Thursday, 3 July 2025
NEWS FEED

'อำนวย บุญริ้ว' นายกเทศมนตรี ลงพื้นที่คุมเข้ม!! ตรวจความพร้อม รับเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2565

นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ ลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมเพื่อรับมือเทศกาลวันลอยกระทงที่จะจัดขึ้นในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ในวันที่ 5-8 พฤศจิกายน นี้ 

โดย การลงพื้นที่ตรวจความพร้อมในครั้งนี้ นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ พร้อมด้วย พ.จ.อ.พิรภพ แสงเพชร ที่ปรึกษานายกเทศมนตรี นายธนสัน วสันต์ กำนันตำบลแพรกษาใหม่ จ.อ.สุทัศ ทับวันนา ผู้อำนวยการกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองเเพรกษาใหม่ ร่วมลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อตรวจสอบความพร้อมรับมือเทศกาลวันลอยกระทง ประจำปี 2565

โดยทางด้าน นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ เปิดเผยว่า ในวันนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมเพื่อรับมือเทศกาลวันลอยกระทงที่ใกล้จะมาถึง พร้อมทั้ง ได้กำชับและได้มีการประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นย้ำมาตรการด้านความปลอดภัยเป็นหลัก และกำชับให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจตราดูแลความปลอดภัยทั้งทางบกและทางน้ำ เพื่อสร้างความอุ่นใจและคอยดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมงานในปีนี้ โดยคาดว่าในปีนี้จะมีพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ต่าง ๆ เดินทางมาร่วมงานลอยกระทงเป็นจำนวนมาก

‘ดีอีเอส’ ผนึก ‘กสทช.-35 ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต’ ระงับแพร่ข้อมูลผิดกฎหมาย ภายใน 24 ชม.

ดีอีเอส ร่วมกับ กสทช. และ 35 หน่วยงานผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต หาแนวทางแจ้งเตือน ระงับการเผยแพร่ข้อมูลผิดกฎหมาย ภายใน 24 ชม.

(3 พ.ย. 65) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเชิญผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ผู้ให้บริการระบบคลาวด์ ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ จำนวน 35 ราย รับทราบ และชี้แจงประกาศกระทรวงดิจิทัลฯ เรื่อง ขั้นตอนการแจ้งเตือน การระงับการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์ และการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2565 เพื่อระงับเนื้อหาข้อมูลเท็จ ความมั่นคง ลามกอนาจาร หลังรับแจ้งการกระทำผิด

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ (26 ต.ค. 2565) ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เรื่อง ขั้นตอนการแจ้งเตือน การระงับการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์ และการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2565 ซึ่งมีรายละเอียดที่สำคัญโดยสรุป ดังนี้...

1. ปรับปรุงประกาศฉบับเดิม เมื่อปี 2560 ให้รองรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน เพื่อคุ้มครองประชาชนมากยิ่งขึ้น และสร้างหลักประกันแก่ผู้ให้บริการ/สื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย หากได้ปฏิบัติตามข้อร้องเรียนของประชาชนทั่วไป หรือผู้ใช้บริการ หรือตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประกาศอย่างถูกต้องครบถ้วน จะเข้าข้อยกเว้นความรับผิด (Safe Harbor) ของผู้ให้บริการ/สื่อสังคมออนไลน์ตามมาตรา 15 แห่ง พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ 

2. ขั้นตอนการปฏิบัติของผู้ให้บริการ/สื่อสังคมออนไลน์ คือ ต้องมีช่องทางเพื่อรับแจ้งเนื้อหาที่เป็นความผิด ทั้งข้อมูลเท็จ บิดเบือน ปลอมแปลง กระทบต่อความมั่นคง หรือลามกอนาจาร จากประชาชนทั่วไป หรือผู้ใช้บริการ โดยจัดทำแบบฟอร์มข้อเรื่องร้องเรียน (Complaint Form) และเมื่อได้รับแจ้งแล้ว ให้ระงับหรือนำเนื้อหาที่ผิดกฎหมายออกจากระบบ หรือเมื่อได้รับคำสั่งให้ระงับหรือนำข้อมูลออกจากระบบจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ต้องระงับหรือนำข้อมูลฯ ออกจากระบบของตน ภายในระยะเวลาที่กำหนดตามลักษณะเนื้อหาของข้อมูล ดังนี้…

- เนื้อหาที่เป็นเท็จ บิดเบือน ปลอม ตามมาตรา 14 (1) ให้ระงับ หรือนำข้อมูลออก ทันที ไม่เกิน 7 วัน 
- เนื้อหาที่กระทบต่อความมั่นคง ตามมาตรา 14 (2) และ (3) ให้ระงับ นำข้อมูลออกทันที แต่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง
- เนื้อหาที่มีลักษณะลามก ตามมาตรา 14 (4) ให้ระงับ นำข้อมูลออกทันที แต่ไม่เกิน 3 วัน สำหรับกรณีภาพลามกอนาจารเด็ก ต้องระงับหรือนำข้อมูลออก ทันที แต่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง

3. สำหรับประชาชนทั่วไป หรือผู้ใช้บริการต้องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษ หรือต้องมีการลงบันทึกประจำวันไว้กับตำรวจก่อนดำเนินการแจ้งไปยังผู้ให้บริการ/สื่อสังคมออนไลน์

ทั้งนี้ ประกาศนี้มีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 60 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (วันที่ 25 ธันวาคม 2565) เพื่อให้ผู้ให้บริการ/สื่อสังคมออนไลน์ เตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตาม

“ประกาศฉบับนี้ ออกมาเพื่อเร่งระงับข้อมูลผิด กฎหมาย อย่างไรก็ตาม ขอเตือนว่า อย่าใช้ช่องทางนี้ ในการกลั่นแกล้งผู้อื่น หากดำเนินการ โดยเจตนาไม่สุจริต หรือเป็นเท็จ ผู้แจ้งอาจต้องรับผิดฐานแจ้งความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญาได้” นายชัยวุฒิ กล่าว

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันการกระทำความผิดเนื่องจากการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ การฉ้อโกงผ่านระบบออนไลน์ รวมถึงการสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชนผ่านระบบคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการป้องกันมิให้ประชาชนได้รับผลกระทบ ช่วยลดภาระของประชาชนหรือผู้เสียหาย และตกเป็นเหยื่อจากมิจฉาชีพ ดีอีเอส ได้ร่วมกับ 36 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย... 

สภาพก่อน-หลัง บ้านมั่นคงริมคลองเปรมประชากร ชุมชนประชาร่วมใจ1

✨ ดูดีขนาดไหน มาดูด้วยตาเอาเอง!!
สภาพ 'ก่อน' และ 'หลัง' การพัฒนาบ้านมั่นคงริมคลองเปรมประชากร ชุมชนประชาร่วมใจ 1 จตุจักร 

Cr.Thanat Narupornpong

หลังประกาศใช้ พ.ร.บ.ป้องกัน 'ซ้อมทรมาน-อุ้มหาย' ช่วยยกระดับ ขจัดปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน

นายกฯ ยินดี สำนักงานเพื่อสิทธิมนุษยชน UN ชื่นชมไทยที่ประกาศใช้ พ.ร.บ. ป้องกันซ้อมทรมาน-อุ้มหาย ยืนยัน ขจัดปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ยกระดับ การคุ้มครองสิทธิ ตามมาตรฐานสากล

(3 พ.ย. 65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่สำนักงานเพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Office of the High Commissioner for Human Rights: OHCHR) เห็นถึงความพยายามของรัฐบาล โดยชื่นชมประเทศไทยที่ได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565

นายอนุชา กล่าวว่า สำนักงานเพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติมองว่า พระราชบัญญัติฯ ซึ่งประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ถือเป็นก้าวสำคัญในการปฏิบัติตามคำมั่นของไทยเพื่อขจัดการกระทำทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหายให้หมดสิ้น และเป็นการให้ความยุติธรรมกับผู้เสียหายจากการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ซึ่งพระราชบัญญัติฯ มีเนื้อหาครอบคลุมเรื่องสิทธิในการที่จะไม่ถูกทรมานเป็นสิทธิมนุษยชนที่ไม่อาจระงับชั่วคราวได้ (non-derogation) และหลักการไม่ส่งใครกลับไปเผชิญอันตราย (non-refoulement) ซึ่งป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ขับไล่ เนรเทศ หรือส่งบุคคลใดไปยังอีกประเทศหนึ่งที่อาจเผชิญความเสี่ยงต่อการกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี หรือการกระทำให้บุคคลสูญหาย

'แม่ค้าออนไลน์' โอด!! โดนเรียกภาษีย้อนหลัง 4 ล้าน หลังเจอสรรพากรแคปทุกโพสต์ เก็บทุกเม็ด

กำลังเป็นประเด็นในโลกออนไลน์ เมื่อ ปุ๊กกี้ แม่ค้าออนไลน์คนดัง และโค้ชสอนด้านการตลาด อีกทั้งยังเป็นผู้สมัครเข้าประกวดมิสแกรนด์พิษณุโลก ได้ออกมาโพสต์ข้อความหลังถูกสรรพากรเรียกเก็บภาษีย้อนหลังกว่า 4 ล้านบาท 

โดยเพจ 'เชียงใหม่นิวส์ Chiang Mai News ข่าวเชียงใหม่' ได้โพสต์ข้อความ ว่า...

"ตั้งแต่โดนภาษีย้อนหลัง 4 ล้าน ก็ไม่โพสรายได้/สเตทเม้นอีกเลย เข็ด5555555 #ขอใช้ชีวิตเงียบๆ เตรียมวางแผนย้ายไปอยู่ ตปท.ละ เคสกี้โดนจับตามองมา 4 ปี แบบไม่รู้ตัว ตั้งแต่เฟสเก่า ยันเฟสใหม่ นามสกุลใหม่ แคปทุกโพส ทุกความสำเร็จของเรา ซื้อบ้าน รถ ที่ดิน ตามเก็บเหมือนเป็น FC เล๊ยยยย ต้องอธิบายให้ครบเอกสารประมาณ 2 แฟ้มใหญ่ ๆ ที่ทางเขาเก็บไว้🤣 โดนตรวจสอบแบบปวดหัวไปหมด  #หวังดีนะทุกคน จ่ายภาษีก็จริง แต่ถ้ารู้ว่าเราไม่เคลียร์จริงๆ เอกสารไม่ครบ โดนเหมา 60 / 40 +ค่าปรับจุก ๆ อย่าหาทำเลย ภาพลักษณ์ที่ได้ ไม่คุ้มกับเงินที่เสีย"

เจ้าของร้านเหล้า เคลียร์ใจ ‘อิลสลิก’ แล้ว หลังด่า “ไอ้กวีขี้หมา” ชี้!! ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด

(2 พ.ย. 65) เรียกได้ว่ามีกระแสข่าวไม่เว้นช่วงเลย สำหรับหนุ่ม ‘อิลสลิก’ หรือทิฆัมพร เวชไทยสงค์ นักร้องแร็ปเปอร์ชื่อดัง เพราะล่าสุดก็มีประเด็นกระแสดรามากับเจ้าของร้านเหล้าที่ว่าจ้างให้ไปทำการแสดง แต่กลับมีเรื่องให้เข้าใจผิดและถูกโพสต์ด่าว่า “ไอ้กวีขี้หมา”

โดยเมื่อวานนี้ (1 พ.ย. 65) แร็ปเปอร์หนุ่ม ‘อิลสลิก’ หรือทิฆัมพร เวชไทยสงค์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Illslick - Thikhumporn Whetthaisong’ ถึงเรื่องคุณค่าของแฟนคลับ ไม่ได้วัดกันที่เงิน โดยระบุว่า…

“ราคาค่าตั๋วไม่ว่าจะมากหรือน้อย ไม่ได้วัดคุณค่าของคนฟัง ไม่ได้แปลว่าใครรักศิลปินมากกว่าใคร คนที่มีเงินน้อยจองตั๋วได้แค่ด้านหลังก็ไม่ได้แปลว่าไม่รักศิลปิน คนที่มีเงินมากอยู่หน้าสุดก็ไม่ได้แปลว่ารู้จักหรือร้องเพลงได้ทุกเพลง เงินไม่ได้วัดคุณค่าความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะเงินมากหรือน้อยก็เท่าเทียมกัน ผมรักคนที่ฟังผมจริงๆ ทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ด้านหน้าหรือด้านหลัง ซื้อตั๋วกี่บาทก็ตาม ฝากไปถึงทุกๆ ที่ที่ผมจะไปแสดงที่เหลือ ไม่ว่าแฟนเพลงคนไหนจะซื้อตั๋วกี่บาท ผมอยากให้ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ใส่ใจไม่ต่างกันไม่ว่าคนพวกนั้นจะยืนที่ไหน ทุกคนคือคนฟังของผมครับ 💜”

หากอ่านแค่โพสต์ของหนุ่ม ‘อิลสลิก’ เฉยๆ ก็คงไม่ได้รู้สึกว่ามีเรื่องดรามาอะไร ซ้ำยังจะรู้สึกว่าหนุ่มอิสลิกแคร์แฟนๆ ที่รักของเขาทุกคน โดยไม่สนเรื่องเงินทองและไม่ได้วัดความรักของแฟนคลับจากเงินที่จ่ายค่าตั๋วชมการแสดง แต่หลังจากที่หนุ่ม ‘อิลสลิก’ โพสต์ข้อความไปแล้ว เจ้าของร้านเหล้าร้านดังก็ได้ออกมาโพสต์ตอบโต้ทันที โดยระบุว่า…

“ผมว่าผมจะไม่พูดถึงละนะแต่คุณเริ่มก่อน การจ้างคุณมาเล่น เป็นงานที่ทุกคนในร้านเหนื่อยทั้งกายและใจกันที่สุด ตั้งแต่เปิดร้านมา 5 ปี ความเห็นส่วนตัวนะครับ คอนเสิร์ตครั้งนี้มีการเซ็นสัญญาก่อนคุณจะมีประเด็นกับนักร้องท่านอื่น จนทำให้ทางผมต้องเลื่อนการโปรโมตการมาเล่นของทางคุณไป ให้กระแสมันลดลงก่อน ส่วนเรื่องราคาตั๋วทำไมต้องราคานี้คุณลืมอะไรเปล่าว่าค่าตัวคุณ 450,000 บาท+ค่าที่พัก+ค่าเอนเตอร์เทนคุณ+ค่าภาษี ที่ต้องจ่ายเป็นเท่าไรละครับ”

สรุปค่าโต๊ะ+ค่าตั๋วทางร้านขายได้เป็นเงิน 200,000-270,000 (วันนี้ผมจะเข้าไปสรุปยอด) ขาดทุนมหาศาล คุณยังมาปากดีอีกนะไอ้กวี การแสดงของคุณ 40-45 นาที กับการแสดงที่ธรรมดาโคตรๆ และนิสัยแบบคุณผมนึกว่าเมื่อคืนผมจ้างเด็ก 3 ขวบ มาเล่นคอนเสิร์ต ทำตัวยังกับตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ไม่สนใจคนอื่น ทางร้านได้ตกลงกับคนดีลงานว่าหลังจากเล่นคอนเสิร์ตเสร็จคุณต้องมาแจกลายเซ็นแฟนคลับ แต่คุณให้แฟนคลับคุณนั่งรอคุณนับ 100 คน 1 ชม. 30 นาที แต่คุณกลับโดยไม่ชี้แจงอะไรทั้งสิ้น บางคนขับรถมาจากนครศรีธรรมราช บางคนมาจากจันทบุรี บางคนมาจากโคราช บางคนเอาเค้กมาให้คุณ รอคุณอยู่ด้วยความรักในตัวคุณ คุณยังทิ้งพวกเค้าเลย อย่ามาพูดเอาหล่อเอาว่าตัวเองดูดีเลยครับ นิสัยแบบคุณถ้าทำบ่อยๆ จากนิสัยจะกลายเป็นสันดาน และจะเป็นสันดานที่ไม่ดีด้วย”

“#10ปากว่าไม่เท่าตาเห็น ผมเห็นสันดานคุณกับตาแล้วครับ หนักกว่าที่เขาพูดกันอีกถุย ไอ้กวีขี้หมา! การค้าขายไม่มีคำว่านรกหรือสวรรค์ มีแต่กำไรหรือขาดทุน ผมขาดทุนผมไม่ว่าเรื่องเล็กแต่สิ่งที่คุณทำกับ FC คุณเอง ทำร้ายความรู้สึกทำร้ายจิตใจทั้งๆ ที่คนเหล่านั้นเขารักคุณ คุณยังทำพวกเขาแบบนี้เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ”

“สุดท้ายนี้ ถ้าคุณว่าเงินไม่ได้สำคัญ ไม่ได้วัดคุณค่าความเป็นมนุษย์ คุณก็มาเล่นฟรีหรือค่าตัวซัก 1 แสนสิผมจะได้ขายตั๋ว 300 ทุกคน ไม่ใช่ค่าตัวขนาดนี้ แต่เล่นได้แค่นี้อ่ะนะ ถ้ารู้ก่อนเอาค่าตัวที่จ้างคุณไปซื้ออาหารแจกหมาจรจัดดีกว่า โอเคนะครับไอ้กวี”

หลังจากที่เจ้าของร้านเหล้าโพสต์ข้อความนี้ออกไป ‘ลิลลี่ ตัณฑ์เอกชน’ แฟนสาวของหนุ่ม ‘อิลสลิก’ ก็ได้ออกมาตอบโต้พร้อมชี้แจงว่า…

“ขอโทษนะคะ ทำไมอยู่ดีๆ มาด่ากันหรอคะ งงมาก ตอนอยู่ที่ร้าน พูดคุยกันปกติ และก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน แล้วเรื่องที่พิมพ์มาคืออะไรคะ อยู่ๆ ก็มาว่า ทางเราก็ยังไม่ได้ไปว่าอะไรร้านเลยนะ แค่มีแฟนคลับบางคนมาน้อยใจที่ตัวเองไม่มีเงินมาดู เราไปอ่านเจอแล้วพิมพ์ถึงแฟนคลับ อย่ากังวลเรื่องมีเงินซื้อบัตรมั้ย ราคาเท่าไหร่ก็เหมือนกัน นอกจากนี้น้องๆ บางคนเขาก็ฝากของมาให้ทางร้านให้ศิลปิน แต่ร้านไม่ฝากให้ แล้วเอาของไปให้คนอื่นแทน เราเลยเขียนถึง โดยไม่ได้ว่าอะไรร้านนี่คะ แล้วอันนี้คืออะไร ที่พิมพ์มาก็ไม่ตรงความจริงเลยสักอย่างนะคะ แบบนี้แค่อยากให้คนมาด่ากัน เอากระแสหรอคะ ลี่รบกวนชี้แจงหน่อยค่ะ”

นอกจากนี้ ลิลลี่ได้ชี้แจงประเด็นแจกลายเซ็นว่า “ส่วนเรื่องแจกลายเซ็น จริงๆ แล้วตั้งแต่งานแรกที่เรารับ ทุกงานไม่มีการยืนยันรับปากว่าจะแจกลายเซ็นได้ชัวร์ 100% หรือแจกได้กี่นาที เพราะเราดูสถานการณ์หน้างาน จำนวนคน การ์ด ความปลอดภัย ดูเวลา และสถานที่ บางทีสะดวกพี่อิลแจกเป็นชั่วโมง ตอนเช็กอินไม่ได้แจกเลย เพราะจำนวนคนเยอะมาก มันแจกไม่ได้ จะใช้วิธีเซ็นฝากไป เซ็นเป็นร้อยๆ ชิ้น แค่คนไม่เห็น เพราะไม่ได้พูด และถ้าบอกว่ามีการสัญญาว่าจะตัองไปแจก น่าจะมีการผิดพลาดอะไรรึป่าวคะ มีหลักฐานมั้ยคะ ปกติพี่อิลจะนั่งแจกในรถตู้เอง หรือไม่ก็บางร้านเราก็ไปเกาะรั้วแจก ส่วน ร้านพี่ เราคุยงานอยู่ร้านจนถึงตี 2 ร้านปิด เพราะมีปัญหาเรื่องงานที่ต้องพูดคุยกัน ซีเรียสมาก ทางเจ้าของก็ไม่เข้ามาคุย ไม่ได้มาใส่ใจถามไถ่ด้วยตัวเอง แล้วตอนออกไปจากที่ห้องรับรอง ออกไปพี่อิลไม่เจอใคร ร้านก็ไม่ได้อะไรพี่อิลเลยนะคะ แบบนี้ใครผิดใครถูก พี่อิลมองหาไม่เจอแฟนคลับสักคนเลยกลับ ทำไมไม่เดินเข้าไปแจ้งพี่อิล และทำไมไม่แจ้งไม่ถามก่อนแสดงว่ามีการแจกมั้ย ที่ไหนตอนไหน สะดวกมั้ย ร้านให้เราขึ้นก็เที่ยงคืนแล้ว กว่าจะเล่นเสร็จ ถ้าไม่อยากแจก จะนั่งรอยันร้านปิดทำไมคะ รีบกลับไปนอนไม่ดีกว่าหรอ มีกล้องวงจรมั้ยคะ ว่าพี่อิลกลับตอนไหน”

รมว.สุชาติ ชื่นชมเยาวชนไทย-ผู้สนับสนุน หลังเด็กไทยคว้า 7 เหรียญแข่งขันฝีมือโลก

รมว.แรงงาน มอบรางวัลผู้เข้าแข่งขัน WorldSkills ครั้งที่ 46 พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณผู้สนับสนุนการแข่งขัน ดันเยาวชนไทยคว้า 1 เหรียญเงิน 6 เหรียญฝีมือยอดเยี่ยม สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ผมขอแสดงความยินดีกับผู้เข้าแข่งขันฝีมือแรงงานนานาชาติ ครั้งที่ 46 ที่สามารถคว้าเหรียญรางวัลในเวทีระดับโลกมาได้ นี่คือความสำเร็จในการแสดงความสามารถและศักยภาพของเยาวชนไทย ที่มีทักษะฝีมือไม่แพ้ชาติใดในโลก ซึ่งการแข่งขันในครั้งนี้แตกต่างจากการแข่งขันในครั้งที่ผ่านมา โดยแยกสนามแข่งขันถึง 15 ประเทศแข่งขันทั้งหมด 62 สาขา ระหว่างเดือนกันยายน - ตุลาคม 2565  ประเทศไทยส่งเยาวชนเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 12 สาขา รวม 13 คน  มีประเภททีม 1 สาขา 

ผลการแข่งขันในครั้งนี้เป็นที่น่าพอใจ ที่ไทยสามารถคว้ามาได้ 1 เหรียญเงิน 6 เหรียญฝีมือยอดเยี่ยม เหรียญเงินจากสาขาเครื่องจักรกล CNC (เครื่องกลึง) มีนายณัฐวุฒิ เพ็ชรงาม เป็นตัวแทน เหรียญฝีมือยอดเยี่ยม 6 เหรียญ จากสาขาเครื่องจักรกล CNC (เครื่องกัด) มีนายสุทธิศักดิ์ อู่เล็ก เป็นตัวแทน  สาขาเมคคาทรอนิกส์ (ประเภททีม 2 คน) มีนายณัฐวัสส์ ทองพินิจกุล และ นายชุติเดช ทองพินิจกุล เป็นตัวแทน สาขาการออกแบบเกมเชิงสามมิติ มีนายเจษฎาภรณ์ แก่นนอก เป็นตัวแทน สาขาการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย มีนางสาวศิริพร ทรปราณี เป็นตัวแทน สาขาการประกอบอาหาร มีนายภูริพัฒน์ วุฒิพัฒนานนท์ เป็นตัวแทน และสาขาการบริการอาหารและเครื่องดื่ม มีนางสาวจุฑารัตน์ บุญนาค เป็นตัวแทน 

นายสุชาติ กล่าวต่อไปว่า รางวัลที่ได้รับช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ และแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพและความพร้อมในการผลิตแรงงานที่มีคุณภาพได้มาตรฐานในระดับสากล  สร้างการยอมรับจากนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ รวมถึงเปิดโอกาสให้แรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศได้มากขึ้นด้วย สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และภายใต้การกำกับดูแลของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มุ่งเน้นให้แรงงานไทยมีทักษะฝีมือได้มาตรฐานสากล ส่งเสริมการมีงานทำและมีรายได้ที่มั่นคง  

ซึ่งการแข่งขันฝีมือแรงงานช่วยยกระดับให้เป็นแรงงานคุณภาพ (Super Worker) นำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศบนเวทีโลก และเป็นการสร้างมิตรภาพและความเข้าใจอันดีต่อกันและส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือในด้านการพัฒนาฝีมือแรงงานในระดับนานาชาติต่อไป สำหรับเยาวชนที่เข้าแข่งขันในสาขาอื่น ๆ ที่ไม่ได้เหรียญรางวัล ผมขอเป็นกำลังใจให้ด้วยเช่นกัน เพราะการก้าวไปสู่เวทีระดับโลกได้ ถือเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่ามาก จึงขอให้นำประสบการณ์ที่ได้รับไปพัฒนาปรับปรุงทักษะฝีมือของตนเองให้มากขึ้น และนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อวิชาชีพและการทำงานทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ผบ.ตร. ผนึกกำลัง ผู้ว่าฯกทม. ดูแลความปลอดภัยในการประชุม APEC 2022 เตรียมเพิ่มกล้อง CCTV ดึงเทศกิจ พร้อมบูรณาการแก้ปัญหายาเสพติด และการจราจรร่วมกันอย่างจริงจัง

วันนี้ (2 พ.ย. 65) เวลา 09.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย รอง ผบ.ตร., รองผู้ว่าฯ กทม. และข้าราชการระดับสูงในสังกัดทั้งสองหน่วยงาน เข้าร่วมประชุมเพื่อบูรณาการความร่วมมือระหว่าง กรุงเทพมหานคร (กทม.) และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ในการร่วมมือกันดูแลรักษาความปลอดภัยและการจราจร เพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ปี พ.ศ.2565 รวมทั้งหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติด และการจราจรติดขัด

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจรฯ มีดำริให้แสวงหาความร่วมือจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และทุกภาคส่วน เพื่อมีส่วนร่วมในการดูแลความปลอดภัยให้แก่การจัดการประชุมเอเปค วันนี้จึงได้เชิญท่านผู้ว่า กทม. และผู้บริหารระดับสูง มาหารือ เพื่อบูรณาการความร่วมมือกันระหว่าง ตร.​และ กทม. ซึ่งมีเรื่องเร่งด่วน 3 เรื่องที่ต้องหารือร่วมกัน คือ

1. การจัดการประชุมเอเปค 2022 
ซึ่งตร. จะมีการจัดอบรม แนะนำให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่เทศกิจ และพนักงานรักษาความสะอาด พ่อค้าแม่ค้า คนขับรถสาธารณะ เพื่อช่วยให้การสอดส่องดูแลป้องกันเหตุ และเป็นเครือข่ายในการแจ้งเหตุแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยจะมีรางวัลให้กับผู้แจ้งเหตุจนนำไปสู่การจับกุมผู้ก่อความไม่สงบ นอกจากนั้น ทาง กทม.จะสนับสนุนติดตั้งกล้อง CCTV เพิ่มเติม เพื่อให้ครอบคลุมทั้งเส้นทาง สถานที่ประชุม ตลอดจนสถานที่พักของผู้นำประเทศ และผู้เข้าร่วมประชุมด้วย 
2. การแก้ไขปัญหาการจราจร
จะมีการตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาร่วมกัน ในระดับ บช.น. กับ กทม. และ คณะทำงานย่อย ในระดับพื้นที่ สง.เขต กับ บก. และ สน.พื้นที่ เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาได้ทันที ใช้ข้อมูลอุบัติเหตุจากระบบ อบถ. มาวิเคราะห์หาจุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย เพื่อทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงในการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อให้ตั้งป้าย และปรับปรุงแก้ไขลักษณะทางกายภาพได้ถูกต้อง เทศกิจ กับ ตำรวจจราจร จะร่วมมือในการกวดขันรถจอดในที่ห้าม มีการอบรมอาสาจราจรให้กับเทศกิจ  เพื่อจะสามารถช่วยจัดการจราจร การบริหารสัญญาณไฟจราจร โดยใช้ระบบ AI การแก้ปัญหารถบรรทุกฝ่าฝืนวิ่งในเวลาห้ามและขึ้นสะพานที่ห้ามรถบรรทุกขึ้น น้ำหนักรถบรรทุกเกินส่งผลต่อผิวการจราจร และเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือรถจอดเสียส่งผลกระทบการจราจรอย่างมาก รวมทั้งให้ กทม. สามารถเชื่อมฐานข้อมูลจาก อบถ. เพื่อนำไปใช้ในการป้องกันอุบัติเหตุ 

3. การอบรมนักเรียนป้องกันตนเองจากเหตุกราดยิง หรือ Active shooter  
ตร. ได้จัดทำหลักสูตร การอบรมเด็กและเยาวชนในโรงเรียน ทั้งเขต กทม. และทั่วประเทศ เพื่อให้รู้วิธีในการเอาตัวรอดจาก Active shooter เหมือนเหตุการณ์ Terminal 21 และ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.อุทัยสวรรค์ จ.หนองบัวลำภู นอกจากนี้ยังได้มีการหารือแนวทางการป้องกันกรณีคนเหยียบกันเช่น เหตุการณ์โศกนาฏกรรม อิแทวอน ประเทศเกาหลี ซึ่งท่านผู้ว่า กทม. จะเชิญวิทยากรของตำรวจไปอบรมให้กับเด็กนักเรียนครบทุกโรงเรียนใน 50 เขต รวมถึงบริษัทเอกชนด้วย 

ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า หลังจากนี้จะได้มีการตั้งคณะทำงานร่วมกัน 4 ด้าน คือ
1. คณะทำงาน Smart safty zone : ซึ่ง ตร.​ ได้นำโครงการ SMART SAFETY ZONE 4.0 มาใช้เพื่อดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชน โดยจะมีเชื่อมต่อระบบกล้อง CCTV ของ กทม. ,ตร. และ ทุกภาคส่วน 

2. คณะทำงานเรื่องยาเสพติด : ตร.​ได้ขอพื้นที่ในศูนย์คัดกรอง ของ กทม.เป็นสถานที่ดูแลชั่วคราว 24 ชม.ตาม ป.ยาเสพติด มาตรา 115 ทั้งนี้เพื่อไม่ต้องนำผู้เสพที่สมัครใจบำบัดไปเข้า สน. หรือที่อื่น เนื่องจากเมื่อซักถามแล้วก็ต้องส่งศูนย์คัดกรอง และขอขยายสถานที่การบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด โดยเฉพาะที่มีอาการทางจิตเพิ่มขึ้น เช่น ทุ่งสีกัน กับ ดอนเมือง ในสังกัด ทอ.กห. และร้องขอให้กรมการแพทย์(สบยช.) สนับสนุนและเป็นพี่เลี้ยง ก็จะสามารถรับคนป่วยจิตเวชในพื้นที่ กทม.ที่ผ่านการบำบัดแล้วได้ อันเป็นการเพิ่มจำนวนเตียงให้กับ กทม.ด้วย

นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือกรณีตำรวจค้นหาผู้ใช้ ผู้เสพ ผู้ติดที่สมัครใจบำบัด ได้แล้วส่งศูนย์คัดกรอง ให้ กทม.ใช้กระบวนการบำบัดรักษาโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน CBTx โดย ตำรวจจะสนับสนุนการปฏิบัติเพื่อคืนคนดีสู่สังคม

หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ส่งชุดครูฝึกค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (USAR TEAM) พร้อมอุปกรณ์ เดินทางและมอบอุปกรณ์ให้กับชุด USAR TEAM

วันนี้ (2 พ.ย. 2565) กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งและกองพันรักษาฝั่งที่ 11 และกรมรักษาฝังที่ 1 ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา พล.ร.ท.อาภากร อยู่คงแก้วผบ.ทรภ.3 ,นาวาโทศักรินทร์ ซื่อสงวน ผู้บังคับกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 นาวาโท กัณฑภณ ศุกระรงคะ ผู้บังคับกองพันรักษาฝั่งที่ 11 กรมรักษาฝั่งที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ชุดครูฝึกค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง(USAR TEAM)ได้ฝึกการอบรมทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติฝึกทบทวนและมอบอุปกรณ์ให้กับชุด USAR TEAMเป็นการพัฒนาศักยภาพการกู้ชีพและแนะนำอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยโดยระบบเชือกขั้นพื้นฐาน และการบำรุงรักษาอุปกรณ์,ระบบบัญชาการณ์เหตุการณ์ และการปฏิบัติงานค้นหาและกู้ภัย,การใช้เปลตะกร้าและเปลSked, การค้นหาและกู้ภัยอย่างรวดเร็ว ( ASR3 ) การค้นหาทางกายภาพ,เทคนิคการตัดเจาะ, เทคนิคการเคลื่อนย้ายวัตถุหนักออกจากผู้ประสบภัยและการทำระบบเชือกในแบบต่างๆผู้เข้าฝึกในครั้งนี้จำนวน 36 นาย การอบรมครั้งนี้อบรมตั้งแต่วันที่ (28 ต.ค. 65 ถึง 1 พ.ย.65) รวมเป็นระยะเวลา 5 วันและวันนี้มีการตรวจเยี่ยม ชมการสาธิตต่าง ๆ และมอบอุปกรณ์ การกู้ภัยให้กับ ชุด USAR TEAM ของกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 และมีนายโชคชัย เมืองสง หัวหน้าหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลจังหวัดพังาและมีหน่วยงานต่าง ๆ เข้าชม การสาธิตครั้งนี้ด้วย

นาวาโทศักรินทร์ ซื่อสงวน ผู้บังคับกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 กล่าวว่า การจัดตั้งทีมค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search and Rescue: USAR) มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาขีดความสามารถสำหรับเป็นทรัพยากรส่วนหนึ่งของโครงสร้างการสนับสนุนในภาวะฉุกเฉิน (สปฉ.) ในส่วนงานด้านการค้นหาและกู้ภัยหรือ สปฉ.9โดยมีกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ซึ่งจะถูกสถาปนาขึ้นเพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการค้นหาและกู้ภัยของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติเมื่อเกิดสาธารณภัยระดับ 3 และ 4 และ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินท้องถิ่น ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อำเภอ และศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด สำหรับสาธารณภัยระดับ 1 และ 2 ดังที่ระบุไว้ในแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ ผบ.ทร. และหน่วยควบคุมทางยุทธการโดย ผบ.ทรภ.3 ที่ต้องการมีหน่วยที่จะใช้งานในการค้นหาและช่วยชีวิตในเขตเมืองในภาวะวิกฤติ นอกจากกำลังพลของ ทร.ปกติที่ได้เข้าช่วยเหลือประชาชนทุกครั้งเมื่อเกิดความเดือดร้อนต่าง ๆ ที่กระทำในทันทีที่มีภัย 

ผบ.ทบ. สั่งคุมเข้มเข้าออกชายแดน หนุนการประชุมเอเปค สร้างเชื่อมั่นระดับสากล

เอเปคปลอดภัย.!! ทบ.สนับสนุน การจัดประชุมเอเปคตามมาตรการรักษาความปลอดภัย เข้มเข้าออกชายแดน

เมื่อวันที่ (2 พ.ย. 65) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกประจำเดือนพฤศจิกายน โดยนำข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในเรื่องและให้เหล่าทัพสนับสนุนการจัดประชุม APEC2022 ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยด้านต่าง ๆ อย่างรัดกุม เน้นการรักษาความปลอดภัยดูแล การเข้าออกในพื้นที่ชายแดน ด้วยมาตรการที่เหมาะสม และทุกหน่วยต้องให้การสนับสนุนและพร้อมที่จะช่วยกันดูแลให้การจัดประชุมดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย ทั้งในด้านการพัฒนา ระบบเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นในระดับสากล ซึ่งกองทัพบกจะสนับสนุนทรัพยากรในทุกด้านอย่างเต็มที่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top