไม่ให้มีการฝ่าฝืนมาตรการต่าง ๆ ไม่ให้มีการพาคนเดินทางเข้าหรือออกจากพื้นที่โดยไม่ถูกขั้นตอน ขอให้ทุกท่านคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อประเทศตลอดเวลานะครับ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่ภูเก็ต มีผลต่อทั้งประเทศ ขอให้ชาวภูเก็ตภูมิใจที่ได้ร่วมกันทำภารกิจชาติ ทั้งประเทศดูท่านอยู่ และเป็นกำลังใจให้ท่านครับ”


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงสถิติการใช้ฟ้าทะลายโจรจากเรือนจำเชียงใหม่ถึงกรุงเทพ ที่รัฐบาลควรประกาศออกมาได้แล้วว่า...

อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงสถิติการใช้ฟ้าทะลายโจรจากเรือนจำเชียงใหม่ถึงกรุงเทพ ที่รัฐบาลควรประกาศออกมาได้แล้วว่า...

เมื่อพิจารณถึงสถานการณ์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ประเทศไทยมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 6,884 คน และมีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 61 คน คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตต่อจำนวนผู้ป่วย 0.88%

สำหรับการระบาดระลอกสอง ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564 -31 มีนาคม 2564 ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เฉพาะช่วงนี้ จำนวน 21,979 คน มีผู้เสียชีวิตสะสมช่วงนี้ 33 คน คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตต่อจำนวนผู้ป่วย 0.15% ซึ่งถือว่าช่วงเวลานี้ประเทศไทยมีอัตราการเสียชีวิตลดน้อยลงกว่าปี 2563 เพราะแพทย์ในประเทศไทยมีประสบการณ์มากขึ้น ด้วยอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือและบุคคลากรทางการแพทย์มีเพียงพอ

แต่การระบาดระลอกที่สาม ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2564 จนถึงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เฉพาะช่วงนี้จำนวน 207,428 คน มีผู้ป่วยเสียชีวิตเฉพาะช่วงนี้ 1,725 คน คิดเป็นอัตราการเสียชีวิต 0.83% อันสะท้อนให้เห็นว่าอัตราการเสียชีวิตกลับเพิ่มสูงขึ้นกว่าช่วง 3 เดือนแรกของปี 2564

ช่วงเวลาเดียวกันนี้เองได้เกิดการระบาดโรคที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ ทางกระทรวงยุติธรรมได้ใช้ยาฟ้าทะลายโจรเป็นยาร่วมรักษา ผลปรากฏว่าจำนวนผู้ต้องขัง ถึง ณ วันที่ 18 มิถุนายน 2564 มีนักโทษรวมทั้งสิ้น 6,562 คน ติดเชื้อโควิด-19 สะสมรวมทั้งสิ้น 4,169 คน รักษาหายแล้วถึง 3,980 คน มีผู้เสียชีวิต 3 คน คิดเป็นอัตราการเสียชีวิต 0.072% เท่านั้น ซึ่งน่าอัศจรรย์ว่าเป็นกลุ่มคนที่มีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในประเทศไทยในทุกช่วงเวลา

สรุปสัดส่วนผู้เสียชีวิตกับผู้ติดเชื้อแต่ละช่วงเวลาคือ...

>> ช่วงเวลา 2563 ในประเทศไทย ถ้ามีผู้ติดเชื้อ 10,000 คน จะมีผู้เสียชีวิต 88 คน

>> ช่วงเวลา 1 มกราคม 2564-31 มีนาคม 2564 ประเทศไทยถ้ามีผู้ติดเชื้อ 10,000 คน จะมีผู้เสียชีวิต 15 คน

>> ช่วงเวลา 1 เมษายน 2564 -25 มิถุนายน 2564 ประเทศไทยถ้ามีผู้ติดเชื้อ 10,000 คน จะมีผู้เสียชีวิต 83 คน

>> แต่สำหรับเรือนจำกลางเชียงใหม่ ซึ่งมีการใช้ 'ฟ้าทะลายโจร' ในการลดอาการของผู้ป่วย ช่วงเวลา 1 เมษายน 2564-18 มิถุนายน 2564 ถ้ามีผู้ติดเชื้อ 10,000 คน จะมีผู้เสียชีวิต 7 คนเท่านั้น

นอกจากนี้ ยังมีการรายงานผลของ นายแพทย์เอนก มุ่งอ้อมกลาง สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 จังหวัดสระบุรี ซึ่งบรรยายประสบการณ์การนำยาสมุนไพรไทยไปใช้ในสถานการณ์การระบาดเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ในเรือนจำกรุงเทพมหานคร ที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุขจัดการสัมมนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2564

โดย นายแพทย์เอนก มุ่งอ้อมกลาง รายงานการพบว่าเมื่อใช้ 'ผงหยาบ' ฟ้าทะลายโจรในขนาดแคปซูล 400 มิลลิกรัม กิน 4 เม็ดต่อครั้งและ 3 ครั้งต่อวัน หรือประมาณ 4.8 กรัมต่อวันเป็นเวลา 5 วัน ปรากฏว่าผู้ป่วยโควิด-19 ตรวจเชื้อไม่พบเลยในวันที่ 8 ในขณะที่ยาฟาวิพิราเวียร์ต้องใช้เวลา 12 วันที่จะตรวจไม่พบเชื้อเลย

แปลว่าฟ้าทะลายโจรเหนือกว่ายาฟาวิพิราเวียร์ และไม่ต้องสกัดอะไรเหมือนกระชายขาว

ความน่าสนใจคือ ผงหยาบฟ้าทะลายโจร 4.8 กรัมต่อวัน ที่ชนะยาฟาวิพิราเวียร์ได้นั้น เป็นปริมาณใช้น้อยกว่า 'ผงหยาบ' ฟ้าทะลายโจรขั้นต่ำสุดใน 'โรคหวัดธรรมดา' ที่ต้องใช้ผงฟ้าทะลายโจรประมาณ 6 กรัมต่อวันเสียด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นสัญญาณแสดงว่า โรคโควิดจัดการได้ง่ายกว่าและกระจอกว่าโรคหวัดเมื่อใช้ผงหยาบฟ้าทะลายโจรหรือไม่?

และปริมาณผงหยาบฟ้าทะลายโจรที่ใช้ 4.8 กรัมต่อวันนั้น เมื่อตรวจสารแอนโดรกราโฟไลด์นั้นได้เพียง 132 มิลลิกรัมต่อวัน ไม่ต้องใช้มากถึง 'สารสกัด' จากฟ้าทะลายโจรที่ต้องใช้สารแอนโดรกราโฟไลด์ 180 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า 'ผงหยาบ' ฟ้าทะลายเพียงน้อยนิดก็จัดการกับโรคโควิด-19 ได้แล้ว

สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้น คือข้อมูลของคุณรสนา โตสิตระกูล มูลนิธิสุขภาพไทย ได้แจกฟ้าทะลายโจรไปในชุมชนคลองเตย ซึ่งเป็นชุมชนแออัด หลายคนนอนห้องเดียวกัน พบว่าผู้ที่ใช้ฟ้าทะลายโจร 4.8 กรัม หรือใช้แคปซูลขนาด 400 มิลลิกรัม จำนวนเพียงแค่ 12 เม็ดต่อวัน

ปรากฏว่ามีหลายบ้านในชุมชนคลองเตย ผู้ที่กินฟ้าทะลายโจรไม่ติดเชื้อ แต่คนที่ไม่ได้กินกลับติดเชื้อ บางคนที่ไม่ได้ใช้ฟ้าทะลายโจรกลับติดเชื้ออยู่คนเดียวในบ้าน ทั้ง ๆ ที่นอนห้องเดียวกันกับคนที่กินฟ้าทะลายโจรด้วยซ้ำไป

ที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม News1 ก็มีผู้ติดเชื้อ 2 คน ให้กินฟ้าทะลายโจรทั้งชั้น 'ทุกคน' ครั้งละ 4 แคปซูล วันหนึ่งกิน 4 ครั้ง เมื่อครบ 5 วันก็ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มแม้แต่คนเดียว จึงไม่ลุกลามกลายเป็นคลัสเตอร์ใหญ่

และทำให้ต้องคิดกันว่าถึงเวลาที่จะต้องนำ 'ฟ้าทะลายโจร' มาเป็น 'วาระแห่งชาติ' อย่างจริงจังได้แล้ว เตรียมพร้อม 'บำบัดรวมหมู่' ด้วยฟ้าทะลายโจร 'พร้อมกัน' ดังนั้นทุกบ้านทุกที่ดินเตรียมปลูกเสียตั้งแต่วันนี้ให้มากที่สุด

 

 

ที่มา: https://www.facebook.com/123613731031938/posts/4250157078377562/


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top