Monday, 7 July 2025
NEWS FEED

ผบ.ตร. ตรวจเยี่ยมหน่วยกองปราบ มอบรางวัลชุดหนุมานเป็นขวัญกำลังใจ

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 65 เวลา 15.00 น. ที่ กองบังคับการปราบปราม  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เดินทางมาตรวจเยี่ยมหน่วยกองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) เพื่อชมบรรยายสรุปภารกิจและผลการปฏิบัติของหน่วย และเข้าชมการสาธิตหลักยุทธวิธีชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน พร้อมมอบรางวัลตามโครงการ 'ทำดี มีรางวัล' แก่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานทั้ง 34 นายโดยมี พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และผู้บังคับบัญชาให้การต้อนรับ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า วันนี้ตนได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมหน่วยและมอบรางวัลเป็นขวัญกำลังใจให้แก่กำลังพลจากการปฏิบัติหน้าที่ในหลายภารกิจที่ผ่านมาและสืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวเข้าจับกุมผู้ต้องหารายหนึ่ง ซึ่งเป็นบุคคลมีหมายจับเกี่ยวข้องกับยาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคอีสาน แต่ผู้ต้องหาทำการขัดขืนและได้ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้เพื่อเปิดทางหลบหนีถึง 2 ครั้ง เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงได้รับบาดเจ็บจำนวน 1 นาย และทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนและถอดบทเรียน แผนประทุษกรรมการก่อเหตุอย่างละเอียด และวางแผนการเข้าจับกุมอย่างรัดกุมจนกระทั่ง เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 65 ชุดปฏิบัติการและชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน ได้เข้าปฏิบัติการในพื้นที่อำเภอเขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น โดยได้วางกำลังเข้าปิดล้อมแต่ผู้ต้องหาได้ทำการยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำการหลบหนี ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานจึงได้ปฏิบัติการตามหลักยุทธวิธีสากลจนสามารถบรรลุภารกิจ

เด็กชาวเลปาดน้ำตา ต่อหน้า เลขาฯ ธัชชญาณ์ณัช ติดตามกรณีชุมชนชาวเลหลีเป๊ะได้รับความเดือดร้อนจากการปิดกั้นทางสัญจรบนเกาะโดยด่วน

วันนี้ 15 ธันวาคม 2565 เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบและมีความกังวลถึงความเดือดร้อนข้อพิพาทกรณีที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะตามที่เป็นข่าว จึงมีบัญชา ผ่านพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เพื่อติดตามการแก้ปัญหาปิดกั้นทางสัญจรสาธารณประโยชน์ชุมชนชาวหลีเป๊ะ จ.สตูลอย่างเร่งด่วน ซึ่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้มีกำหนดลงพื้นที่ในระหว่างวันที่ 14-15 ธันวาคม 2565

โดยเมื่อวานนี้วันนี้ 14 ธันวาคม 2565 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐ ได้มอบหมายให้ นายธัชชญาณ์ณัช เจียรนัทกานนท์ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย) พร้อมด้วยนายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้ช่วยปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ชุมชนชาวเลหลีเป๊ะ เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล เพื่อติดตามและรับฟังข้อมูลข้อเท็จจริงจากราษฎรในพื้นที่และผู้แทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม กรณีการปิดกั้นเส้นทางสัญจรสาธารณประโยชน์ชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการปิดกั้นทางสัญจรในชุมชน ที่ชาวบ้านใช้สำหรับเดินทางไปโรงเรียน โรงพยาบาล สุสาน รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวสัญจรของนักท่องเที่ยว จากการลงพื้นที่ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนของกลุ่มชาวเลหลีเป๊ะ และได้เข้าติดตามบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงได้เข้าพบเด็กนักเรียนและผู้ปกครองของโรงเรียนเกาะหลีเป๊ะ ในการนี้ เลขานุการรัฐมนตรีประจำนำนักนายกรัฐมนตรี ได้รวบรวมประเด็นปัญหา ข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน เพื่อนำเสนอรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นข้อมูลประกอบการลงพื้นที่ด้วยตนเองในวันนี้ 15 ธันวาคม 2565

ผบ.ตร. เปิดโครงการอบรมวิทยากรเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมและใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ ให้ตำรวจครูแม่ไก่นำไปถ่ายทอดสู่ประชาชนทั่วประเทศ ลดความขัดแย้งในสังคม

วันนี้ (15 ธ.ค. 65) ที่ เวลา 09.00 น. ที่ สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เป็นประธานในพิธี เปิดอบรม 'โครงการอบรมวิทยากรเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม และการใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ รุ่นที่ 1' โดยมี พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท. วีระ จิรวีระ รอง จตช. พล.ต.ท.อภิชาติ เพชรประสิทธิ์ ผบช.ส. พล.ต.ท.ตรีทศ รณฤทธิวิชัย สมาชิกวุฒิสภา/อดีต ผบช.ส. พร้อมด้วย ข้าราชการตำรวจผู้เข้ารับการอบรมจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 1 ตำรวจ ตชด. และตำรวจสันติบาล จำนวน 484 นาย เข้าร่วมพิธีฯ

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ กล่าวว่า “ปัจจุบันสภาพสังคมมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรม วิถีการดำเนินชีวิต นำมาซึ่งความขัดแย้งของประชาชน ส่งผลต่อทัศนคติของคนในสังคมที่มีต่อสถาบันหลักของประเทศ ซึ่งอาจจะขยายไปสู่ความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม ปรับทัศนคติ พัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ให้กับนักเรียน เยาวชนและประชาชน 

ราชภัฏฉะเชิงเทรา ทำพิธีลงนาม MOU ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายโครงการ 'การพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล' อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

เวลา 09.00 น. วันที่ 15 ธันวาคม 2565 ที่ห้องโชคอนันต์ อาคารเรียนรวมและอำนวยการ มหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ ได้จัดพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการวิจัยระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ กับ ภาคีเครือข่ายโครงการ "การพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนรองรับการเปลี่ยนแปลงและวิกฤติด้านเศรษฐกิจ" โดยมีนายณัฐพงษ์ สงวนจิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานในพิธีลงนาม ร่วมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร. ดวงพร ภู่ผะกา รักษาราชการอธิการบดี ม.ราชภัฏราชนครินทร์ /ภาคีเครือข่ายโครงการ / ผู้บริหาร หัวหน้าส่วน และสื่อมวลชน เข้าร่วมในพิธี

สำหรับพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการวิจัยระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ กับ ภาคีเครือข่าย โครงการ "การพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนรองรับการเปลี่ยนแปลงและวิกฤติด้านเศรษฐกิจ" ในวันนี้เกิดขึ้น เนื่องจากมหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ ได้รับทุนการดำเนินโครงการวิจัย จากสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) โดย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ ภายใต้แผนงานการพัฒนาพื้นที่ด้วยองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัย โปรแกรมที่ 17 การแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศ แพลตฟอร์ม 4 การวิจัยและสร้างนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่และลดความเหลื่อมล้ำ โครงการวิจัย "การพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนรองรับการเปลี่ยนแปลงและวิกฤตด้านเศรษฐกิจ" มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทราโดยการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย / เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและรายได้จากการเพาะเลี้ยงปูทะเลในพื้นที่อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา / เพื่อบูรณาการการมีส่วนร่วมของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการพัฒนาตัวแบบเชิงธุรกิจปูทะเล และเพื่อส่งเสริมปูทะเลให้เป็นสินค้าเศรษฐกิจใหม่ของจังหวัดฉะเชิงเทราสนับสนุนการสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน

นายกฯ ไทย - ฮังการี พร้อมสานต่อความร่วมมือรอบด้าน ส่งเสริมการค้าการลงทุน พัฒนาธุรกิจด้านการเกษตร การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ

เมื่อเวลา 17.45 น. วันที่ 14 ธ.ค.(เวลาท้องถิ่นกรุงบรัสเซลส์ซึ่งช้ากว่าเวลาที่กรุงเทพฯ 6 ชั่วโมง) ที่อาคาร Europa กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยี่ยม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หารือทวิภาคีกับนายวิคเตอร์ ออร์บาน (H.E. Mr. Viktor Orbán) นายกรัฐมนตรีฮังการี ในโอกาสเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน - สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน - สหภาพยุโรป

นายกรัฐมนตรี กล่าวยินดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฮังการีราบรื่นมาโดยตลอด และจะครบรอบ 50 ปี ในปี 2566 โดยขอบคุณรัฐบาลฮังการีที่ให้การสนับสนุนประเทศไทยในกรอบสหภาพยุโรปมาโดยตลอด โดยเฉพาะการเจรจาความตกลง PCA ระหว่างไทยกับ EU จนทำให้สามารถลงนามได้ ซึ่งไทยพร้อมที่จะสนับสนุนฮังการีในเวทีระหว่างประเทศในประเด็นที่ฮังการีให้ความสำคัญ โดยเฉพาะค่านิยมการยึดครอบครัวเป็นศูนย์กลาง พร้อมกันนี้ พร้อมร่วมมือกับฮังการีในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพ เช่น ด้านการสาธารณสุข การพัฒนาประเทศในยุคหลังโควิด-19 การค้าการลงทุน การศึกษา

ด้านนายกรัฐมนตรีฮังการี กล่าวยินดีที่ได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรีไทย ชื่นชมความสัมพันธ์ไทย-ฮังการี ที่เป็นไปอย่างแน่นแฟ้น และเชื่อมั่นว่าไทยและฮังการีจะสามารถต่อยอดความร่วมมือในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพได้อีกมาก ชื่นชมพัฒนาการของไทย ตลอดจนบทบาทของไทยในเวทีระหว่างประเทศในช่วงเวลาที่ผ่านมา ที่เป็นไปอย่างกระตือรือร้น และสร้างสรรค์

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงประเด็นต่าง ๆ ที่สำคัญ อาทิ ด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ความร่วมมือครอบคลุมสาขาที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน โดยมีกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญ ได้แก่ คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำ คณะทำงานร่วมด้านเกษตร คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อว่า กลไกดังกล่าวจะช่วยขับเคลื่อนประเทศสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและการเจริญเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยไทยยินดีที่จะเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญกับฮังการีในบริบทดังกล่าว

รองนายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามโครงการขุดลอกแหล่งน้ำหนองแวง จังหวัดร้อยเอ็ด

เมื่อข่วงหัวค่ำวานนี้ ( 14 ธันวาคม 2565 )เวลา 17.00 น. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามโครงการขุดลอกแหล่งน้ำหนองแวง ตำบลสะอาดสมบูรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ,นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ,นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และคณะ พร้อมด้วย นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และพี่น้องประชาชน ร่วมต้อนรับอย่างอบอุ่น 

ด้วยการปรับปรุงโครงการขุดลอกแหล่งน้ำหนองแวง ได้สั่งการให้ หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 54 และกรมทรัพยากรน้ำ เป็นหน่วยดำเนินการขุดลอก ซึ่งมีงบประมาณ 3,064,100 บาท ซึ่งโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองแวง มีขนาดพื้นที่ประมาณ 76 ไร่ เป็นแหล่งน้ำสำคัญที่ราษฎร ในพื้นที่ใช้ในการอุปโภค - บริโภค และด้านการเกษตร ซึ่งก่อนดำเนินการขุดลอกมีสภาพตื้นเขิน ไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งได้ จึงมีความจำเป็นต้องทำการขุดลอก เพื่อฟื้นฟูให้สามารถใช้ประโยชน์ และแก้ปัญหาความเดือดร้อนด้านน้ำของราษฎรในพื้นที่ ซึ่งประชาชนที่ได้รับจากการขุดลอกแหล่งน้ำหนองแวง จะจำนวน 441 ครัวเรือน ประชากร 1,576 คน พื้นที่การเกษตรซึ่งส่วนใหญ่เป็นนาข้าว ประมาณ 1,000 ไร่ อีกทั้งยังเป็นแหล่งน้ำสำรองในการผลิตน้ำประหมู่บ้านต่อไป

สุดประทับใจ!!! ครอบครัวและญาติผู้ป่วยวิกฤติสมองตาย ยินยอมบริจาคอวัยวะหัวใจ ตับ ไต ดวงตา ให้สภากาชาดไทยนำไปใช้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. เพจเฟซบุ๊ก โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ เผยแพร่เรื่องราวสุดประทับใจแห่งปี 2565 หนึ่งชีวิตต่อลมหายใจ สร้างกุศลที่ยิ่งใหญ่ มอบอวัยวะให้กับอีก 6 ชีวิตให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น บริจาคอวัยวะประกอบด้วย หัวใจ, ตับ ,ไต 2 ข้าง ตับอ่อน และดวงตา 2 ข้าง เป็นกรณีตัวอย่าง ผู้ป่วยชายอายุ 28 ปี ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ได้รับบาดเจ็บทางสมองอย่างรุนแรง ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ทีมศัลยแพทย์ระบบประสาทและสมอง ได้พยายามดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มที่ รักษาโดยการผ่าตัดสมอง ดูแลในหอผู้ป่วยวิกฤติ แต่ไม่อาจรักษาให้สมองกลับฟื้นคืนมาได้ อยู่ในภาวะสมองตาย แต่สมรรถภาพของหัวใจ และอวัยวะอื่นๆ ดีมาก ทีมพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยได้ปรึกษาหารือกับบิดา มารดา และญาติผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ถึงแนวทางการรักษา และโอกาสที่สมองจะกลับฟื้นคืนมามีน้อยมาก จึงได้ขอรับบริจาคอวัยวะให้กับศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่รอคอยการปลูกถ่ายอวัยวะ

กรมการแพทย์แผนไทยฯ จับมือ อบจ. เร่งพัฒนาระบบบริการการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ระดับปฐมภูมิ เน้นใช้สมุนไพร กัญชา กัญชง ทางการแพทย์แบบบูรณาการ ปี 66 เดินหน้า รพ.สต.กว่า 2,000 แห่ง ทั่วประเทศ

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข จับมือ องค์การบริหารส่วนจังหวัด พัฒนาระบบบริการการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ระดับปฐมภูมิ เพื่อให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล หรือ รพ.สต. ทั่วประเทศกว่า 2,000 แห่ง ใช้สมุนไพร กัญชา และกัญชง เพื่อเป็นทางเลือกในการดูแลผู้ป่วย และ ประชาชน ในชุมชนให้มีสุขภาพดี ตามนโยบายการแพทย์แบบบูรณาการ ปี 2566

วันนี้ 14 ธันวาคม 2565 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร นายแพทย์ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมและพัฒนาศักยภาพองค์การบริหารส่วนจังหวัด ด้านการแพทย์แผนไทยการแพทย์ทางเลือกและการใช้สมุนไพรทางการแพทย์แบบบูรณาการ โดยมี นายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี และ นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย ผู้บริหาร บุคลากรกระทรวงสาธารณสุข และบุคลากรองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศ ได้ร่วมจัดงานในครั้งนี้ เพื่อให้ผู้บริหาร บุคลากรด้านสาธารณสุขและผู้ที่เกี่ยวข้องที่ปฏิบัติงานในองค์การบริหารส่วนจังหวัด มีความรู้ ความเข้าใจ ในด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือก และสามารถใช้กัญชาทางการแพทย์แบบบูรณาการ ในการดูแลผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้เข้าร่วมสัมมนาวิชาการในครั้งนี้ ประกอบด้วย ผู้บริหาร บุคลากร โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) 49 จังหวัด ที่ได้รับการถ่ายโอนไปสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด และบุคลากรจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 76 จังหวัด จำนวน 500 คน โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 – 15 ธันวาคม 2565 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร

นายแพทย์ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบาย มุ่งกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น ได้ออกประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรื่องหลักเกณฑ์และขั้นตอนการถ่ายโอนภารกิจสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน และให้สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติฯและ รพ.สต. สามารถตอบสนอง ความต้องการทางด้านสุขภาพของประชาชนในท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง ซึ่งข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2551จนถึงปัจจุบัน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการถ่ายโอนภารกิจสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติฯ และ รพ.สต. รวมแล้ว 3,263 แห่ง จากจำนวนทั้งสิ้น 9,787 แห่งทั่วประเทศ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเร่งรัดการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดทิศทางการให้บริการภายใต้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สร้างหลักประกันความต่อเนื่องของบริการ รวมถึงพัฒนาคุณภาพของการบริการสุขภาพในระดับปฐมภูมิที่สอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่อย่างแท้จริง กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เร่งเดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินงาน ปีงบประมาณ พ.ศ.2566 นี้ 3 ประเด็นหลัก คือ ประชาชนเชื่อมั่น เน้นให้ประชาชนดูแลตนเองเมื่อเจ็บป่วยด้วยยาสมุนไพรเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 บริการเป็นเลิศ ประชาชนสามารถเลือกใช้บริการแพทย์แผนไทย แพทย์ทางเลือก เมื่อเจ็บป่วยเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 5 และ ภูมิปัญญาสร้างคุณค่า คือ มูลค่าการบริโภคสมุนไพรในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 ล้านบาท

‘กรุงเทพธนาคม’ วอน BTS หยุดทวงหนี้ค่าจ้างเดินรถผ่านสื่อ ชี้!! กระบวนการยังอยู่ในขั้นตอนศาลพิจารณา

‘กรุงเทพธนาคม’ แจงปมหนี้เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ขอ BTS หยุดทวงหนี้ค่าจ้างเดินรถผ่านสื่อ ชี้กระบวนการอยู่ในขั้นตอนศาลพิจารณา พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เร่งแก้ปัญหาหาข้อสรุปโดยเร็ว

(14 ธ.ค. 65) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประแสง มงคลศิริ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เปิดเผยถึงกรณีคดีค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ส่วนต่อขยาย) ว่า กรณีผู้รับจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ได้ประกาศทวงหนี้ตามสัญญาค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ผ่านสื่อต่างๆ หลายครั้งและหลายรูปแบบ

ข้อเท็จจริง คือ ผู้รับจ้างเดินรถได้ใช้สิทธิฟ้อง กทม.และบริษัท ต่อศาลปกครองมาตั้งแต่ปี 2564 เมื่อผู้บริหารชุดปัจจุบันเข้ามาทำหน้าที่ ได้รีบยื่นคำร้องต่อศาลขอขยายระยะเวลาส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อต่อสู้คดีในหลายประเด็นอย่างเต็มที่ แต่ศาลยืนยันว่าสิ้นสุดระยะเวลาส่งเอกสารหลักฐานแล้ว จึงปฏิเสธไม่รับเอกสารหลักฐานเข้าสู่สำนวนเพิ่มเติม ทั้งนี้ศาลชั้นต้นก็กรุณามีคำแนะนำให้คู่ความ 2 ฝ่ายเจรจาไกล่เกลี่ยกัน แต่ผู้รับจ้างเดินรถยืนยันต่อศาลว่าจะไม่เจรจาไกล่เกลี่ย ซึ่งก็เป็นสิทธิโดยชอบ

ต่อมาศาลได้นัดฟังคำพิพากษาเมื่อวันที่ 7 ก.ย 2565 โดยมีคำตัดสินให้บริษัทแพ้คดีในศาลชั้นต้น บริษัทจึงต้องรีบยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนด 30 วันพร้อมกับส่งเอกสารหลักฐานใหม่ในวันที่ 5 ต.ค.2565 และชำระค่าธรรมเนียมตามระเบียบอุทธรณ์คดี คดีพิพาทนี้จึงอยู่ระหว่างการพิจารณาอุทธรณ์ในศาลสูงสุด

การที่บริษัทอุทธรณ์ต่อสู้คดีไปสู่ชั้นศาลสูงสุดนั้น ถือว่าได้ใช้สิทธิโดยชอบเสมอกัน มีผลให้ทั้ง 2 ฝ่ายต้องรอฟังคำสั่งของศาลสูงสุดที่จะให้ความยุติธรรม บริษัทจึงไม่เคยคิดจะนำเนื้อหาคดีไปจัดทำสื่อเผยแพร่สร้างกระแสต่อสังคมหวังกดดันผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย บริษัทไม่เคยนำประเด็นคดีไปจัดอีเวนต์บรรยายฟ้องศาลท้าวมหาพรหมตามความเชื่อส่วนบุคคลให้เป็นกระแสข่าว ทั้งนี้เพราะบริษัทมีความเชื่อมั่นกระบวนการศาลที่ผู้รับจ้างเดินรถเป็นผู้เลือกดำเนินการมาตั้งแต่ต้น

ย้อนอดีตสตาร์อาภัพ ผู้พลาดแชมป์บอลโลก ฤๅ ‘เมสซี’ จะก้าวผ่านหรือเจ็บซ้ำรอยอีกหน

(14 ธ.ค. 65) หลังฟุตบอลโลก 2022 ผ่านพ้นมาจนถึงโค้งสุดท้ายแล้ว ก็คงได้เห็นหน้าตาทีมชาติที่ผ่านเข้ารอบมาแบบไม่มีข้อกังขาใดๆ ยิ่งเมื่อคืน (13 ธ.ค. 65) กับอีกคู่คำสำคัญในการโคจรมาเจอกันระหว่างทีมชาติอาร์เจนตินา ที่มีดาวเด่นอย่าง ลิโอเนล เมสซี กับทีมชาติโครเอเชีย ที่ทัวร์นาเมนต์นี้ทำผลงานเข้าตาแถมนายประตูก็เหนียวราวกับตุ๊กแก แต่สุดท้ายผลการแข่งขันก็เป็นทีมอาร์เจนตินาที่เป็นฝ่ายคว้าชัย เข้ารอบรอลุ้นในรอบตัดเชือก (ไม่รู้ว่าจะได้เจอฝรั่งเศสหรือโมร็อกโก) 

แต่ก่อนที่จะไปลุ้นว่าใครจะได้แชมป์ฟุตบอลโลกในหนนี้ ก็อยากชวนย้อนอดีตถึงเหล่าดาวเด่นที่เคยมีโอกาสคว้า ‘เวิลด์คัพ โทรฟี่’ แต่สุดท้ายก็คว้าได้เพียงความฝัน

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมนักวิชาการ นักเคลื่อนไหวทางสังคม และอาจารย์ ได้แสดงความคิดเห็นไว้ในคลิปวิดีโอ ที่เผยแพร่ทางช่องยูทูบ ‘Suriyasai Channel’ ชื่อว่า ‘เหลียวหลังแลหน้าซุปตาร์ผู้ผิดหวัง ในมหกรรมบอลโลก’ ความว่า…

ย้อนกลับไปเกือบ ๆ 50 ปีที่แล้ว ในปี 1974 ตอนนั้นไม่มีใครไม่รู้จัก ‘โยฮัน ไกรฟฟ์’ เจ้าของฉายานักเตะเทวดา เป็นศูนย์หน้าของเนเธอแลนด์ แต่เขาไม่สามารถพาทีมชาติเนเธอร์แลนด์คว้าแชมป์ในฟุตบอลโลกในปี 1974 ได้ ทั้งๆ ที่เป็นซูเปอร์สตาร์ที่ทุกคนยอมรับในฝีมือ โดยพ่ายแพ้ให้เยอรมัน และได้เป็นเพียงแค่รองแชมป์เท่านั้น เรียกว่าไปไม่ถึงฝัน

แต่ตำนานนักเตะของเนเธอร์แลนด์ไม่ได้มีแค่ ‘โยฮัน ไกรฟฟ์’ เท่านั้น เพราะหลังจากนั้นก็มีนักเตะดาวรุ่นอีก 3 คน หรือเรียกว่า 3 ทหารเสือ ประกอบด้วย มาร์โก แวน บาสเท่น, แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด และรุด กุลลิท ยุคนั้นเรียกว่ายุคอัศวินสีส้ม และเป็นยุคที่สามารถวิ่งสลับตำแหน่งกันได้ แต่ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาไว้ได้ 

ต่อมาคือ ‘โรแบร์โต บัจโจ’ เป็นกำลังหลักของทีมอิตาลี แต่มาไกลสุดได้แค่รองแชมป์ฟุตบอลโลก เพราะในรอบชิงพ่ายแพ้ให้แก่ทีมชาติบราซิล ซึ่งผลงานที่แฟนบอลจำไม่ลืมคือการยิงจุดโทษข้ามคาน ทำให้ ‘โรแบร์โต บัจโจ’ และทีมชาติอิตาลีไปไม่ถึงฝัน

คนถัดมา คนนี้พิเศษกว่าคนอื่น ๆ เพราะเขามีตำแหน่งเป็นนายทวารและเป็นกัปตันทีมของเยอรมัน ‘โอลิเวอร์ คาห์น’ เตะบอลในนามทีมชาติราว ๆ 15 ปี แต่ไม่เคยเข้าถึงแชมป์ฟุตบอลโลกได้สักครั้ง เพราะในปีที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพ เขาพ่ายแพ้ให้กับทีมชาติบราซิลไปอย่างน่าเสียดาย แต่ถึงอย่างไร ฝีมือและผลงานก็จัดอยู่ในขั้นซูเปอร์สตาร์ของโลกฟุตบอล


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top