Friday, 13 June 2025
TheStatesTimes

ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน แถลงผลสรุป 7 วัน อันตราช่วงปีใหม่วันแรก พบมีผู้เสียชีวิต 43 ราย ผู้บาดเจ็บ 438 คน ย้ำบังคับใช้กฎหมายเข้ม หลังพบเมาแล้วขับสาเหตุหลักทำเกิดอุบัติเหตุเหมือนเดิม

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร.ในฐานะประธาน ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) แถลงสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2564 ว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2564 ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 29 ธ.ค.ซึ่งเป็นวันแรกของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 414 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 43 ราย ผู้บาดเจ็บ 438 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 32.85 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 24.88

ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 81.11 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง 66.43 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 38.89 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 32.13 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 29.47 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 29.94 ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,933 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 61,575 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 288,881 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 44,657 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 12,648 ราย ไม่มีใบขับขี่ 12,154 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ มหาสารคาม 15 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ชลบุรี บุรีรัมย์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และอุดรธานี จังหวัดละ 3 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 17 คน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า วันนี้คาดว่าประชาชนเริ่มเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว โดยถนนสายหลักที่มุ่งสู่ภูมิภาคต่าง ๆ จะมีปริมาณรถหนาแน่น ศปถ.ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เข้มข้นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจหลัก เน้นหนักกวดขันปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุ

โดยเฉพาะการขับรถเร็วและดื่มแล้วขับ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงหลักของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน พร้อมเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการดูแลเส้นทางหลัก สายรอง และเส้นทางเลี่ยงที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัด บริหารจัดการจราจรและอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชนตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะจังหวัดที่มีเส้นทางหลักมุ่งสู่ภูมิภาคต่าง ๆ และมีการจราจรหนาแน่น ให้เร่งระบายรถ เปิดช่องทางพิเศษ ปิดจุดกลับรถ ปรับสัญญาณไฟจราจรให้สอดคล้องกับช่วงเวลาในการเดินทางของประชาชน รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขในการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

นายชัยณรงค์ วาสนะสมสิทธิ์ รองอธิบดี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ศปถ.ได้ประสานศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด บูรณาการตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง อาสาสมัคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ สนธิกำลังสนับสนุนการปฏิบัติงานในจุดตรวจ จุดบริการ และด่านชุมชน โดยเฉพาะเส้นทางสายรองและเส้นทางเลี่ยง ทางลัด ที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัด เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการสร้างความปลอดภัยในการเดินทาง

อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าในระยะนี้บางจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้อาจมีฝนตก ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากสภาพถนนเปียกลื่นและทัศนวิสัยไม่ดี ศปถ.จึงประสานจังหวัดดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกให้กวดขันการใช้ความเร็วเป็นพิเศษ

จากกรณีในหลาย ๆ สถานที่ที่ทางกรุงเทพมหานครได้มีการประกาศปิด และมีข้อจำกัดในการเปิดให้บริการที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หากจะเปิดให้บริการก็มีความสงสัยในประชาชนว่าที่ไหนเปิดที่ไหนปิดอย่างชัดเจน

ทาง ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร (กทม.) จึงได้โพสต์คำตอบผ่านเฟซบุ๊ก ‘เอิร์ธ พงศกร ขวัญเมือง - Earth Pongsakorn Kwanmuang’ โดยระบุว่า

"หลังจากที่ กทม. มีประกาศปิด 4 สถานที่ชั่วคราว ก็มีหลายคนสงสัยว่าตกลงแล้วสถานที่ใดปิดบ้าง สถานที่ไหนเปิดได้บ้าง วันนี้เลยเอาคำถามยอดฮิตที่ถามกันเยอะ มาตอบให้คลายความสงสัยกันครับ

ถาม: ร้านตัดผม/เสริมสวย เปิดได้ไหม?

ตอบ: เปิดได้ครับ

ถาม: ร้านอาหาร ที่มีบริการห้องคาราโอเกะ สำหรับลูกค้าร้องเพลงกันเอง เปิดได้ไหม?

ตอบ: เปิดได้ครับ แต่ต้องไม่มีพนักงานปรนนิบัติ และไม่มีพนักงานร่วมร้องเพลงกับลูกค้า

ถาม: ผับ / บาร์ / ร้านเหล้า ยังเปิดได้ไหม?

ตอบ: สถานที่ดังกล่าวเข้าข่ายเป็นสถานบริการ ตาม พ.ร.บ.สถานบริการพ.ศ.2509 ต้องปิดให้บริการชั่วคราวตามเวลา #แต่สามารถปรับเป็นร้านอาหารได้ แต่ต้องไม่มีการเต้น รำวง ไม่มีพนักงานปรนนิบัติลูกค้า ไม่มีพนักงานร้องเพลงร่วมกับลูกค้า หากมีดนตรีสดต้องเปิดไม่เกินเที่ยงคืน

ถาม: ร้านอาหาร สามารถเล่นดนตรีสด และจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ไหม?

ตอบ: ได้ครับ แต่ต้องไม่มีพื้นที่ให้เต้น ห้ามนักร้องร้องเพลงกับลูกค้า และต้องเปิดไม่เกินเที่ยงคืน

ถาม: ฟิตเนส/สระว่ายน้ำ เปิดให้บริการได้อยู่ไหม?

ตอบ: เปิดได้ครับ

ถาม: บ่อตกกุ้ง / ข้าวต้มโต้รุ่ง

ตอบ: เปิดได้ครับ

ถาม: ร้านเกมส์ / ร้านอินเทอร์เน็ต / สนุกเกอร์ เปิดได้ไหม?

ตอบ: เปิดได้ครับ

ถาม: ร้านนวดแผนไทย/นวดเพื่อสุขภาพ/สปาเปิดได้ไหม?

ตอบ : เปิดได้ครับ

ทั้งนี้ทุกสถานที่และทุกกิจกรรมต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ Covid19"


ที่มา: เฟซบุ๊ก เอิร์ธ พงศกร ขวัญเมือง - Earth Pongsakorn Kwanmuang

Forbes ได้ประกาศรายชื่อผู้ที่ทำรายได้สูงสุดบนYouTube ออกมา โดยผู้ที่ทำรายได้สูงสุดนั่นก็คือ ‘Ryan Kaji’ จากช่อง ‘Ryan’s World’ ที่อายุเพียง 9 ขวบเท่านั้น

คลิปวิดีโอส่วนใหญ่ของ ‘Ryan Kaji’ จะเป็นการเปิดกล่องของเล่น หรือไม่ก็เป็นการเล่าเรื่องราวชวนให้อบอุ่นใจซะมากกว่า ซึ่งคอนเทนต์รูปแบบนี้ ก็เป็นสิ่งที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมบนYouTube เลยเอื้อโอกาสที่จะทำรายได้ได้ดีมากขึ้นไปอีก

สำหรับในปีนี้ 2020 นี้ ‘Ryan Kaji’ สามารถทำรายได้ไปกว่า 29.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 885 ล้านบาท) ซึ่งมากกว่าปีที่ก่อนหน้าที่ทำได้อยู่ที่ 26 ล้านเหรียญสหรัฐฯ


ที่มา: Social Media Today

ถือเป็นไอเทมที่ขาดไม่ได้ เสมือนอวัยวะชิ้นที่ 33 สำหรับหน้ากากอนามัย หลังจากมีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) ทำให้วิถีการดำเนินชีวิตของทุกคนเปลี่ยนไป มีการแนะนำให้สวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลาเมื่อต้องออกไปข้างนอก หรือพบเจอผู้คน

เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค หลายคนจึงหันมาใช้หน้ากากผ้า เพราะสามารถซักกลับมาใช้ได้หลายครั้ง ประหยัดค่าใช้จ่าย และลดปริมาณขยะที่จะเกิดขึ้น

ตามที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า บุคคลทั่วไปที่มีร่างกายแข็งแรง ไม่มีอาการเจ็บป่วย สามารถสวมหน้ากากผ้าแทนหน้ากากอนามัยได้ ส่วนผู้ที่มีอาการป่วย ไอ จาม น้ำมูกไหล แนะนำให้ใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เพื่อป้องกันกการแพร่กระจายของเชื้อ

วิธีการเลือกใช้หน้ากากผ้า

1.) ควรเลือกใช้หน้ากากที่กระชับเข้ากับรูปหน้า ไม่มีช่องว่างระหว่างผิวหน้า

2.) เลือกหน้ากากสี่เหลี่ยมแบบมีจีบ ถ้าไม่มีจีบ อาจทำให้หายใจได้ไม่สะดวก

3.) เลือกชนิดที่หายใจได้สะดวก

4.) เลือกชนิดที่มีประสิทธิภาพในการกันน้ำ เช่น ผ้าโพลีเอสเตอร์ทอแน่น ผ้า Taffeta ผ้าไหม

5.) หน้ากากผ้าต้องมีอย่างน้อย 2 ชั้น

6.) ด้านนอกสามารถกันของเหลว และ ด้านในสามารถดูดซึมของเหลวได้

7.) จากการทดลองพบว่า ผ้าฝ้ายมัสลิน เหมาะที่จะทำหน้ากากอนามัยที่สุด

วิธีการซักและดูแลหน้ากากผ้า

ขั้นตอนที่ 1 ถอดหน้ากาก โดยไม่สัมผัสด้านในของหน้ากาก

ขั้นตอนที่ 2 ซักหน้ากากผ้าด้วยน้ำยาซักผ้าเด็ก หรือน้ำสบู่อ่อน ไม่ควรแช่ทิ้งไว้

ขั้นตอนที่ 3 ขยี้เบาๆ ให้ทั่วทั้งผืน

ขั้นตอนที่ 4 ล้างน้ำสะอาด 2 ครั้งจนหมดฟอง บิดให้หมาด

ขั้นตอนที่ 5 ตากไว้ในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเท มีลมโกรก

*หมายเหตุ ควรซักหน้ากากผ้าทุกวัน ไม่ใช้ซ้ำ จึงต้องมีหน้ากากผ้าสำรองไว้อย่างน้อย 2-3 ชิ้น

แนะนำซีรี่ส์เกาหลี...พระเอกดีต่อใจ

‘มองเวลาก็เกือบเที่ยงคืน สิ้นคืนนี้ ก็เป็นเวลาของปีใหม่...’ เดี๋ยวๆๆ หยุดร้องเพลงฮิตประจำปีใหม่ของพี่ดา ตอร์ปิโด เอ้ย! พี่ดา เอ็นโดฟินเถอะนะ อยู่คนเดียวปีใหม่แล้วไง ชิลๆ ดีออก!!  นี่พูดจริงๆ ทำไมจะไม่ดี เพราะ ‘ฉันจะฉลองข้ามปีกับโอปป้า’ เรื่องของเรื่อง มีซีรี่ส์เกาหลี 4 เรื่อง ที่ถ้าใครยังไม่เคยดู ควรหามาดู เพราะโอปป้าดีงามมากกกก ไปดูสิว่ามีเรื่องอะไรกันบ้าง

W รักข้ามมิติ

ถามว่ามันดีอย่างไร? โอ้ว ลำพังแค่พระเอกของเรื่อง อี จงซ็อก ก็ทำหัวใจสาวๆ แทบละลาย เรื่องนี้เจ้าตัวรับบทมหาเศรษฐีหนุ่ม ซึ่งดูแค่ลุคที่พระเอกแต่งตัว ก็กรี้ดแตกแล้ว หล่อจัดชัดจริงทุกชุด แต่ความสนุกของ W ยังมีมากกว่านั้น เพราะเป็นเรื่องของพระเอก-นางเอกที่ใช้ชีวิตอยู่คนละโลก ไม่ได้มีใครตายหรอกนะ แต่นางเอกนั้นเป็นหมออยู่ในโลกจริง ส่วนพระเอกอยู่ในโลกการ์ตูน แถมยังเป็นตัวการ์ตูนที่พ่อนางเอกสร้างขึ้นมาอีก บอกเลยว่า สนุกมากกกก ดูได้ยาวๆ  ข้ามปีไปเลย

Crash Landing on You 

ถามว่ามันดีอย่างไร? โหว ซีรี่ส์เรื่องนี้โคตะระโด่งดังมากๆ เมื่อต้นปี ไม่แค่ในเกาหลีใต้ แต่ดังระเบิดระเบ้อในเมืองไทย พูดง่ายๆ ว่าใครๆ ต่างก็หลงเลิฟ ‘สหายผู้กอง’ หรือ ‘รีจงฮยอก’ ที่รับบทโดยซูเปอร์สตาร์เกาหลี ฮยอนบิน โดยเรื่องนี้เจ้าตัวมารับบทเป็นนายทหารแห่งประเทศเกาหลีเหนือ แม้จะมีพล็อตที่แอ็คชั่นอยู่บ้าง แต่โดยรวม Crash Landing on You ก็ยังเป็นซีรี่ส์แนวโรแมนติกคอมเมดี้ ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องที่ว่าด้วย นางเอก (ยุนเซรี) เกิดเล่นเครื่องร่อนไปตกในเขตเกาหลีเหนือ และได้พระเอก (รีจงฮยอก) ช่วยเหลือเอาไว้ ความแตกต่างของสังคมเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ก็ทำให้เกิดเรื่องราวสนุกๆ และความผูกพันขึ้น รับรองว่าดูเพลิน แถมยังฟินกับผู้ชายในเครื่องแบบอย่างแน่นอน

Itaewon Class 

ถามว่ามันดีอย่างไร? ตายๆๆๆ เรื่องนี้ก็ดังฮิตเรตติ้งถล่มทลายเหมือนกันในปีนี้ กับมาดพระเอกทรงผมกะลา พัค แซรอย ที่รับบทโดย พัค ซอจุน พระเอกมาดแมนที่พลิกบทบาทมารับบทหนุ่มผู้สู้ชีวิต ซึ่งต้องยอมรับเลยว่า บทซีรี่ส์เรื่องนี้ดีงามพระรามแปดจริงๆ พัค แซรอยนั้นต้องถูกกลั่นแกล้งจนติดคุก พอออกมาก็เปิดร้านเพื่อจะสร้างความยิ่งใหญ่ แต่ก็ต้องต่อสู้กับกลโกงของตัวละครร้าย แต่ในที่สุดด้วยความมุ่งมั่นและความตรงไปตรงมา พระเอกของเราก็ล้างแค้น และนำพาธุรกิจของตัวเองประสบความสำเร็จ ใครดู พัค ซอจุน เรื่องนี้แล้วไม่หลงเลิฟ ให้เตะเลยจริงๆ (ชุดที่ใส่ก็เท๊เท่ทุกชุด)

It’s Okay to Not Be Okay เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน

ถามว่ามันดีอย่างไร? ว้ายๆๆๆๆ นี่เป็นเรื่องดังประจำปีนี้อีกเรื่อง หลายคนกลายเป็น FC นางเอก โกมุนยอง (รับบทโดย ซอเยจี) แต่พระเอกของเรื่อง มุนคังแท ที่รับบทโดย คิมซูฮยอน ก็ทำให้แฟนๆ ต่างหลงรักเช่นกัน จะไม่รักได้ยังไง ทั้งเรื่องต้องมาแบกรับอารมณ์ทั้งโกมุนยอง และมุนซังแท พี่ชายที่เป็นโรคออทิสติก โดยเสน่ห์ของพระเอกคิมซูฮยอน คือการเล่นบทบาทที่เชือดเฉือน ดราม่า มาดนิ่ง แต่เต็มไปด้วยออร่าที่ชวนมอง แม้เรื่องนี้จะมาในลุคผู้ชายธรรมดาๆ แต่คิมซูฮยอนก็ยังดูโดดเด่น เรื่องนี้แนะนำดูข้ามปีได้สบายๆ พระเอกออกเกือบทุกฉาก แถมนางเอกก็ชุดสวย อินสไปร์เว่อร์ๆ

ลองเลือกหามาชมกันนะจ๊ะ ทั้งหมดหาชมได้ใน Netflix แล้วไม่ต้องเปิดเพลงพี่ดา เอ็นโดฟิน ให้เหงาอีกนะ ดูซีรี่ส์ข้ามปีกับพระเอกเกาหลี แค่นี้ฟินยาวแล้วล่ะ จัดไป!

 

ส.ส.พรรคก้าวไกล ‘วรภพ วิริยะโรจน์’ ระบุรัฐบางควรตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็น พร้อมโยกงบจัดซื้อวัคซีนให้คนไทยครบทั้ง 69 ล้านคนแทน หลังพบงบที่จัดสรรซื้อวัคซีนช่วยคนไทยได้แค่ 13 ล้านคนเท่านั้น

นายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่า แผนการด้านวัคซีนโควิด 19 ที่รัฐบาลจัดงบประมาณเพื่อสั่งซื้อขณะนี้ พบว่ามีเพียงพอสำหรับ 13 ล้านคนเท่านั้น ถ้ารัฐบาลตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นออกจะสามารถทำให้ประเทศไทยจะมีวัคซีนเพียงพอสำหรับทุกคน

ทั้งนี้ หากรัฐบาลสามารถตัดงบประมาณเหล่านี้ จะทำให้ไทยมีงบประมาณเพื่อจัดซื้อวัคซีนได้เพียงพอสำหรับทุกคน ได้แก่ โครงการรถไฟเชื่อมต่อสามสนามบิน ประมาณ 119,000 ล้านบาท , เรือดำน้ำสองลำประมาณ 22,000 ล้านบาท ,รถยานเกราะสไตรค์เกอร์ 130 คัน 9,100 ล้านบาท ,งบยานอวกาศไปดวงจันทร์ 3,000 ล้านบาท, เงินเดือน ส.ว. 681 ล้านบาท ,งบซุ้มเฉลิมพระเกียรติ 2563 ประมาณ 381 ล้านบาท และสุดท้ายคืองบประมาณเพื่อสู้คดีเหมืองทองอัครา 309 ล้านบาท

"ประเทศไทยจองวัคซีนโควิค-19 จากบริษัทแอสตราเซนเนกา (AstraZeneca) จำนวน 60 ล้านโดส วงเงิน 6,049,723,117 บาท คลอบคลุมคนไทยร้อยละ 18.57 ของประชากร หรือ 13 ล้านคน โดยใช้อัตรา 2 โดส ต่อ 1 คน

ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อคนทั้งประเทศ และยังไม่รู้ว่าวัคซีนจะมาเมื่อไหร่ โดยวัคซีนของบริษัทแอสตราเซนเนกา (AstraZeneca) มีประสิทธิภาพ 62 - 90% ขณะที่วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ไบโอเทค (Pfizer) ของอเมริกา ร่วมกับบริษัทของเยอรมัน มีประสิทธิภาพ 95% วัคซีนของบริษัทโมเดอร์นา (Moderna) มีประสิทธภาพ 94% แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยได้จองวัคซีนที่มีประสิทธิภาพน้อยที่สุดให้แก่คนไทย"

นายวรภพ ยังชี้ให้เห็นความแตกต่างของการวางแผนด้านวัคซีนว่า สิงคโปร์เป็นชาติแรกในอาเซียน ที่นำเข้าวัคซีนจาก ไฟเซอร์ (Pfizer) มาใช้ ด้วยงบประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือคิดเป็นงบประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท

ซึ่งวัคซีนจะมาถึงสิ้นเดือน ธ.ค.นี้ ขณะที่ปัจจุบันมีหลายบริษัทในประเทศไทย กำลังทำการวิจัยเพื่อที่จะผลิตวัคซีน ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นคงในด้านสาธารณะสุขให้แก่ประเทศไทย แต่ก็ยังขาดการสนับสนุนที่ไม่มากพอจากภาครัฐทำให้มีการออกมาระดมทุนจากภาคประชาชนปรากฎให้เห็นอย่างเช่น การระดมทุนของ CU Enterprise

The States Times Story เรื่องจริง ฟังเพลิน โดย เจต ณ นคร : Ep 2

EP 2 ของรายการ The States Times Story เรื่องจริง ฟังเพลิน คราวนี้เป็นเรื่องเล่าของ ‘พระแก้วมรกต’ ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ที่สำคัญ เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองที่อยู่ในหน้าบันทึกประวัติศาสตร์ของชาติไทยมาหลายกรรม หลายวาระ งานนี้คุณเจต ณ นคร จะนำเรื่องราวที่น่าสนใจเหล่านี้ มาเล่าสู่กันฟังกัน

 

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (30 ธันวาคม พ.ศ. 2563)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 250 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 6,690 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 61 ราย รักษาหายเพิ่ม 28 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 4,212 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2,417 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 250 ราย เป็น ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จากสหรัฐอเมริกา 3 ราย ,เคนย่า 2 ราย,คูเวต 1 ราย,รัสเซีย 1 ราย,ออสเตรเลีย 1 ราย

ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ ไม่เข้าสถานกักกันที่รัฐจัดให้ สัญชาติเมียนมา 1 ราย

ผู้ติดเชื้อในประเทศ จำนวน 239 ราย

ผู้ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าว (คัดกรองเชิงรุกในชุมชน) 2 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 152 ราย รักษาหายแล้ว 149 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 364 ราย รักษาหายแล้ว 361 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 7.27 แสน ราย รักษาหายแล้ว 5.97 แสน เสียชีวิต 21,703 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 40 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.09 แสน ราย รักษาหายแล้ว 86,715 ราย เสียชีวิต 457 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.23 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.05 แสน ราย เสียชีวิต 2,637 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.72 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.39 แสน ราย เสียชีวิต 9,162 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,542 ราย รักษาหายแล้ว 58,400 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมติดเชื้อ 1,454 ราย รักษาหายแล้ว1,319 ราย เสียชีวิต 35 ราย

ลดความสูญเสียด้วย ‘7 ห้าม’

ปลายปีทีไร จะต้องได้ยินประโยคยอดฮิต ‘7 วันอันตราย’ นั่นหมายถึง ข่าวการรายงานอุบัติเหตุ ยอดผู้เสียชีวิต ยอดผู้บาดเจ็บ บนท้องถนน ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ เบื่อไหม? เชื่อว่าทุกคนเบื่อ และคงไม่อยากเห็นตัวเลขเหล่านี้สักเท่าไร แต่เอาจริงๆ ไม่มีใครจะช่วยลด ‘วันอันตราย’ ได้ดีเท่าตัวเราเองนี่ล่ะ

The States Times มี 7 ข้อห้ามที่อยากให้ลองปฏิบัติ ถึงจะทำไม่ได้ทั้งหมด แต่แค่ ‘ใส่ใจ’ กับมันสักนิด ประโยคฮิต ‘7 วันอันตราย’ ก็จะหายไปสักที!!

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบายผ่านเฟซบุ๊ก ระบุ สาธารณสุขทำงานยาก หลังพบบางคนปกปิดข้อมูล วอนประชาชนร่วมมือภาครัฐ สกัดโควิด-19 ระบาด หากไม่อยากถูกเปิดไทม์ไลน์ส่วนตัว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊ก "อนุทิน ชาญวีรกูล" หลังร่วมประชุมกับผู้บริหารศูนย์ปฏิบัติการสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข ระบุว่า ทุกคนหนักใจกับจำนวนผู้ติดเชื้อจากสถานที่ผิดกฎหมาย และสถานที่แออัด ที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว

สาธารณสุขทำงานยากมากเพราะคนเหล่านี้ปกปิดข้อมูล และไม่พูดความจริง กว่าจะสอบสวนโรคได้ การแพร่เชื้อก็ไปถึงผู้อื่นอีกหลายทอดแล้ว

เมื่อวานนี้ ระยอง ล็อกดาวน์ไปแล้ว ความสูญเสียทางธุรกิจ ผลกระทบเกิดขึ้นกับประชาชนส่วนใหญ่ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ไม่อยากให้จังหวัดของท่าน ต้องถูกล็อกดาวน์ จนประชาชน คนทำมาค้าขายสุจริต เดือดร้อนกันทั้งหมด ต้องช่วยกันเฝ้าระวังชุมชนของท่าน และช่วยกันให้ข้อมูลกับทีมสาธารณสุข เพื่อป้องกันการระบาด และเข้าควบคุมโรค ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อความปลอดภัยของท่านและครอบครัว

สำหรับท่านที่ไม่อยากถูกเปิดไทม์ไลน์ เรื่องราวส่วนตัว ก็ขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค ตามนี้ ใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ


ที่มา : https://www.facebook.com/2091153520919518/posts/4000178336683684/


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top