Saturday, 5 July 2025
NEWS FEED

ศธ. รับนโยบายปรับหลักสูตรปลูกฝังเด็กนักเรียน เน้นรัก ‘ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์’ หวงแหนแผ่นดินเกิด

เมื่อวันที่ 26 พ.ย.นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้พัฒนาและปรับปรุงการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ ให้มีความน่าสนใจ และมีนโยบาย 8+1 กำหนดโครงสร้างเวลาเรียน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานจัดรายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ ออกมา 1 รายวิชา เพื่อบ่มเพาะให้นักเรียนภาคภูมิใจรักความเป็นไทย หวงแหนในสิ่งที่บรรพชนให้ไว้เป็นมรดกทางปัญญา รักษา สืบสาน ต่อยอดและนำมาปรับประยุกต์ในปัจจุบัน 

โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ‘การบริหารจัดการโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และ 1 รายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน’ และพิจารณาแนวทางขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง ปีงบประมาณ 2566 เพื่อเป็นแนวทางให้ต้นสังกัดของสถานศึกษา และสถานศึกษาสามารถจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายอนุชา กล่าวว่า ในร่างประกาศ ศธ. ฉบับดังกล่าว กําหนดให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานจัดโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และรายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ 1 รายวิชา โดยจัดเวลาเรียนรายวิชาประวัติศาสตร์ ระดับประถมศึกษา 40 ชั่วโมงต่อปี ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 40 ชั่วโมงต่อปี (1 หน่วยกิตต่อปี) และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย รวม 3 ปี 80 ชั่วโมง (2 หน่วยกิต) ซึ่งสถานศึกษาสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาประวัติศาสตร์ โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ด้วยวิธีการที่หลากหลาย เช่น การใช้พิพิธภัณฑ์เป็นสื่อ การใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและต่อยอดประวัติศาสตร์สู่งานอาชีพ การบูรณาการประวัติศาสตร์กับรายวิชาอื่น และการศึกษานอกสถานที่และแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เป็นต้น หากบอร์ด กพฐ.พิจารณาให้ความเห็นชอบ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ลงนามในประกาศ ศธ. จะมีการแยกรายการประเมินผลการเรียนวิชาประวัติศาสตร์ใหม่ โดยในแบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา (ปพ.3) จะมีการแสดงผลการเรียนรู้วิชาประวัติศาสตร์แยกออกมา จากเดิมที่รวมอยู่ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 

'ฮ.ทหาร' บินด่วน!! ช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน นำส่ง รพ.หาดใหญ่ รักษาโรคหลอดเลือดสมอง

(26 พ.ย. 65) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้รับการประสานจาก โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติผ่านแพทย์ใหญ่กองทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการแพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอรับการสนับสนุนการลำเลียงผู้ป่วยด้วยเฮลิคอปเตอร์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินเข้ารับการรักษาโรคหลอดเลือดสมองโดยเร่งด่วน จากจังหวัดนราธิวาส ไปยัง โรงพยาบาลหาดใหญ่ ผู้ป่วยชื่อ นายซุกรี อรอมะ อายุ 60 ปี ภูมิลำเนา จังหวัดนราธิวาส ซึ่งต้องได้รับรักษา ณ โรงพยาบาลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 

'อรนภา' แจง!! ตบดารารุ่นน้องกลางห้างดังเกาหลี ชี้!! ทนายดังเขียนเกินไป อย่าใช้คำว่าตบ

ม้า อรนภา เปิดปากพูดแล้ว หลังโดนโยงดราม่า ดารารุ่นใหญ่ตบดาราหนุ่มรุ่นน้องกลางห้างดังเกาหลี เหตุเพราะไม่ไปกินปูด้วย

(26 พ.ย.65) จากกรณี ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้เผยข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “นักแสดงรุ่นใหญ่ลายคราม รับจ็อบพาลูกค้าซึ่งเป็นนักแสดงน้องใหม่ ไปเสริมหล่อที่เกาหลี ปรากฏว่าไม่พอใจที่ชวนไปกินปูแล้วน้องดาราไม่ไป ตบหน้าฉาดใหญ่กลางห้างดัง!!!” จนกลายเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ มีการสอบถามกันจ้าละหวั่นว่า รุ่นใหญ่คนนั้นคือใคร?

อาลัย 'สหายคำตัน' สิ้น!! 'หมอสอยเท้าเปล่า' หมอพื้นบ้านตีนเปล่าของมวลชน ต้นตำรับสมุนไพรรักษามะเร็ง ด้วยโรคชราในวัย 83 ปี

อาลัยหมอสอยเท้าเปล่า ‘พ่อหมอสอย เพชรฤทธิ์’ วัย 83 ปี หรือ ‘สหายคำตัน’ หมอพื้นบ้านหนองบัว ตำบลโคกสี อำเภอวังยาง จังหวัดนครพนม ต้นตำรับหมอสมุนไพรรักษาโรคมะเร็ง เรียนวิชาแพทย์แผนจีนยุคคอมมิวนิสต์ เสียชีวิตด้วยโรคชราเมื่อ 24 พ.ย. 65 สุดทึ่งมีเมียถึง 12 คน

วันที่ 25 พ.ย. 65 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครพนมรายงานว่า นับเป็นข่าวเศร้าในวงการแพทย์แผนไทย หลังสูญเสียปราชญ์ชาวบ้าน และเป็นต้นตำรับหมอยาสมุนไพรพื้นบ้าน แพทย์แผนไทยทางเลือกชื่อดัง เจ้าของ ฉายา หมอสอยเท้าเปล่า หรือ พ่อหมอสอย เพชรฤทธิ์ อายุ 83 ปี หมอพื้นบ้านตีนเปล่าของมวลชน แห่งบ้านหนองบัว ต.โคกสี อ.วังยาง จ.นครพนม ที่เสียชีวิตด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา โดยทางครอบครัวได้นำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านพักเลขที่ 13 บ้านหนองบัว ต.โคกสี อ.วังยาง จ.นครพนม กำหนดพิธีฌาปนกิจศพ ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2565 ที่สถานฌาปนกิจศพชั่วคราว ใกล้บ้านพัก

สำหรับ พ่อหมอสอย เพชรฤทธิ์ อายุ 83 ปี หรือสหายคำตัน หมอพื้นบ้านตีนเปล่าของมวลชน แห่งบ้านหนองบัว ต.โคกสี อ.วังยาง จ.นครพนม ถือเป็นอดีตสหายที่เติบโตในยุคคอมมิวนิสต์ในพื้นที่สีแดง อ.นาแก อ.วังยาง และ อ.ปลาปาก จ.นครพนม จึงได้ต่อสู้ในยุคสงครามความแตกแยกทางความคิดระหว่างรัฐกับประชาชน ทำให้พ่อหมอสอยต้องหนีเข้าป่าเพื่อต่อสู้ตามอุดมการณ์ของประชาชน โดยตัดสินใจเดินทางเข้าป่า เมื่อปี 2509 จนกระทั่งออกจากป่าเมื่อปี 2527 รวมระยะเวลาเข้าป่าเกือบ 20 ปี

โดยพ่อหมอสอยเริ่มศึกษาพื้นฐานเรื่องยาสมุนไพรพื้นบ้านจากคุณปู่ มาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ จนกระทั่งอายุประมาณ 17 ปี ได้เข้าป่าร่วมกลุ่มกับพรรคคอมมิวนิสต์หรือสหาย จนได้ฉายาว่าสหายคำตัน และขอไปเรียนการทหารที่ประเทศเวียดนาม 2 ปีแต่ไม่ชอบ จึงขอไปเรียนศึกษาเกี่ยวกับการแพทย์รักษาโรค รวมถึงการใช้สมุนไพรรักษาโรคที่มณฑลยูนนาน กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน รวมระยะเวลากว่า 5 ปี ก่อนกลับมาประเทศไทย และออกจากป่าใช้ชีวิตเป็นเกษตรกร และเป็นหมอสมุนไพรรักษาชาวบ้าน

โดยเริ่มจากการรักษาคนในหมู่บ้าน รวมถึงในพื้นที่ จ.นครพนม จนมีชื่อเสียง และเดินเท้าเปล่าไปรักษาที่พื้นที่จังหวัดใกล้เคียงในภาคอีสาน จนมีชื่อเสียง ในชื่อ หมอพื้นบ้านตีนเปล่าของมวลชน แห่งบ้านหนองบัว เพราะไม่เคยสวมรองเท้า ส่วนการรักษาจะรักษาโรคทั่วไป อาทิ ไข้หวัด ความดัน เบาหวาน โรคผิวหนัง โรคกระเพาะ เป็นต้น ด้วยยาจากสูตรสมุนไพร ไปจนถึงโรคมะเร็ง และมีการศึกษาค้นหาการรักษาโรคมะเร็งให้กับภรรยาของตัวเอง ที่ป่วยจากโรคมะเร็งจนหาย ทำให้มีชื่อเสียงในการรักษาโรคมะเร็ง มีผู้ป่วยเดินทางมารักษา เป็นการรักษาแพทย์ทางเลือก หายป่วยหลายราย จนมีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ

'กรณ์' นำทีม ‘ชาติพัฒนากล้า’ หนุนนักศึกษา เสริมทักษะใหม่สู่โลกเศรษฐกิจอนาคต

(25 พ.ย. 65) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วย นายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคฯ เดินสายพบปะคนรุ่นใหม่ ภายใต้โครงการ My Life My Goal โดยในช่วงเช้า ได้ไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยได้พูดถึงหลัก BANI ของ Jamais Cascio ซึ่งเป็นคลื่นลูกใหม่ ที่เกาะติดมากับ VUCA World ที่ทุกคนรับรู้ดีว่า เป็นโลกแห่งความผันผวน แต่ BANI ซับซ้อนยิ่งกว่า เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผันผวน ไม่แน่นอน มีความสลับซับซ้อน ไม่รู้จะไปในทิศทางไหน ด้วยความเร็วหรือความเร่ง ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจำเป็นต้องเรียนและเข้าใจทั้ง 4 บริบท ได้แก่  Brittle ความเปราะบาง Anxiety โลกที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล Non Linear โลกใหม่ที่มีความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ ไม่เป็นเส้นตรง และ Incomprehensible คือ โลกใหม่ที่เข้าใจยากกว่าเดิม 

ด้านนายวรนัยน์ กล่าวถึง พลังของซอฟท์พาวเวอร์ ว่าเป็นกระบวนการของการเมืองระหว่างประเทศ ที่ต้องเริ่มจากการส่งออกวัฒนธรรมร่วมสมัย หากชาวโลกลุ่มหลง มันก็จะต่อยอดสู่ความเชื่อมั่นในแบรนด์สินค้า และส่งผลให้สถานะของประเทศและอำนาจในการต่อรองบนเวทีโลก เช่น ฮอลลีวู้ด J-Pop K-Pop คือเครื่องมือที่ช่วยให้อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ประสบความสำเร็จบนเวทีโลก ซอฟท์พาวเวอร์ของไทยไม่ใช่ข้าวเหนียวมะม่วง ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์และไม่ใช่บุคคล วันนี้เราต้องรู้ก่อนว่า ชีพจรของชาวโลกต้องการอะไร คำตอบคือ วัฒนธรรม LGBTQ+ ร่วมสมัยของไทย ซึ่งมีศักยภาพอยู่แล้วในการผลิตซีรีส์ วาย และวงดนตรี ที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ ซึ่งสามารถต่อยอดไปถึงแบรนด์เศรษฐกิจโดยเฉพาะอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์และแฟชั่น ซึ่งสามารถนำไปสู่ 'Bangkok Pride Parade' เป็นเทศกาลระดับโลก ต่อยอดไปการท่องเที่ยว และสร้างสถานะของประเทศไทยบนเวทีโลกว่า นี่คือแบบอย่างของประเทศที่ทันสมัยและมีสิทธิเสรีภาพ

‘หน่อง ธนา’ น้ำตาไหล หลังแจ้งเรื่องลาบวช แต่นักข่าวดันโพล่งถาม “นอนๆ คิดอยู่แล้วอยากบวช?”

เมื่อไม่นานนี้ ‘หน่อง ธนา’ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเตรียมอุปสมบทในเดือนหน้า โดยเจ้าตัวกล่าวว่า "เดือนหน้าผมจะบวช แต่อาจจะไม่ได้เชิญสื่อ แม่อยากให้มีแค่คนในครอบครัว ตั้งใจอยากบวชให้แม่ครับ ก็อายุเยอะแล้วด้วย ขออนุญาตไม่แจ้งวัน"

"ตอนนี้ผมค่อนข้างเครียดนิดนึง เพราะว่ามันเป็นการบวชที่ไม่ได้วางแผนเอาไว้มันปุ๊บปั๊บพอสมควร แล้วช่วงนี้ผมรับงานเอาไว้แน่นมาก ฉะนั้นผมเครียด เพราะผมต้องไปวัดด้วยไปท่องบทสวดขออุปสมบทด้วย บางงานผมก็ต้องขอยกเลิกเพราะว่างานมันแน่นจริง ๆ เพราะผมต้องมีวันที่ต้องไปวัดด้วย แม่ก็ดีใจครับ เพราะก่อนหน้านี้ผมผลัดมาตลอด แต่พอตอนนี้มันมีความรู้สึกอยากบวชก็เลยตัดสินใจบวชเลย"

ปตท.ทูลเกล้าฯ ถวายแจกันดอกไม้-ลงนามถวายพระพร กรมสมเด็จพระเทพฯ

เมื่อเร็วๆ นี้ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมผู้บริหาร ปตท. ร่วมทูลเกล้าฯ ถวายแจกันดอกไม้และลงนามถวายพระพรแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

คอหวยไม่พลาด!! แห่ส่องเลขทะเบียนรถ 'ลุงตู่' หลังลงพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์

เมื่อเวลา 11.55 น.ที่ จ.เพชรบูรณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมด้วย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานเพชรบูรณ์ ต.ลานบ่า อ.หล่มสัก โดยมี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และนายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี รอให้การต้อนรับ

กองสลากฯ ปลดล็อก!! ถูกรางวัลสลากดิจิทัล โอนเงินเข้าบัญชีทุกธนาคารได้ เริ่มงวด 16 ธ.ค.นี้

(24 พ.ย. 65) พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ในงวดวันที่ 16 ธันวาคม 2565 เป็นต้นไป ผู้ถูกรางวัลสลากดิจิทัล ที่เลือกรับเงินรางวัลผ่านแอปฯ เป๋าตัง สามารถที่จะให้โอนเงินรางวัลเข้าบัญชีใดๆ ของทุกธนาคารได้แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องรับเงินรางวัลผ่านธนาคารกรุงไทยเท่านั้น และในอนาคตอันใกล้ หากผู้ถูกรางวัลที่ยังไม่ได้ทำรายการเลือกรับเงินรางวัล ภายในงวดนั้นๆ หากพ้น 15 วันไปแล้ว ระบบจะโอนเงินรางวัลเข้าบัญชีธนาคารของผู้ถูกรางวัลโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ซื้อสลากดิจิทัล ให้สามารถรับเงินรางวัลเข้าบัญชีต่างๆ ได้ทุกธนาคารไม่จำเป็นต้องมีเฉพาะบัญชีธนาคารกรุงไทยที่ผูกไว้เพียงอย่างเดียว

ปัจจุบันประชาชนสามารถซื้อสลากได้ทุกหมายเลขที่ต้องการ ในราคา 80 บาท หรือต่ำกว่า 80 บาท ผ่านแอปฯ เป๋าตัง งวดละ 16 ล้านฉบับ และจุดจำหน่ายสลาก 80 กระจายอยู่ทั่วประเทศอีก 1,047 จุด รวมมีสลากที่จำหน่ายไม่เกิน 80 บาท ตามราคาที่กำหนดอย่างน้อย 18.5 ล้านฉบับ ในขณะเดียวกัน ยังคงเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบการจำหน่ายสลากของตัวแทนจำหน่ายและผู้ซื้อจองฯ ล่วงหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำสลากไปจำหน่ายต่อให้กับแพลตฟอร์มเอกชนต่างๆ หรือไม่ได้จำหน่ายด้วยตนเอง ซึ่งจะมีการตรวจสอบสลากที่ถูกรางวัลจากการที่นำสลากนั้นมาขึ้นเงินรางวัล หากพบว่าเป็นสลากของตัวแทนจำหน่าย หรือผู้ซื้อจองรายใด จะใช้มาตรการเด็ดขาดในการดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบการจำหน่ายสลาก รวมถึงการเบิกสลากที่ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจำหน่ายสลากของสมาคม องค์กร ให้เป็นไปตามเงื่อนไขหลักเกณฑ์อย่างเคร่งครัด

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ประชุมมอบนโยบาย ศูนย์ปราบปรามหนี้นอกระบบฯ เน้นรับแจ้งเหตุให้ทั่วถึงและขยายผลจับกุมให้หมดสิ้น

วันนี้ (24 พ.ค.65) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) ได้เป็นประธานในการประชุมมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติให้กับชุดปฏิบัติการ ศปน.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปน.ตร. และ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปน.ตร. ณ ห้องประชุมแจ้งยอดสุข อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้กำชับให้ชุดปฏิบัติการ ศปน.ตร. ให้ความสำคัญกับข้อมูลการกระทำผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ซึ่งปัจจุบันเปิดรับ 2 ช่องทาง ได้แก่ สายด่วน 1599 หรือสามารถแจ้งความได้ตามสถานีตำรวจทุกท้องที่ทั่วประเทศ โดยได้สั่งการให้มีการประสานการปฏิบัติกันระหว่างฝ่ายรับแจ้งเหตุ ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายสอบสวน ให้ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ และมีการรายงานผลการปฏิบัติให้ผู้บังคับบัญชาทราบเป็นระยะอย่างใกล้ชิด และยังได้สำรวจคดีที่เกี่ยวข้องกับหนี้นอกระบบทั้งหมด เพื่อเร่งรัดให้เสร็จสิ้นตามกรอบเวลา รวมทั้งได้กำหนดตัวชี้วัดและแนวทางการปฏิบัติเพื่อใช้วัดผลการปฏิบัติให้เห็นความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ประกอบไปด้วยมาตรการการรับแจ้งเหตุ การปราบปราม และการเพิ่มประสิทธิภาพในการอำนวยความยุติธรรมทางอาญา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top