Sunday, 20 April 2025
ภาษีทรัมป์

‘ไล่ ชิงเต๋อ’ ปธน.ไต้หวัน ย้ำไม่ตอบโต้ภาษีทรัมป์ 32% ชู 5 แนวทางรับมือ ยึดผลประโยชน์ชาติเป็นหลัก

(8 เม.ย. 68) ประธานาธิบดีไต้หวัน นายไล่ ชิงเต๋อ ได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อประชาชนผ่านวิดีโอในวันนี้ ภายหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ประกาศมาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไต้หวันในอัตรา 32% ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนในภาคเศรษฐกิจและการค้าในภูมิภาค

ในการแถลงดังกล่าว นายไล่ ชิงเต๋อ ยืนยันว่า ไต้หวันจะไม่ตอบโต้ด้วยการใช้มาตรการเก็บภาษีศุลกากรใดๆ โดยระบุว่า “ไต้หวันจะไม่เลือกเดินในเส้นทางของความขัดแย้งทางเศรษฐกิจ แต่จะใช้สติปัญญาและการเจรจาเพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดของชาติ”

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีไต้หวันได้เสนอแนวทางรับมือสถานการณ์นี้ 5 ประการ ได้แก่
1.เจรจาปรับปรุงอัตราภาษีและจัดตั้งทีมระดับสูง 
2.การเปิดตัวโครงการสนับสนุนอุตสาหกรรม โดยให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้รับความสำคัญเป็นพิเศษ
3.เปิดตัวแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะกลางถึงระยะยาวและสร้างเกาะอัจฉริยะ AI
4.การกำหนดรูปแบบเศรษฐกิจใหม่แบบ “ไต้หวัน + 1” และการเสริมสร้างความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกา 
5.เปิดตัว “Industry Listening Tour” เพื่อรับฟังเสียงจากผู้ประกอบการ

นอกจากนี้ นายไล่ ชิงเต๋อยังกล่าวเน้นว่า พันธกรณีด้านการลงทุนของบริษัทไต้หวันในสหรัฐฯ จะยังคงดำเนินต่อไป “ตราบใดที่การลงทุนเหล่านั้นยังสอดคล้องกับผลประโยชน์ของชาติและประชาชนของเรา”

ทั้งนี้ คำแถลงของประธานาธิบดีไต้หวันในวันนี้สะท้อนถึงความพยายามในการรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น และเป็นสัญญาณถึงจุดยืนเชิงบวกของรัฐบาลไต้หวันต่อประชาคมโลกในยามวิกฤต

“เรามาทำงานร่วมกันเถอะ!” ไหลชิงเต้กล่าวคำร้องขอจากใจจริงต่อประชาชน โดยหวังว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะไม่เพียงแต่เป็นจุดเริ่มต้นของความท้าทายเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจของไต้หวันอีกด้วย

โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศชะลอเก็บภาษี 90 วัน ยกเว้นจีน ทำตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดีดแรงที่สุดในรอบปี

(10 เม.ย. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศระงับการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับประเทศคู่ค้าต่างๆ เป็นเวลา 90 วัน โดยมีผลบังคับใช้ในทันที ยกเว้น สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งยังคงเผชิญกับอัตราภาษีนำเข้าสูงถึง 125% ตามมาตรการที่สหรัฐฯ เพิ่งประกาศไปเมื่อไม่นานนี้

“จากการขาดความเคารพที่จีนมีต่อตลาดโลก ผมจึงขอปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% โดยจะมีผลทันที” ทรัมป์โพสต์บนโซเชียลมีเดีย “ในอนาคตอันใกล้นี้ จีนจะตระหนักว่าการเอาเปรียบสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ นั้นไม่ยั่งยืนหรือเป็นที่ยอมรับได้อีกต่อไป”

การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากภาคธุรกิจและพันธมิตรทางการค้า ที่กังวลว่าการตอบโต้ทางภาษีอย่างต่อเนื่องจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลกและห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ โดยสหรัฐฯ ระบุว่าการระงับชั่วคราวครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเปิดทางให้เกิด “กระบวนการเจรจาอย่างสร้างสรรค์” กับพันธมิตรที่ได้รับผลกระทบ

“เราต้องการโอกาสให้ประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการค้ากับเราสามารถหารือร่วมกันเพื่อแก้ไขความไม่สมดุล โดยไม่ต้องมีแรงกดดันจากมาตรการภาษีในทันที” ทรัมป์กล่าวในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว

อย่างไรก็ตาม จีนยังคงถูกแยกออกจากการผ่อนปรนดังกล่าว โดยทำเนียบขาวระบุว่า จีนยังไม่แสดงความตั้งใจในการแก้ไขพฤติกรรมทางการค้าที่สหรัฐฯ มองว่า “ไม่เป็นธรรม” ซึ่งรวมถึงการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ จาก 34% เป็น 84% ในการตอบโต้ล่าสุด

ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวหลังการประกาศดังกล่าวว่า “ยังไม่มีอะไรจบลง แต่เรามีความศรัทธาอย่างล้นหลามจากประเทศอื่นๆ รวมถึงจีนด้วย จีนต้องการทำข้อตกลง แต่พวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร”

นักวิเคราะห์มองว่าการยกเว้นจีนจากมาตรการผ่อนปรนนี้สะท้อนถึงแนวทางแข็งกร้าวที่รัฐบาลทรัมป์ใช้ในการเจรจาการค้ากับปักกิ่ง และอาจส่งผลให้ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศมหาอำนาจยังคงดำเนินต่อไป

ขณะที่ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่งแรงในวันพุธ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศระงับการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) เป็นเวลา 90 วัน ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศพันธมิตร

ดัชนี ดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average) ปิดที่ 40,608.45 จุด เพิ่มขึ้นถึง 2,962.86 จุด หรือ +7.87% ถือเป็นการปรับตัวขึ้นรายวันที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบหลายเดือน

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,456.90 จุด เพิ่มขึ้น 474.13 จุด หรือ +9.52% ขณะที่ดัชนี Nasdaq Composite ซึ่งมีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นหลัก ปิดที่ 17,124.97 จุด พุ่งขึ้น 1,857.06 จุด หรือ +12.16% นับเป็นหนึ่งในวันที่ดีที่สุดของ Nasdaq ในรอบปี

นักลงทุนทั่วโลกตอบรับเชิงบวกต่อท่าทีผ่อนปรนของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะการยกเว้นประเทศคู่ค้าสำคัญจากมาตรการภาษีเป็นการชั่วคราว แม้ว่าจีนจะยังคงถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าระดับสูงถึง 125% ก็ตาม

“นี่เป็นสัญญาณว่าเส้นทางของการเผชิญหน้าทางการค้าอาจเปลี่ยนแปลงไปได้ หากมีพื้นที่ให้เจรจา” นักวิเคราะห์จากบริษัทการเงินแห่งหนึ่งในนิวยอร์กกล่าว

‘ไล่ ชิงเต๋อ’ เผยไต้หวันอยู่ในกลุ่มเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ล็อตแรก ภาคธุรกิจชู ‘เราจะเป็นพันธมิตรที่ดี’ หวังขยายตลาดในอเมริกา

(11 เม.ย. 68) ไล่ ชิงเต๋อ ประธานาธิบดีไต้หวัน เปิดเผยระหว่างการพบปะผู้นำภาคธุรกิจว่า ไต้หวันได้รับการจัดให้อยู่ใน 'กลุ่มแรก' ที่จะได้เปิดเจรจาด้านมาตรการภาษีกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า

“เราอยู่ในกลุ่มเจรจากลุ่มแรก และรัฐบาลจะเตรียมความพร้อมเป็นอย่างดี” ประธานาธิบดีไต้หวันกล่าว พร้อมเน้นย้ำว่าการหารือครั้งนี้เป็นโอกาสทองสำหรับไต้หวันในการสร้างความใกล้ชิดกับเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลก

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 9 เมษายน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ประกาศระงับการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) เป็นเวลา 90 วัน ซึ่งรวมถึงไต้หวันที่ก่อนหน้านี้ต้องเผชิญภาษีนำเข้าสูงถึง 32%

ขณะเดียวกัน เดวิด ชวง (David Chuang) ประธานสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลไต้หวัน (TAMI) กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมเครื่องจักรของไต้หวันจะร่วมมือกับรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาด้านการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการ 'เปลี่ยนประเทศต้นทาง' ผ่านประเทศที่สาม เพื่อหลีกเลี่ยงอัตราภาษีที่สูง ซึ่งเป็นประเด็นที่กำลังอยู่ในความสนใจของสหรัฐ

ชวงยังเสริมอีกว่า ซัพพลายเออร์ชาวไต้หวันยินดีที่จะร่วมมือกับพันธมิตรในอเมริกาในการผลิตเครื่องมือเครื่องจักร โดยระบุว่า “เราจะเป็นพันธมิตรที่ดี”

ทั้งนี้ ทำเนียบขาวระบุว่ามีมากกว่า 70 ประเทศที่ติดต่อเข้ามาเพื่อขอเปิดการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเวทีการค้าระหว่างประเทศกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางการแข่งขันเชิงกลยุทธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ

สี จิ้นผิง ลั่น! จีนไม่หวั่นสงครามการค้า ไม่ยอมแพ้ต่อแรงกดดันจากสหรัฐฯ

(11 เม.ย. 68) ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ออกแถลงการณ์ตอบโต้ความตึงเครียดจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ โดยย้ำว่า จีนจะไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร และจะไม่ยอมถอยท่ามกลางแรงกดดัน

“จีนไม่เคยพึ่งพาความช่วยเหลือจากผู้อื่นในการพัฒนาประเทศตลอด 70 กว่าปีที่ผ่านมา เราฝ่าฟันทุกอย่างด้วยความพยายามของตัวเอง” สี จิ้นผิงกล่าว พร้อมเน้นว่าจีนจะไม่ยอมอ่อนข้อ หรือ 'กะพริบตา' ให้กับความไม่ยุติธรรม

แม้สงครามการค้าจะยังร้อนแรง แต่ผู้นำจีนยืนยันว่า จีนจะยังคงมุ่งมั่นบริหารประเทศอย่างมั่นคงและพึ่งพาตนเอง พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงจากภายนอก

สำหรับ คำกล่าวของประธานาธิบดีจีนมีขึ้นในช่วงที่ความตึงเครียดกับสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะจากมาตรการภาษีนำเข้าและข้อพิพาทด้านเทคโนโลยีที่กำลังปะทุอย่างต่อเนื่อง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top