Saturday, 14 June 2025
TheStatesTimes

10 ภาพแห่งปี 2020 จากนิตยสาร TIME

การเดินทางในระยะเวลาหนึ่งปี อาจมีหลายสิ่งที่เราหลงลืมไปบ้าง แต่ก็มีบางเหตุการณ์ที่เราลืมไม่ลง เราไม่สามารถอยู่ในสถานที่มากกว่าหนึ่งแห่งพร้อมกันได้ ทำให้ภาพถ่ายกลายเป็นสิ่งล้ำค่าในการบันทึกเรื่องราวและเหตุการณ์ สิ่งเหล่านี้ถูกนำมาแบ่งปันในฐานะพลเมืองโลก

ในรอบปี มีภาพและเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในทุกมุมโลก แต่นี่คือ 10 ภาพที่ทางนิตยสาร TIME ได้เลือกแล้วว่า เป็นภาพแห่งปี มันสะท้อนเรื่องราวอะไรกันบ้าง ตามไปดูกัน!

‘แสงสว่างในความมืด’

ฤดูใบไม้ผลินี้เจ้าหน้าที่และผู้ป่วยที่ศูนย์การแพทย์ Wyckoff Heights ของบรูคลิน อนุญาตให้ Meridith Kohut บันทึกหลักฐานแนวหน้าของการแพร่ระบาดเนื่องจาก COVID-19 ที่คร่าชีวิตผู้คนไปหลายพันคนในนิวยอร์กซิตี้

‘ความเศร้าและความโกรธของพวกเขาเป็นเรื่องจริง’

ที่มัสยิดแห่งหนึ่งในกรุงเตหะราน เมื่อวันที่ 5 มกราคม ผู้หญิงอิหร่านไว้อาลัย Qasem Soleimani หลังจากถูกลอบสังหารในแบกแดด “พวกเขารู้สึกเจ็บปวดและต้องการแก้แค้น” ช่างภาพ Newsha Tavakolian เล่า “ฉันค้นหาวิธีจับภาพนี้อย่างยาวนาน และพบว่าฉากนี้เป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบท่ามกลางวังวนของผู้คน หญิงสาวชูกำปั้นขณะถือโปสเตอร์ คนอื่น ๆ นิ่งคิดในใจ พวกเขาเดินไปรอบ ๆ อยู่กับความรู้สึกของตัวเอง”

‘ฉันไม่สามารถลืมใบหน้าของเธอได้’

Hoda Kinno อายุ 11 ปีถูกอุ้มโดยลุงของเธอ Mustafa หลังจากเกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ที่ท่าเรือในเบรุต เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม

“เมื่อฉันไปถึงที่นั่นฉันแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ฉันเห็น” Hassan Ammar ช่างภาพกล่าว “ ฉันถ่ายภาพทุกอย่าง เมื่อเห็นผู้ชายอุ้มผู้หญิงที่ได้รับบาดเจ็บสองคนบนทางหลวงฝั่งตรงข้ามท่าเรือ ฉันตามไปจนกระทั่งพวกเขาไปถึงรถทหารที่บรรทุกผู้บาดเจ็บเพื่ออพยพไปโรงพยาบาล”

 “วันนั้นในเบรุตเป็นวันที่เปลี่ยนชีวิตของเราในเลบานอน” Ammar กล่าวเสริม“ เปลี่ยนฉันให้เป็นมนุษย์และช่างภาพ”

‘เธอไม่อยากปล่อย’

Olivia Grant กอดคุณยาย Mary Grace Sileo ผ่านพลาสติกกั้นที่แขวนบนราวตากผ้าแบบโฮมเมด ในช่วงสุดสัปดาห์ วันแห่งความทรงจำ 24 พฤษภาคม 2020 ที่เมือง Wantagh นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขามีการติดต่อใด ๆ นับตั้งแต่การล็อกดาวน์ Bello จับภาพการโอบกอดนานกว่า 45 นาที “พวกเขากอดกันอย่างยาวนาน” เขากล่าว

‘เป็นความรู้สึกเจ็บปวดสำหรับฉันจริงๆ’

Jacquelyn Booth แสดงความไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของผู้พิพากษา Ruth Bader Ginsburg บนระเบียงหินอ่อนของศาลสูงสุดเมื่อวันที่ 26 กันยายน ขณะที่ผู้สนับสนุนอนุรักษนิยม ของผู้พิพากษา Amy Coney Barrett สวดมนต์ที่ประตู หลายพันคนเดินขบวนในวอชิงตันดีซีในวันนั้น ในงานที่จัดโดย Franklin Graham หลายชั่วโมงก่อนที่ทรัมป์จะประกาศการเสนอชื่อบาร์เร็ตต์เพื่อแทนที่กินส์เบิร์ก

‘ไม่มีใครแตะต้องเขา’

Hector Retamal ช่างภาพ AFP จากเซี่ยงไฮ้เดินทางถึงอู่ฮั่นโดยรถไฟเมื่อวันที่ 23 มกราคม เนื่องจากเมืองถูกปิดตาย “ หวู่ฮั่นกลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว” เขาเล่า “ ผู้คนต่างออกไปบนท้องถนนด้วยเหตุผลสองหรือสามประการเท่านั้นคือซื้ออาหาร ไปร้านขายยา หรือไปโรงพยาบาล”

เมื่อวันที่ 30 มกราคม Retamal และเพื่อนร่วมงานกำลังเดินไปที่โรงพยาบาล เมื่อพวกเขาเห็นชายคนนี้ที่พื้นซึ่งอยู่ห่างจากโรงพยาบาลหนึ่งช่วงตึก “ มีผู้หญิงสองคนมองไปที่ผู้ชายคนนั้นโดยไม่ทำอะไรเลย เมื่อพวกเขาเห็นเราพวกเขาก็ตะโกนใส่เรา ดูเหมือนเขาจะบอกเราว่าอย่าเข้าใกล้” หลังจากนั้นไม่นานคนอื่น ๆ ในชุดป้องกันก็มาถึง พวกเขาเข้าหาชายคนนั้น แต่ไม่แตะต้องเขา พวกนักข่าวเดินข้ามถนนมาอีกจุดหนึ่งโดยยังคงจับตาดูที่เกิดเหตุ

“ ในที่สุดทีมนิติเวชก็ไปถึงที่นั่น ทำการคลุมตัวเขา และศพของเขาก็ถูกนำไปในถุงพลาสติกสีเหลือง หลังจากนั้นพวกเขาก็กระจายน้ำยาฆ่าเชื้อลงบนพื้น” นักข่าวไม่สามารถยืนยันได้ว่าชายคนนี้เป็นเหยื่อของโรคนี้หรือไม่ Retamal ซึ่งอยู่ในหวู่ฮั่นมานานกว่าหนึ่งสัปดาห์กล่าวสรุปว่า“ มันเป็นเมืองที่อยู่ในความหวาดกลัว”

"มันยากที่จะรู้ว่าเขารู้อะไร"

วันที่ 4 พฤศจิกายน ช่วงนับคะแนนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2020 “โดนัลด์ ทรัมป์” มีความตึงเครียดและความโกรธที่ชัดเจน เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เป็นภาพเดียวของความเปราะบางที่ Peter van Agtmael สร้างขึ้นในคืนนั้น

‘มันจากไปโดยไม่มีการต่อสู้’

ฤดูไฟป่าของออสเตรเลียคร่าชีวิตและเคลื่อนย้ายสัตว์มากกว่า 3 พันล้านตัว ขณะที่อดัม เฟอร์กูสัน ถ่ายภาพที่สนามเด็กเล่นบนเกาะแคงการูเมื่อวันที่ 16 มกราคม เขาได้เห็นวัตถุสีเทา “เมื่อเข้าไปใกล้ฉันก็รู้ว่ามันคือโคอาล่า” เขาเล่า อาสาสมัครจากทีมรับมือไฟที่อยู่ใกล้ ๆ สังเกตเห็นและหยิบน้ำขึ้นมา “ภายใต้สถานการณ์ปกติหมีโคอาล่าจะตะกายขึ้นต้นไม้” เฟอร์กูสันกล่าว“ แต่มันก็หมดแรงและขาดน้ำเมื่อผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาพร้อมกับอาหารและเทน้ำลงบนหัวของมัน” นาทีต่อมามันก็เร่งรีบไปยังที่พักพิงใกล้เคียง

‘วันนั้นกำหนดตลอดทั้งปีของฉัน’

George Floyd ถูกตำรวจสังหารในมินนีแอโพลิสเมื่อวันจันทร์ ในวันศุกร์อเมริกาแตกต่างออกไป Malike Sidibe อายุ 23 ปีถูกย้ายให้ไปถ่ายภาพการประท้วงเป็นครั้งแรกในชีวิต ในบรูคลินเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม เขาเห็นผู้ประท้วงต่อสู้กับตำรวจด้วยกันเอง เมื่ออยู่ที่นั่น Sidibe กล่าวว่า“ เปลี่ยนวิธีที่ฉันมองโลกและวิธีที่ฉันดำเนินชีวิตในโลกนี้”

‘รู้สึกเหมือนเป็นการแสดงพลังจริงๆ’

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม หนึ่งสัปดาห์หลังจากที่สหรัฐฯและกลุ่มตอลิบานลงนามในข้อตกลงสันติภาพ Jim Huylebroek ช่างภาพจากคาบูลและเพื่อนร่วมงานได้ไปเยือนผู้ก่อความไม่สงบในจังหวัด Laghman ตะวันออก ระหว่างทางรถของพวกเขาถูกหยุดโดยหน่วยแดง กลุ่มตาลีบัน “พวกเขาต้อนรับเราอย่างเป็นมิตร แต่สิ่งต่าง ๆ รู้สึกตึงเครียดเล็กน้อย” เขากล่าว ในขณะที่นักข่าวเตรียมการ เด็กสองคนเดินไปตามถนนและผ่านหน้ากลุ่มนักรบ “มันแสดงให้เห็นถึงความจริงอันโหดร้ายที่เด็ก ๆ เติบโตขึ้น” Huylebroek กล่าว

.

เป็นยังไงกันบ้างคะ แต่ละรูปภาพกว่าจะได้มานั้นไม่ง่ายเลย ให้ความรู้สึกแตกต่างกันออกไปตามแต่ละสถานการณ์  แล้วคุณล่ะประทับใจภาพไหนที่สุด?


อ้างอิงข้อมูลและภาพ: https://time.com/5923687/time-top-10-photos-2020/

6 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับความรัก

บางครั้งเรามักจะเชื่อในสิ่งที่ไม่มีหลักฐานยืนยัน ความรักไม่ได้ต่างจากด้านอื่น ๆ ของชีวิต ถ้าคุณตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้คุณจะทำผิดพลาดน้อยลงและจะเสียใจน้อยลง วันนี้เราจะพาไปพบกับ 6 ความเข้าใจผิดที่แพร่หลายมากที่สุดเกี่ยวกับความรักที่อาจขัดขวางความสุขของคุณ

1.) สิ่งตรงข้ามดึงดูด

แม้คำนี้จะได้รับความนิยม แต่ก็มีการพิสูจน์แล้วว่าผิด โดยทั่วไปแล้วคนที่อยู่ในความสัมพันธ์ที่ยาวนานจะมีความเหมือนกันมากกว่าความแตกต่างในช่วงเริ่มต้น ในการพบกันครั้งแรก พวกเขาสังเกตเห็นลักษณะของอีกฝ่ายที่พวกเขาเองก็มี ลักษณะเหล่านี้บ่งบอกว่าทั้งคู่อาจมีความสัมพันธ์ที่เข้ากันได้ในอนาคต นอกจากนี้ยังพบว่าคู่รักที่มีบุคลิกและค่านิยมคล้ายคลึงกันจะทำหน้าที่พ่อแม่ได้ดีกว่าคู่รักที่มีนิสัยต่างกัน

2.) ฉันสามารถเปลี่ยนเขาได้

แน่นอนว่าความสัมพันธ์จะส่งผลต่อนิสัยของคน ๆ หนึ่ง แต่มีประเด็นพื้นฐานที่คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ไม่ว่าคุณจะพยายามอย่างหนักแค่ไหน นั่นคือ บุคลิกภาพ ทัศนคติ ค่านิยม และพื้นฐานทางสังคม

3.) การใช้ชีวิตร่วมกันก่อนแต่งงานเป็นวิธีที่ดีในการทำความรู้จักกัน

คู่รักย้ายมาอยู่ด้วยกันและอาจไปได้สวยในระยะหนึ่ง แต่การพร้อมสำหรับการแต่งงานไม่ได้เกิดขึ้นในเวลาไม่กี่วัน ในขณะเดียวกันพ่อแม่ของพวกเขาก็เริ่มถามว่าจะแต่งกันเมื่อไหร่ "จะรออะไรถ้าอยู่ด้วยกันแล้ว" สิ่งนี้อาจทำให้ทั้งคู่ถูกดึงเข้าสู่การแต่งงานแทนที่จะได้ตัดสินใจอย่างมีสติ ในอนาคตพวกเขาอาจหย่าร้าง ดังนั้นจึงควรเริ่มใช้ชีวิตร่วมกันหลังจากที่คุณทั้งคู่พร้อมที่จะเผชิญชะตากรรมร่วมกัน

4.) คู่ชีวิตของคุณถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า

หลายคนใฝ่ฝันที่จะหาคู่ที่สมบูรณ์แบบ ผู้คนหลายพันล้านคนที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้มีมากกว่าหนึ่งคนที่สามารถกลายเป็นอีกครึ่งหนึ่งของคุณได้ ความรักที่ยืนยาวและความเคารพซึ่งกันและกันแม้ว่าจะมีอุปสรรค จะเป็นสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนมีคู่ชีวิตอยู่เคียงข้าง

5.) ความรักมีวันหมดอายุ

การศึกษาของมหาวิทยาลัย Stony Brook ในนิวยอร์กพบว่า ความรู้สึกในคู่รักใหม่ ๆ นั้นแข็งแกร่งพอ ๆ กับความสัมพันธ์ที่มีมายาวนาน 10 ถึง 29 ปี ในทั้งสองกรณี สมองของอาสาสมัครที่ร่วมการทดลองตอบสนองต่อภาพถ่ายของคนสำคัญของพวกเขาในลักษณะที่คล้ายกัน 

6.) รักแรกพบมีอยู่จริง

ความเชื่อนี้เป็นเรื่องปกติมาก แต่มันไม่ถูกต้อง การวิจัยแสดงให้เห็นว่าเมื่อตรวจสอบชายคนหนึ่งในการพบกันครั้งแรก ผู้หญิงใช้สายตาชำเลืองมองเพียงแค่ 6 ครั้ง เพื่อตัดสินใจว่าเขาเหมาะสมกับเธอหรือไม่ แม้ว่าจะไม่ใช่รักตั้งแต่แรกพบ แต่การชำเลืองมองแค่ 6 ครั้งก็ถือว่าไม่มากเช่นกัน 

แล้วคุณล่ะ มีความเชื่อเกี่ยวกับความสัมพันธ์เรื่องไหนที่คุณคิดว่ามันไม่ถูกต้อง ?


ข้อมูลจาก: https://brightside.me/inspiration-relationships/6-myths-about-love-that-people-still-believe-in-444860

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (31 ธันวาคม พ.ศ.2563)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 194 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 6,884 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 61 ราย รักษาหายเพิ่ม 28 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 4,240 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2,583 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 194 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ ตุรกี 2 ราย,ฮ่องกง 1 ราย,แคนาดา 1 ราย,สหราชอาณาจักร 1 ราย,สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2 ราย,มาเลเซีย 1 ราย,อินโดนีเซีย 1 ราย,เกาหลีใต้ 1 ราย,ญี่ปุ่น 1 ราย,คูเวต 1 ราย,รัสเซีย 1 ราย โดยเข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้

ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ ไม่เข้าสถานกักกันที่รัฐจัดให้ สัญชาติเมียนมา 1 ราย มาจาก เมียนมา 1 ราย
รักษาตัวที่เมียนมา

ผู้ติดเชื้อในประเทศ จำนวน 172 ราย

ผู้ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าว (คัดกรองเชิงรุกในชุมชน) 9 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 157ราย รักษาหายแล้ว 149 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 366 ราย รักษาหายแล้ว 361 ราย  ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 7.35 แสน ราย รักษาหายแล้ว 6.04 แสน เสียชีวิต 21,944 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 40 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.1 แสน ราย รักษาหายแล้ว 87,460 ราย เสียชีวิต 463 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.24 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.06 ราย เสียชีวิต 2,664 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.73 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.4 แสน ราย เสียชีวิต 9,230 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,569 ราย รักษาหายแล้ว 58,411 ราย เสียชีวิต 29 ราย
ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,456 ราย รักษาหายแล้ว1,323 ราย เสียชีวิต 35 ราย

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (1 มกราคม พ.ศ.2564)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 279 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 7,163 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิต 63 ราย รักษาหายเพิ่ม 33 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 4,273 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2,827 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 279 ราย เป็นคนไทย 1 ราย ,สัญชาติเยอรมัน 1 ราย,อิตาลี 1 ราย,สโลวีเนีย 1 ราย,จีน 2 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ จาก เยอรมนี 1 ราย ,สหราชอาณาจักร 2 ราย ,เขตบริหารพิเศษฮ่องกง 1 ราย ,สาธารณรัฐประชาชนจีน 1 ราย ,สหรัฐอเมริกา 1 ราย ผ่านการคัดกรองและเข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้

ผู้ติดเชื้อในประเทศ จำนวน 257 ราย

ผู้ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าว (คัดกรองเชิงรุกในชุมชน) 16 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 157ราย รักษาหายแล้ว 149 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 378 ราย รักษาหายแล้ว 362 ราย  ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 7.43 แสน ราย รักษาหายแล้ว 6.11 แสน เสียชีวิต 22,138 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 40 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.13 แสน ราย รักษาหายแล้ว 88,941 ราย เสียชีวิต 471 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.25 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.07 ราย เสียชีวิต 2,682 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.74 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.4 แสน ราย เสียชีวิต 9,244 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,599 ราย รักษาหายแล้ว 58,449 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,465 ราย รักษาหายแล้ว1,325 ราย เสียชีวิต 35 ราย

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (2 มกราคม พ.ศ.2564)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 216 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 7,379 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิต 64 ราย รักษาหายเพิ่ม 26 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 4,299 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 3,016 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 216 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จากอินเดีย 1 ราย ,สหรัฐอเมริกา 1 ราย

ผู้ติดเชื้อในประเทศ จำนวน 182 ราย

ผู้ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าว (คัดกรองเชิงรุกในชุมชน) 32 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 157ราย รักษาหายแล้ว 149 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 379 ราย รักษาหายแล้ว 362 ราย  ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 7.51 แสน ราย รักษาหายแล้ว 6.18 แสน เสียชีวิต 22,329 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 40 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.15 แสน ราย รักษาหายแล้ว 91,171 ราย เสียชีวิต 474 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.25 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.08 ราย เสียชีวิต 2,697 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.76 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.4 แสน ราย เสียชีวิต 9,248 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,629 ราย รักษาหายแล้ว 58,449 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,474 ราย รักษาหายแล้ว1,325 ราย เสียชีวิต 35 ราย

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (3 มกราคม พ.ศ.2564)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 315 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 7,694 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิต 64 ราย รักษาหายเพิ่ม 38 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 4,337 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 3,293 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 315 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จากบาร์เรน 1 ราย ,ปากีสถาน 3 ราย , คูเวต 1 ราย,สหรัฐอเมริกา 4 ราย ,รัสเซีย 2 ราย ,อิตาลี 1 ราย,อินโดนีเซีย 1 ราย ,กาตาร์ 2 ราย ,อียิปต์ 3 ราย,เอธิโอเปีย 1 ราย , อินเดีย 1 ราย ,สหราชอาณาจักร 1 ราย

ผู้ติดเชื้อในประเทศ จำนวน 274 ราย

ผู้ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าว (คัดกรองเชิงรุกในชุมชน) 20 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 157ราย รักษาหายแล้ว 149 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 381 ราย รักษาหายแล้ว 362 ราย  ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 7.58 แสน ราย รักษาหายแล้ว 6.26 แสน เสียชีวิต 22,555 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 40 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.17 แสน ราย รักษาหายแล้ว 94,492 ราย เสียชีวิต 483 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.26 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.09 ราย เสียชีวิต 2,711 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.77 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.4 แสน ราย เสียชีวิต 9,253  ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,662 ราย รักษาหายแล้ว 58,476 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,482 ราย รักษาหายแล้ว1,337 ราย เสียชีวิต 35 ราย

สมาคมธนาคารไทยชี้แจง หากประชาชนต้องการแลกเปลี่ยนธนบัตรที่ระลึกเป็นธนบัตรหมุนเวียนปกติ สามารถติดต่อขอแลกหรือนำฝากได้ที่สาขาธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง

สมาคมธนาคารไทย โดยนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ชี้แจงกรณีมีข่าวประชาชนนำธนบัตรที่ระลึกไปแลกที่สาขาธนาคารและสาขาธนาคารไม่รับแลก ดังนี้

1.) ธนบัตรที่ระลึกชนิดราคา 1000 บาท และ 100 บาท สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายเช่นเดียวกับธนบัตรหมุนเวียนปกติทุกประการ

2.) สาขาธนาคารสามารถให้บริการรับฝาก แลก และรับชำระหนี้ได้ตามปกติ เช่นเดียวกับธนบัตรหมุนเวียนปัจจุบัน

3.) ธนบัตรที่ระลึกรุ่นนี้ ปัจจุบันไม่สามารถใช้กับเครื่องรับฝากเงินอัตโนมัติได้ เพราะแต่ละธนาคารต้องมีการแก้ไขและปรับปรุงโปรแกรม ให้สามารถตรวจสอบธนบัตรที่ระลึกที่เครื่องรับฝากเงินอัตโนมัติทั่วประเทศ

เนื่องจากธนบัตรที่ระลึก มีการจัดพิมพ์ในปริมาณจำกัด ดังนั้น หากประชาชนต้องการฝากธนบัตรที่ระลึก สามารถติดต่อขอฝากได้ที่สาขาของธนาคารทั่วประเทศ

ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยประการใด สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สาขา หรือ Call Center ของธนาคารที่ท่านใช้บริการ

เวียดนามฉลองปีใหม่ 2021 สุดคึกคัก

1 ปีที่เกิดโควิด-19 ..

แต่ไม่สามารถหยุดจิตวิญญาณของผู้คนไปร่วมตัวกันนับพัน

เพื่อรอต้อนรับปี 2021 บนท้องถนน

ในฮานอย โฮจิมินห์ และ ท้องถิ่นอื่น ๆ

ประชาชนต่างหลั่งไหลไปยังสถานที่ในตัวเมืองจำนวนมาก

เพื่อเพลิดเพลินกับคอนเสิร์ตกลางแจ้งและการแสดงพลุที่สุดยอด

ในการเฉลิมฉลองช่วงปีใหม่


เครดิต VnExpress International

เรื่องโดย: หนุ่มโคราช

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบ 12 ปี ที่ Bitcoin ได้เปิดตัวระบบ cryptocurrency เงินดิจิตอลระบบใหม่ที่เคลมว่าจะเป็นเงินแห่งโลกอนาคตที่จะสามารถใช้แทนค่าเงินสกุลต่าง ๆ ได้ทั่วโลก

หลังจากผ่านมา 12 ปี วันนี้ Bitcoin ก็สร้างปรากฏการณ์พุ่งทะลุผ่าน 34,000 ดอลลาร์/ 1 บิทคอยน์ สร้างความฮือฮาในหมู่นักลงทุนเป็นอย่างมาก และเป็นมูลค่าสูงสุดตั้งแต่เปิดตัวสกุลเงินทีเดียว ซึ่งเป็นมูลค่าที่พุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่ Bitcoin พุ่งผ่านเพดาน 20,000 ดอลลาร์/บิทคอยน์ ไปเมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคม 2020 และใช้เวลาไม่ถึง 3 สัปดาห์ ที่มูลค่าของ Bitcoin ขึ้นมาทำ New High ใหม่ ที่ 34,000/บิทคอยน์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ทำให้นักวิเคราะห์หลายคนฟันธงแล้วว่า ปีนี้ 2021 Bitcoin มาแน่ และมันจะกลายเป็นเงินสกุลหลักที่ใช้อย่างแพร่หลายอย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้

แต่ก็มีความเห็นอีกฝ่ายออกมาบอกว่า การที่มูลค่าของ Bitcoin พุ่งทะยานอย่างก้าวกระโดดนั้น มาจากการที่ Paypal กระโดดเข้ามาร่วมวงโดยให้ทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันผ่านทางเว็บไซท์ Paypal ได้ง่ายๆ ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่ตกต่ำ ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะไปถือ Bitcoin กันมากขึ้น

ดังนั้นอนาคตของ Bitcoin ยังต้องดูกันอีกในระยะยาว เพราะ Bitcoin ก็เคยมีช่วงที่มูลค่าดิ่งเหวเกือบ 50% เหลือเพียง 6,000 ดอลลาร์/บิทคอยน์ เท่านั้นตอนปี 2018 ที่ว่ากันว่าเป็นยุคฟองสบู่แตกของ Bitcoin

แต่ก็มีนักลงทุนก็ยังยืนยันว่า ยังไง Bitcoin ก็มาแน่ รวมถึงเงินสกุลดิจิตอลอื่น ๆ ที่จะกลายเป็นยุคเปลี่ยนผ่านสู่โลกแห่งเศรษฐกิจการเงินยุคใหม่

แต่ทั้งนี้ทุกอย่างก็เป็นเพียงการคาดเดา และทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ในปี 2021 Bitcoin จะมาแน่หรือไม่ ไม่มีใครทราบแต่ที่แน่ๆ คือแมลงเม่ามาแล้ว


แหล่งข้อมูล

https://www.theguardian.com/.../bitcoin-hits-record-high...

https://newsroom.paypal-corp.com/2020-10-21-PayPal...

https://en.m.wikipedia.org/wiki/Cryptocurrency_bubble

เครดิต : หรรสาระ By Jeans Aroonrat

ครม.มีมติเห็นชอบ ผ่อนผันให้คนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นกรณีพิเศษ แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน และเลี่ยงการนำเข้าแรงงานต่างด้าว

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ ซึ่งพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งในกลุ่มคนไทยและคนต่างด้าวเป็นจำนวนมาก ทำให้รัฐบาลโดยการนำของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความห่วงกังวลเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้ทำงานอย่างถูกต้อง และมีการหลบหนีเนื่องจากเกรงกลัวความผิด จึงควรมีการกำหนดมาตรการตรวจสอบ คัดกรองโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค

ทั้งนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันกำหนดมาตรการ เฝ้าระวัง ติดตาม ควบคุม และป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดของโรค จนส่งผลกระทบต่อชีวิต และสุขภาพอนามัยของประชาชนคนไทยและแรงงานต่างด้าว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาให้ความเห็นชอบ เรื่อง การผ่อนผันให้คนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นกรณีพิเศษ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ เพื่อกำหนดมาตรการเร่งด่วนเพื่อเฝ้าระวัง ติดตาม ควบคุม และป้องกัน มิให้ส่งผลกระทบต่อชีวิต และสุขภาพอนามัยของประชาชนคนไทย โดยการผ่อนผันให้

1.) คนต่างด้าวที่มีนายจ้าง/สถานประกอบการ ประสงค์จ้างงาน

2.) คนต่างด้าวที่ยังไม่มีนายจ้าง/สถานประกอบการจ้างงาน

และ 3.) ผู้ติดตามซึ่งเป็นบุตรของคนต่างด้าวดังกล่าวที่มีอายุไม่เกิน 18 ปี อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นกรณีพิเศษ โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายออกประกาศกระทรวงมหาดไทยและประกาศกระทรวงแรงงาน และคนต่างด้าวทั้ง 3 ประเภทข้างต้น ต้องดำเนินการตามแนวทางที่ประกาศทั้ง 2 ฉบับกำหนด เพื่อให้สามารถอยู่ในราชอาณาจักรและทำงานได้ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566

"นายจ้าง/สถานประกอบการ ต้องดำเนินการตามแนวทางที่กำหนดเพื่อขอใบอนุญาตทำงาน และจัดทำทะเบียนประวัติคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ดังนี้

1.) คนต่างด้าวที่มีนายจ้าง/สถานประกอบการ ประสงค์จ้างงาน รวมถึงผู้ติดตามซึ่งเป็นบุตรของคนต่างด้าวดังกล่าวที่มีอายุไม่เกิน 18 ปี

- นายจ้าง/สถานประกอบการ ดำเนินการแจ้งรายชื่อคนต่างด้าว ผ่านระบบออนไลน์ โดยต้องยื่นเอกสารหลักฐานและรูปถ่ายคนต่างด้าว ตามที่กรมการจัดหางานกำหนด ระหว่างวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2564 ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

- นายจ้าง/สถานประกอบการ พาคนต่างด้าวเข้ารับการตรวจคัดกรองโควิด – 19 และตรวจสุขภาพโรคต้องห้าม กับโรงพยาบาลที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด และซื้อประกันสุขภาพเป็นระยะเวลา 2 ปี โดยต้องดำเนินการภายในวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2564

- นายจ้าง/สถานประกอบการชำระค่าคำขอและค่าธรรมเนียมการอนุญาตทำงานผ่าน เคาน์เตอร์เซอร์วิส หรือ ธนาคารกรุงไทย จำนวน 1,900 บาท และยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าวผ่านระบบออนไลน์ ให้กับคนต่างด้าวที่ผ่านการตรวจคัดกรองโควิด – 19 และโรคต้องห้าม พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานตามที่กรมการจัดหางานกำหนด ภายในวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2564

- คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงาน จะต้องไปจัดทำทะเบียนประวัติคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยที่มีใบอนุญาตทำงานอยู่ด้านหลังของบัตรสีชมพู ตามวิธีการและขั้นตอนที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด ภายในวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

2.) คนต่างด้าวที่ยังไม่มีนายจ้าง/สถานประกอบการจ้างงาน รวมถึงผู้ติดตามซึ่งเป็นบุตรของคนต่างด้าวดังกล่าวที่มีอายุไม่เกิน 18 ปี

- คนต่างด้าวต้องยื่นเอกสารหลักฐานและรูปถ่ายตามที่กรมการจัดหางานกำหนด ผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งมี 4 ภาษา คือ ไทย กัมพูชา ลาว เมียนมา ระหว่างวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2564 ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

- คนต่างด้าวจะใช้แบบแจ้งข้อมูลบุคคล ในการเข้ารับการตรวจคัดกรองโควิด – 19 และตรวจสุขภาพโรคต้องห้าม กับโรงพยาบาลที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด และซื้อประกันสุขภาพเป็นระยะเวลา 2 ปี โดยต้องดำเนินการภายในวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2564

- คนต่างด้าวที่ผ่านการตรวจโรค จะต้องไปจัดทำทะเบียนประวัติคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ตามวิธีการและขั้นตอนที่กระทรวงมหาดไทยกำหนดภายในวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2564 (คนต่างด้าวจะได้รับใบจัดทำทะเบียนประวัติ (ทร 38/1) เป็นหลักฐาน โดยที่ยังไม่ได้รับบัตรสีชมพู)

- คนต่างด้าวหานายจ้าง และลงทะเบียนรายชื่อคนต่างด้าวกับกรมการจัดหางาน และใช้บัญชีรายชื่อที่ได้การอนุมัติจากกรมการจัดหางาน ชำระเงินค่าคำขอและค่าธรรมเนียมการอนุญาตทำงานผ่าน เคาน์เตอร์เซอร์วิส และ ธนาคารกรุงไทย จำนวน 1,900 บาท และให้นายจ้าง/สถานประกอบการ ยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าวผ่านระบบออนไลน์ ให้กับคนต่างด้าวที่ผ่านการตรวจคัดกรองโควิด – 19 และโรคต้องห้าม พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานตามที่กระทรวงแรงงานกำหนด ภายในวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2564

- คนต่างด้าวไปปรับปรุงประวัติคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ที่มีใบอนุญาตทำงานอยู่ด้านหลังของบัตรสีชมพู ตามวิธีการและขั้นตอนที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด

สำหรับคนต่างด้าวที่ทำงานในกิจการประมงทะเล จะต้องไปจัดทำหนังสือ คนประจำเรือ หรือ Seabook (เล่มสีเขียว) กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) โดยมีค่าธรรมเนียม 100 บาท และเมื่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) พิจารณาเรียบร้อยแล้วคนต่างด้าวจะได้รับหนังสือคนประจำเรือ หรือ Seabook (เล่มสีเขียว) เป็นหลักฐาน ใช้คู่กับบัตรสีชมพูในการอยู่และทำงานในประเทศ" นายสุชาติฯ กล่าว

ทั้งนี้ นายจ้าง/สถานประกอบการ และคนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 10 หรือที่ไลน์ @Service_Workpermit หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน ซึ่งมีการจัดล่ามในภาษากัมพูชา เมียนมา และอังกฤษ ให้บริการข้อมูลข่าวสาร และแนะนำวิธีการดำเนินการ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top