Monday, 7 July 2025
NEWS FEED

กระทรวงมหาดไทย เผย ขึ้นเงินเดือน 'พนักงานเก็บขยะท้องถิ่น' สูงสุดเดือนละ 2 หมื่นบาท

มีผลแล้ว! ขึ้นเงินเดือน “พนักงานเก็บขยะท้องถิ่น” กลุ่มเสี่ยงเชื้อโรค เฉพาะ “อบจ. เทศบาล และ อบต.” สูงสุดเดือนละ 2 หมื่น เพิ่มเดือนละไม่เกิน 2,500 บาท หลากหลายกลุ่มงาน ส่วน “พนักงานกวาดขยะ” ได้เพิ่มเดือนละไม่เกิน 1,500 บาท

รายงานจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น 3 ระดับ ออกประกาศคณะกรรมการกลาง 3 ฉบับ

ลงนามโดยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด ประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล และประกาศคณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบล

โดยทั้ง 3 ฉบับว่าด้วย เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับเงินเพิ่มสำหรับพนักงานจ้างผู้ปฏิบัติงานที่มีลักษณะเป็นการเสี่ยงภัยต่อสุขภาพ พ.ศ. 2564 มีหลักการเพื่อให้ “พนักงานจ้าง” เช่น พนักงานจ้างทั่วไป และพนักงานจ้างตามภารกิจผู้ปฏิบัติงานที่มีลักษณะเป็นการเสี่ยงภัยต่อสุขภาพมีสิทธิได้รับเงินเพิ่ม

สำหรับอัตราการจ่ายเงินเพิ่ม ที่ผ่านความเห็นชอบให้พนักงานจ้างสำหรับ อบจ. เทศบาล และ อบต. แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ตามลักษณะความเสี่ยงภัยต่อสุขภาพ ประกอบด้วย

พนักงานจ้าง กลุ่มงานขุดลอกท่อระบายนํ้า ขับรถบรรทุกสูบ ดูดหรือขนถ่ายสิ่งปฏิกูล มูลฝอยติดเชื้อ งานประจำรถสิ่งปฏิกูล อัตราเดือนละไม่เกิน 2,500 บาท

พนักงานจ้าง กลุ่มงานขับรถบรรทุกเก็บขยะมูลฝอย เรือบรรทุกเก็บขยะมูลฝอย หรือรถตักขยะมูลฝอย และคนงานประจำรถและเรือขยะบรรทุกเก็บขยะมูลฝอย อัตราเดือนละไม่เกิน 2,000 บาท

พนักงานจ้าง กลุ่มงานจัดเก็บ และกวาดขยะมูลฝอย รวมถึงผู้ปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์หรือหน่วยกำจัด ขยะมูลฝอยอัตราเดือนละไม่เกิน 1,500 บาท

ทั้งนี้ วิธีการจ่ายเงินเพิ่ม ให้จ่ายตามระยะเวลาการปฏิบัติงานจริงที่สัญญาจ้างกำหนด และหากในเดือนใดมีวันที่ปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามสัญญาก็ให้จ่ายเงินเพิ่มตามสัดส่วนจำนวนวันของเดือนนั้น

ปัจจุบันพนักงานจ้างทั่วไป และพนักงานจ้างตามภารกิจ ในกลุ่มงานดังกล่าว เฉพาะ อปท. มีอัตราเงินเดือนระหว่าง 9,000 - 18,000 บาท และมีสวัสดิการเทียบเท่า “พนักงานจ้าง”

โดยอัตราดังกล่าว เป็นคนละส่วนกับลูกจ้างชั่วคราว กทม. หรือ ลูกจ้างของภาคเอกชน ที่ได้รับสัมปทานในการจัดเก็บขยะสิ่งปฏิกูลของ อปท.


ที่มา : https://mgronline.com/politics/detail/9640000087564

ญี่ปุ่นปิดดีล 'Novavax' 150 ล้านโดส พร้อมขอเป็นตัวแทนผลิตเพื่อกระจายสู่ภูมิภาค

ญี่ปุ่นกลายเป็นเสือปืนไวไปแล้ว หลังจากที่เคยเป็นประเทศที่เปิดตัวโครงการวัคซีนอย่างเชื่องช้าตามหลังกลุ่มประเทศชั้นนำอย่างมาก จนตอนนี้สามารถเร่งสปีดระดมฉีดวัคซีน Covid-19 ได้ครบโดสทั่วประเทศ ครอบคลุมแล้วเกิน 48% ของประชากรไปแล้ว 

และล่าสุดญี่ปุ่นได้ปิดดีลจัดซื้อวัคซีน Novavax ตัวใหม่ล่าสุดจากอเมริกาจำนวนกว่า 150 ล้านโดส คาดว่าจะสามารถฉีดได้ไม่เกินต้นปี 2022 นี้ 

Novavax เป็นวัคซีนที่พัฒนาโดยบริษัทยาโนวาแว็กซ์ ในรัฐแมรี่แลนด์ สหรัฐอเมริกา ที่หลายประเทศจับตามอง เนื่องจากมีการระบุประสิทธิภาพจากการทดสอบว่าสามารถป้องกันเชื้อไวรัส Covid-19 สายพันธุ์ดั้งเดิมได้เกิน 90% และยังมีประสิทธิภาพต้านไวรัสสายพันธุ์ใหม่อย่างอัลฟาได้ 86% และ เบตาได้ 55% ส่วนสายพันธุ์อื่น ๆ อย่างเดลตา และแกมมา กำลังอยู่ในขั้นตอนการประเมินผล 

ถึงแม้ว่า Novavax จะไม่ใช่วัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่าง mRNA แต่ใช้โปรตีนส่วนหนี่งของเชื้อไวรัสพัฒนาเป็นวัคซีน ที่เรียกว่า Protein Subunit Vaccine ที่เป็นเทคโนโลยีที่เคยใช้พัฒนาวัคซีนมาแล้วหลายชนิด อาทิ วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี หรือ ไวรัสป้องกันมะเร็งปากมดลูก แต่ด้วยผลประสิทธิภาพในการต้านไวรัสโคโรนาที่ออกมาน่าพอใจมาก สามารถเก็บได้ในตู้แช่ทั่วไป และมีราคาถูกกว่าวัคซีน mRNA ทำให้หลายประเทศสนใจลองวัคซีนตัวใหม่นี้ แม้ในตอนนี้จะยังไม่ได้รับการรับรองให้ใช้อย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกา หรือ องค์การอนามัยโลกก็ตาม

รวมถึงญี่ปุ่น ที่ได้ตัดสินใจสั่งซื้อวัคซีน Novavax ล่วงหน้าแล้วถึง 150 ล้านโดส โดยความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่น และ Takeda Pharmaceutical Co. บริษัทยายักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นที่เป็นผู้จัดหน่ายวัคซีน Moderna ในญี่ปุ่นเช่นกัน และนอกจากจะสั่งซื้อวัคซีนแล้ว ยังขอเป็นตัวแทนผลิตวัคซีน Novavax ในประเทศญี่ปุ่น โดยจะผลิตวัคซีนจำนวน 250 ล้านโดส เพื่อใช้ในประเทศ และ 100 ล้านโดสจะกระจายไปสู่ประเทศอื่นในภูมิภาคนี้  

และไม่ใช่มีแค่ญี่ปุ่นที่ได้จองซื้อวัคซีนตัวใหม่ล่าสุดแม้ยังไม่เห็นผลลัพธ์การทดสอบในขั้นสุดท้าย คณะกรรมการแห่งสหภาพยุโรปก็ได้เซ็นข้อตกลงสั่งซื้อวัคซีน Novavax ล่วงหน้าแล้วถึง 200 ล้านโดส 

สำหรับการใช้วัคซีน Novavax ยังคงต้องฉีด 2 เข็ม ระยะเวลาห่างกัน 21 วัน โดยราคาวัคซีนจัดจำหน่ายที่ 16 - 20 ดอลลาร์ต่อเข็ม ขึ้นอยู่กับข้อตกลงในแต่ละประเทศ ซึ่งมีราคาถูกกว่าวัคซีนประเภท mRNA เล็กน้อยที่จำหน่ายอยู่ที่ 20 ดอลลาร์ขึ้นไปต่อเข็ม ส่วนวัคซีนราคาประหยัดเพื่อชาวโลกอย่าง AstraZeneca จำหน่ายที่เข็มละ 2-3 ดอลลาร์ 

และถึงแม้ว่ากลุ่มประเทศชั้นนำในซีกโลกตะวันตก ทั้งในยุโรป และอเมริกาต่างเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนไปแล้วมากกว่าครึ่ง แต่ความต้องการวัคซีนยังคงสูง เนื่องจากหลายประเทศกำลังเริ่มเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ดังนั้นปริมาณวัคซีน Covid-19 ที่ผลิตได้ในโลกส่วนใหญ่ก็ยังคงป้อนสู่ตลาดประเทศที่พัฒนาแล้วจนถึงปีหน้า 2022  

ประเทศไหนไว ทุนสำรองถึง จึงมีสิทธิ์เอื้อมถึงวัคซีนได้ก่อน แต่สำหรับประเทศไหนที่ยังลังเล เพราะยังไม่เห็นของ ก็สามารถรอวัคซีน Novavax ผ่านโครงการ COVAX ขององค์การอนามัยโลกได้ เพียงแต่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะถึงมือเมื่อไหร่นั่นเอง


เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์
อ้างอิง: Reuters / Japan Times

นายจ้าง-ลูกจ้าง ม.33 เฮ ได้เยียวยาเพิ่มอีก 1 เดือน พร้อมโอนภายในเดือนกันยายนนี้

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้อนุมัติให้สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปลี่ยนแปลงรายละเอียด โครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ใน 9 กิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด เพื่อให้ครอบคลุมผู้ประกอบการและแรงงานในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ดังนี้

ขยายกรอบวงเงินจาก 17,050.4 ล้านบาท เป็น 17,912.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 862.2 ล้านบาท จากการปรับปรุงจำนวนนายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่ 29 จังหวัด โดยมีนายจ้างจำนวน 226,394 ราย เพิ่มขึ้น 18,900 ราย และผู้ประกันตน ม. 33 จำนวน 3,877,936 ราย เพิ่มขึ้น 400,375 ราย ซึ่งเป็นผลจากการขยายเวลาให้นายจ้างในพื้นที่ 3 จังหวัดและ 16 จังหวัด สามารถขึ้นทะเบียนประกันสังคมรายใหม่ได้ภายในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 ทั้งนี้ ยังขยายระยะเวลาในการเบิกจ่ายและดำเนินโครงการฯ ถึงวันที่ 31 ธันวาคมนี้

อนุมัติเงิน 16,103.3 ล้านบาท ช่วยเหลือนายจ้างและผู้ประกันตน ม.33 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด เพิ่มเติม 1 เดือน (สิงหาคม) แบ่งเป็น 

1.) ช่วยเหลือนายจ้างจำนวน 194,660 ราย โดยจ่ายให้ 3,000 บาท ต่อจำนวนลูกจ้างไม่เกิน 200 คน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 7,257 ล้านบาท 

2.) ช่วยเหลือผู้ประกันตนตาม ม. 33 สัญชาติไทย จำนวน 3,538,530 คน โดยจะจ่ายให้ 2,500 บาท/คน/เดือน เป็นจำนวนเงิน 8,846.3 ล้านบาท โดยจะเริ่มโอนเงินเยียวยาภายในเดือนกันยายน 2564 นี้

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้เป็นการอนุมัติวงเงินเพิ่มเติมจำนวน 16,965.5 ล้านบาท เดิมที่อนุมัติไปแล้ว (เมื่อวันที่ 10 ส.ค.) จำนวน 17,050.4 ล้านบาท ทำให้โครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตน มาตรา 33 ใน 9 กิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด ที่ประกอบด้วยการให้ความช่วยเหลือนายจ้างและผู้ประกันตน ม. 33 ในพื้นที่ 13 จังหวัดในระยะเวลา 2 เดือน (ก.ค.- ส.ค.) และในพื้นที่ 16 จังหวัด ระยะเวลา 1 เดือน (ส.ค.) มีกรอบวงเงินรวมทั้งสิ้น 34,015.9 ล้านบาท

“ที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังห่วงใยกลุ่มผู้ขับแท็กซี่และกลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้าง โดยมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อช่วยเหลือเยียวยา กลุ่มผู้ขับแท็กซี่ และกลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่ไม่สามารถสมัครเป็นผู้ประกันมาตรา 40 เนื่องจากมีคุณสมบัติอายุเกินที่สำนักงานประกันสังคมกำหนดไว้ เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างครอบคลุมด้วย” นายธนกรฯ กล่าว

เวียดนามสั่งจำคุกชายวัย 28 ปี ฐานละเมิดกฎการกักตัว แพร่กระจายเชื้อโควิดทำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต

เมื่อวันจันทร์ (6 ก.ย.) เวียดนาม ได้สั่งจำคุกชายคนหนึ่งเป็นเวลา 5 ปี โทษฐานละเมิดกฎระเบียบกักโรคโควิด-19 แล้วแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สู่คนอื่น ๆ ตามรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐ

รายงานของเวียดนาม นิวส์ เอเจนซี (VNA) ระบุว่า นายเล วัน ตรี อายุ 28 ปี ถูกพิพากษาว่ามีความผิดฐาน "แพร่กระจายโรคติดเชื้ออันตราย" ระหว่างการพิจารณาคดี 1 วันของศาลประชาชนแห่งจังหวัดก่าเมา ทางใต้ของเวียดนาม

เวียดนามเคยเป็นหนึ่งในประเทศที่เคยประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ผลจากการตรวจเชื้อหมู่แบบเล็งเป้าหมาย การติดตามหาผู้สัมผัสใกล้ชิดเชิงรุก มาตรการชายแดนและกักโรคอันเข้มข้น อย่างไรก็ตาม คลัสเตอร์ใหม่ ๆ ที่ผุดขึ้นนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้ประวัติของพวกเขาต้องมัวหมอง

"เขาเดินทางจากเมืองโฮจิมินห์กลับไปยังก่าเมา และละเมิดกฎระเบียบกักโรคเป็นเวลา 21 วัน" เวียดนาม นิวส์ เอเจนซีระบุ "เขาแพร่เชื้อสู่คนอื่น ๆ 8 ราย หนึ่งในนั้นเสียชีวิตจากไวรัส หลังรักษาตัวนาน 1 เดือน"

ก่าเมา จังหวัดทางใต้สุดของเวียดนาม รายงานพบผู้ติดเชื้อเพียง 191 ราย และเสียชีวิต 2 คนนับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้น ผิดกับโฮจิมินห์ ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของประเทศ ที่พบมีผู้ติดเชื้อแล้วเกือบ 260,000 ราย และเสียชีวิต 10,658 คน

เวียดนาม กำลังต่อสู้กับสถานการณ์การแพร่ระบาดเลวร้ายลงเรื่อย ๆ ในขณะที่ไวรัสแพร่กระจายเชื้อติดประชาชนไปแล้วมากกว่า 536,000 ราย และคร่าชีวิต 13,385 คน ในนั้นส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ศาลเวียดนามเคยพิพากษาจำคุกบุคคล 2 ราย 18 เดือน และ 2 ปี ในข้อหาเดียวกัน แต่โทษให้รอลงอาญาไว้ก่อน


(ที่มา : รอยเตอร์)
https://mgronline.com/around/detail/9640000088410

'จีน' ชี้ฉีด Sinovac เข็ม 3 ช่วยกระตุ้นแอนติบอดีต่อเชื้อเดลตาได้ 2.5 เท่าของเข็ม 2

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานโดยอ้างถึงผลการศึกษาจากสถาบันวิทยาศาสตร์จีน มหาวิทยาลัยฟูตัน เมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งจัดทำร่วมกับบริษัท Sinovac และสถาบันอื่น ๆ ในประเทศจีน เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพของวัคซีน Sinovac ในการต่อสู้กับโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาเมื่อมีการฉีดวัคซีนเป็นเข็มที่ 3

ทีมวิจัยได้ทำการเก็บตัวอย่างจากผู้เข้าร่วม 66 คนและอาสาสมัคร 38 คนที่ได้รับวัคซีน 2 หรือ 3 โดส พบว่าเมื่อฉีดวัคซีน Sinovac เข็มที่ 2 ไปแล้ว 6 เดือน ไม่พบการทำงานของแอนติบอดีที่จะสามารถต้านทานโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

แต่หากกระตุ้นด้วยการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 พบว่าสามารถเพิ่มแอนติบอดีต่อเชื้อเดลตาได้ถึง 2.5 เท่า หลังฉีดเข็มที่ 3 ไปแล้วประมาณ 4 สัปดาห์ เมื่อเทียบกับระดับแอนติบอดีที่พบหลังฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ไปแล้ว 4 สัปดาห์เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม การศึกษาดังกล่าวไม่ได้ระบุชัดเจนว่าระดับแอนติบอดีที่เพิ่มขึ้นนั้นมีผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีนในการต่อต้านไวรัส หรือช่วยลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยอาการหนักหรือเสียชีวิตได้หรือไม่

โดยก่อนหน้านี้ทางผู้ผลิตวัคซีนยังไม่เคยเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนดังกล่าวในการต่อต้านโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

ผลการศึกษาเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนดังกล่าวในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาซึ่งมีศักยภาพในการแพร่ระบาดสูงอันเป็นที่น่าวิตกกังวลของทั่วโลก เนื่องจากส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ แม้ในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูง

โดยหลายประเทศที่พึ่งพาวัคซีน Sinovac เป็นหลักเริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนอื่น ๆ ที่พัฒนาโดยชาติตะวันตกเป็นวัคซีนเข็มที่ 3 ให้แก่ประชาชนเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) วางแผนที่จะส่งมอบวัคซีน Sinovac และ Sinopharm ประมาณ 100 ล้านโดสไปยังแอฟริกาและเอเชียภายในสิ้นเดือนนี้ โดยเป็นการส่งมอบวัคซีนที่ผลิตโดยประเทศจีนครั้งแรกผ่านโครงการ COVAX

ขณะที่บางประเทศปฏิเสธรับวัคซีนดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าวัคซีนขาดข้อมูลด้านประสิทธิภาพในการต่อต้านโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา


ที่มา : https://www.posttoday.com/world/662521

'ลาว' เตรียมพร้อมเปิดเดินรถไฟเส้นทาง 'จีน-ลาว' ตรงกับวันชาติลาว 2 ธันวาคมนี้

1.) เฟซบุ๊ก ‘ແອໂຣລາວ AEROLAOS’ เผยแพร่ภาพพนักงานต้อนรับบนรถไฟสายประวัติศาสตร์ จีน-ลาว พร้อมข้อความ ‘พร้อมมั้ย? อีกแค่ 3 เดือนเท่านั้น!’ 

2.) สำหรับการก่อสร้างและการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ ใกล้ 100% เข้าไปทุกที รัฐบาลลาวมั่นใจในความพร้อม เริ่มเปิดเดินรถไฟเส้นทางจีน-ลาว วันที่ 2 ธันวาคมนี้ ตรงกับวันชาติลาวพอดี

3.) การก่อสร้างทางรถไฟจีน-ลาว เริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2559 ใช้เวลาก่อสร้างรวม 5 ปี มีระยะทางยาว 414 กิโลเมตร เป็นเส้นทางรถไฟระบบรางเดี่ยว ใช้งบประมาณ 191,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนจากจีนเป็นส่วนใหญ่

4.) ตลอดเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว มี 32 สถานี แบ่งเป็นสถานีขนส่งสินค้า 22 แห่ง สถานีโดยสาร 10 แห่ง เชื่อมระบบรถไฟกับจีนที่เมืองคุนหมิง เมืองเอกของมณฑลยูนนาน ตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เข้าสู่เขตลาวที่เมืองบ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา ผ่านแขวงหลวงพระบาง แขวงอุดมไซ มาถึงแขวงเวียงจันทน์

5.) ธนาคารโลกระบุว่า เส้นทางรถไฟสายนี้ตอบโจทย์หลายข้อ ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ เพิ่มความสะดวกให้กับประชาชนในการเดินทาง เรียกได้ว่าเป็นผลประโยชน์ร่วมทางยุทธศาสตร์ระหว่างจีน-ลาว สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน ที่ต้องการให้ทุกประเทศได้ผลประโยชน์ร่วมกัน

6.) การมีเส้นทางรถไฟเชื่อมกับจีน ลาวสามารถพัฒนาประเทศทางเศรษฐกิจได้มากขึ้นกว่านี้ สามารถเพิ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพตามพื้นที่ที่ทางรถไฟตัดผ่านได้มากขึ้นอีก


ที่มา: https://www.facebook.com/178839832836368/posts/882384835815194/

อ้างอิง: www.facebook.com/478509568864279/posts/4190207557694443/

China Xinhua News

Laos-China Railway on Track for December Opening 

https://thediplomat.com/2021/08/laos-china-railway-on-track-for-december-opening-official/

Main structure of longest bridge along China-Laos Railway completed

www.globaltimes.cn/page/202106/1226387.shtml

‘บูลเทค ซิตี้’ ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ ให้ผู้กักตัวช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ ต.บางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

วันนี้ 7 ก.ย. 64  ทีมงานฝ่ายความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) โครงการนิคมอุตสาหกรรม ฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ ลงพื้นที่มอบ เครื่องอุปโภคบริโภค ในพื้นที่ ต.บางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

โดยมีนายจำเรียง พร้อมมณี ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านลตำบลบางวัว เป็นตัวแทน รับมอบ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบปัญหาและครอบครัว ที่ได้รับผลกระทบเนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่มีการสัมผัสผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ต้องกักตัว 14 วัน เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กำลังใจในการดำรงชีพต่อไป

โอกาสนี้ บลูเทค ซตี้ ร่วมสนับสนุนมาม่า จำนวน 900 ซอง , ปลากระป๋อง จำนวน 900 กระป๋อง เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ที่กักตน 14 วัน ในพื้นที่ ต.บางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

'ญี่ปุ่น' เตรียมคลายล็อกเปิดประเทศ อนุญาตกลุ่มนักธุรกิจก่อน ส่วนนักท่องเที่ยงยังต้องรอ

สมาพันธ์ธุรกิจแห่งญี่ปุ่น เสนอรัฐบาลให้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนโรคโควิด-19 แล้ว นายกฯ รับปากจะเปิดประเทศอย่างเป็นขั้นเป็นตอน คาดเปิดทางให้นักธุรกิจและครอบครัวชาวญี่ปุ่นก่อน

สมาพันธ์ธุรกิจแห่งญี่ปุ่น หรือเคดันเร็ง ได้ยื่นชุดข้อเสนอต่อนายกฯ โยชิฮิเดะ ซูงะ เป็นต้นว่า ให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วได้รับการยกเว้นไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางเข้าญี่ปุ่น และให้ลดระยะเวลากักตัวสำหรับผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเป็นไม่เกิน 10 วัน รวมทั้งให้อนุญาตให้จำหน่ายชุดตรวจหาเชื้อได้ในร้านขายยาทั่วไป

นายมาซาคาสุ โทคูระ ประธานไคดันเร็ง ระบุว่าเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจในต่างประเทศ ข้อมูลรับรองการฉีดวัคซีนสามารถใช้เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เข้าร้านอาหาร และใช้บริการระบบขนส่งสถานที่สาธารณะ

นายกฯ โยชิฮิเดะ ซูงะ รับปากว่า รัฐบาลจะพิจารณาข้อเสนอทั้งหลายอย่างเป็นขั้นเป็นตอน พร้อมระบุว่า รัฐบาลจะออกเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนแบบดิจิทัลในสมาร์ทโฟนได้ในเดือนธันวาคมนี้

ญี่ปุ่นได้ออกเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศ แต่ไม่ใช้การฉีดวัคซีนเป็นเงื่อนไขในการเข้าใช้บริการต่าง ๆ ภายในประเทศ โดยอ้างว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการเลือกปฏิบัติต่อคนที่ไม่อยากฉีดวัคซีน หรือไม่สามารถฉีดวัคซีนได้

ญี่ปุ่นได้ระงับการเข้าประเทศของชาวต่างชาติมานานเกือบ 2 ปีจากการระบาดของโรคโควิด ผู้ที่สามารถเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นได้ในขณะนี้ คือผู้ที่มีสิทธิ์พำนักในญี่ปุ่นอยู่แล้วเท่านั้น แม้แต่นักศึกษาต่างชาติ คนทำงาน ครอบครัวที่ยื่นขอวีซ่าใหม่ก็ยังไม่สามารถเข้าประเทศญี่ปุ่นได้

ล่าสุด มีรายงานว่า สถานทูตญี่ปุ่นในหลายประเทศได้เริ่มออกวีซ่าใหม่ให้กับนักศึกษาทุนรัฐบาล และครอบครัวของชาวญี่ปุ่นแล้ว สมาคมนักธุรกิจต่างชาติในญี่ปุ่นคาดว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะเปิดทางให้นักธุรกิจระหว่างประเทศเดินทางได้ก่อนปลายปีนี้ แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติยังต้องรออีกนานกว่าจะมาเที่ยวญี่ปุ่นได้อีกครั้ง


ที่มา : https://mgronline.com/japan/detail/9640000088412

'จีน' เตรียมเปิดตลาดหุ้นแห่งใหม่ เน้นรองรับธุรกิจ SMEs ของจีน เข้าทำนอง 'จีนทำ จีนใช้  จีนเจริญ จีนไม่สนฝรั่ง'

รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน แห่ง วช.

รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น โพสต์ลง Facebook ในเรื่องนี้ว่า…

#ตลาดหุ้นจีนแห่งใหม่ คงตอบโจทย์คาใจใครหลายคนนะคะ การที่จีนคุมเข้มบริษัทจีนออกไป IPO ต่างประเทศ แล้วบริษัทจีนเหล่านั้นจะไประดมทุนที่ไหน ? จะเติบโตได้อย่างไร ? don’t worry นะ จีนเตรียมการไว้แล้ว ก่อนจะลงมือ #จัดระเบียบทุน จนสั่นสะเทือนไปทั้งโลกทุนนิยม !!!  #สีจิ้นผิง ประกาศจะตั้งตลาดหุ้นแห่งใหม่ #ตลาดหุ้นปักกิ่ง เตรียมเปิดรองรับการระดมทุนจีนเองเลยจ้า แถมจะเป็นตลาดหุ้นจีนที่เน้นรองรับ SMEs จีนด้วยนะ เข้าทำนองว่า “จีนทำ จีนใช้  จีนเจริญ จีนไม่สนฝรั่ง” ???? #จีนโนแคร์

Note: จีนมีตลาดหุ้น 2 แห่งแล้วบนแผ่นดินใหญ่ คือ #ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ และ #ตลาดหุ้นเสิ่นเจิ้น แล้วก็ยังมี #ตลาดหุ้นฮ่องกง ด้วยนะ ดังนั้น บริษัทจีนมีทางเลือกตรึมเลยจ้า ไม่ต้องไปแคร์ฝรั่ง #โลกแตกแกน #TheGreatDecoupling ????

พร้อมสาระสำคัญขยายความ อ้างอิงจากเพจ Nihao-Sawadee ว่า... 
Credit: https://www.facebook.com/117547923447097/photos/a.130779808790575/333247238543830/?type=3

#บทวิเคราะห์ เปิดเหตุผล “ทำไมจีนเตรียมเปิดตลาดหุ้นแห่งใหม่ในปักกิ่ง แม้ปัจจุบันมีตลาดหุ้นถึง 2 แห่ง ในจีน”

กลายเป็นหนึ่งในประเด็นที่ถูกพูดถึงในช่วงสุดสัปดาห์นี้เลย สำหรับการกล่าวสุนทรพจน์ของ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ในการประชุมสุดยอดการค้าภาคบริการโลกของงานมหกรรมการค้าบริการนานาชาติจีน (China International Fair for Trade in Services: CIFTIS) 

ใจความสำคัญของการกล่าวสุนทรพจน์ของสี จิ้นผิง เป็นการแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการพัฒนาการค้าภาคบริการของจีนและความร่วมมือกับนานาประเทศ เพื่อฟื้นเศรษฐกิจโลก หลังจากเผชิญวิกฤติแพร่ระบาดโควิด-19 

โดย “แผนเปิดตลาดหุ้นแห่งใหม่ในกรุงปักกิ่งของประเทศจีน” จากถ้อยแถลงของสี จิ้นผิง ได้รับการจับตามองจากทั่วโลกทันที จึงขอสรุปเหตุผล “ทำไมจีนต้องเปิดตลาดหุ้นแห่งใหม่ เป็นแห่งที่ 3 ของประเทศจีน” 

จากการรายงานของสถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน ชี้ให้เห็นว่า ทางสี จิ้นผิง ให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ของจีน เป็นอย่างมาก จีนจึงจะเปิดตลาดหุ้นแห่งใหม่ที่ปักกิ่ง เพื่อสนับสนุนและรองรับธุรกิจ SMEs ที่มีเป้าหมายในการพัฒนาด้านนวัตกรรม 

อีกเหตุผลหนึ่งคือ เป็นการดึงดูดเงินลงทุนหลั่งไหลจากบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นต่างประเทศเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นจีนแห่งนี้ ซึ่งก็ส่งผลดีโดยตรงต่อธุรกิจ SMEs ตามเหตุผลแรกที่ระบุไปแล้วว่า เปิดตลาดหุ้นเพื่อรองรับ SMEs จีน ที่มุ่งเน้นในการพัฒนานวัตกรรม ซึ่งสี จิ้นผิง ได้กล่าวถึงการพัฒนาเขตสาธิตการพัฒนาเชิงนวัตกรรมการค้าภาคบริการของรัฐ และเขตสาธิตการค้าดิจิทัล เป็นข้อบ่งชี้ถึงวิสัยทัศน์ในการบริหารประเทศจีนภายใต้การนำของสี จิ้นผิง ว่าเน้นทางนวัตกรรม และให้ความสำคัญกับ SMEs อย่างแท้จริง


แหล่งข้อมูล:
https://news.cgtn.com/news/2021-09-02/Xi-Jinping-China-to-establish-new-stock-exchange-in-Beijing-13exDdi89CE/index.html
http://m.news.cctv.com/2021/09/02/ARTIfvz5TL90CyY0GoLTyLkW210902.shtml

'รมว.แรงงาน' ห่วงใยแรงงานนอกระบบยะลา มอบบัณฑิตแรงงาน และอสร. เดินรณรงค์เคาะประตูบ้าน เชิญชวนฉีดวัคซีน ยึดหลัก "D-M-H-T-T-A" คุมการแพร่ระบาดกลุ่มเปราะบาง 1,740 ครัวเรือน

วันที่ 6 ก.ย. 2564 นางสาวพุทธชาติ อินทร์สวา รักษาราชการแรงงานจังหวัดยะลา Kick off เริ่มกิจกรรมสร้างการรับรู้ต้านภัยโควิด-19ให้แก่แรงงานนอกระบบ 1,740 ครัวเรือน ระหว่างวันที่ 6-8 ก.ย.2564 ตามข้อสั่งการของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมต.แรงงาน ซึ่งมีความห่วงใยแรงงานนอกระบบในจังหวัดยะลา ให้เร่งสร้างการรับรู้ในการป้องกันภัยจากโรคติดเชื้อโควิด-19

โดยมอบบัณฑิตแรงงานและอสร.เดินรณรงค์เคาะประตูบ้าน ยึดหลัก "D-M-H-T-T-A" พร้อมเชิญชวนฉีดวัคซีน ลดความเสี่ยงและควบคุมการแพร่ระบาดในกลุ่มเปราะบางซึ่งเป็นแรงงานนอกระบบ 1,740 ครัวเรือน

นางสาวพุทธชาติ อินทร์สวาได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การลงพื้นที่เดินรณรงค์ต้องการให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ของ 8 อำเภอ จ.ยะลา โดยบัณฑิตแรงงาน 76 คน และอาสาสมัครแรงงาน 58 คน จัดทีมงานเดินรณรงค์เคาะประตูบ้านแรงงานนอกระบบที่เป็นกลุ่มเปราะบางให้มีความรู้เพื่อป้องกันตัวจากโควิด-19 ตามมาตรการ D-M-H-T-T-A และแจกหน้ากากอนามัยเป็นอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล

พร้อมเชิญชวนให้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ภายใต้โครงการศูนย์แรงงานอำเภอเคลื่อรที่ด้วยรอยยิ้ม จังหวัดยะลา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ครั้งนี้ 2 สำนักงานแรงงานจังหวัดยะลา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top