Thursday, 10 July 2025
TheStatesTimes

โฆษก ตร.แจง การแต่งตั้ง พ.ต.อ.ไพรัตน์ฯ รอง ผบก.อก.ภ.9 เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ โดยหน่วยเสนอเป็นผู้เหมาะสม ยังไม่เข้าเกณฑ์ที่จะพรากสิทธิ์ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งตรวจสอบทุกมิติ หากพบมีมูลทางวินัยพร้อมจะดำเนินการต่อไป

(18 ม.ค.68) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) กล่าวถึงกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อโซเชียล กรณีการแต่งตั้ง พ.ต.อ.ไพรัตน์ หรือ พงศ์รัตน์ ไพพรรณรัตน์ รองผู้บังคับการอำนวยการ ตำรวจภูธรภาค 9 (รอง ผบก.อก.ภ.9) เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเป็น ผู้บังคับการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจราย พ.ต.อ.พงศ์รัตน์ฯ เป็นการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจวาระประจำปี 2567 ซึ่งเป็นการดำเนินการภายใต้ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ที่เป็นกฎหมายที่มุ่งเน้นการปฏิรูประเทศด้านกระบวนการยุติธรรมตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อให้กระบวนการแต่งตั้งเกิดความโปร่งใสเป็นไปตามหลักของ “อาวุโสและความรู้ความสามารถ”

พ.ต.อ.พงศ์รัตน์ฯ จัดอยู่ในกลุ่มอาวุโสร้อยละ 50 ซึ่งทางตำรวจภูธรภาค 9 ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดเสนออยู่ในบัญชีผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น โดยการพิจารณาว่าข้าราชการตำรวจรายใดมีความเหมาะสมที่จะเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นนั้น จะมีกระบวนการพิจารณาตามลำดับชั้นจากระดับกองบังคับการ แล้วเสนอไปยังกองบัญชาการ โดยกรณี พ.ต.อ.พงศ์รัตน์ฯ นั้น ผบก.อก.ภ.9 ได้เสนอให้คณะกรรมการระดับกองบัญชาการได้พิจารณาว่าเป็นผู้เหมาะสม ไม่ขัดคุณสมบัติที่จะสามารถเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นได้ โดยคณะกรรมการระดับกองบัญชาการเห็นพ้องกับข้อมูลที่ผู้บังคับการเสนอ

อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้พูดถึงกรณีการแต่งตั้ง พ.ต.อ.พงศ์รัตน์ฯ นอกเหนือจากอาวุโสและความรู้ความสามารถแล้ว ยังจะต้องพิจารณาในเรื่องของประวัติการรับราชการและความประพฤติอีกด้วย โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการถูกดำเนินการทางวินัยหรือต้องหาคดีอาญาแล้ว ปรากฏว่ายังไม่มีการรายงานตนต้องคดีหรือมีการรายงานจากหน่วยต้นสังกัดมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ทั้งนี้ ในส่วนของการพิจารณา พ.ต.อ.พงศ์รัตน์ฯ ในเรื่องของความประพฤตินั้น จากข้อมูลพบว่าถูกศาลจังหวัดพัทยาออกหมายจับ ที่ จ.430/2567 ลง 19 สิงหาคม 2567 ในความผิดฐาน เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ทำให้มีการพิจารณาต่อไปว่าเหตุในการออกหมายจับดังกล่าวนั้น เกิดจากการกระทำผิดโดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการ อันจะทำให้ความเชื่อมั่นศรัทธาในการบังคับใช้กฎหมายของประชาชนเสื่อมถอยลง หรือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่หรือไม่อย่างไร  

ผลการประชุมพิจารณาหารือพบว่า การพิจารณาข้าราชการตำรวจรายใดดำรงตำแหน่งสูงขึ้น จึงต้องพิจารณาจากประโยชน์ที่จะเกิดกับราชการควบคู่ไปกับการคุ้มครองสิทธิต่าง ๆ ของข้าราชการตำรวจที่กฎหมายได้รับรองไว้ด้วย เมื่อกระบวนการทุกขั้นตอนรวมถึงคุณสมบัติต่าง ๆ ของข้าราชการตำรวจครบถ้วน และยังไม่ปรากฎ หรือมีเหตุทางกฎหมายที่จะพรากสิทธิของ พ.ต.อ.พงศ์รัตน์ฯ ที่กฎหมายได้รับรองไว้ จึงต้องคัดเลือกแต่งตั้งตามที่หน่วยเสนอ ตามสิทธิ ระเบียบ กฎหมาย และกฎที่เกี่ยวข้อง  

อย่างไรก็ตาม สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้นิ่งนอนใจ และจะไม่ละเลยในการดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้น หากผลของการดำเนินการดังกล่าวนำไปสู่การดำเนินการทางวินัยก็ยังสามารถดำเนินการต่อไปได้ แต่ในปัจจุบันสำนักงานตำรวจแห่งชาติจำเป็นจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ไปตามลำดับก่อน

ตำรวจไทยสุดยอด!!! เจอเด็กญี่ปุ่นแล้ว สถานทูตญี่ปุ่นมารับตัวกลับประเทศโดยปลอดภัย

(18 ม.ค.68) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศพดส.ตร.) เปิดเผยว่า กรณีเยาวชนชายชาวญี่ปุ่นที่หายตัวไป ญาติไม่สามารถติดต่อได้หลังจากเดินทางมาประเทศไทยนั้น ล่าสุดตำรวจพบตัวแล้ว และได้ประสานทางการญี่ปุ่นรับตัวกลับประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สร้างความยินดีกับครอบครัวและชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าครอบครัวเยาวชนชายคนหนึ่งร้องขอความช่วยเหลือกรณีเยาวชนดังกล่าวเดินทางมายังประเทศไทยแล้วไม่สามารถติดต่อได้ ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยช่วยตรวจสอบ ต่อมา พล.ต.อ.ธัชชัยฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศพดส.ตร. เร่งตรวจสอบจนพบเยาวชนชายดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนเกิดเหตุเยาวชนชายชาวญี่ปุ่นได้เล่นเกมออนไลน์เกมหนึ่ง ซึ่งสามารถเล่นได้กับผู้อื่นแบบสาธารณะ จนกระทั่งสนิทสนมกับบุคคลหนึ่งในเกม และถูกชักชวนมายังประเทศไทย เยาวชนชายคนดังกล่าวจึงเดินทางมายังประเทศไทยโดยไม่แจ้งให้ทางครอบครัวทราบ จากนั้นทางครอบครัวไม่สามารถติดต่อได้ จึงขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น และตำรวจญี่ปุ่น ก่อนมีการประสานกับตำรวจไทยให้ช่วยติดตามตรวจสอบ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศพดส.ตร.ได้ติดตามจนพบตัวเยาวชนดังกล่าว โดยใช้เวลาเพียง 1 วัน หลังได้รับแจ้ง และได้ประสานสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยให้รับตัวกลับประเทศโดยปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อย

ล่าสุดทางสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย โดย พ.ต.อ.นาโอโตะ วาตานาเบะ ผู้ช่วยทูตตำรวจญี่ปุ่น , นายซาโต้ โทโมโนริ เลขานุการโท และกงสุล และ นายพิสิฏฐ์ ไม้ประเสริฐ ผู้ช่วยกงสุล ได้เข้าพบ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ เพื่อแสดงความขอบคุณในการให้ความช่วยเหลือติดตามตัวเยาวชนชายชาวญี่ปุ่น จนกระทั่งสามารถพากลับประเทศอย่างปลอดภัยในเวลาอันรวดเร็ว 

ทั้งนี้ รัฐบาลโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยในความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดูแลอย่างเข้มงวดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว ซึ่ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับข้าราชการตำรวจทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องดูแลนักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด โดย พล.ต.อ.ธัชชัยฯ ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศพดส.ตร. และตำรวจทุกพื้นที่ ทุกหน่วยงาน ใส่ใจในการช่วยเหลือทุกกรณีอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย 

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นอุทาหรณ์สำหรับเยาวชนไทยด้วย จึงขอฝากเตือนเด็กและเยาวชนให้ระมัดระวังการติดต่อพูดคุยกับบุคคลแปลกหน้าในเกมออนไลน์ หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ อาจมีผู้ไม่หวังดีชักชวนให้ทำเรื่องที่ไม่สมควรได้ และขอฝากพ่อแม่ ผู้ปกครอง ให้คอยดูแลบุตรหลานในการเล่นเกม หรือใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างระมัดระวัง และให้คำแนะนำที่ถูกต้อง เหมาะสมแก่บุตรหลาน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นอันตราย หรือเดือดร้อนเป็นภัยกับตัวเอง

ทำความรู้จัก ‘เดนนิส ลอว์’ ราชันย์สตั๊ดเหินหาวแห่ง ‘โอลด์แทรฟฟอร์ด’ หนึ่งในตำนาน ‘United Trinity’ คนสุดท้ายที่เพิ่งลาลับตลอดกาล

(19 ม.ค. 68) หากคุณเป็นคนหนึ่งที่รักในเกมฟุตบอล ต่อให้คุณไม่ใช่แฟนบอลของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด อย่างน้อยที่สุดคุณก็ต้องเคยได้ยินเรื่องเล่าขานถึงความเก่งกาจของชายผู้เป็นตำนานสุดยอดดาวยิงคนหนึ่งเท่าที่โลกใบนี้เคยมีมา ผู้เป็นเจ้าของลีลาถล่มประตูที่ดุดัน ถึงลูกถึงคน ทำประตูได้ทุกรูปแบบโดยเฉพาะท่าไม้ตายการกระโดดวอลเลย์ลูกกลางอากาศอย่างสวยงาม รวมไปถึงท่าดีใจอันเป็นเอกลักษณ์ด้วยการยกแขนขวาเหยียดตรงชูมือขึ้นสู่ท้องฟ้า อันเป็นภาพคุ้นตาของแฟนบอลในยุค 60’s ต่อ 70’s และเป็นหนึ่งในสามประสาน ‘United Trinity’ ร่วมกับ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน และ จอร์จ เบส อดีตขุนพลเอกแห่งสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ภายใต้การนำทีมของเซอร์ แมตต์ บัสบี้ นำความสำเร็จมาสู่สโมสรและวงการฟุตบอลอังกฤษอย่างถล่มทลาย สถิติมากมายได้ถูกสร้างขึ้นและคงอยู่อย่างยาวนาน บางสถิติก็ยังไม่ถูกทำลายลงไปได้จนถึงปัจจุบัน 

เนื่องในโอกาสการจากไปของเดนนิส ลอว์ ใดใด Digest ขอน้อมคารวะชายผู้เป็นตำนานท่านนี้ด้วยการบันทึกเรื่องราวของเขาไว้ ณ ที่นี้ครับ 

เดนนิส ลอว์ เกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1940 ณ เมืองอเบอร์ดีน ประเทศสก็อตแลนด์ ในครอบครัวชนชั้นแรงงานที่ฐานะไม่สู้ดีนัก โดยเป็นน้องคนสุดท้องในบรรดาพี่น้อง 7 คน และในความยากจนนี่เองที่เด็กน้อยเดนนิสได้ค้นพบความหลงใหลในกีฬาฟุตบอลของตัวเองจากการเตะลูกฟุตบอลทำเองจากเศษผ้าเล่นกับบรรดาพี่น้องและเพื่อนฝูง และด้วยพรสวรรค์อันโดดเด่นของเดนนิส ทำให้เขาฉายแสงออกมาจากเพื่อนรุ่นเดียวกันอย่างชัดเจนและในไม่นานก็ถูกค้นพบโดยแมวมองจากสโมสรฟุตบอลอาชีพ ซึ่งทำให้เดนนิสได้มีโอกาสได้ไปทดสอบฝีเท้าและเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพด้วยอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น โดยสโมสรที่ค้นพบเดนนิสและเซ็นสัญญาอาชีพด้วยเป็นทีมแรกคือสโมสรฮัดเดอส์ฟิลด์ทาวน์ (อ่านมาถึงตรงนี้ ใครรู้สึกคุ้นๆชื่อสโมสรนี้ ใช่ครับ! นี่คือสโมสรที่หนึ่งในตำนานนักฟุตบอลชาวไทยอย่างพี่ซิโก้ เกียติศักดิ์ เสนาเมืองของเราเคยบินมาค้าแข้งด้วยเป็นเวลาสั้นๆนั่นเอง) ในเวลานั้นกุนซือของฮัดเดอส์ฟิลด์ทาวน์ได้แก่ บิลล์ แชงค์ลี่ ผู้ซึ่งในเวลาต่อมาจะก้าวขึ้นมาเป็นกุนซือระดับอภิมหาตำนานของสโมสรลิเวอร์พูลนั่นเอง ตลอด 4ปีที่ฮัดเดอส์ฟิลด์ทาวน์นี่เองที่เดนนิสได้เริ่มเปล่งประกายความเป็นสุดยอดดาวยิงฟ้าประทานออกมา และทำให้ตัวเขากลายเป็นที่ต้องการของหลายๆสโมสรในอังกฤษ จนกระทั่งเขาได้ย้ายไปอยู่กับสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้เป็นเวลาสั้นๆแค่ 1 ปีด้วยค่าตัวที่สูงที่สุดในเกาะอังกฤษ ณ เวลานั้นที่ 55,000 ปอนด์ ก่อนที่จะถูกสโมสรโตริโน่จากอิตาลีซื้อตัวไปด้วยค่าตัวสูงที่สุดเป็นสถิติโลกในเวลานั้นที่ 110,000 ปอนด์ และทำให้เดนนิสเป็นนักเตะจากสหราชอาณาจักรคนแรกที่ย้ายมาเล่นในภาคพื้นยุโรป แต่ด้วยความแตกต่างทางวัฒนธรรมและการปรับตัวหลายๆอย่างในสมัยนั้น ทำให้เดนนิสย้ายกลับมายังเกาะอังกฤษ และสโมสรที่ซื้อเขากลับมาด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลกอีกเช่นกันที่ 115,000 ปอนด์ ก็คือสโมสรที่ส่งให้เขากลายเป็นตำนานไปตลอดกาลในเวลาต่อมาซึ่งก็คือสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนั่นเอง

เดนนิสค้าแข้งกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดรวมแล้วทั้งหมด 11 ปี ตั้งแต่ปี 1962 ถึง 1973 ซึ่งตลอดระยะเวลานี้ เขาได้สร้างความสำเร็จและสถิติต่างๆฝากไว้อย่างมากมาย อาทิเช่น

1. สถิติยิงประตูให้สโมสรสูงที่สุดตลอดกาลเป็นอันดับที่ 3 โดยลงเล่นทั้งหมดให้กับยูไนเต็ด 404 นัด ทำไปได้ทั้งหมด 237 ประตู 

2. ได้รับการขนานนามจากแฟนบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดว่าเป็น ‘ราชันย์แห่งเสตร็ทฟอร์ดเอ็นด์’ ซึ่งมีที่มาจากการฉลองการทำประตูของเดนนิสร่วมกับแฟนบอลฝั่งอัฒจันทร์ทีมเหย้าของสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดซึ่งเป็นภาพชินตาของแฟนบอลในยุคนั้น 

3. เดนนิสเป็นสมาชิกคนสำคัญที่นำถ้วยรางวัลมาสู่สโมสรมากมายได้แก่ แชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ 2 สมัย, แชมป์สโมสรยุโรป 1 สมัย (แม้ว่าจะไม่ได้ลงเล่นนัดชิงชนะเลิศเนื่องจากอาการบาดเจ็บ แต่ก็ถือเป็นผู้มีความสำคัญในการพาทีมเข้าสู่นัดชิงได้สำเร็จ), แชมป์ FA Cup 1 สมัย

4. ในด้านรางวัลส่วนตัว เดนนิส ขึ้นสู่จุดสูงสุดของชีวิตนักฟุตบอลระหว่างเล่นให้ยูไนเต็ดด้วยการได้รับรางวัล Ballon D’Or หรือนักเตะยอดเยี่ยมของยุโรปในปี 1964 และเป็นนักเตะชาวสก็อตคนเดียวที่ได้รับรางวัลนี้จนถึงปัจจุบัน ซึ่งคงจะเป็นหนึ่งเดียวจากสก็อตแลนด์ไปอีกนานหรืออาจจะตลอดไป 

ในช่วงปลายอาชีพเดนนิสได้ย้ายกลับไปเล่นกับสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้อีกครั้งเป็นระยะเวลาสั้นๆเพียง 1 ปี แต่ก็มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นคือ เดนนิสเป็นผู้ยิงประตูชัยด้วยการตอกส้นให้แมนเชสเตอร์ซิตี้เอาชนะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไปได้ในนัดท้ายๆของฤดูกาล 1974 ส่งผลให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดตกชั้นในปีนั้นในที่สุด ซึ่งเดนนิสก็ได้แสดงความเคารพอย่างสูงต่ออดีตสโมสรของเขาด้วยการไม่แสดงการดีใจและมีสีหน้าเสียใจหลังยิงประตูนั้นได้ซึ่งก็นับเป็นเหตุการณ์สุดคลาสสิคเหตุการณ์หนึ่งของโลกฟุตบอลมาจนถึงปัจจุบัน

ในด้านเกียรติประวัติกับทีมชาติสก็อตแลนด์นั้น เดนนิสลงสนามรับใช้ชาติไปทั้งหมด 55นัด โดยยิงไปได้ 30 ประตู รวมถึงการพาสก็อตแลนด์เข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ทั้งหมด 2 สมัย

ภายหลังจากแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการในปี 1974 เดนนิสก็ยังคงมีส่วนร่วมกับวงการฟุตบอลที่เขารักอย่างต่อเนื่องด้วยการรับตำแหน่งเป็นทูตฟุตบอลให้กับสโมสรที่เขาผูกพันที่สุดอย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และออกงานการกุศลเพื่อระดมทุนช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งและอื่นๆอย่างสม่ำเสมอ 

เดนนิส ลอว์ จากไปอย่างสงบในคืนวันที่ 17 มกราคม 2025 ที่ผ่านมาด้วยวัย 84 ปีจากอาการป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์และโรคหลอดเลือดสมอง โดยฝากผลงานและตำนานอันยิ่งใหญ่ไว้ให้กับโลกฟุตบอลและโดยเฉพาะแฟนบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในฐานะ ‘United Trinity’ คนสุดท้าย โดยรูปปั้นของเดนนิสในท่าเหยียดแขนขวาขึ้นสุดพร้อมชี้นิ้วขึ้นสู่ท้องฟ้าอันเป็นท่าฉลองประตูประจำตัวอันคุ้นชินขนาบข้างด้วยสองสหายรักและเพื่อนร่วมทีมอย่างเซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ตัน และ จอร์จ เบส หันหน้าเข้าสู่สนามเหย้าของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่ได้รับการขนานนามว่า ‘โรงละครแห่งความฝัน’ จะคงอยู่ตลอดไปตราบนานเท่านาน รวมถึงความสามารถอันเป็นตำนานและคุณูปการต่างๆที่เดนนิส ลอว์สร้างขึ้นและฝากไว้ให้กับคนรุ่นหลังก็จะถูกจดจำและกล่าวขานไปอีกนานแสนนานเช่นกัน 

ด้วยจิตคารวะ

‘แพทองธาร’ นำคณะ!! บินดาวอส ประชุม ‘World Economic Forum’ โชว์!! วิสัยทัศน์รัฐบาล ย้ำ!! ศักยภาพประเทศไทย ขับเคลื่อนไปสู่ยุคดิจิทัล

(19 ม.ค. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum ประจำปี 2568 (WEF Annual Meeting 2025: WEF AM25) ระหว่างวันที่ 20-25 ม.ค. 2568 ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส

โดยมีผู้แทนรัฐบาลไทยที่ได้รับเชิญและร่วมคณะ ได้แก่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ นางนลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทย และนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ

การประชุม WEF AM25 จะจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 55 ภายใต้หัวข้อหลัก “Collaboration for the Intelligent Age” เพื่อหารือเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูงให้เกิดคุณประโยชน์สูงสุดในการสนับสนุนการค้าการลงทุน ซึ่งจะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ในบริบทของสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลกในปัจจุบันที่สลับซับซ้อนและท้าทาย

โดยนายกฯ จะใช้เวที WEF แสดงวิสัยทัศน์และนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล ย้ำศักยภาพและความพร้อมของไทยที่จะขับเคลื่อนไปสู่ยุคดิจิทัล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และขยายโอกาสของภาคเอกชนไทยในตลาดโลก

เนื่องจากการประชุม WEF นับเป็นเวทีที่มีอิทธิพลสูงมากต่อความตระหนักรู้ของสาธารณชนและสื่อมวลชนชั้นนำระดับโลก ทั้งยังจะมีการพบหารือทวิภาคีกับระหว่างผู้แทนระดับสูงจากภาครัฐ องค์การระหว่างประเทศ และผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทชั้นนำของโลก โดยเฉพาะจากภูมิภาคยุโรป

ทั้งนี้นายกฯ จะเดินทางจากไทย ในวันที่20 ม.ค.นี้ ถึงท่าอากาศยานนครซูริก สมาพันธรัฐสวิส ในจันทร์ที่ 20 ม.ค. เวลา 14.45 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ซึ่งเวลาที่นครซูริกช้ากว่ากรุงเทพฯ 6 ชั่วโมง) และจะปฏิบัติภารกิจตั้งแต่วันที่ 20-25 ม.ค. 2568 และจะเดินทางกลับถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในวันเสาร์ที่ 25 ม.ค.

เผยช่องโหว่ ‘พ.ร.บ.สัญชาติ’ ส่งเสริม ‘จนท.รัฐ’ ทำผิดกฎหมาย จะรู้ได้อย่างไร?? ว่าเขาจงรักภักดีต่อ ‘พระมหากษัตริย์ไทย’

(19 ม.ค. 68) หลังจากที่คุณเต้ อาชีวะ  ได้ทำการขุดรากทำให้คนไทยได้ทราบว่ามีกลุ่มมาเฟียต่างด้าวหลายกลุ่มในประเทศไทย โดยที่สำคัญคือกลุ่มที่มีอยู่เป็นจำนวนมากนั้นเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มาจากเมียนมาและนั่นก็เป็นการสะท้อนว่า คนเหล่านี้ได้แอบเข้ามาอาศัยในประเทศไทยนานแล้ว  และมีการช่วยเหลือจากทั้งกลุ่มคนที่มาก่อนและคนไทยที่ใจดี

มากล่าวเรื่องคนไทยที่ใจดี  เอย่าได้ยินมาหลายครั้งเรื่องคนไทยที่ใจดีกับคนต่างด้าวจนบางทีก็ลืมไปว่าการใจดีนั้นมันเปิดสิทธิพิเศษให้แก่ลูกหลานเขาอันจะนำผลประโยชน์มาสู่ตัวของคนต่างด้าวเองในอนาคตและสิ่งนั้นคือการรับรองบุตรคนต่างด้าวนั่นเองเพื่อให้บุตรของคนต่างด้าวเข้าถึงสิทธิต่างๆเยี่ยงคนไทย  คำถามคือ  คนไทยเราพร้อมที่จะใช้ภาษีเราโอบอุ้มคนที่ไม่ได้จ่ายภาษีให้ประเทศไทยแล้วอย่างนั้นหรือ

ประเด็นอีกเรื่องที่คุณเต้หยิบยกขึ้นมาคือลูกหลานคนต่างด้าวที่เกิดในประเทศไทยมีสิทธิ์ในการขอสัญชาติไทยตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4 ) พ.ศ. 2551  ยิ่งเอื้อให้เด็กต่างด้าวที่เกิดในประเทศไทยได้สัญชาติไทยได้ง่ายขึ้นเพราะคุณสมบัตินั้นเอื้อต่อการให้สัญชาติมากอาทิ เช่น ในมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2559 กำหนดไว้ว่า

ข้อ 1. บุตรของคนที่เข้าอพยพเข้ามาในราชอาณาจักรและอาศัยอยู่เป็นเวลานาน ครอบคลุมชนกลุ่มน้อย และกลุ่มชาติพันธุ์ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติไว้เดิมรับรองสถานะให้อาศัยอยู่ในราชอาณาจักร อาทิ กลุ่ม เวียดนามอพยพ อดีตทหารจีนคณะชาติ จีนฮ่ออพยพพลเรือน จีนฮ่ออิสระ ไทยลื้อ ลื้อ ผู้อพยพเชื้อสายไทยจากจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา ผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่าเชื้อสายไทย ผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่า เนปาลอพยพ ชาวเขา บุคคลบนพื้นที่สูง ลาวภูเขาอพยพ ม้งถ้ำกระบอก ผู้หลบหนีเข้าเมืองจากพม่า อดีตโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา ผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวกัมพูชา ชาวมอร์แกน และคนอพยพเข้ามาในราชอาณาจักรและอาศัยอยู่เป็นเวลานาน ที่ได้รับการสำรวจจัดท าทะเบียนตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะ และสิทธิของบุคคลตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548 ให้ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไปภายใต้เงื่อนไข ดังนี้ (1) บิดาหรือมารดาที่อพยพเข้ามาในราชอาณาจักรและอาศัยอยู่เป็นเวลานานตามข้อ 1 ต้องมีหรือเคยมีชื่อและรายการบุคคลในทะเบียนประวัติ หรือเอกสารการทะเบียนราษฎร มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร และต้องเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าปี นับถึงวันที่บุตรยื่นคำร้องต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือนายทะเบียนเพื่อขอมีสัญชาติไทย

(2) มีหลักฐานแสดงว่าเกิดในราชอาณาจักร ได้แก่ สูติบัตร ทะเบียนการเกิด หนังสือรับรองการเกิด (ท.ร.20/1) หรือหนังสือรับรองสถานที่เกิด และต้องมีรายการบุคคลในทะเบียนบ้านหรือทะเบียนประวัติตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร แล้วแต่กรณี

(3) ไม่ปรากฏหลักฐานการมีและใช้สัญชาติอื่น

(4) พูดและฟังภาษาไทยเข้าใจได้ ยกเว้นเด็กที่มีอายุต่ำกว่าเจ็ดปี

(5) มีความจงรักภักดีและเลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

(6) มีความประพฤติดี ไม่มีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อความมั่นคง และถ้าเคยรับโทษอาญา ต้องพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันที่ยื่นคำร้องขอมีสัญชาติไทย เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือลหุโทษ

ที่เอย่ายกมาแค่ข้อ 1 ก็เห็นช่องโหว่ในกฎข้อนี้แล้ว อาทิเช่น ในข้อย่อยข้อ 1 เป็นการส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่รัฐทำผิดกฎหมายได้อย่างง่ายมากโดยการทำบัตร 13 หลักให้คนเหล่านี้ซึ่งก็ไม่แปลกใจว่าทำไมต่างด้าวทุกคนพยายามจะเสียเงินเพื่อให้ได้บัตรชมพูมา หรือในข้อย่อยข้อ 5 ที่ว่า มีความจงรักภักดีและเลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข  เอาอะไรมาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจงรักภักดี ในขณะที่มีคลิปทหารกะเหรี่ยงที่ตายในสนามรบในกะเหรี่ยงมีบัตรไทย หรือบางคนมีบัตรประชาชนไทย  นั่นแปลว่าอะไร  นี่เอย่ายังไม่อยากสาวความไปถึงกลาโหมทราบไหมว่าฝึกลูกหลานชาติพันธุ์ให้เป็นทหารเกณฑ์ในไทยเพื่อไปรบในสงครามกะเหรี่ยงที่บ้านเขา  ไม่ทราบว่าคุ้มภาษีที่จ่ายให้กองทัพไหมละ  หรือข้อย่อยสุดท้ายการไม่ต้องโทษอาญาแผ่นดินไทยอาจจะไม่เพียงพอหรือเปล่าเพราะอย่างที่รู้กันบางคนหนีคดีประเทศเขามาอาศัยในประเทศเรากลายเป็นคนใหม่ชีวิตใหม่  

ถามว่า ณ บริบทประเทศไทยทุกวันนี้อยากได้คนเหล่านี้มาเป็นคนไทยหรือ  คนเหล่านี้ได้จ่ายภาษีบำรุงประเทศไทยสักเท่าไร  บางทีเราอาจจะต้องเปลี่ยนการคัดเลือกต่างชาติเข้ามาเป็นสัญชาติไทยโดยการไม่รับคนต่างด้าวที่มีลักษณะหลบหนีเข้าเมืองมาเป็นพลเมืองได้แล้ว เพราะดูจากประเทศที่เจริญรอบข้างเราไม่มีใครอยากให้คนเหล่านั้นมาขยับสถานะในประเทศตนเองเลย  นี่คงเป็นโจทย์สำหรับคนไทยเพราะยากไปสำหรับรัฐบาลไหนๆที่จะผลักดันเพราะผลประโยชน์มันสูงและต่อมรักชาติและสำนึกในชาติมันไม่มีค่าเท่ากับต่อมเงินตรา  บางทีคนไทยก็ควรจะเลิกเป็นคนใจดีแล้วหันกลับมามองคนในชาติบ้างเราไม่ได้แอนตี้คนต่างด้าวแต่เราต้องการคนต่างด้าวที่มีคุณภาพมากกว่าปริมาณที่เข้ามาแล้วสามารถผลักดันให้ประเทศเจริญรุ่งเรืองมากกว่าเป็นตัวถ่วงและสุดท้ายก็มาอ้างว่า ‘ต่างด้าวสร้างประเทศไทย’ ถามจากใจคนไทยด้วยกันว่าเวลาได้ยินคำนี้แล้วรู้สึกอย่างไรกันบ้าง

‘ทักษิณ’ เตรียมคุย!! ‘นาโอมิ แคมป์เบลล์’ ร่วมปั้น!! นางแบบไทยให้ ‘โกอินเตอร์’

เมื่อวานนี้ (18 ม.ค. 68) ที่หอประชุมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยนครพนม จ.นครพนม นายทักษิณเดินทางมาถึงเพื่อปราศรัยเป็นเวทีที่สอง โดยมีประชาชนมารอรับฟังการปราศรัยเป็นจำนวนมาก นายทักษิณ ปราศรัยว่า พี่น้องมากันหลาย พี่น้องชาวนครพนมมากันเยอะมาก ตนปลื้มมาก ย้ำว่าไม่ได้มานครพนมเกือบ 20 ปีแล้ว มหาวิทยาลัยแห่งนี้เกิดในสมัยรัฐบาลไทยรักไทย ตอนนั้นเราเห็นว่ามีแต่วิทยาลัยกระจัดกระจายกันไป จึงเอามารวมเป็นมหาวิทยาลัยดีกว่า ซึ่งตอนนั้นมีสองมหาวิทยาลัยคือนราธิวาสและนครพนม ที่ถูกอนุมัติให้เป็นมหาลัยตอนที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี วันนี้ได้กลับมาชื่นชม มากันเยอะแยะอยากเจอตนหรือไม่ ทุกครั้งที่ออกมาเจอพี่น้องโดยเฉพาะพี่น้องชาวอีสานก็มีความปลื้มใจ พลังของคนอีสานและคนเหนือส่วนใหญ่ทำให้ตนสู้และได้กลับมาประเทศ

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า พี่น้องไม่เคยลืมตน แม้ว่าเด็กรุ่นหลังอาจจะไม่รู้จักตน แต่พ่อแม่ก็พยายามจะเล่าให้ฟังว่าระหว่างที่ตนอยู่นั้นเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้รู้ว่าพี่น้องเอามือล้วงเข้ากระเป๋าจะเจอแต่ตั๋วจำนำใช่หรือไม่ แต่สมัยที่ตนอยู่เอามือล้วงไปปุ๊บก็เจอแต่สตางค์ ตอนนี้เงินหายหมดเจอแต่ตั๋วจำนำ ตนบอกกับพี่น้องที่ธาตุพนมว่าปีนี้ล้วงไปถึงปลายปีล้วงไปจะไม่เจอตั๋วจำนำแล้ว และปีหน้าล้วงไปจะเจอสตางค์แล้ว พอปี 70 รัฐบาลเพื่อไทยมาล้วงไปจะดันไม่เข้า เพราะเจอแต่สตางค์

นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า ตนกลับมาแล้วเศรษฐกิจไทยต้องดีขึ้น ตนทนเห็นพี่น้องลำบากไม่ได้ เพราะพี่น้องไม่เคยลืมตน ตนจึงขอทำงาน สทร. เสือกทุกเรื่อง ขอเสือกให้พี่น้องมีความสุขและสบายขึ้น พ้นหนี้ มีสตางค์ใช้ ตนเป็นคนที่มีความกตัญญูถือว่าพี่น้องมีบุญคุณกับตน ไม่เคยลืมตน ตนกลับมาแล้วก็ต้องชดใช้หนี้ และขอกตัญญูด้วยการช่วยเหลือให้ประเทศดีขึ้น รู้ว่าพี่น้องลำบากหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติด ฉะนั้น จึงขอให้กลับไปบอกพ่อค้ายาแถวบ้านว่าทักษิณกลับมาแล้ว หากอยากมีชีวิตที่ดีขึ้นขอให้เลิกอาชีพค้ายา ทักษิณเกลียดพ่อค้ายาและจะเอาตาย ถ้าอยากให้รักกันก็เลิกดีกว่า ฉะนั้น สิ้นปีนี้เอายาเสพติดให้เกลี้ยงเลย

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ขนาดน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังถูกหลอก มีการโทรไปหานายกรัฐมนตรี แล้วใช้เอไอทำเสียงเป็นโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ให้โอนเงินไปที่ฮ่องกง มันเล่นทุกรูปแบบ วันนี้กระบวนการใหญ่อยู่ที่พม่ากับที่เขมร เขมรให้ความร่วมมือดี เดี๋ยวจะเบาบางลง พม่าก็น่าจะจบ เพื่อนบ้านจะไม่มีพวกที่ทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฉะนั้น ปีนี้ต้องเอาให้จบเหมือนกัน

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ย้ำว่าวันที่ 27 ม.ค.นี้ เงินหมื่นจะเข้าบัญชีคนที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ที่เหลือต้องรอให้เทคโนโลยีดิจิทัลวอลเล็ตเสร็จในเดือนมี.ค. เมื่อเสร็จแล้วก็จะทำให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้เม็ดเงินอยู่ในพื้นที่ วันนี้เราต้องหาเงินกลับเข้ามาอยู่ในต่างจังหวัดหรือไม่ให้ออกไปซึ่งตอนนี้กำลังคิดสูตรอยู่เพื่อให้เงินอยู่กับพี่น้องล้วงไปจะได้เจอเงินบ้าง ไม่ใช่ล้วงไปเจอแต่ตั๋วจำนำ

“วันนี้นายกอิ๊งค์กับผม พ่อลูกคุยกันทุกวัน ปรึกษาหารือกันตลอด ผมมีประสบการณ์แนะนำ นายกอิ๊งค์เอาความเป็นคนรุ่นใหม่มาประกอบกันและพัฒนาประเทศเรา เรื่องเอไอนายกอิ๊งค์ตั้งใจอย่างเต็มที่อยากให้เด็กรุ่นใหม่ได้เรียนรู้การใช้เอไอสั่งการให้ทำงาน และในเรื่องของการศึกษา เข้าใจว่าจะมีการแจกแท็บเล็ตอีกรอบ เพื่อนำมาใช้สำหรับการศึกษา นายกอิ๊งค์อยากนำเงินที่กองฉลากจัดสรรให้ทำโรงเรียนหนึ่งอำเภอหนึ่งโรงเรียนในฝันอีกครั้ง เป็นโรงเรียนต้นแบบเอาคนที่ได้ที่หนึ่ง ส่งไปเรียนเมืองนอก จัดซัมเมอร์แคมป์ให้เด็กไทยได้ไปเรียนเมืองนอก เอาครูต่างประเทศมาจัดแคมป์ในเมืองไทย ปิดเทอมปีการศึกษาหน้า คงมีอะไรสนุกๆ อีกแน่“ นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ต่อไปนี้จะจริงจังในการคัดเลือกคน โดยจะให้มหาวิทยาลัยเป็นแกนนำร่วม อบจ. เพื่อคัดคนที่อยากเพิ่มความชำนาญให้ตนเองเพื่อเป็นอาชีพและมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าแรงงานขั้นต่ำ เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ประชุมกับ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอน์แห่งชาติ ว่าจะคัดคนสวยแบบธรรมชาติไม่ต้องศัลยกรรม เพื่อให้มีโอกาสเท่าเทียมกัน ใครอยากเป็นนางแบบระดับโลกก็จะคัดมาฝึก ซึ่งนพ.สรุพงษ์ บอกว่าอยากได้งบกลาง 20 ล้านบาท ตนเลยบอกว่าเดียวตนออกให้เอง เดียวหาสปอนเซอร์มาช่วย แต่ทุกคนต้องเปนแมวมอง ผ่านกองทุนหมู่บ้าน ไม่จำกัดเพศจะเป็น ชาย หญิง หรือเพศที่ 3 หากดูแล้วเหมาะที่จะเดินแบบได้ ก็คัดไปเอามาฝึก แต่อย่าพึ่งทำศัลยกรรม

“เราอยากได้คนที่มีความงามแบบไทยแท้ ปนเจ็ก ปบแขก ปนลาวก็ได้ ไม่ว่ากัน แต่ต้องงามแบบออริจินัล แบบที่ออกมาจากท้องแม่ เพราะในโลกคงอยากเห็นคนไทยแท้เป็นอย่างไร ถ้าบุคลิกดีเดินแบบได้ แปบเดียว ก็มีโอกาสทำเงินได้เป็นล้านๆ เรียนหนังสือไม่เก่งไม่เป็นไร แต่ขอคนที่ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน นายกฯบอกปีนี้เป็นปีแห่งโอกาส ก็อยากจะสร้างโอกาสในทุกมิติ” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 8-10 ก.พ. นาโอมิ แคมเบล นางแบบระดับโลกจะเดินทางมาที่ประเทศไทย ก็จะมาคุยกับตนว่าจะทำอย่างไรให้คนไทยได้เป็นนางแบบระดับโลกได้ ทั้งนี้ ตนนั่งผ่านริมแม่น้ำโขง บรรยากาศโรแมนติก ประชากร จ.นครพนม เพิ่มขึ้น ทั้งที่หลายจังหวัดเริ่มไม่ผลิต คนน้อยลง แสดงว่าบรรยากาศช่วยเหลือ ตนนั่งดูยังมองว่าริมโขงโรแมนติกไว้ผลิตลูก

นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องรถไฟรางคู่เขาขยายไปทั่ว รถไฟเก่าช้าวิ่งแบบถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่างจึงเกิดความรู้สึกว่ารถไฟช้านานๆ มาที วันหนึ่งมีคนขึ้นรถไฟแค่ 8 หมื่นกว่าคน คนใช้ก็บอกว่าให้ลงทุนแล้วทำให้รถไฟมาเร็วขึ้น แต่รถไฟก็บอกว่าพวกคุณก็ขึ้นก่อนเราจะได้มีเงินมาทำ ฉะนั้นเราจะทดลอง 20 บาทตลอดในกรุงเทพฯ แต่ปรากฏว่าคนยังใช้น้อยเพราะต่อลำบากตั๋วร่วมก็ไม่มีแล้วก็เก็บแพง ตนจึงบอกว่าเรารัฐบาลซื้อคืนมาให้หมดแล้วจัดการให้เก็บตั๋ว 20 บาทตลอดสาย แล้วบอกว่ามีรถไฟถี่ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ขึ้นไม่ต้องรอรถไฟ รถจะได้ติดน้อยลง อากาศเสียน้อยลง ประชาชนจะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้นเพราะใช้เวลาน้อยในการที่จะเดินทางไปทำงาน และจะทำรถไฟเช่นนี้ทั่วประเทศไทยเพื่อให้มีความเร็วดีขึ้น ส่วนรถไฟจากลาวถึงหนองคายจะถึงกรุงเทพฯ แน่นอน และจากกรุงเทพฯ ไปถึงคุณหมิงได้แน่

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ตอนแรกตนยังไม่แก่ แต่พอนั่งปุ๊บ ลุกขึ้นแก่แล้วนี่หว่า กระดูกกระเดี้ยวเริ่มเคลื่อน แต่ตนมีของดีและว่าอีกสักปีหน้าตนจะหนุ่มกว่าเดิมกว่าเดิม เพราะเดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีใหม่ที่เขาให้คนแก่หนุ่มขึ้น มีวิธีรักษาอวัยวะข้างในโดยการเติมสเต็มเซลล์ที่เป็นสเต็มเซลล์ของตัวเราเอาไปทำเอาให้เป็นสเต็มเซลเหมือนตอนเกิด และใส่เข้าไปจะซ่อมสิ่งที่สึกหรอในร่างกายร่างกาย ซึ่งตนกำลังเจรจากันอยู่ว่าเราจะทดลองที่ใดที่หนึ่งให้เป็นศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆได้หรือไม่ เช่นเทคโนโลยีทางด้านสเต็มเซล หรือด้านตัดต่อพันธุกรรม ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ว่าทำได้แค่ไหน ถ้าทำได้ประเทศไทยจะนำสมัยมาก และตนเป็นคนชอบเรื่องใหม่ๆ ไม่งั้นประเทศไทยจะช้ากว่าประเทศอื่น

“วันนี้ที่ผมต้องมาช่วยหาเสียงให้อบจ. เพราะผมอยากได้กำลังภาคพื้นดิน ภาคจังหวัดที่จะต้องช่วยกันดูค้นหาคนมาร่วมกับมหาวิทยาลัยไม่ว่าจะเป็นการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ของนายกอิ๊งค์ก็ดี การหานางแบบนายแบบระดับโลกก็ดี เราต้องอาศัยอบจ.ช่วยกัน ฉะนั้น จึงอยากได้นายกอบจ.ของพรรคเพื่อไทยเยอะๆ เพื่อจะได้ดูแลกันอย่างทั่วถึง วันนี้จึงต้องมาฝากนายอนุชิตเบอร์แปดให้เป็นนายกอบจ. ต้องเอาคนหนุ่มมาใช้งานเพราะผมใช้งานหนัก ผมเป็นคนที่ชอบให้คนทำงาน และจึงขอให้นายอนุชิตมาเป็นมือไม้ในการทำงานช่วยผม และอย่าลืมหามือไม้ให้นายอนุชิตโดยการเลือกอบจ.ด้วย เอาทั้งทีมไม่งั้นจะทำงานไม่ได้” นายทักษิณ กล่าว

อดีต รมช.สาธารณสุข ‘สาธิต’ ถูกนำภาพไปแอบอ้าง สร้างโปรไฟล์ ลวงตุ๋น!! ขายโปรโมชั่น จองที่พักอพาร์ตเมนต์ ย่านซอยสุขุมวิท 81

(19 ม.ค. 68) นายสาธิต ปิตุเตชะ อดีต รมช.สาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า …

ถูกนำภาพหน้าตรงตัวเองไปตั้งโปรไฟล์ แล้วนำไปขายโปรโมชั่น จองที่พักอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ย่านซอยสุขุมวิท 81 ให้โอนเงินผ่านคิวอาร์โค้ด บัญชีธนาคารเพื่อรับส่วนลดโปรโมชั่น แต่เมื่อตรวจสอบว่าพบว่าเป็นคนละเบอร์ติดต่อกับอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว พร้อมตั้งคำถามว่าชายคนดังกล่าวเป็นใคร

ทั้งนี้ อดีตรัฐมนตรีสาธิตได้ระบุว่าเป็นมิจฉาชีพ ขอให้ทุกคนระวังตัวและมีสติ

เพจดังอ้าง!! เป็นเพื่อน ‘แสตมป์’ เผย!! นักร้องดังเล่าไม่หมด ชี้!! จุดเริ่มต้นทั้งหมดของ ‘การโกหก’ คือ ‘การนอกใจ’

(19 ม.ค. 68) จากกรณีเรื่องร้อนรับต้นปี หลัง“แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข” ศิลปินชื่อดัง ประกาศบนเวทีคอนเสิร์ต Wednesday Song ถึงเหตุผลที่ห่างหายจากวงการไปว่า เพราะดำเนินการฟ้องร้องบุคคลที่เข้ามาบุกรุกภรรยาเขาหลังเวที และสร้างความเกลียดชังให้เกิดความเข้าใจผิด จนกลายเป็นคดีความ และมีพ่อทหารยศนายพลมาเกี่ยวข้องด้วย จนกลายเป็นกระแสในโซเชียลมีเดีย มีการโยนหลักฐานออกมาจากฝั่งคู่กรณีโยงถึงคดีชู้สาว

โดยล่าสุด เพจเฟชบุ๊ก ‘โตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้’ ได้เปิดเผยข้อมูลร่ายยาว โดยอ้างว่าเป็นเพื่อนกับแสตมป์และผมคือหนึ่งในพยานให้นิว คดีชู้สาว พร้อมแนบข้อความแชทที่อ้างว่าเป็นบทสนทนาของแสตมป์ ว่า

สวัสดีครับ ผมชื่อ ป้อง เป็นเพื่อนกับแสตมป์ ผมคือหนึ่งในพยานให้นิว คดีชู้สาว (แต่ไม่ถึงปากที่ให้ไปขึ้นศาล) ผมไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับคู่กรณีทั้งแจมและแก๊ป

แต่ผมเป็นคนกลางติดต่อแจมให้แสตมป์ในช่วงเวลาที่เขาติดต่อกันเองไม่ได้ ผมรู้เรื่องราวเกือบทั้งหมดของปัญหานี้ แบบมีหลักฐานเป็นแชททุกช่องทางกับแสตมป์ (แต่ไม่รู้ว่าเป็นคำโกหกของเพื่อนผมหรือไม่)

แม้ผมจะเป็นเพื่อนแสตมป์ แต่ผมรู้สึกไม่โอเคกับการเล่าบนเวทีเพราะแสตมป์เล่าไม่หมด จึงเกิดความวุ่นวายในสังคม ศิลปินและบุคคลหลายคนได้รับผลกระทบทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาของ 4 คนนี้เลย

ผมได้คุยไลน์กับแสตมป์ครั้งสุดท้ายหลัง 30 พฤษภาคม 2566 ไม่กี่วัน (ซึ่งตอนแรกผมต้องไปเป็นพยาน) โดยให้ผมเช็ค IG แจมว่าลบรูปบางอย่างไปหรือยัง ผมตอบไปแล้วหลังจากนั้นผมไม่ได้คุยกับเพื่อนผมอีกเลย จนเกิดเหตุพูดบนเวที ผมทักไลน์ไปว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมยังมีปัญหาอีก เห็นว่าจบ แยกย้ายต่างคนก็ใช้ชีวิตกันไปแล้ว

กลายเป็นนิวตอบไลน์มาว่า “ไม่ต้องห่วง ไว้ว่ากันกำลังมีคนโพสด่าอยู่พอดี” แล้วไม่ตอบอะไรผมอีกเลยผมรอให้คู่กรณีคือแก๊ปได้โพสก่อน เพื่อจะได้อธิบายว่าเป็นคดีชู้สาว ไม่ใช่เป็นเรื่องการคุกคามแบบซาแซงที่แสตมป์เล่าบนเวที

ถ้าบนเวทีแสตมป์เริ่มต้นว่า

ทุกคนครับ ผมนอกใจเมียผมเป็นเวลา 2 ปีก่อนที่เมียผมจะจับได้ แล้วหลังจากนั้นจึงเกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้นครับ (อย่างที่พูดบนเวที) สารที่ประชาชนรับรู้ จะต่างไปจากตอนนี้ ไม่มากไม่น้อยอย่างแน่นอน

อาจจะไม่เกิดเหตุการณ์ทัวร์ไปลงผิด ศิลปินหลายคนก็ไม่ต้องกี่ยวข้องเลยแบบนี้

ความจริงผมก็ไม่เกี่ยวข้องเลย แต่ยอมที่จะแลกเพราะ ทำไมเรื่องความรักที่ไม่ปกติของ 4 คน ต้องมีผู้ไม่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบแบบนี้ สังคมวุ่นวายไปหมด แฟนเพลงของแต่ละคนต้องมาปะทะกันเองอย่างที่ผมเคยทวีตไปว่า ไม่สงสัยเลยหรอว่าศิลปินเกือบทั้งวงการทราบเรื่อง แต่ทำไมไม่มีใครอยากยุ่ง เพราะ

1. ทุกคนอาจมีแผล หากเข้ามายุ่งเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อาจถูกขุดแบบมั่วๆ ก็ได้ จึงเลือกที่จะเงียบเสียดีกว่า

2. ถ้าออกมาเทคแอคชั่นแล้ว แฟนเพลงฝ่ายนั้นไม่เชื่ออีก ก็กลายเป็นทำให้แฟนเพลงปะทะกันเองแบบที่เกิดขึ้นตอนนี้

3. ถ้าประชาชนรู้ว่าแสตมป์นอกใจเมีย คนที่พังคือตัวแสตมป์เอง

ในเมื่อไม่มีใครเล่าอะไรให้ชัดเจน (แบบไม่โกหก)

ผมขอใช้พื้นที่เพจ ‘โตแล้วจะไปญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ได้’ โพสแบบยาวๆ เพื่อที่จะให้ทุกคนทราบ พฤติกรรมความไม่ปกติหลายๆ อย่างจากทั้งแสตมป์และนิว

ผมไม่กลัวว่าจะถูกฟ้องกลับจากฝ่ายใดเลย หากผมยึดหลักพูดความจริงจากหลักฐานแชททั้งหมด หากถูกฟ้องจะต้องมีการพิสูจน์ก่อนว่าผมพูดเท็จ แม้แชทจะเป็นเรื่องโกหกที่แสตมป์เล่ากับผมก็ตาม

ตัวอย่างแรกแสตมป์เคยบอกผมว่าเขาไม่ได้เงินใช้เลยเงินอยู่ที่นิวทั้งหมดเขาอยากสร้างบ้านใหม่ให้แม่ นิวก็ไม่ให้เงินเรื่องนี้แสตมป์บอกผมปี 64 เลยทำให้ผมไม่ชอบนิว แต่พอต้องขึ้นศาล ผมไปเล่าให้ทนายฟังแบบนี้ มีการบันทึกเทปไปให้นิวกับแสตมป์ฟังว่าผมพูดอะไรบ้าง วันต่อมา แสตมป์มาขอโทษผมว่าเรื่องทั้งหมด เขาโกหกผมมาตลอด

หากแสตมป์โกหกผมแบบนี้ แสตมป์ก็สามารถโกหกให้นิว แจม และทุกคนเข้าใจผิดได้เช่นครับขอจบเรื่องแรกเท่านี้ก่อนครับ ไว้จะมาอธิบายความประหลาดอื่นๆ อีก

หมายเหตุ:

1. ก่อนโพสนี้ผมได้คุยกับ โอม Cocktail และวง Tillybird แล้วด้วย เพื่อเช็ความข้อมูลฝ่ายเขา ตรงกับผมที่ได้รับจากแสตมป์ไหม ปรากฎว่า ไม่ตรงกันหลายเรื่อง (ตอนนี้ทั้งหมดบินไปอเมริกาเมื่อคืนนี้)

2. ขอบคุณคุณ Art Eakarat ที่ให้คำปรึกษาด้วยครับ

ปล. ถ้าหลายจากนี้มีชื่อ ผัก อยู่ผักคือ aka ที่แสตมป์ใช้เรียก แจม ครับ

‘อัครเดช’ หนุน!! ‘เอกนัฏ’ เข้มให้โรงงานผลิตน้ำตาล รับซื้อเฉพาะ ‘อ้อยสด’ ชี้!! ต้องควบคุมฝุ่น PM 2.5 สร้างอากาศให้บริสุทธิ์ เพื่อสุขภาพที่ดี ของปชช.

(19 ม.ค. 68) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี เขต 4 และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงอุตสาหกรรมเข้าไปดำเนินมาตรการคุมเข้มโรงงานผลิตน้ำตาล เพื่อป้องกันปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่า เห็นด้วยกับการดำเนินนโยบายอย่างเข้มงวดของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ดำเนินนโยบายให้โรงงานรับซื้อเฉพาะอ้อยสด ลดอ้อยไฟไหม้ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมก็ขอความร่วมมือไปยังโรงงานผลิตน้ำตาลทุกโรงงานและชาวไร่อ้อยทุกคนให้ช่วยกันลดปริมาณการเผาอ้อยลงให้ได้ตามเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนด เนื่องจากการเผาอ้อยเป็นส่วนสาเหตุหนึ่งที่สำคัญของการก่อให้เกิดฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชน จึงขอย้ำให้โรงงานช่วยประชาสัมพันธ์ชาวไร่อ้อยให้ทราบถึงผลเสียของการเผาอ้อยด้วย เพราะนอกจากจะทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 แล้ว การเผาอ้อยยังทำให้ความหวานของอ้อยลดลง น้ำหนักอ้อยก็ลดลง ที่สำคัญขายไม่ได้ราคาอีกทั้งไม่ได้เงินอุดหนุนจากภาครัฐ ที่สนับสนุนเงินค่าตัดอ้อยสดและส่งผลเสียต่อหน้าดินในการเพาะปลูกฤดูกาลผลิตถัดไปด้วย

นายอัครเดช ระบุด้วยว่า ขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรจัดส่งอ้อยสดกับโรงงาน ผ่านการให้เงินสนับสนุนกับชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดที่จะมีการประกาศตัวเลขให้ชาวไร่อ้อยได้ทราบในเร็ววันนี้ ขณะเดียวกันก็จะเร่งให้หน่วยงานรัฐดำเนินมาตรการเชิงรุกเข้าพื้นที่ให้ความรู้อย่างจริงจัง และตนเองก็เชื่อว่าสมาคมชาวไร่อ้อยจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะการลดฝุ่น PM 2.5 ก็จัดเป็นหนึ่งในนโยบายรัฐบาล อีกทั้งที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมก็เคยเชิญตัวแทนสมาคมชาวไร่อ้อยมาหารือกันในชั้นคณะกรรมาธิการฯ เกี่ยวกับการลดการเผาอ้อยแล้ว ซึ่งสมาคมฯ ก็เห็นด้วยกับมาตรการนี้และพร้อมสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการฯ และกระทรวงอุตสาหกรรม

“การเผาอ้อยจะส่งผลเสีย นอกจากก่อให้เกิดฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชน ยังทำให้อ้อยหวานน้อยลง น้ำหนักลดลง และส่งผลเสียต่อหน้าดินในการเพาะปลูกครั้งถัดไป ตนเองจึงเห็นด้วยกับนโยบายของนายเอกนัฏ พร้อมขอความร่วมมือชาวไร่อ้อยส่งอ้อยสดให้โรงงาน อย่าเผาอ้อย เพื่อป้องกันฝุ่น PM 2.5 เพื่อสุขภาพที่ดีของพี่น้องประชาชนและตัวเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยเองด้วย” นายอัครเดช กล่าวทิ้งท้าย

‘เหนือเพชร กีล่าสปอร์ต’ พ่ายคะแนน!! ‘เพชร สวนหลวงรถยก’ หลังแข่งขันเสร็จ ‘จมูกหัก’ รีบโทรไปหา!! ‘ภรรยา’ เพื่อขอกำลังใจ

(19 ม.ค. 68) เหนือเพชร กีล่าสปอร์ต พ่ายคะแนน เพชร สวนหลวงรถยก หลังแข่งขันเสร็จได้รับบาดเจ็บจมูกหัก ภรรยาเหนือเพชร ได้โพสต์ว่า …

รีบโทรหาเมียเลยหลังชกเสร็จ ถามเมียว่า เธอยังจะรักเราเหมือนเดิมมั้ย55555555555 ดั้งหักรอบ 2 

รู้ว่าทำเต็มที่แล้ว รู้ว่าอยากพิสูจน์ตัวเองมากๆ แต่ถ้ามันไม่ได้ก็พักได้แล้วนะ โคตรไม่คุ้มอะ จะกินอิ่มนอนหลับอุ่นได้ไง ในเมื่อถ้าความสบายของเราต้องแลกกับความเจ็บปวดของเธอ เข้าใจว่าเพื่อครอบครัว มันจะมีหนทางที่ดีกว่านี้ไหม กับการทำเพื่อครอบครัวของเรา เจ็บปวดหัวใจมากเลย แต่เจ็บมากกว่า ที่เธอพยายามพิสูจน์ตัวเองมาตลอด แต่ไปไม่ถึงฝันสักที และไม่สามารถช่วยไรเธอได้เลย สงสารมากนะ อยู่กันมากี่ปี ไม่เคยตีเธอเลย เคารพให้เกียรติ ทำอาหารให้เธอกินอิ่ม นอนอุ่นตลอด ใบหน้าเจ็บหนักขนาดนี้ ภายในก็ช้ำไม่น้อยเลยนะ

สุดท้ายนี้ อยากบอกกับเธอว่า ในเมื่อห้ามไม่ได้ แต่อย่าลืมรักตัวเอง รักษาสุขภาพตัวเองด้วยนะ ลูกยังเล็ก อย่าพยายามพิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นเห็นจนลืมฟังเสียงครอบครัว ก่อนจะไปพักผ่อนมีการบอกว่า ทำไมไม่โพสต์ไม่ให้กำลังใจผัวเลยนะ เอ้อเอา 

รักและห่วงใยที่สุด  

ต่อยมา 20 ปีแล้วอยากพักหรือยัง

เป็นกำลังใจให้ครับขอให้หายไวๆ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top