Thursday, 12 June 2025
TheStatesTimes

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คว้ารางวัลใหญ่ นักเตะยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษ ระหว่างปี 2001 - 2020

สร้างสถิติและล่ารางวัลไม่หยุดหย่อน สำหรับซูเปอร์สตาร์โลกฟุตบอล คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ล่าสุดเจ้าตัวเพิ่งได้รับรางวัลใหญ่ ‘นักเตะยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษ ระหว่างปี 2001-2020’ จากงาน The Globe Soccer Award ที่จัดขึ้นโดยสมาคมกีฬาดูไบ ณ เบิร์จ คาลิฟา ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

งานนี้เจ้าตัวได้ออกมาเผยในฐานะที่ได้รางวัลอันทรงเกียรติครั้งนี้ว่า "ผมอยากจะพูดขอขอบคุณทุก ๆ คนที่ได้โหวตให้แก่ผม รวมไปถึงเพื่อนร่วมทีมทุก ๆ คน ทุกสโมสรที่ผมเคยลงเล่น และรวมถึงทีมชาติโปรตุเกส ซึ่งยังมีครอบครัวของผม รวมไปถึงเพื่อน ๆ และแน่นอนลูก ๆ ทั้ง 3 คน กับแฟนสาวของผมด้วย ที่พวกเขาคอยช่วยเหลือให้ผมเป็นคนที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในฐานะผู้เล่น และในฐานะคน ๆ หนึ่ง"

"อย่างที่ผมได้พูดมาตลอดว่า การคว้ารางวัลนั้น มันทำให้ผมมีแรงผลักดันที่จะดำเนินชีวิตของผมต่อไป ด้วยการเล่นฟุตบอล และมันเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ ที่ผมได้เป็นส่วนหนึ่งกับความสำเร็จในครั้งนี้ ที่เหล่าบรรดาผู้เล่นชั้นยอดนั้นต้องมาคัดเลือกให้เหลือเพียงหนึ่งคนที่ดีที่สุด ซึ่งมันเป็นเกียรติมาก ๆ แก่ตัวผม"

"มันจะไม่มีประโยชน์อะไร หากคุณมีพรสวรรค์ แต่ขาดความพยายาม ถ้าคุณต้องการที่จะได้สิ่งที่ดีเข้ามาในชีวิต คุณต้องเต็มใจที่จะทุ่มเททุกอย่างของคุณลงไปในงานที่คุณทำ"

ด่วน! ผู้ว่าฯสมุทรสาคร ‘วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี’ติดโควิด เร่งตรวจสอบคนใกล้ชิด-กลุ่มเสี่ยงสูงขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ ผลตรวจเป็นลบ แต่ต้องกักตัว 14 วัน หลังร่วมกิจกรรมกับผู้ว่าฯสมุทรสาคร

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ยอมรับว่า มีข้าราชการระดับสูงของจังหวัดสมุทรสาครติดเชื้อโควิด หลังจากมีกระแสข่าวระบุว่านายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครติดเชื้อโควิด-19

โฆษก ศบค.ระบุอีกว่า ขณะนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยการทำ swap test และกักตัว เนื่องจากได้เข้าร่วมทำกิจกรรมและประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร

ด้านคนใกล้ชิดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า ได้ทราบข่าวดังกล่าวแล้ว และยืนยันผลการตรวจดังกล่าวว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งนายอนุทินเองก็ได้รับการตรวจ ทั้งการ ตรวจหาเชื้อจากโพรงจมูกและคอหรือ SWAP (สวอป) แล้วและผล ออกมาเมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 ธันวาคมนี้พบว่า เป็นลบ แต่อย่างไรก็ตาม นายอนุทินจะเข้ากักตัวเป็นเวลา 14 วันตามมาตรการของด้านสาธารณสุข ดังนั้นในวันอังคารที่ 29 ธันวาคมนี้นายอนุทินจะไม่ได้เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่อย่างใด

 

ความเปลี่ยนแปลงของเมียนมาในปี 2020

คอลัมน์ AEC ภาคปฏิบัติ

ในช่วงเวลาที่เรามีการพูดถึงการแพร่ระบาดกันมากของโควิด-19 ในประเทศไทย โดยพุ่งประเด็นไปที่กลุ่มผู้ใช้แรงงานชาวเมียนมาที่ทำงาน ณ ตลาดกุ้งในจังหวัดสมุทรสาครนั้น จะว่าไปแล้ว ปี 2020 ก็เป็นปีที่มีความตื่นเต้นไม่น้อยในเมียนมา

โดยครึ่งปีแรก ในช่วงเวลาที่มีการระบาดของโควิด-19 ในหลาย ๆ ประเทศ  เมียนมาเองกลับเป็นชาติที่มีอัตราการติดเชื้อที่ค่อนข้างต่ำ และอยู่ในอัตราที่น้อยกว่าประเทศไทยด้วยซ้ำไป   เหตุการณ์เริ่มมาพลิกผันในช่วงไตรมาสที่สามของปีที่การระบาดเริ่มเพิ่มจำนวนสูงขึ้นจากการติดเชื้อมาจากการเดินทางระหว่างพื้นที่ตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศมายังนครย่างกุ้ง และขยายไปเมืองอื่น ๆ ในระยะต่อมา

ปีที่ผ่านมา ไทยเราติดอันดับ 4 ในการเป็นผู้นำเงินไปลงทุนในเมียนมา โดยที่ผู้ลงทุนมากที่สุดได้แก่ สิงคโปร์  ตามด้วยจีน  และฮ่องกง ที่มีการเคลื่อนย้ายเงินทุนมาลงทุนกันมาก กลับกันในปีนี้ ไทยเรากลับไม่ติดในTop 5 ของการลงทุน แต่กลับมีอังกฤษและญี่ปุ่นสอดแทรกเข้ามาในฐานะผู้ลงทุนรายใหญ่ในเมียนมาตามลำดับ 

เมียนมา เป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตของธุรกิจสูงขึ้นทุกปี โดยรัฐบาลมองการเพิ่มขนาดของGDP ให้โตได้เท่าตัวภายในปี 2029 รัฐบาลเองได้วาง 10 กลยุทธ์ 76 แผนปฏิบัติการภายใต้ชื่อ CERP (COVID19 Economic Relief Plan) โดยใช้ Digital economy เป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อน (Digital Trading เติบโตถึง 183% ในเมียนมา โตเป็นลำดับ 7 ในอาเซียน)

นอกเหนือจากการวางรากฐานทางการเงิน และอื่น ๆ ซึ่งได้แก่ การปรับโครงสร้างเรื่องแรงงาน   การจัดการด้านครัวเรือน ประชากรศาสตร์  และให้ความสำคัญด้านระบบสาธารณสุข ปัจจุบัน เมียนมามีเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านสาธารณสุขอยู่เพียง 130,000 คน มีหมอ 35,000 คน  พยาบาล 35,000 คน  หมอฟัน 12,000 คน และอื่น ๆ อีกไม่มาก

ซึ่งจะต้องเร่งเพิ่มปริมาณให้มีจำนวนมากขึ้นกว่านี้ ล่าสุดเมียนมาได้อัดฉีดเงินเข้าระบบสาธารณสุข โดยทำให้ยอดเงินลงทุนด้านสาธารณสุขปรับมาอยู่ที่ระดับ 5USD ต่อประชากรหนึ่งคน  และนอกจากนี้รัฐบาลยังได้อนุมัติในการกู้เงินเพื่อนำมาซื้อวัคซีนป้องกันโรคระบาด COVID-19 ไว้อีกระดับหนึ่ง  

ท่านผู้อ่านครับ ระบบโรงพยาบาลและสาธารณสุขในเมียนมายังค่อนข้างล้าหลัง และผู้คนต้องออกมารักษากันนอกประเทศปีหนึ่งถึง 250,000 คนโดยประมาณ ซึ่งเราจะพบว่า 56% ที่มาตรวจรักษาในประเทศไทย จนโรงพยาบาลเอกชนเราต้องรับชาวเมียนมา มาเป็นเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและไปเปิดสำนักงานตัวแทนกันถึงเมียนมาในหลากหลายเมือง

ตอนต่อไปจะกลับมาพูดถึงการเติบโตของเศรษฐกิจในหมวดอื่น ๆ กันต่อครับ


จิรวัฒน์

ผู้บุกเบิกการตลาด อินโดจีน พม่า อาเซียนให้บริษัทยักษ์ใหญ่ ตั้งแต่ยุคที่อาเซียนยังไม่ได้รวมตัวกัน เอาประสบการณ์ตรงมาเล่าแบ่งปัน ในวันที่โควิด - 19 ล็อคประตูเพื่อนบ้าน เรายิ่งต้องทำงานหนักมากขึ้น

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (28 ธันวาคม พ.ศ.2563)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 144 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 6,285 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 60 ราย รักษาหายเพิ่ม 19 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 4,180 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2,045 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 144 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าพักสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จาก สวิตเซอร์แลนด์ 1 ราย ,เนเธอร์แลนด์ 1 ราย ,เนปาล 1 ราย ,สหรัฐอเมริกา 2 ราย ,อินเดีย 1 ราย ,เยอรมนี 1 ราย ,ญี่ปุ่น 3 ราย ,สหราชอาณาจักร 3 ราย ,เดนมาร์ก 1 ราย ,ตุรกี 1 ราย

ผู้ติดเชื้อในประเทศ (มีประวัติเชื่อมโยงกับ Cluster จ.สมุทรสาคร และ จ.ระยอง) จำนวน 115 ราย

ผู้ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าว (คัดกรองเชิงรุกในชุมชน) 14 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 152 ราย รักษาหายแล้ว 149 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 364 ราย รักษาหายแล้ว 360 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 7.13 แสน ราย รักษาหายแล้ว 5.84 แสน เสียชีวิต 21,237 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 37 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.05 แสน ราย รักษาหายแล้ว 84,411 ราย เสียชีวิต 452 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.22 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.03 แสน ราย เสียชีวิต 2,601 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.7 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.39 แสน ราย เสียชีวิต 9,109 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,524 ราย รักษาหายแล้ว 58,370 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,441 ราย รักษาหายแล้ว1,303 ราย เสียชีวิต 35 ราย

กรมทรัพย์สินทางปัญญา เดินหน้าผลักดันสินค้าไทย ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) เล็ง ‘ปลาทูแม่กลอง -เนื้อโคขุน’ อยู่ในลิสต์ขึ้นทะเบียนปีหน้า

นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมฯ มีแผนผลักดันให้มีการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) เพิ่มขึ้น อีก 48 สินค้า จาก 31 จังหวัด ในปี 2564  หลังจากได้รับการส่งรายชื่อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ชุมชนท้องถิ่นที่คาดว่าจะขึ้นทะเบียนเป็นจีไอ จากพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศมาแล้ว 168 สินค้า จาก 50 จังหวัด เพราะเห็นว่าในปี 64 ยังมีสินค้าท้องถิ่นที่มีโอกาสผลักดันขึ้นเป็นสินค้าทะเบียนจีไออีกมาก ดังนั้นจะลงพื้นที่เพื่อไปให้คำแนะนำ และจะเร่งทำการคัดเลือก ก่อนผลักดันให้มีการขึ้นทะเบียนสินค้าจีไอต่อไป

ที่ผ่านมา กรมฯ ได้ให้คำแนะนำไปแล้ว 20 สินค้า 7 จังหวัด ได้แก่ 1.น้ำตาลมะพร้าวแม่กลอง ปลาทูแม่กลอง และเกลือสมุทรแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม 2.ตุ๊กตาชาววังบางเสด็จ กระท้อนทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่า และจักสานไม้ไผ่บางเจ้าฉ่า จ.อ่างทอง 3.เสื่อกกนาหมอม้า ข้าวสินเหล็ก ข้าวหอมมะลิอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ 4.กล้วยตากเขมราฐ จ.อุบลราชธานี 5.เนื้อโคขุนกำแพงแสน และมะพร้าวน้ำหอมสามพราน จ.นครปฐม 6.สับปะรดน้ำหนาว น้ำผึ้งดอกมะขามเพชรบูรณ์ ทุเรียนน้ำหนาว ข้าวพญาลืมแกงน้ำหนาว และลิ้นจี่ป้าชิดเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ และ 7.มะขามหวานศรีภักดี กล้วยหอมทองหนองบัวแดง และมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองบ้านโหล่น จ.ชัยภูมิ  

ปัจจุบันมีสินค้าจีไอที่ขึ้นทะเบียนทั้งหมด 151 สินค้า แบ่งเป็นจีไอไทยจำนวน 134 สินค้า และจีไอต่างประเทศ จำนวน 17 สินค้า สินค้าใหม่ที่ขึ้นทะเบียนล่าสุด 2 สินค้า ได้แก่ ส้มแม่สิน จ.สุโขทัย และข้าวหอมมะลิดินภูเขาไฟบุรีรัมย์ และได้ตั้งเป้าหมายปี 2564 จะมีสินค้าที่ขึ้นทะเบียนจีไออย่างน้อย 18 สินค้า

Zeed Ep 3 : ทีมสุดซี้ดแห่งปี

ปล่อยคลิปรวมมิตร ‘เรื่องสุด Zeed แห่งปี’ ไป 2 EP. งานนี้ยังเวรี่กู้ เอ้ย! เวรี่ฮอตกันไม่พอครับ The States Times เลยขอจัด EP.3 ตามมาอีกหนึ่งดอก เพื่อเป็นการส่งท้ายปี คราวนี้ว่ากันด้วยเรื่อง ‘ทีมสุด Zeed แห่งปี’ ไปดูกันว่า รอบปี 2020 นี้ มีทีมอะไรเข้าขั้น Zeed Zeed กันบ้าง

.

(ย้อนดูคลิป EP.1 คู่ปะทะสุด Zeed แห่งปีได้ที่: https://www.facebook.com/111420904033712/videos/210397660668022 ย้อนดูคลิป EP.2 ของสุด Zeed แห่งปีได้ที่: https://www.facebook.com/111420904033712/videos/153736799506196 )

สมาคมอุตสาหกรรมดนตรีญี่ปุ่น (RIAJ) รับรองเพลง ‘Dynamite’ ของศิลปิน BTS ขึ้นระดับ Platinum ในประเภทสตรีมมิ่ง หลังจากที่เพลงมียอดสตรีมมากกว่า 100 ล้านครั้ง ด้าน TWICE ไม่น้อยหน้า ก้าวสู่ระดับ Gold และ Silver หลายเพลง

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Recording Industry Association of Japan (RIAJ) ได้ใช้ระบบการรับรองใหม่สำหรับการสตรีมเพลงออนไลน์ นอกเหนือจากระบบการรับรองที่มีอยู่แล้วจากการจัดส่งอัลบั้มจริงและการขายแบบดิจิทัล ตามระบบใหม่เพลงจะได้รับการรับรองระดับ Silver เมื่อมียอดสตรีมถึง 30 ล้านสตรีม ระดับ Gold ที่ 50 ล้านสตรีม และระดับ Platinum ที่ 100 ล้านสตรีม

ในการรับรองชุดล่าสุด (พฤศจิกายน 2020) RIAJ ได้รับรองเพลง “Dynamite” ของ BTS อย่างเป็นทางการ ซึ่งได้รับการรับรองระดับ Platinum ในประเภทสตรีมมิง หลังจากที่เพลงมียอดสตรีมมากกว่า 100 ล้านครั้งในเวลาเพียงสามเดือน แม้ว่า BTS จะเคยได้รับการรับรองระดับ Platinum จาก RIAJ จากยอดขายแผ่น แต่ความสำเร็จครั้งล่าสุดนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เพลงของพวกเขาได้รับการรับรองระดับ Platinum จากการสตรีมเพลง

โดย “Dynamite” ถือเป็นเพลงแรกของศิลปินกลุ่มต่างชาติในประวัติศาสตร์ RIAJ ที่เคยได้รับการรับรองระดับ Platinum จากการสตรีมเพลง

นอกจากนี้ BTS ยังได้รับการรับรองระดับ Gold 2 รายการ จากเพลง“ DNA” และ“ Stay Gold” ซึ่งแต่ละรายการมียอดสตรีมทะลุ 50 ล้านครั้ง รวมถึงการรับรองระดับ Silver จากเพลง “Your Eyes Tell” ซึ่งเป็นเพลงภาษาญี่ปุ่นที่จองกุกร่วมแต่ง

ขณะที่ TWICE ก็ได้รับการรับรองหลายรายการในประเภทสตรีม จากกลุ่มเพลงฮิตอย่าง “What is Love?” และเพลง“ YES or YES” ได้รับการรับรองระดับ Gold และเพลงญี่ปุ่น “Candy Pop” ได้รับการรับรองระดับ Silver ทำยอดถึง 30 ล้านสตรีม

ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของ BTS และ TWICE ด้วยจ้า


ที่มา: https://www.soompi.com/article/1445689wpp/bts-becomes-1st-foreign-group-ever-to-receive-riaj-platinum-certification-for-streaming-in-japan-twice-goes-gold-and-silver-with-multiple-songs

 

คนไม่ใช่ ทำอะไรก็ผิด ! หลังจากที่ Ant Group ของ Jack Ma เจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซจีน ถูกระงับ IPO ซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์

เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ล่าสุดบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านฟินเทคจีน โดนเรียกเข้าให้ข้อมูลต่อหน่วยงานกำกับฯ พร้อมขอให้กลับไปโฟกัสธุรกิจบริการจ่ายเงินเท่านั้น

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของจีน ได้เรียกให้ตัวแทนของ Ant Group เจ้าของแพลตฟอร์มอย่าง Alipay เข้าพูดคุยในเรื่องของการผูกขาดทางธุรกิจ โดยได้ให้กลับไปปฏิรูปธุรกิจอื่นๆ ของบริษัท เช่น ธุรกิจให้สินเชื่อ ธุรกิจประกันภัย และธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง ไม่ให้มีอำนาจเหนือตลาดและบริหารจัดการความเสี่ยงให้มากขึ้น และหากเป็นไปได้ขอให้กลับไปทำแค่ธุรกิจผู้ให้บริการธุรกรรมการชำระเงินเท่านั้น

โดยหน่วยงานกำกับดูแลของจีนได้ขอให้ Ant Group ทำตามกฏระเบียบโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการผูกขาดทางการค้าหลังจากที่ Alibaba ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ก็กำลังโดนสอบสวนข้อหานี้อยู่เช่นกัน

แม้ว่าก่อนหน้านี้ ทาง Jack Ma ประกาศว่า จะให้ทางการจีนใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของ Ant Group เท่าที่ต้องการได้อย่างเต็มที่ เพื่อพยายามรอมชอมขอคืนดีกับรัฐบาลจีนรวมถึงเปิดทางให้ Ant Group สามารถ IPO ได้สำเร็จ

แต่สัญญาณที่ส่งไป กลับไม่ได้รับความใยดี เมื่อทางการจีน ยังไม่หยุดไล่เบี้ยกับธุรกิจของ Jack Ma ทั้ง Alibaba และ Ant Group อย่างต่อเนื่อง

ว่ากันว่า เรื่องยุ่งยากทั้งหมด เริ่มจากการที่ Jack Ma ได้เคยออกความเห็นวิจารณ์กฎเกณฑ์การควบคุมระบบการเงินแบบเดิมๆของรัฐบาลจีนว่า

"กฎเกณฑ์ของธนาคารจีนเดิมๆ ไม่เหมาะสมกับการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ถ้าทางธนาคารไม่ยอมปรับปรุง เราก็จะใช้นวัตกรรมใหม่ๆมาแก้ปัญหาระบบการเงินกันเอง"

คำกล่าวนั้น เหมือนเป็นการราดน้ำมันในกองไฟ ทำให้รัฐบาลจีน ตัดสินใจระงับการออก IPO ของ Ant กลางอากาศ ที่สำคัญมันได้สร้างความเสียหายให้บริษัท Alibaba ไปแล้วกว่า 10 ล้านล้านบาทในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมานี้จากราคาหุ้นที่ตกลงไป - 32%

และถ้าหาก Ant Group สามารถทำ IPO ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เป็นผลสำเร็จ จะทำให้กลายเป็น IPO ใหญ่ที่สุดในโลกทันที ด้วยเม็ดเงินสูงถึง 35,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เอาชนะ Saudi Aramco บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของซาอุดิอาระเบียทันที

การที่ Ant Group มีมูลค่าธุรกิจค่อนข้างสูง เพราะไม่ได้มีเพียง Alipay แพลตฟอร์มการชำระเงินเท่านั้น แต่ยังมีบริการทางการเงินอื่นๆ อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น

1.) ธุรกิจชำระเงิน (Payment) - Alipay

2.) ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง ( Wealth Management) – Yu’s Bao, Ant Fortune

3.) ธุรกิจกู้ยืม ( Lending) – Mybank, Zhao Cai Bao, Ant Cash Now

4.) ธุรกิจประกันภัย (Insurance) – Ant Insurance

5.) ธุรกิจตรวจสอบเครดิต (Credit Reference) – Zhima Credit

จากธุรกิจที่หลากหลายของ Ant Group ข้างต้น ทำให้ถูกประเมินมูลค่าเอาไว้สูงมาก

อย่างไรก็ตาม การที่ Ant Group มีอัตราการเติบโตค่อนข้างเร็ว และเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มที่ขยายไปในทุกกลุ่มธุรกิจ ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของจีน หวั่นว่าจะทำให้เกิดการผูกขาด โดยอาศัยความเป็นผู้นำตลาดสกัดคู่แข่งรายอื่น ๆ

ต้องติดตามดูว่า Jack Ma จะแก้เกมอย่างไร และจะสามารถรอมชอมกับทางการจีนได้หรือไม่ เพราะหากว่า ถูกระงับการให้บริการทางการเงินทั้งหมด เหลือเพียง Alipay เท่านั้น ไม่เพียงดับฝันการทำ IPO แต่ยังจะทำให้มูลค่าธุรกิจของ Ant Group และ Alibaba เสียหายอย่างมหาศาล


ที่มา : https://www.scmp.com/business/companies/article/3115466/beij

“ผู้บัญชาการทหารบก” สั่งหน่วยทหารดูแลประชาชนรับมือ COVID-19 พร้อมจัดทหารชุด Army delivery ลงช่วยชุมชนที่เดือดร้อน กำชับให้หน่วยจัดอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อให้ทหารตามแนวชายแดนอย่างเหมาะสม

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ประชุมหน่วยขึ้นตรงทั่วประเทศด้วยระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ รับทราบความคืบหน้าสถานการณ์ COVID-19 ในแต่ละพื้นที่

โดยได้สั่งการให้หน่วยทหารในทุกจังหวัดให้การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ตามมาตรการของแต่ละจังหวัด ควบคู่ไปกับการดูแลช่วยเหลือประชาชน

ทั้งนี้กองทัพบก มอบให้หน่วยทหารเข้าช่วยเหลือประชาชนตามมาตรการที่เคยปฏิบัติตั้งแต่เริ่มมีสถานการณ์ COVID-19 อาทิ การช่วยเหลือ ผู้มีรายได้น้อย ผู้ด้อยโอกาส หรือผู้พิการทุพพลภาพตามศักยภาพของหน่วย การช่วยรับซื้อพืชผลทางการเกษตรจากเกษตรกรโดยตรง การกระจายรายได้ให้กับชุมชนในรูปการซื้อเครื่องอุปโภค - บริโภค จากร้านค้าขนาดเล็กเพื่อมาประกอบเลี้ยง

รวมถึงการจัดชุด Army delivery มอบเครื่องยังชีพ ลดรายจ่าย ครัวพระราชทานประกอบเลี้ยง จำหน่ายผลผลิตราคาถูกจากโครงการทหารพันธุ์ดี โดยเฉพาะการช่วยรับซื้อสินค้าเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากความไม่มั่นใจในเรื่องการปนเปื้อนในขณะนี้ เช่น อาหารทะเล เป็นต้น เพื่อช่วยสร้างความมั่นใจและเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรง

ให้ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากในขณะนี้

ทั้งนี้ ในส่วนของสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ที่ได้เปิดช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าสนับสนุนเกษตรกรและ SME ในชื่อ “OHLALA-SHOPPING” ก็จะสามารถช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบได้อีกช่องทางหนึ่ง

ในเรื่องของสุขอนามัยส่วนรวม กองทัพบกได้มอบให้หน่วยทหารให้การสนับสนุนภาคส่วนต่าง ๆ ในการทำความสะอาดลดการปนเปื้อนของเชื้อโรค โดยเฉพาะสถานที่สาธารณะที่มีประชาชนไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก อาทิ สถานีขนส่ง ตลาด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการไปใช้บริการ

รวมทั้งได้มอบให้กรมวิทยาศาสตร์ทหารบกจัดเตรียมน้ำยาเคมี สารฆ่าเชื้อและชุดปฏิบัติการวิทยาศาสตร์เพื่อสนับสนุนทุกภาคส่วนในการลดล้างสิ่งปนเปื้อนตามการร้องขอ รวมไปถึงในช่วงเทศกาลปีใหม่ให้พิจารณาแจกจ่ายหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์กระจายให้กับประชาชนอย่างกว้างขวาง

สำหรับการดูแลหน่วยทหารและกำลังพล โดยเฉพาะผู้ที่ออกปฏิบัติงานในพื้นที่ต่าง ๆ รวมถึงกำลังพลที่ปฏิบัติงานเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศไทยตามแนวชายแดนนั้น ผู้บัญชาการทหารบก ได้ให้ความสำคัญพร้อมแสดงความห่วงใย

โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ควบคุมสูงสุด กำชับให้หน่วยได้จัดอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อให้เหมาะสม เพียงพอ และมีความปลอดภัย รวมทั้ง กำชับให้ ศบค.19 ทบ. กำกับดูแลให้หน่วยทหารเคร่งครัดตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในระดับหน่วย กำลังพล ครอบครัว และทหารกองประจำการ

ทั้งนี้ ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร กองทัพบกโดยกองทัพภาคที่ 1 ยังคงให้การสนับสนุนทางจังหวัด ณ กองอำนวยการร่วม (ส่วนหน้า) ที่ตลาดกลางกุ้ง ได้มีการจัดวางแนวรั้วด้วยเครื่องกีดขวางรอบพื้นที่ควบคุมดังกล่าว จัดชุดลาดตระเวนเดินเท้าและรถยนต์ ชุดเฝ้าตรวจตลอด 24 ชั่วโมง

ล่าสุด ได้จัดตั้งกองอำนวยการร่วมอีกหนึ่งพื้นที่ ณ สนามกีฬากลางจังหวัด ซึ่งเตรียมจัดตั้งเป็น “ศูนย์ห่วงใยคนสาคร” เพื่อใช้เป็นพื้นที่ควบคุมและเฝ้าระวังโรค

รมว.แรงงาน ‘สุชาติ ชมกลิ่น’ กำชับสำนักงานประกันสังคม ดูแล ลูกจ้าง ผู้ประกันตน เดินทางช่วงเทศกาลหยุดยาวปีใหม่ ย้ำเจ็บป่วยฉุกเฉินเข้ารักษารพ. ทุกแห่งไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมเตือนการ์ดอย่าตกช่วงวิกฤตโควิด 19

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยลูกจ้าง ผู้ประกันตน และประชาชน ในการเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ กำชับ นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เร่งหน่วยงานในกำกับสำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ ให้บริการรวมถึงอำนวยความสะดวก พร้อมประชาสัมพันธ์ เรื่องกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินแก่ ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ในการเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลปีใหม่

พร้อมกำชับ ลูกจ้าง ผู้ประกันตน การ์ดอย่าตกในช่วงวิกฤตโควิด-19 หลีกเลี่ยงกิจกรรมการรวมตัวของคนจำนวนมา ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค พร้อมดูแลสุขภาพตัวเอง สวมหน้ากากอนามัยขณะเดินทาง ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยเจลแอลกอฮอล์ เพื่อความปลอดภัย ปลอดโรค

ด้านนายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใย ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ที่จะเดินทาง กลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวปีใหม่ 2564

ซึ่งมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน พร้อมกำชับสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ ให้บริการรวมถึงอำนวยความสะดวก พร้อมเร่งประชาสัมพันธ์ เรื่องกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน แก่ ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ในขณะเดินทางด้วยความระมัดระวัง ในการขับขี่ยานพาหนะ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะเดินทาง

พร้อมแนะนำให้พกบัตรประจำตัวประชาชน ติดตัวไว้ หากเกิดเจ็บป่วยฉุกเฉินหรือได้รับอุบัติเหตุ หรือมีอาการเจ็บป่วยกะทันหัน ลูกจ้าง ผู้ประกันตน สามารถเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดได้ทันที ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมจะพิจารณา จ่ายประโยชน์ทดแทนค่าบริการทางการแพทย์ให้ภายใน 72 ชั่วโมง ตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กำหนด

ทั้งนี้ขอให้ผู้ประกันตน หรือโรงพยาบาลที่ให้การรักษา และผู้ที่เกี่ยวข้อง แจ้งโรงพยาบาลที่ผู้ประกันตนเลือกไว้ทราบโดยเร็ว ตั้งแต่เข้ารับการรักษา เพื่อให้โรงพยาบาลรับผิดชอบให้บริการทางการแพทย์ให้กับผู้ประกันตนต่อไป

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยังได้ย้ำในเรื่อง การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้วิธีป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่นี้ ให้กับ ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ที่จะเดินทางออกนอกบ้านในช่วงนี้ หรือเดินทางกลับภูมิลำเนา ให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว

โดยไม่จำเป็น และรวมตัวของคนจำนวนมาก และง่ายต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค พร้อมดูแลสุขภาพตัวเองอย่าประมาท สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า ตลอดเวลา หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยเจลแอลกอฮอล์ เพื่อคนไทยปลอดภัย ปราศจากโรคแน่นอน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 12 แห่ง สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขา/ที่ท่านสะดวก หรือโทร 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top