ในช่วงเย็นของวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 ขบวนรถบรรทุก “แก๊ปไฟฟ้า” ประกอบด้วยรถสิบล้อ 1 คัน รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ 1 คัน มีรถตำรวจทางหลวงนำหน้า เดินทางจากภูเก็ตมุ่งหน้าไปสระบุรีโดยผ่านกรุงเทพฯ
การเดินทางดำเนินไปตามปกติ จนกระทั่งมาถึงบริเวณสามแยกตลาดทุ่งมะพร้าว หน้าสถานีอนามัยทุ่งมะพร้าว จังหวัดพังงา ซึ่งได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นโศกนาฏกรรมที่คนไทยจะต้องจดจำไปอีกนาน เพราะเมื่อถึงบริเวณทางโค้ง รถบรรทุกสิบล้อเกิดเสียหลักพลิกคว่ำ แก็ปไฟฟ้านับล้านแท่งซึ่งบรรจุในลังไม้ตกกระจายเกลื่อนเต็มถนนและสองข้างทาง
ชาวบ้านทุ่งมะพร้าวจำนวนกว่า 10 คน ที่เห็นเหตุการณ์ได้กรูเข้ามาเก็บแก็ปไฟฟ้า โดยไม่ยอมฟังคำห้ามปรามของตำรวจว่า ‘อาจเกิดระเบิด’ และได้กลายเป็นเหตุการณ์ชุลมุนในที่สุด
ซึ่งในระหว่างนั้นเอง ก็ยังมีรถที่สัญจรไปมา ต้องมาจอดติดรอให้ยกรถที่พลิกคว่ำขวางถนนออก ซึ่งมีทั้งรถบขส. บรรจุผู้โดยสารเต็มคันรถ รถสองแถว 4-5 คันและจักรยานยนต์อีกกว่า 50 คัน
ซึ่งเหตุการณ์ชุลมุนผ่านกว่าชั่วโมง ตำรวจยังคงควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ มีไทยมุงจำนวนหนึ่งนำเหล็กมางัดตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุแก๊ปไฟฟ้า ทันใดนั้นเองก็เกิดเสียงระเบิด สนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ เปลวเพลิงลุกพรึ่บสลับกับเสียงระเบิดของแก๊ปไฟฟ้าที่ตกเกลื่อนกลาด
โดยรัศมีระเบิดกินพื้นที่ถึง 1 กม. บ้านเรือนโดยรอบ อาคารตึกปะทะกับแรงระเบิดจนพังยับเยิน อีกทั้งแรงระเบิดยังทำให้ถนนเป็นหลุมยักษ์ลึกถึง 4 เมตร ส่งผลให้การสัญจรถูกตัดขาด ซึ่งนอกจากบ้านเรือนที่เสียหายแล้ว แรงระเบิดยังทำให้ไทยมุงตายทันที 60 ศพ ด้วยอนุภาคของระเบิดที่ปะทะเข้าอย่างจังกับร่าง
แม้แต่รถบขส.ที่จอดติดอยู่พังยับ ผู้โดยสารตายคารถจำนวนมาก ไทยมุงที่เพลินกับการเก็บแก๊ปไฟฟ้าถูกแรงระเบิดไฟลุกท่วมตัวล้มตายอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ บางคนไฟลุกท่วมตัววิ่งหนีแต่ยังถือแก๊ปอยู่ในมือจึงเกิดระเบิดเป็นลูกโซ่ มือขาดแขนขาดล้มลงเสียชีวิต