Saturday, 5 July 2025
NEWS FEED

ครม.ไฟเขียว ให้ทำสัญญาซื้อวัคซีน ‘โมเดอร์นา - ไฟเซอร์’

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับบริการประชาชนในประเทศไทยเพิ่มเติม จำนวน 10.9 ล้านโดส (Sinovac) กรอบวงเงิน 6,111.412 ล้านบาท โดยจะจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ใช้เทคโนโลยีอื่นและสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์สูงกว่าควบคู่ไปด้วยในจำนวนการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 10.9 ล้านโดส เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชาชน ตามแผนการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในส่วนที่เหลือเพื่อให้สามารถจัดหาวัคซีนให้แก่ประชาชนให้ครบ 150 ล้านโดส ภายในไม่เกินไตรมาสที่ 2 ของ ปี 2565

รูปแบบโครงการฯ เป็นการจัดหาวัคซีนโควิด-19 สำหรับสร้างภูมิคุ้มกันโรคแก่บุคลากรและประชาชนกลุ่มเสี่ยง 4 กลุ่ม ได้แก่

1.) บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข

2.) ประชาชนที่มีโรคประจำตัวตามที่กำหนด

3.) ประชาชนที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป

4.) เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด-19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย

ระยะเวลาดำเนินการ 2 เดือน (กรกฎาคม-สิงหาคม)

ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคกำหนดจัดหาวัคซีนโควิด-19 ในเดือนกรกรกฎาคม จำนวน 3,894.8000 ล้านบาทและเดือนสิงหาคม จำนวน 2,169.9600 ล้านบาท โดยมีค่าบริการจัดการวัคซีนโควิด-19 และในส่วนที่เกี่ยวข้องอีก 46.6520 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งสิ้น 6,111.4120 ล้านบาท

“สำหรับวัคซีนจากบริษัท Sinovac จำนวน 10.9 ล้านโดส เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ตามนโยบายรัฐบาล สร้างภูมิคุ้มกันโรคแก่ประชาชน ลดอัตราการป่วย/เสียชีวิต รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วย”

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมครม. ยังเห็นชอบวัคซีน “ไฟเซอร์” (Pfizer) ซึ่งเป็นวัคซีนหลักฉีดฟรีให้ประชาชน โดยกระทรวงสาธารณสุขมอบหมายอธิบดีกรมควบคุมโรคดำเนินการ และนำข้อสังเกตของอัยการสูงสุด ไปการเจรจาจัดหา จำนวน 20 ล้านโดส แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในสัญญาได้ รวมถึงการรับมอบวัคซีนบริจาคจากรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วย

นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบจัดซื้อวัคซีน “โมเดอร์น่า” (Moderna) ซึ่งเป็นวัคซีนทางเลือก โดยซื้อกับเอกชน ดำเนินการโดยกระทรวงสาธารณสุข ให้องค์การเภสัชฯ เป็นตัวกลางจัดหา และผู้อำนวยการองค์การเภสัช (อภ.) เป็นผู้ลงนามในสัญญา ซึ่งยังไม่ได้ระบุจำนวน รอยืนยันยอดจัดซื้อจากเอกชนก่อน ซึ่งเร็ว ๆ นี้จะได้ข้อสรุป


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ เผย นาวาโทหญิงมายูร บุณยรัตพันธุ์ ทหารเรือหญิงคนแรกแห่งราชนาวีไทย ถึงแก่กรรมแล้วด้วยวัย 97 ปี 6 เดือน 8 วัน

ทางกองประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ เผย นาวาโทหญิงมายูร บุณยรัตพันธุ์ ทหารเรือหญิงคนแรกแห่งราชนาวีไทย และคนแรกของสำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ ผู้ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยระเบียบเครื่องแต่งกายทหารเรือหญิง ถึงแก่กรรมแล้วด้วยวัย 97 ปี 6 เดือน 8 วัน

นาวาโทหญิงมายูร บุณยรัตพันธุ์ เกิดเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2466 เป็นบุตรของ เรือเอกเมศร์กับนางเยื้อน บุณยรัตพันธุ์ สมรสกับนาวาตรีจรัส จรัสกุล มีบุตรธิดา 3 คน คือ นางจุฬามาศ จรัสกุล พลเรือตรีหญิงจันทรวิมล จรัสกุล และนายจิรยศ จรัสกุล

นาวาโทหญิง มายูร บุญยรัตพันธ์ุ เป็นนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา รุ่นที่ 1 เลขประจำตัว 2 (เลขประจำตัว 1 คือ ชอุ่ม ปัญจพรรค์) จบการศึกษาจาก คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อจบการศึกษา ได้เข้าทำงานที่กระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2487 ในตำแหน่งประจำสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (เป็นทหารเรือหญิงคนแรกของกองทัพเรือ)

ต่อมาได้ไปช่วยปฏิบัติราชการที่กรมเสมียนตรา ทำหน้าที่ดูแลการร่างหนังสือของปลัดกระทรวงและรัฐมนตรี รวมทั้งการจดบันทึกการประชุม จนถึงปี พ.ศ. 2497 ได้ขอย้ายมารับราชการที่กองทัพเรือเพราะปรารถนาจะเจริญรอยตามบิดาและน้าชายที่เป็นทหารเรือ โดยโอนย้ายจากสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม มาอยู่กองทัพเรือตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 โดยทำงานที่สำนักงานปลัดทัพเรือ (สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือในปัจจุบัน)

หลังจากรับราชการในกองทัพเรือ 5 ปี นาวาโทหญิงมายูร ได้ย้ายกลับไปอยู่กระทรวงกลาโหม เป็นหัวหน้าแผนกระเบียบการกรมสารบรรณ กระทรวงกลาโหม ได้เลื่อนยศเป็นนาวาโทเมื่ออายุ 45 ปี ซึ่งต้องแปรสภาพไปเป็นข้าราชการพลเรือน (สมัยนั้นทหารหญิงตั้งครรภ์, หรืออายุ 45 ปี หรือเป็นนาวาเอกเต็มขั้น จะต้องถูกปรับเป็นข้าราชการพลเรือน)

ต่อมาได้ไปประจำสำนักผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตำแหน่งสุดท้ายของ นาวาโทหญิงมายูร อยู่ในกรมการศึกษาวิจัย (กรมยุทธศึกษาทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยในปัจจุบัน) ก่อนลาออกจากราชการเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2525

นาวาโทหญิงมายูร เป็นผู้เสนอเปลี่ยนเครื่องแบบทหารเรือหญิงจากเดิมเป็นชุดสีกากีเหมือนเครื่องแบบทหารเรือชาย ใส่ถุงเท้าสั้น รองเท้าเหมือนทหารชาย ใช้หมวกแก๊ป ซึ่งท่านเห็นว่าไม่สวยงาม พลเรือโทพิษณุ ณ ถลาง ปลัดทัพเรือ ในขณะนั้น ได้แนะให้นำเครื่องแบบชุดเล็กของทหารเรืออเมริกามาเป็นแบบอย่างเป็นชุดติดกันสีขาวผูกโบว์ยาวที่คอ โดยท่านได้นำมาดัดแปลงเป็นท่อนบนใช้เสื้อสีขาวคอบัวปลายปกแหลมผูกโบว์สั้น ท่อนล่างเป็นกระโปรงสีน้ำเงินติดกระดุมทหารเรือ เมื่อออกงานใช้กระโปรงขาว รองเท้ายาว ถุงเท้ายาว ชุดใหญ่ก็มีเสื้อนอกใส่รองเท้าส้นสูงสูงไม่เกิน 2 นิ้วครึ่ง

นอกจากนั้น นาวาโทหญิงมายูร ยังเป็นผู้ร่างระเบียบเครื่องแบบของทหารเรือหญิง และผ่านการพิจารณาของสภากลาโหมออกเป็นกฎกระทรวงว่าด้วยเครื่องแบบทหารเรือหญิงปี พ.ศ. 2494

ทั้งนี้ นาวาโทหญิงมายูร ยังเคยเป็นผู้นำขบวนทหารหญิงในการสวนสนามเมื่อครั้งที่ จอมพลเรือหลวงยุทธศาสตร์โกศล ผู้บัญชาการทหารเรือในขณะนั้น ได้เลื่อนยศเป็นจอมพลเรือ โดยจัดให้มีการสวนสนามทั้งทหารชายทหารหญิง และการสวนสนามก็ผ่านไปได้ด้วยดี รวมถึงได้มีโอกาสเป็นอาจารย์พิเศษโรงเรียนนายเรือ โดยสอนวิชาการร่างหนังสือราชการ และระเบียบงานสารบรรณ ให้แก่นักเรียนนายเรือ

นาวาโทหญิง มายูร เคยเล่าถึงความภาคภูมิใจในความเป็นทหารเรือว่า ภูมิใจในเครื่องแบบทหารเรือหญิงที่ท่านเป็นผู้คิดริเริ่มออกแบบ และเป็นผู้ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยเครื่องแบบทหารเรือหญิงฉบับที่ 1 ซึ่งต่อมาก็มีการปรับปรุงแก้ไข และการได้มีส่วนร่วมในการรื้อฟื้นการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในปี พ.ศ. 2500 และภูมิใจที่ได้เป็นอาจารย์สอนนักเรียนนายเรือ ซึ่งต่อมาลูกศิษย์ของท่านหลายคนได้เป็นผู้บริหารระดับสูงของกองทัพเรือ

“ถึงแม้จะอยู่ในกองทัพเรือน้อยแค่ 5 ปี แต่เราก็มีความภูมิใจเราได้แต่งเครื่องแบบทหารเรือตามรอยพ่อตามรอยตระกูลของเรา พ่อก็เป็นทหารเรือ น้องก็เป็นทหารเรือ ลูกก็เป็นทหารเรือเป็นพลเรือตรีหญิง”

นาวาโทหญิงมายูร บุณยรัตพันธุ์ ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ด้วยวัย 97 ปี 6 เดือน 8 วัน นับเป็นการสูญเสียทหารเรือหญิงคนแรกแห่งราชนาวีไทย และคนแรกของสำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ

ทั้งนี้ กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดเครือวัลย์วรวิหาร ศาลา 5 ระหว่างวันที่ 5 - 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 และฌาปนกิจในวันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 เวลา 16.00 น.


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'กรณ์' ลงพื้นที่แคมป์คนงานต่อเนื่อง ย้ำแรงงานเดือนร้อนยอมทำตามมาตรการรัฐ ต้องได้รับการเยียวยา แต่รัฐบาลประกาศแล้ว 1 สัปดาห์ เงินยังมาไม่ถึง ร้องเยียวยาต้องครอบคลุมกลุ่มที่ไม่ได้เป็นสมาชิกประกันสังคม-แรงงานต่างด้าวด้วย ขอเร่งดำเนินการอย่าล่าช้า

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายมนต์ชีพ ศิวะสินางกูร กรรมการบริหารพรรค, นายวิรุจน์ เอกสิทธิผล ผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้ง ส.ก.วังทองหลาง ลงพื้นที่ส่งมอบข้าวกล่อง อาหารแห้ง ของใช้จำเป็น หน้าแคมป์คนงาน ซอยสถานทูตลาว เขตวังทองหลาง ที่มีแรงงานกว่า 400 ชีวิต อยู่ระหว่างกักตัวไม่สามารถออกนอกพื้นที่ตามมาตรการของรัฐ

นายกรณ์ กล่าวว่า แรงงานเป็นผู้เสียสละ กักตัวในแคมป์ ระงับการแพร่เชื้อ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือมากกว่านั้น ต้องเดือนร้อนไม่มีโอกาสทำมาหากิน แม้บริษัทต้นสังกัดดูแลแต่อาจไม่พอ จึงนำของมาแจกเพื่อลดภาระคนงานในแคมป์ และหวังว่าเงินเยียวยาจากภาครัฐโดยกองทุนประกันสังคมจะมาถึงแรงงานโดยเร็ว เพราะรัฐบาลประกาศแล้ว 1 สัปดาห์ แต่เงินยังมาไม่ถึง

เบื้องต้น ถามบริษัทนายจ้างบอกว่าอยู่ในช่วงทำเรื่องรวบรวมชื่อคนงาน เพื่อที่จะส่งให้กองทุนประกันสังคม จึงขอให้ช่วยเร่งรัดดำเนินการ ระบบราชการอย่าล่าช้า ทุก ๆ วันมีค่าสำหรับคนมีรายได้น้อย มีภาระค่าใช้จ่ายค่าอาหารอย่างน้อยวันละ 100 บาท เพราะฉะนั้นถือเป็นภาระที่หนักหนาจริง ๆ

นายกรณ์ กล่าวด้วยว่า ในแคมป์นี้ มีคนงานอย่างน้อยร้อยกว่าคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนประกันสังคม หวังว่านายจ้างช่วยดูแลด้วย แต่ต้องยอมรับว่าอาจไม่ทั่วถึง ดังนั้น สถานการณ์ปัจจุบันที่ทุกคนกักตัวทำตามมาตรการ รัฐบาลอาจต้องยอมให้ผู้ที่ไม่ได้ประกันตนสามารถรับสิทธิเยียวยาได้ ย้ำว่าต้องเห็นใจกันช่วงนี้ เงินจริง ๆ โดยรวมก็ไม่ได้เยอะ แต่มีผลต่อคนที่อยู่ที่นี่อย่างมาก ซึ่งตามข้อมูลที่ได้รับแคมป์นี้ประกอบด้วยแรงงานแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือคนไทย เมียนมาร์ และกัมพูชา ทุกคนมาทำมาหากิน ซึ่งต้องได้รับการดูแล


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

คืนนี้ อิตาลี พบ สเปน รับประกันความมันส์ระดับ 5 ดาว!

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

คืนนี้ เกมฟุตบอลยูโร 2020 รอบรองชนะเลิศ คู่แรก อิตาลี พบ สเปน จะลงดวลกันในเวลาตีสองบ้านเรา งานนี้ประกันความมันส์ 5 ดาว

แมทซ์นี้ถือเป็นการพบกันถูกที่ ถูกเวลา เพราะต่างฝ่ายต่างมีช่วงเวลาของการ ‘เปลี่ยน’ ที่เห็นกันได้ชัดเจน ใครที่ติดตามสองทีมกันมาตั้งแต่รอบแรก คงสัมผัสได้ถึงความ ‘เปลี๊ยนไป๋’ ของทั้งอิตาลีและสเปน

อิตาลี ในการคุมทีมของ โรแบร์โต้ มันชินี่ เล่นดีผิดหูผิดตา จนแฟน ๆ ที่ตามเชียร์อิตาลีพากันแปลกใจ โค้ชมันชินี่แอบไปอัป iOS ใส่ผู้เล่นอิตาลีกันตอนไหน จึงทำให้นักเตะอิตาลีชุดนี้ บุกได้สนุก และเล่นกันเนียนตา เกมดูไปข้างหน้าตลอดเวลา ไม่เหมือนอิตาลียุคเก่า ที่แท็คติกสูง เกมเคี่ยว เน้นชัวร์

ด้านสเปน อย่างที่แฟนบอลเห็นความเปลี่ยนแปลงเช่นกัน สเปนมาในยุค ‘นัดเตะเลือดใหม่’ กว่าครึ่งทีม ใครที่ติดตามลาลีกา ลีกสเปน อาจจะพอคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่บ้าง แต่ถ้าไม่ใช่เป็นแฟนตัวยง คงต้องนั่งดูไปถามไปว่า ‘ไอ้คนนี้มันคือใคร?’

สเปนเปลี่ยนนักเตะใหม่ ในการคุมทีมของ หลุยส์ เอ็นรีเก้ ที่ขอมาวัดใจ ‘สร้างทีมใหม่’ ในทัวร์นาเม้นท์นี้ ซึ่งทีแรกทำท่าจะไม่รอด แต่ทำไปทำมา ผ่านเข้ามาถึงรอบรอง และดูเหมือนเส้นกราฟผลงานของทีมชุดนี้ก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้น ประมาทไม่ได้เด็ดขาด!

เมื่อสองทีมที่ ‘เปลี่ยนไป’ โคจรมาเจอกันพอดี มันจึงเป็นความตื่นตาตื่นใจแฟนบอลอย่างแน่นอน สเปนอาจจะเป็นรองนิด ๆ ในเรื่องประสบการณ์นักเตะ และใช้แรงไปกับเกม 120 นาทีติดกันถึง 2 นัด แต่อย่าลืมว่า นักเตะสเปนหนุ่มแน่นกันทั้งทีม เรื่องนี้จึงไม่ใช่ปัญหา แถมรูปแบบการเล่นของสเปนก็มีความหลากหลายขึ้น ไม่ใช่เล่นแต่ชิ่งบอล เท้าสู่เท้า หรือที่เรียกว่า สไตล์ติกิ-ตาก้า อย่างในอดีตอีกแล้ว

ด้านอิตาลี เป็นต่อด้วยฟอร์มการเล่นที่ดุดันมาก ๆ ถึงตรงนี้ยังเป็นทีมที่ชนะ 100% ทีมเดียวในบรรดา 4 ทีมที่เข้ารอบรองชนะเลิศด้วยกันมา และ 5 เกมที่ผ่านมาก็ยิงได้ทุกนัด เกมแดนหน้าอิตาลีเล่นกันได้หลากหลายดีเหลือเกิน และที่สำคัญ ไม่รู้ใครสัมผัสได้เหมือนเราหรือเปล่า อิตาลีชุดนี้มีทีมสปิริตที่ดีมาก ๆ ช่วยกันไล่ ช่วยกันเล่นกันทั้งทีม

คืนนี้เกมสนุก ไม่มีใครยอมใครแน่นอน มีโอกาสต่อเวลาสูง จุดเปลี่ยนอยู่ที่ใครออกตัวนำก่อน ถ้าสเปนนำ อิตาลีเหนื่อย แต่ถ้าอิตาลีนำ สเปนโคตะระเหนื่อย เฉือนกันไม่เกิน 1 ลูก และโปรดหาเครื่องดื่มยาโด๊ปกันไว้เลย ดึกแน่นอน!


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“ผบ.ทสส.” ตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพไทยส่วนหน้า ควบคุมอำนวยการและสนับสนุนศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ จ.สมุทรปราการ ในการช่วยเหลือปชช. และควบคุมเพลิงไหม้โรงงานกิ่งแก้ว

พล.อ.เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพไทย (ผบ.ทสส./ผอ.ศบภ.ทท.) สั่งการให้ พล.อ.นเรนทร์  สิริภูบาล ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ผบ.นทพ.) จัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพไทยส่วนหน้า (ศบภ.ทท.สน.) เพื่อควบคุมอำนวยการและสนับสนุนศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ จังหวัดสมุทรปราการ ในการช่วยเหลือประชาชนและควบคุมเพลิงไหม้โรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก บริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ซอยกิ่งแก้ว 21 อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.64 เป็นต้นมา 

โดยมี พล.ต.เพชรพนม  โพธิ์ชัย ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.ศบภ.ทท.สน. พร้อมนี้ นทพ. ได้จัดกำลังพลและยานพาหนะจากศูนย์ฝึกบรรเทาสาธารณภัย หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ศฝภ.นทพ.) อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เข้าช่วยเหลืออพยพประชาชน รวมทั้งจัดชุดดับเพลิงจากหน่วยบรรเทาสาธารณภัยมือพิเศษ ศบภ.สสน.นทพ. นำรถดับเพลิงโฟมเคมีขนาดใหญ่ จำนวน 1 คัน รถดับเพลิงอเนกประสงค์ จำนวน 2 คัน และรถยนต์บรรทุกโฟมดับเพลิง จำนวน 1 คัน เข้าร่วมดับเพลิง

การสนับสนุนช่วยเหลือยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยดำเนินการฉีดโฟมเลี้ยงเพื่อป้องกันการปะทุและเตรียมความพร้อมไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย พร้อมนี้ได้รับเครื่องอุปโภค/บริโภคจากโรงพยาบาลบุษราคัมมามอบให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ณ ศูนย์อพยพประชาชน โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ทั้งนี้ กองบัญชาการกองทัพไทย โดย หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จะใช้ศักยภาพที่มีในการสนับสนุนช่วยเหลือพี่น้องประชาชนไปจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่สภาวะปกติต่อไป

ศรีสุวรรณ ยื่น ป.ป.ช. สอบ รมว.คมนาคม-อธิบดีกรมการขนส่งทางบก-ขนส่งจังหวัด-ผู้ว่าฯภูเก็ต ฐานทุจริตต่อหน้าที่ ปล่อยให้มีแท็กซี่โขกค่ารถแพง 

ที่สำนักงาน ป.ป.ช.สนามบินน้ำ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ขอให้ไต่สวนสอบสวน รมว.คมนาคม อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ขนส่งจังหวัดภูเก็ต และผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือไม่ กรณีปล่อยให้มีรถยนต์บริการ หรือรถป้ายเขียวที่สนามบินภูเก็ตโขกสับราคาที่แพงเกินสมควร

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากโลกออนไลน์มีการแชร์โพสต์จากเฟซบุ๊กของนายณัฐธกร เรืองโรจน์ ระบุว่า “ปัญหาเดิมๆปัญหาคลาสสิก เบาได้เบาครับ ท่านผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวทุกประเภท นักท่องเที่ยวชุดแรกๆ คือนางเอก-พระเอกหนังโฆษณาการท่องเที่ยวภูเก็ต ต้องจ่ายเงินให้เรานะครับ แท็กซี่แพงไปใครจะช่วยเราล่ะ” พร้อมลงภาพการแสดงความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเข้ามาแจ้งราคาแท็กซี่สุดแพง บางรายเรียกเที่ยวเดียวราคาสูงถึง1,000บาท  ซึ่งถูกสื่อมวลชนนำไปรายงานข่าวจนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันทั่วประเทศหรือทั่วโลก

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า แต่ทว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นสะท้อนความหมักหมมของปัญหาซึ่งเป็นที่น่าเบื่อระอาของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศมาก ซึ่งไม่สอดคล้องกับการเปิดประเทศของรัฐบาลในกิจกรรมภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แต่อย่างใด ทั้ง ๆ ที่ปัญหาดังกล่าวกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงกลับปล่อยให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นจนแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติ เสมือนหนึ่งว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้มีอิทธิพล หรือขาใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต จึงไม่กล้าแตะหรือแก้ปัญหาดังกล่าว ทั้งๆที่มีกฎหมายบังคับใช้อยู่แล้ว

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า โดยในจังหวัดภูเก็ตนั้นกระทรวงคมนาคม ได้ออกประกาศกําหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารและค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นจากค่าจ้างบรรทุกคนโดยสาร สําหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คนที่จดทะเบียนในจังหวัดภูเก็ตไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.2557 ซึ่งกำหนดอัตราค่าจ้างระยะทาง 2 กม.แรก 50 บาท กม.ที่ 2 ขึ้นไปถึง กม.ที่ 15 กม.ละ 12 บาท ระยะทาง กม.ที่ 15 ขึ้นไปกม.ละ 10 บาท และกระทรวงคมนาคมยังออกประกาศ เรื่อง กําหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารและค่าบริการอื่น สําหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคนแบบพิเศษ 2560 ออกมารองรับสำหรับรถยนต์ที่นำมาใช้บริการอาจจะเป็นรถยนต์หรูที่มีราคาแพง โดยกำหนดอัตราค่าจ้าง ระยะทาง 2 กม.แรก 150 บาท ระยะทางเกินกว่า 2 กม.ขึ้นไป กม.ละ 12-16 บาท และถ้าเป็นกรณีการจองล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง ให้เรียกเก็บเพิ่มอีกไม่เกิน 100 บาท

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า แม้รถยนต์ที่มารับนักท่องเที่ยวเป็นรถยนต์บริการป้ายเขียว แต่ก็ต้องบังคับให้ปฏิบัติตามกฎหมาย คือ พรบ.รถยนต์ 2522 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง มิใช่ปล่อยให้ผู้ประกอบการดำเนินการกันโดยตามชอบเยี่ยงนี้ ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นจึงถือได้ว่าเป็นความบกพร่องของ รมว.คมนาคมและผู้ใต้บังคับบัญชา และจังหวัดภูเก็ตโดยชัดแจ้ง สมาคมฯจึงต้องนำความมาร้อง ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการไต่สวนสอบสวนชี้มูลความผิดตามกฎหมาย

คลายความสงสัย ก้อง ห้วยไร้ รถฉีดน้ำที่ถามหา พังไปแล้ว

จากกรณีเกิดเหตุระเบิดและไฟไหม้ "โรงงานกิ่งแก้ว" บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ซอยกิ่งแก้ว 21 เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา และในเฟซบุ๊ก ก้อง ห้วยไร่ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความ ระบุ "หดหู่นะเว้ย คุณค่าชีวิตพวกเรามันไม่มีในสายตาเลยหรอ รถฉีดน้ำที่มันแรง ๆ อะ ฉีดทีคนกระเด็นอะ อยู่ไหน"

ล่าสุด ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Kittitouch Chaiprasith ว่า...

คำถามที่คุณก้อง ห้วยไร่ถาม

มีคำตอบชัดเจนอยู่แล้วครับ

"จีโน่" หรือรถน้ำแรงดันสูง 5 คัน ถูกมวลชนม็อบราษฎร/ปลดแอกทุบ พ่นสี ถังน้ำมันโดนกรอกทราย เครื่องพัง แผงควบคุมการฉีดน้ำถูกน้ำราดไฟช็อต และสายไฟถูกตัด จนหมดสภาพไปตั้งแต่ปีที่แล้วละครับ

 

อ้างอิง : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4271183856279074&id=100001625041497

https://www.komchadluek.net/news/regional/473033

https://www.thairath.co.th/news/crime/1979028


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

 

ตำรวจ เตือนประชาชนระวังตกเป็นเหยื่อวายร้ายในคราบนักบุญ แอบอ้างขอรับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้โรงงานที่สมุทรปราการ เตือนคนคิดทำชั่ว ระวังโทษหนัก ทั้งจำทั้งปรับ

จากกรณีเหตุ "โรงงานกิ่งแก้วไฟไหม้" ซึ่งเป็นของบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา และได้เกิดเหตุเศร้า เมื่อเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่กำลังฉีดน้ำสกัดเพลิงอยู่ถูกไฟคลอกทั้งตัวได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 ราย และเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายกรสิทธิ์ ลาวพันธ์ หรือ น้องพอส อาสาสมัครฯ หน่วยสมเด็จเจ้าพระยา ธน 28-18 ฐานเทคโน

ภายหลังเกิดเหตุ ในโลกออนไลน์ได้โพสต์ข้อความแสดงความอาลัยต่อการสูญเสียเจ้าหน้าที่กู้ภัยในปฏิบัติการครั้งนี้ อย่างกว้างขวาง

ขณะเดียวกัน ยังมีคนบางกลุ่มที่ฉวยจังหวะความสูญเสียดังกล่าว ใช้เป็นช่องทางหากิน ด้วยการเปิดบัญชีขอรับบริจาค โดยอ้างว่าเป็นบัญชีของมารดา ผู้เสียชีวิต

โดยผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ชื่อ Sayjai Chanaasvang ได้โพสต์ข้อความ แจ้งเตือนว่า ไม่ใช่เฟสคุณแม่นะคะ จิตใจทำด้วยอะไรตอนนี้ทางครอบครัวยังไม่ได้ขอรับบริจาคเงินทำบุญให้น้องนะคะ เดี๋ยวถ้าทางเราคุยรายละเอียดกันเรียบร้อยแล้วจะแจ้งอีกทีนะคะ เพื่อเป็นสะพานบุญให้กับผู้ที่อยากร่วมทำบุญให้กับน้องนะคะ ขอบคุณทุก ๆ คนจริง ๆ ค่ะ

ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานย่านกิ่งแก้ว จ.สมุทรปราการ จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัย ที่เข้าไปปฏิบัติการในพื้นที่เกิดเหตุจนเสียชีวิตนั้น ปรากฎว่าในสื่อสังคมออนไลน์ มีมิจฉาชีพแอบอ้างขอรับการบริจาคเงินจากประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ขอความช่วยเหลือให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นภัยสังคม เป็นการฉวยโอกาสก่อเหตุโดยอาศัยความเดือดร้อนของผู้อื่น และจะได้ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชน โปรดอย่าหลงเชื่อบุคคลแอบอ้างดังกล่าว หากประสงค์จะช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ดังกล่าวในทุกกรณี ขอให้ตรวจสอบข้อมูลให้ดีเสียก่อน โดยเฉพาะข้อมูลการขอรับการบริจาคผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพราะอาจมีการแอบอ้างโดยมิจฉาชีพได้ ถ้าเป็นไปได้ขอให้ตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง หรือจากแหล่งข่าวที่มีความน่าเชื่อถือ

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท ฯ และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชนฯ มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท

สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว กรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

ที่มา : https://www.facebook.com/ploy.sayjai/posts/505117990726385


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘วิษณุ’ แจง เหตุต้องนำสัญญาซื้อไฟเซอร์ ถกครม. เพราะรัฐต้องควักเงินซื้อเป็นวัคซีนหลัก ระบุเงื่อนไขผู้ผลิตสุดโหด ส่งช้าไม่รับผิดชอบ ไม่คืนเงิน ห้ามฟ้องร้อง ยัน รัฐไม่โกหกข้อมูล แต่มีเงื่อนไขล็อกไว้

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีที่กระทรวงสาธารณสุข เตรียมเสนอสัญญาจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์เข้าหารือในที่ประชุมครม. ก่อนทำสัญญา ว่า ยังไม่เห็นเรื่องนี้อยู่ ทราบจากข่าวว่าเป็นอย่างนั้น ถ้าเรื่องนี้เข้าหารือในครม. จริงจะได้พิจารณา สาเหตุที่ต้องนำเข้าที่ประชุมครม. เพราะต้องขอเงินจากรัฐบาล แต่ไม่ได้หมายความว่าจะซื้อทุกครั้งต้องมาขอ หากเป็นกรณีเอกชนจ่ายเงินเองโดยรัฐบาลเป็นผู้จัดซื้อให้ไม่ต้องนำเข้าครม.

ทั้งนี้ การซื้อวัคซีนเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่เหมือนกับการซื้อของทั่วไป เพราะอำนาจอยู่ที่ฝ่ายผู้ผลิตหรือผู้ขาย และตนได้มีโอกาสดูสัญญาบางฉบับ ที่กระทรวงสาธารณสุขนำมาให้ตรวจดูก็รู้สึกแปลกใจ เพราะฝ่ายผู้ขายหรือผู้ผลิตบอกว่า ถ้าไม่เซ็นสัญญา ไม่ต้องซื้อของจากเขา และมีเงื่อนไขว่าถ้าส่งล่าช้า จะไม่รับผิดชอบ และบางยี่ห้อบอกไม่คืนเงินและเราไปคิดค่าปรับ ยึดทรัพย์ หรือฟ้องร้องอะไรไม่ได้ และไม่รับผิดชอบความเสียหายใด ๆ ที่สำคัญคือระบุว่า ห้ามเปิดเผยสัญญา เนื่องจากการขายให้แต่ละประเทศเขียนสัญญาไม่เหมือนกัน มีทั้งเอื้ออารี และเข้มงวด ถ้าใครเอาไปเปิดเผยจะขายให้ครั้งเดียวและไม่ขายให้อีกเลย

ดังนั้น จะเห็นว่าที่ผ่านมาฝ่ายรัฐบาลจะไม่พูดเรื่องสัญญาการซื้อวัคซีนเลย แต่ยืนยันว่ารัฐไม่ได้โกหกหรือหลอกลวง แต่ในบางเรื่องพูดไม่ได้ ทำให้บางคนที่พยายามพูดให้ดูดี จนกลายเป็นทำให้รัฐถูกมองว่าพูดกลับไปกลับมา

นายวิษณุ กล่าวว่า ทั้งนี้ การจัดซื้อวัคซีนยี่ห้อโมเดอร์นา ไม่ได้เป็นวัคซีนหลักที่รัฐประกาศ โดยคำว่าวัคซีนหลักคือ รัฐบาลจัดหาให้และฉีดประชาชนฟรี ซึ่งมีอยู่ 5 ห้อ คือ ซิโนแวค แอสตราเซนเนก้า สปุตนิก วี ไฟเซอร์ และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ส่วนซิโนฟาร์ม ที่จัดหาโดยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ก็ไม่ใช่วัดซีนหลักเช่นกัน เพราะวิทยาลัยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และเป็นนายกสภาวิศวกร เขียนข้อความทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า เมืองไทย ไม่เคยไกลจากภัยพิบัติ พี่เอ้มีคำตอบ

นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และเป็นนายกสภาวิศวกร เขียนข้อความทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า เมืองไทย ไม่เคยไกลจากภัยพิบัติ พี่เอ้มีคำตอบ

เพราะการป้องกัน #จะทำก็ทำได้

....อีกครั้ง เช้ามืดวันนี้ โรงงานระเบิดกลางพื้นที่ชุมชนถนนกิ่งแก้ว ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ และเส้นทางบางนาสายหลักเข้ากรุงเทพฯ ไฟไหม้รุนแรง และปล่อยก๊าซมลพิษ สร้างความเสียหายรุนแรงต่อสุขภาพคนเมือง

...เมื่อปลายปีที่แล้ว ท่อแก๊สระเบิด แถวขอบกรุงเทพฯ-สมุทรปราการ กลางวันแสก ๆ มีผู้เสียชีวิต บ้านเรือนหลายหลังถูกเผาวอดวาย...

พี่เอ้ ในฐานะนายกสภาวิศวกร (และชาวบ้านคนหนึ่งที่มีครอบครัว) ขอเสนอ.

1.) การกำหนดพื้นที่เสี่ยง ที่มีโรงงานทำสารเคมี หรือบรรจุสารเคมีในกทม. หรือแนวที่ท่อแก๊สพาดผ่าน ให้ชาวบ้านได้รับรู้รับทราบ และได้พึงระวัง เพราะหากเกิดอุบัติเหตุ ได้มีการป้องกันตน และการเตรียมการอพยพได้อย่างรวดเร็ว

อีกทั้งหน่วยงานดับเพลิงของกทม. และจังหวัดปริมณฑลในพื้นที่เสี่ยง ที่มีโรงงานเคมี จะต้องมีอุปกรณ์ดับเพลิง และอุปกรณ์ป้องกันสารเคมีแก่นักดับเพลิง ให้พร้อม!

2.) อาจถึงจุดเปลี่ยน ที่โรงงานอันตราย ควรย้ายออกจากพื้นที่เมือง แน่นอนโรงงานเขาอาจมาก่อน ชุมชนเมืองขยายตามมาเอง...

...แต่รัฐและเมือง ในต่างประเทศ ได้เสนอความช่วยเหลือทางภาษีและอื่น ๆ หากโรงงานเต็มใจย้าย (ที่จริง ขายที่ก็กำไรอภิมหาศาล แล้วนำกำไรไปขยายโรงงานในเขตนิคมอุตสาหกรรมได้!)

3.) สำนักงานเขต หรือองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ต้องขึ้นทะเบียนโรงงานทุกประเภท เพื่อจำแนกประเภทเสี่ยงมาก เสี่ยงปานกลาง เสี่ยงน้อย (ทุกโรงงานมีความเสี่ยง) เพื่อตรวจสอบ ประเมินทุก 6 เดือน และให้โรงงานส่งรายงานการประเมินตนเอง แบบนี้ได้ความกระตือรือร้น ความเสี่ยงต่อชาวบ้าน ลดน้อยลงทันที!

4.) ต้องรายงานมลพิษ และสารก่อมะเร็งในอากาศ อย่างตรงไปตรงมา เพื่อประชาชนได้ป้องกันสุขภาพตนเองและครอบครัว เพราะสารอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน ที่เกิดจากเพลิงไหม้เม็ดพลาสติก อันตรายถึงชีวิต

5.) ถึงเวลาพัฒนานวัตกรรม การควบคุมเพลิงสารพิษ เพราะในอดีตเกิดความสูญเสียของนักดับเพลิงจำนวนมาก เพราะฉีดน้ำช่วยลดความร้อนเท่านั้น มิได้ผลยับยั้งเพลิงจากสารเคมี แต่ต้องใช้โฟมดับเพลิง

ระเบิดในกทม.และปริมณฑลแบบนี้ เราเจอมาตั้งแต่เด็ก ไม่อยากให้ลูกหลานเรา ต้องพบเจอต่อ ๆ ไปครับ


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top