Saturday, 5 July 2025
NEWS FEED

สตม.แจง มิสแกรนด์เมียนมาไม่ได้ถูกจับกุม ล่าสุด 'ฮาน เลย์' ได้ไปต่อประเทศที่ 3 แล้ว

จากกรณีที่ปรากฏข่าวว่ามิสแกรนด์เมียนมา (ฮาน เลย์) ถูกจับกุมในประเทศไทย นั้น ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ชี้แจงว่า มิสแกรนด์เมียนมาได้เดินทางเข้ามาประเทศไทยผ่านทางท่าอากาศยานกรุงเทพ ในช่วงบ่ายของวันที่ (22 ก.ย. 65) และ สตม. ได้ปฏิเสธการเข้าเมือง ตาม พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 12(1) จากนั้นมิสแกรนด์เมียนมา ก็ได้ประสานงาน กับสายการบินเพื่อเดินทางออกนอกราชอาณาจักรต่อไป

สำหรับการปฏิเสธการเข้าเมือง เพราะหนังสือเดินทางไม่เรียบร้อย ทาง สตม.จึงเชิญตัวฮาน เลย์ ไปยังที่พักรอ แต่ไม่ได้ควบคุมตัวอย่างใด โดยเจ้าหน้าที่ให้เธออยู่ในที่พักรอ ซึ่งตามหลักแล้ว หากเข้าไทยไม่ได้ ก็จะต้องกลับไปทางเดิมที่เดินทางมา หากแต่ ฮาน เลย์ ไม่ประสงค์จะกลับไปยังเวียดนาม แต่จะไปที่อื่นก็ย่อมได้

ทั้งนี้ทาง สตม.ไทยยืนยันว่าใช้หลักปฏิบัตินี้กับชาวต่างชาติทุกคนที่เข้ามาแล้วหนังสือเดินทางไม่เรียบร้อย ไม่ใช่การควบคุมตัวแต่อย่างใด ซึ่งแต่ละวันก็มีผู้โดยสารต่างชาติหลายคนที่ถูกปฏิเสธให้เข้าเมืองเหมือนกับ ฮาน เลย์

ด้านเพจเฟซบุ๊ก LOOK Myanmar ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวนี้ ว่า...

อ.เฉลิมชัย ประกาศเลิกวาดภาพจริงจัง หวังใช้ชีวิตบั้นปลายแสวงหาความสุขให้ตัวเอง

อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ อัดคลิปเปิดใจประกาศชัดไม่วาดภาพแล้ว หลังจากปีก่อนประกาศวางมือทั้งหมด บอกเมียกับลูกแล้ว ย้ำ “วัดร่องขุ่น” อยู่ได้แล้ว ขอขี่ จยย.เที่ยวก่อนตาย

วันนี้ (22 ก.ย. 65) เฟซบุ๊กส่วนตัวของ "นรินทร ทามาส" หรือ "เอ็ม-เมืองพาน" ซึ่งเป็นลูกศิษย์คนสนิทของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ วัย 68 ปี ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงราย ผู้สร้างสรรค์ศิลปะที่วัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย จ.เชียงราย ได้เผยแพร่คลิปอาจารย์เฉลิมชัยตอบคำถามที่ลูกศิษย์ลูกหาสอบถามว่าตอนนี้ไม่ได้วาดภาพแล้วใช่หรือไม่ เพราะเห็นขี่รถจักรยานยนต์ท่องเที่ยวไปตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ อยู่เป็นประจำ ทั้ง ๆ ที่ภาพแต่ละใบมีราคาแพงอย่างมาก

อาจารย์เฉลิมชัยกล่าวว่า สำหรับคนที่ถามก็คงจะเป็นอย่างนั้น แต่สำหรับตนแล้วถือว่ารู้จักพอและตนไม่ชอบการวาดภาพแบบเอาจริงเอาจัง หรือซีเรียสมากเกินไปจนวันตาย เพราะที่ผ่านมาถือว่าตนได้ทำมามากแล้ว และตอนนี้ไม่ทำแล้วเนื่องจากอยากพักผ่อนและอยากใช้ชีวิตที่มีความสุขก่อนที่จะตาย

ดังนั้นจึงปล่อยวางทั้งหมด เริ่มตั้งแต่อายุได้ 55 ปีก็เริ่มเบางาน เมื่ออายุถึง 60 ปีก็เริ่มปล่อยวางมากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างสรรค์ผลงานที่วัดร่องขุ่นอันยิ่งใหญ่ก็เริ่มปล่อยวางลงอีก กระทั่งอายุถึง 65 ปีก็ปล่อยทิ้งเลย จนตอนนี้มีการบริหารงานกันเองได้แล้ว เพราะทุกอย่างถือว่าสำเร็จแล้ว ตนจึงมีหน้าที่เหลืออย่างเดียวคือ ท่องเที่ยวเพื่อหาความสุขเพราะพอแล้วทุกอย่าง ซึ่งได้บอกกับภรรยากับลูกว่า..ตนพอแล้วและให้ลูกพึ่งตัวเอง ตนไม่เติมเงินให้อีกแล้ว

อาจารย์เฉลิมชัยกล่าวอีกว่า ชีวิตของแต่ละคนต้องแสวงหาความสุขของตัวเอง ขณะที่ตนมีความปรารถนาตั้งแต่ยังเด็กว่าหากอายุถึง 65 ปี และยังมีชีวิตอยู่ ก็จะท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ อย่างเดียวเพื่อพักผ่อนตามที่ตัวเองชอบ ซึ่งก็คือการขับขี่รถจักรยานยนต์ท่องเที่ยวพร้อมกับลูกศิษย์ลูกหาที่ชื่นชอบการขับขี่แบบนี้ด้วยกัน แล้วจากนั้นก็ป่วยตายไป เพราะตนไม่มีอะไรอีกแล้ว ชีวิตตอนนี้ก็ออกกำลังกายให้แข็งแรงเพื่อจะได้ขับขี่ได้ และมีการนั่งสมาธิภาวนาเพื่อให้จิตใจยอมรับกับทุกเรื่องและสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า ซึ่งก็คือความตาย

สมาชิกวุฒิสภา ร่วมการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเครือข่ายสื่อมวลชนภูมิภาค

สมาชิกวุฒิสภา ร่วมการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเครือข่ายสื่อมวลชนภูมิภาค มุ่งสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสมาชิกวุฒิสภา กับสื่อมวลชนในภูมิภาคในการเป็นเครือข่าย การเผยแพร่ข้อมูลประชาสัมพันธ์ ตลอดจนเพื่อนำเสนอผลงานของวุฒิสภาให้สื่อมวลชนในภูมิภาคได้รับทราบและนำไปเผยแพร่ต่อในช่องทางต่างๆ และ เพื่อนำเสนอผลงานของวุฒิสภาให้สื่อมวลชนในภูมิภาค

(22 ก.ย.65) ที่ ห้อง ออคิด บอลรูม ชั้น 2 โรงแรมพูลแมน ขอนแก่นราชา ออคิด จังหวัดขอนแก่น พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ในฐานะประธานกรรมการประชาสัมพันธ์วุฒิสภา ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเครือข่ายสื่อมวลชน กล่าวต้อนรับโดย นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และกล่าวรายงาน โดย นางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานอนุกรรมการเผยแพร่ข้อมูลประชาสัมพันธ์วุฒิสภา 

สำหรับการสัมมนาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสมาชิกวุฒิสภา กับสื่อมวลชนในภูมิภาคในการเป็นเครือข่ายการเผยแพร่ข้อมูลประชาสัมพันธ์ ตลอดจนเพื่อนำเสนอผลงานของวุฒิสภาให้สื่อมวลชนในภูมิภาคได้รับทราบและนำไปเผยแพร่ต่อในช่องทางต่างๆ และ เพื่อนำเสนอผลงานของวุฒิสภาให้สื่อมวลชนในภูมิภาคได้รับทราบและนำไปเผยแพร่ต่อในช่องทางต่างๆ และเพื่อเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกันในการนำเสนอผลงานและกิจกรรมของฝ่ายนิติบัญญัติ โดยมีกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วยสื่อมวลชนจากทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมสัมมนา ณ สถานที่จัดสัมมนา จำนวน 80 คน และสื่อมวลชนจากจังหวัดต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าร่วมสัมมนาออนไลน์ จำนวน 70 คน รวมทั้งสิ้น 150 คน 

พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ในฐานะประธานกรรมการประชาสัมพันธ์วุฒิสภา กล่าวว่า รู้สึกมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเครือข่ายสื่อมวลชนภูมิภาค ในวันนี้โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้บัญญัติให้วุฒิสภามีหน้าที่ และอำนาจในการกลั่นกรองกฎหมาย การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน การให้คำแนะนำหรือให้ความเห็นชอบให้บุคคลดำรงตำแหน่งสำคัญในองค์กรต่างๆ ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ซึ่งเป็นหน้าที่และอำนาจในลักษณะเดียวกันกับหน้าที่และอำนาจของวุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับต่างๆ ที่ผ่านมา 

สำหรับวุฒิสภาตามบทเฉพาะกาลชุดปัจจุบันนั้น นอกจากจะมีหน้าที่และอำนาจเช่นเดียวกับวุฒิสภา ตามบทบัญญัติหลักแล้ว รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้เพิ่มหน้าที่และอำนาจโดยเฉพาะ ในการติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามหมวด 16 การปฏิรูปประเทศ และการจัดทำและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ 

นอกจากนี้ วุฒิสภาในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย ยังมีหน้าที่อื่นๆ ที่เกี่ยวกับการรับฟังข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากประชาชน เพื่อการติดตามผลสัมฤทธิ์ของการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อนำมาเป็นข้อมูล ประกอบในการกลั่นกรองกฎหมาย รวมทั้งการรับฟังความคิดเห็นเพื่อการตรวจสอบและควบคุมการบริหารราชการแผนดิน ซึ่งการทำหน้าที่ดังกล่าวไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมายหรือความครอบงำใด ๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์

ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของวุฒิสภาข้างต้น เป็นที่รับรู้ของสาธารณชน และสื่อมวลชนโดยทั่วไป จึงได้มีการจัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเครือข่ายสื่อมวลชนภูมิภาคครั้งนี้ขึ้น เพื่อนำเสนอผลงานของวุฒิสภาให้สื่อมวลชนในภูมิภาคได้รับทราบและนำไปเผยแพร่ต่อในช่องทางต่างๆ และเพื่อเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกันในการนำเสนอผลงานและกิจกรรมของฝ่ายนิติบัญญัติ ในฐานะที่ สื่อมวลชนเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเสนอข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม

‘บิ๊กป้อม’ ลุยจัดสรรที่ดินทำกินให้ชุมชน ตามนโยบายรัฐบาลในพื้นที่ป่าไม้ถาวร

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เห็นชอบการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในพื้นที่ป่าไม้ถาวร และให้กรมป่าไม้ดำเนินการกำหนดพื้นที่เป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในพื้นที่ป่าไม้ถาวร โดยพิจารณาถึงพื้นที่ป่าไม้ถาวรที่ได้จำแนกไปแล้ว และที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2540 ของกรมพัฒนาที่ดิน 

รวมทั้งเห็นชอบการเสนอเรื่องขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2540 เรื่อง มาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ป่าไม้ในภาพรวมทั้งประเทศ โดยเรื่องที่ราษฎรร้องเรียนให้เพิกถอนเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดหรือสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดได้รับเรื่องไว้แล้ว 

รวมถึงเรื่องที่อยู่ระหว่างดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2540 ที่เกี่ยวข้อง ให้กรมพัฒนาที่ดินดำเนินการต่อไปให้แล้วเสร็จ จนกว่าคณะรัฐมนตรีจะมีมติยกเลิกหรือมีข้อสั่งการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้ นำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและจัดทำกระบวนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในพื้นที่ป่าไม้ถาวรเสนอคณะอนุกรรมการจัดที่ดินเพื่อพิจารณาต่อไป

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยผู้ประสบภัยน้ำท่วมในชุมชน 6 เขตกรุงเทพมหานคร รุดจัดทีมลงพื้นที่ลุยแจกจ่ายถุงยังชีพต่อเนื่อง ตามที่ได้เกิดสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่น้ำท่วม

ตามที่ได้เกิดสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่น้ำท่วมขัง ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำรงชีพ

ระหว่างวันที่ 17-22 กันยายน 2565  มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ได้มอบหมายให้ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จัดทีมเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่แจกจ่ายถุงยังชีพบรรจุเครื่องอุปโภคบริโภค อาทิ ข้าวสาร ปลากระป๋อง  บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนม ชุดยาสามัญ น้ำดื่ม ฯลฯ ให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่อาศัยอยู่ในชุมชนในพื้นที่เขตลาดกระบัง บางคอแหลม บางเขน มีนบุรี หนองจอก และจตุจักร รวม 6 เขต รวมชุดเครื่องอุปโภคบริโภคจำนวน 1,175 ชุด รวมงบประมาณดำเนินการทั้งสิ้น 352,500 บาท (สามแสนห้าหมื่นสองพันห้าร้อยบาทถ้วน) โดยมีการประสานงานกับสำนักงานเขตต่างๆ ในการลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือ พร้อมด้วยอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งในพื้นที่และใกล้เคียง รวมทั้งอาสาสมัครศิลปิน ร่วมลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือ

โดยในวันนี้ (วันที่ 22 กันยายน 2565) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ รักษาการหัวหน้าแผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครมูลนิธิฯ ลงพื้นที่แจกจ่ายถุงยังชีพบรรจุเครื่องอุปโภคบริโภค ให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่เขตจตุจักร โดยมีอาสาสมัครในพื้นที่ร่วมให้ความช่วยเหลือ

กองทัพเรือจัดงานวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครบรอบ 169 ปี

วันที่ (20 กันยายน 2565) เวลา 10.00 น. พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในการจัดงานวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครบรอบ 169 ปี ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ป้อมพระจุลจอมเกล้า ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ โดยภายในงานได้มีพิธีบวงสรวงและถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พิธียิงปืนเสือหมอบ และพิธีสงฆ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ.2396 เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 4 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ทรงเป็นที่รักใคร่อย่างล้นเหลือของพสกนิกรทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ได้รับการถวายพระราชสมัญญานามว่า “สมเด็จพระปิยมหาราช” ซึ่งมีความหมายว่า “พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน” พระองค์เสด็จสวรรคต เมื่อที่ 23 ตุลาคม พ.ศ.2453 สิริพระชนมายุ 58 พรรษา ทรงครองสิริราชสมบัติ 42 ปี

ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น กองทัพเรือจึงได้จัดงานเนื่องในวันคล้าย
วันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครบรอบ 169 ปี เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ต่อประเทศไทย พระองค์ทรงประกาศเลิกทาสโดยไม่สูญเสียเลือดเนื้อของประชาชน ทรงปฏิรูประเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน ทรงโปรดให้สร้างถนน สะพานและทางรถไฟ ทรงริเริ่มกิจการไปรษณีย์โทรเลข โทรศัพท์ ไฟฟ้า การประปา การสุขาภิบาล อีกทั้งยังทรงระงับข้อพิพาท
กับต่างประเทศ ทำให้ประเทศชาติรอดพ้นภัยมาได้

ในปี พ.ศ. 2422 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชปรารภว่า ป้อมคูประตูหอรบที่เมืองสมุทรปราการ ซึ่งเคยทำหน้าที่ป้องกันอริราชศัตรูและเคยเป็นสง่าสำหรับพระนครมาแต่ก่อนนั้น ล้วนแต่ชำรุดทรุดโทรมและรกร้าง ไม่มีทหารอยู่ประจำรักษาการมาช้านานแล้ว สมควรจะซ่อมแซมก็ยังไม่ลุล่วง เนื่องจากเงินรายได้ของแผ่นดินมีจำกัด ในช่วงเวลานั้น ฝรั่งเศสกำลังหาเมืองขึ้นในเอเชียอาคเนย์อยู่ ภายหลังที่ฝรั่งเศสยึดญวนเขมร และลาวได้แล้ว ฝรั่งเศสก็คิดจะยึดพื้นที่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง (พระตะบอง เสียมราฐศรีโสภณ) อันเป็นของไทยมาตั้งแต่เดิม

ในขณะที่มีเหตุการณ์อันอันไม่น่าไว้วางใจเกิดขึ้นเช่นนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ โดยเรือพระที่นั่งมหาจักรีไปทอดพระเนตรภูมิฐาน ตลอดจนทดลองยิงปืน ที่ป้อมแหลมฟ้าผ่า จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ร.ศ.112 ทรงพระราชดำริว่าป้อมนี้อยู่ในทำเลที่ตั้งมั่นคง สามารถใช้ป้องกันประเทศได้แห่งหนึ่ง ครั้งนั้นได้มีพระราชหัตถเลขาซึ่งสะท้อนแนวพระราชดำริไว้ว่า “ฉันรู้ตัวชัดอยู่ว่า ถ้าความเปนเอกราชของกรุงสยามได้สิ้นสุดไปเมื่อใด ชีวิตรฉันก็คงสิ้นสุดไปเมื่อนั้น มิได้อยู่ปกครองทรัพย์สมบัตินี้เลย ซึ่งจะทนอยู่อย่างที่ขอไม่ได้เลยเปนอันขาด”

จึงโปรดให้ปรับปรุงป้อมดังกล่าวอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งจัดหาอาวุธที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมาติดตั้งประจำไว้ให้ครบถ้วน โดยได้พระราชทานเงินพระคลังข้างที่ (เงินส่วนพระองค์) มาเพิ่มเติมอีกจำนวน 10,000 ชั่ง (ประมาณ 800,000 บาท) เพื่อสมทบการก่อสร้าง ป้อมพระจุลจอมเกล้า โดยเริ่มการก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.2435 จนแล้วเสร็จในต้นปี พ.ศ.2436 ซึ่งตรงกับเหตุการณ์ ร.ศ.112 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อป้อมปืนแห่งนี้ว่า “ป้อมพระจุลจอมเกล้า” ต่อมาเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2436 พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินด้วยเรือพระที่นั่งมหาจักรี ไปทอดพระเนตรป้อมฯ ทรงทดลองยิงปืนเสือหมอบด้วยพระองค์เอง โดยปืนเสือหมอบนั้นเป็นปืนใหญ่ขนาด 6 นิ้วบรรจุท้าย และเป็นรุ่นแรกที่มีใช้ในกองทัพเรือ ซึ่งสั่งมาจาก บริษัท เซอร์ ดับบลิว จี อาร์มสตรอง จำกัด ประเทศอังกฤษ โดยปืนชนิดนี้ถูกติดตั้งอยู่ภายในหลุมที่ขุดลึกลงไปในดิน จำนวน 7 หลุม หลุมละ 1 กระบอก ซึ่งภายในหลุมได้ก่อเป็นกำแพงกว้างพอที่พลประจำปืน จำนวน 10 นาย จะปฏิบัติงานได้ ปืนนี้เวลายิงจะโผล่กระบอกปืนขึ้นมาจากหลุมด้วยแรงไฮดรอลิคส์ และเมื่อทำการยิงแล้วปืนจะถอยลงมา อยู่ในหลุมตามเดิม อันเป็นที่มาของชื่อปืนเสือหมอบ

‘ดร.ตั้น’รุดตรวจรง.สารเคมีรั่ว ย้ำรง.ต้องรับผิดชอบปชช. ที่ได้รับผลกระทบ แม้พบว่า สารเคมีที่รั่วมีความเป็นพิษต่ำ

ดร.กฤชนนท์ อัยยปัญญา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรางอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจสอบการการรั่วไหลของสารเคมีจากโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดนครปฐม โดยระบุว่า สารเคมีที่รั่วออกมานั้น เป็นโรงงานย่านพุทธมณฑลสาย 7 จากการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญ พบว่า สารเคมีที่รั่วไหลนั้นมีชื่อว่า สารไดฟีนีลออกไซด์ (Diphenyl Oxide) 73% และสารไบฟีนีล (Biphenyl) 27% ซึ่งเป็นสารที่ไม่ได้เกิดจากกระบวนการผลิตโดยตรง แต่เป็นสารที่เกิดจาก Hot Oil หรือน้ำมันถ่ายเทร้อนเกิดการรั่วไหล ทำให้เกิดกลิ่นฉุน และเหม็นเปรี้ยวกระจายไปยังพื้นที่รอบๆ ในรัศมีประมาณ 5 กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้ได้ปิดวาล์วเพื่อควบคุมการรั่วไหล และหยุดสายพานการผลิตเรียบร้อยแล้ว

ดร.กฤชนนท์ ให้ข้อมูลว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่าสาเหตุเกิดจากการผุกร่อนของท่อส่งสารเคมี และสารเคมีที่รั่วออกมานั้นปริมาณอยู่ที่ราว 30 ลิตร และเนื่องจากเป็นสารที่มีน้ำหนักเบา ทำให้ลอยไปในอากาศได้ไกล แต่จากสารดังกล่าวเป็นสารที่ระเหยได้เร็ว ในช่วงแรกที่เกิดการรั่วไหลจะมีกลิ่นรุนแรง แต่ก็จะระเหยไปอย่างรวดเร็วเมื่อลอยขึ้นสู่อากาศ จัดอยู่ในกลุ่มพี่มีพิษต่ำ อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองที่คอ ตา และแสบจมูกบ้างหากสูดดมเข้าไปในปริมาณมาก

ผู้ว่าฯปทุมธานี เปิดจวน ต้อนรับผู้ว่าฯชัชชาติ เพื่อหารือการทำงานแบบไร้รอยต่อ

เมื่อวันที่ (20 ก.ย. 65) เวลา 16.00 น. ที่ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ได้ต้อนรับคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร นำโดย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าหารือแนวทางแก้ไขปัญหา เรื่องการระบายน้ำ ปัญหาฝุ่นละออง ปัญหาการจราจร และการวางผังเมืองที่จะเกิดขึ้นกับจังหวัดรอบ ๆกรุงเทพมหานคร เป็นการประสานความร่วมมือแบบไร้รอยต่อระหว่างกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง เช่น ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม ฉะเชิงเทรา สมุทรปาการ  

จากการพูดคุย เรื่องปัญหาน้ำท่วม ซึ่งทางทั้ง 2 จังหวัดได้พูดคุยเรื่องการพร่องน้ำในคลองต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงระหว่างกรุงเทพฯกับปทุมธานี เช่นคลองหกวาสายล่างเชื่อมลงมาทางคลองรังสิตประยูรศักดิ์ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนกรุงเทพมหานครจะมีคลองเปรมประชากรเชื่อมต่อกับคลองบ้านใหม่ ซึ่งจะมีการสูบน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยา และจุดอนุสรณ์สถานก็วางแผนร่วมกันแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ เพื่อไม่ให้เกิดน้ำท่วมขัง

ในการหารือครั้งนี้ ทางผู้ว่าฯกทม.กล่าวว่าในอนาคตจะมีโครงการที่ผันน้ำด้านทิศตะวันออกเพื่อลงสู่อ่าวไทยโดยเร็วโดยจะขุดอุโมงค์ลอดจากเขตลาดกระบังผ่านด้านทิศตะวันออกของสนามบินสุวรรณภูมิ ลงมาที่คลองร้อยคิว และจะทะลุผ่านอำเภอคลองด่านจังหวัดสมุทรปาการลงสู่อ่าวไทยต่อไป

กองทัพอากาศ ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อพัฒนาการศึกษาเอกชน และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จัดพิธีมอบรางวัลให้กับผู้ชนะเลิศการประกวดโครงการ Out of the Box และโครงการ Clip You Life Click Your Future

เมื่อวันพุธที่ (21 กันยายน 2565) เวลา 09.00 น. กองทัพอากาศ โดย พลอากาศโท ฐานัตถ์ จันทร์อําไพ รองเสนาธิการทหารอากาศ ผู้แทนผู้บัญชาการทหารอากาศ ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อพัฒนาการศึกษาเอกชน และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จัดพิธีมอบรางวัลให้กับผู้ชนะเลิศการประกวดโครงการ Out of the Box และโครงการ Clip You Life Click Your Future ณ ห้องรับรองกองทัพอากาศ กองบัญชาการกองทัพอากาศ

กิจกรรมการประกวดทั้ง 2 โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมด้านกำลังความคิดในการผลิตสื่อที่ทันสมัย เป็นต้นแบบนักสื่อสารที่ดี ปลูกจิตสำนึกด้านผลิตสื่อที่ปลอดภัย รู้เท่าทันสื่อ เลือกบริโภคสื่ออย่างถูกต้อง พัฒนาคุณภาพการศึกษาสำหรับเป็นแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ให้แก่นักเรียนของโรงเรียนเอกชน และสร้างเครือข่ายเยาวชนในการผลิตสื่อสร้างสรรค์ด้านความมั่นคง และภารกิจของกองทัพอากาศในอนาคต  

ทั้งนี้ จุดมุ่งหมายที่สำคัญนอกจากประกาศเกียรติคุณให้กับนักเรียนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ยังเป็นการส่งเสริมขวัญและกำลังใจ เผยแพร่เกียรติประวัติเกียรติคุณ ส่งเสริมความรู้ความสามารถของนักเรียนที่ได้รับการยกย่องให้สังคมโดยทั่วไปได้รู้จัก และมุ่งประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งดีงามอันจะส่งผลให้โรงเรียน ชุมชน ประเทศชาติ เป็นสังคมที่มีคุณภาพต่อไป

'สุชาติ' รมว.แรงงาน มอบ เลขาธิการ สปส. 'บุญสงค์' ลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ติดตามคุณภาพชีวิตผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพ

เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม พร้อมด้วย นางสาวพรรณิกา เหลืองสุรีย์ ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม นางมารศรี ใจรังษี ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม นางสาวมุทิตา ชูประดิษฐ์ ประกันสังคมจังหวัดอุดรธานี นางอาภรณ์ แว่วสอน ผู้อำนวยการศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานภาค 4 จังหวัดขอนแก่น นางสาวหัฎฐริภิม ณมงคลบุญวงษ์ ผู้อำนวยการกองฝึกอบรม และเจ้าหน้าที่ ร่วมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมติดตามคุณภาพชีวิตพร้อมให้กำลังใจผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพในจังหวัดอุดรธานี จำนวน 3 ราย

นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มีความห่วงใยผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยและทุพพลภาพ โดยวันนี้ได้มอบหมายให้ ผมและคณะลงพื้นที่ มอบของเยี่ยมให้กับผู้ประกันตนทุพพลภาพถึงบ้านพัก ซึ่งอยู่ในความดูแลของสำนักงานประกันสังคมจังหวัดอุดรธานี จำนวน 3 ราย ได้แก่ นางเสาวณี จันทร์แจ้ง ผู้ประกันตนมาตรา 33 ทุพพลภาพ จากสาเหตุเจ็บป่วยด้วยโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมองตีบ โรคไต เส้นเลือดสมองตีบ และต่อมาเป็นไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปากข้างซ้ายเบี้ยว ตาข้างซ้ายหลับไม่สนิท เดินไม่ได้ ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้เดือนละ 3,625.50 บาท ได้รับสิทธิเป็นผู้ทุพพลภาพตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2558 สำนักงานประกันสังคมจังหวัดอุดรธานี ได้จ่ายสิทธิประโยชน์ไปแล้วเป็นจำนวนเงิน 329,920.50 บาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top