Thursday, 19 June 2025
TheStatesTimes

✨ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล

✨ประจำวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2567

🟢รางวัลที่ 1 รางวัลละ 6,000,000 บาท : 608662

🔴รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 100,000 บาท : 608661 / 608663

🔴รางวัลเลขหน้า 3 ตัว รางวัลละ 4,000 บาท : 230 / 904

🔴รางวัลเลขท้าย 3 ตัว รางวัลละ 4,000 บาท : 008 / 408

🔴รางวัลเลขท้าย 2 ตัว รางวัลละ 2,000 บาท : 37

🟢รางวัลที่ 2 รางวัลละ 200,000 บาท : 
474510 / 544978 / 705432 / 910627 / 841682 

🟢รางวัลที่ 3 รางวัลละ 80,000 บาท : 

107957 / 865708 / 651722 / 915662 / 653692
416024 / 516143 / 210002 / 384311    215554 

🟢รางวัลที่ 4 รางวัลละ 40,000 บาท: 
293084 / 282328 / 229977 / 766221 / 750870
588907 / 872383 / 259692 / 086569 / 142283
253314 / 341772 / 037845 / 838082 / 087336
741298 / 034649 / 593189 / 199628 / 262378
238591 / 187159 / 318862 / 889637 / 034227
830841 / 308005 / 337475 / 233606 / 715426
121211 / 544682 / 110415 / 629901 / 376400
422395 / 761518 / 964585 / 924799 / 417959
623304 / 393518 / 598884 / 551987 / 563701
479532 / 296792 / 988954 / 879001 / 295315

🟢รางวัลที่ 5  รางวัลละ 20,000 บาท: 
317867 / 747154 / 764664 / 384037 / 565238
730128 / 514400 / 620017 / 075674 / 795510 
511981 / 513205 / 111864 / 091138 / 682221 
772854 / 595342 / 544628 / 696729 / 108678
032161 / 493937 / 287190 / 012401 / 589854
935599 / 590395 / 397932 / 856500 / 913767
864344 / 145819 / 866852 / 765243 / 918926
326403 / 680908 / 231523 / 002519 / 574380
203879 / 349545 / 006406 / 456825 / 889817
817090 / 506021 / 243088 / 132898 / 824718
831432 / 307856 / 700823 / 807492 / 969948
534205 / 222892 / 766935 / 313149 / 348231
745440 / 864704 / 979175 / 500567 / 622766
447283 / 180151 / 698564 / 381463 / 676774
901761 / 517205 / 161717 / 150476 / 148912
881539 / 668005 / 277961 / 220586 / 095407
612384 / 792740 / 351070 / 720563 / 500614
796179 / 661390 / 848935 / 307742 / 254844
789368 / 317318 / 572341 / 038392 / 495854
609436 / 383406 / 503256 / 244115 / 371744 

'ดร.เสรี' ชี้ชัด!! แทบทุกพื้นที่คนไม่เอาพรรคส้มมีมากกว่าคนที่เอาพรรคส้ม สะท้อนสูตรการเมือง 1 ต่อ 1 ล้มพรรคส้มได้ แต่ถ้าเสียงแตก ‘ส้มจะชนะ’

(16 ก.ย. 67) ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊ก ถึงผลการเลือกตั้งซ่อมสส.เขต 1 จังหวัดพิษณุโลกว่า…

เห็นชัดกันแล้วยังว่าถ้าหากพรรคส้มสู้กับฝ่ายตรงกันข้าม จะเป็นพรรคไหนก็แล้วแต่ พรรคส้มจะแพ้ในทุกพื้นที่

แต่หากพรรคต่าง ๆ ที่สู้กับส้มลงมาแข่งทุกพรรค แล้วแย่งคะแนนกันจนเสียงแตก พรรคส้มก็จะชนะ ทั้ง ๆ ที่พรรคตรงกันข้ามกับส้ม เอาคะแนนมารวมกันจะมากกว่าส้ม

แสดงว่าแทบทุกพื้นที่คนไม่เอาพรรคส้มมีมากกว่าคนที่เอาพรรคส้ม แต่คนกลุ่มนี้มีพรรคให้เลือกหลายพรรคที่แย่งคะแนนกัน

ตัวเลขก็ชัดขนาดนี้แล้วว่าสู้แบบ 1 ต่อ 1 ส้มแพ้ แต่ถ้าสู้แบบ 1 ต่อหลายพรรคที่แย่งคะแนนกัน ส้มจะชนะ

เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ มองคณิตศาสตร์การเมืองกันไม่ออกหรือไร เมื่อไรจะถอดบทเรียนกันออกมาสักที สู้กันแบบนี้ ระวังส้มจะครองเมือง

หรือมันเป็นเรื่องศักดิ์ศรีที่พรรคต่าง ๆ ที่สู้กับส้มยอมกันไม่ได้ ถ้ายังคิดแบบนี้ เลือกตั้งคราวหน้าส้มมาแน่ ลองคิดอ่านกันหน่อยนะ จะสู้กับส้มย้งไง

คนที่ลงสมัครจะเข้ามาหาหัวหน้าพรรคแล้วบอกตัวเองมีฐานเสียงดีกันทั้งนั้น แล้วหัวหน้าพรรคก็เชื่อ หวังว่าจะชนะก็ส่งลงแข่งขัน

และต้องยอมรับว่าทุกคนที่บอกว่าตัวเองฐานเสียงดี มันก็ดีจริง ๆ แต่เมื่อฐานเสียงดีกันหลายคน คะแนนมันก็เลยแตก

สุดท้ายก็ต้องแพ้ส้มที่เสียงไม่แตก เมื่อเป็นเช่นนี้จะเปลี่ยนแนวทางสู้กันอย่างไร ถึงจะหยุดชัยชนะส้มให้ได้

รวมพรรคกันได้ไหม? ถอยให้กันได้ไหม? รู้ว่าลงไปก็สู้ไม่ได้ ลงไปก็ตัดคะแนนกันเปล่า ๆ ไม่ส่งในบางพื้นที่ได้ไหม

ได้แต่คิด แต่สิ่งที่คิดได้ คงไม่เกิดขึ้นอย่างที่คิด คงต้องทำใจยอมรับชัยชนะของส้ม เพราะพรรคที่สู้กับส้มทุกพรรคต่างมีศักดิ์ศรี

หัวหน้าพรรคทุกพรรคต่างก็อยากเป็นนายกรัฐมนตรียังยอมกันไม่ได้ เลยต้องตกที่นั่งผู้แพ้ไปด้วยกัน เศร้าจัง

'สมาคมโรคหัวใจสหรัฐฯ' ยกเพลง ROCKSTAR เหมาะใช้ช่วยทำ CPR เพราะมีจังหวะ 120 บีทต่อนาที เท่ากับจำนวนครั้งที่ควรปั๊มหัวใจต่อ 1 นาที

(16 ก.ย. 67 ) กลายเป็นรางวัลที่สร้างความภูมิใจให้กับคนไทยและวงการดนตรีจากเอเชียสุดๆ หลัง 'ลิซ่า BLACKPINK' ได้มีโอกาสขึ้นโชว์ผลงานเดี่ยวของตัวเอง บนเวที Video Music Awards รวมทั้งคว้ารางวัล Best K-Pop จากผลงานเพลง Rockstar เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ผลงานของศิลปินสาวไทย บนเวทีระดับโลกนั้น

ล่าสุด ลิซ่า กับเพลง 'Rockstar' ก็ถูกพูดถึงอีกครั้ง เมื่อสมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา (American Heart Association) โพสต์เฟซบุ๊กแนะนำว่า เพลง Rockstar ของลิซ่า เหมาะนำมาใช้ในการ CPR เพราะมีจังหวะ 120 บีทต่อนาที เท่ากับจำนวนครั้งที่ควรปั๊มหัวใจต่อ 1 นาทีเป๊ะ

โดยเนื้อความระบุว่า “Gold teeth sittin' on the dash, she a rockstar (เนื้อเพลง ROCKSTAR) ผู้ชนะ และผู้ช่วยชีวิต"

"เพลง ROCKSTAR ของลิซ่า ซึ่งชนะรางวัล Best K-POP ใน MTV VMAs 2024 เป็นเพลงที่มีจังหวะ 120 bpm เหมาะสำหรับการทำ CPR แบบ Hands-Only (CPR โดยการใช้มือ) หากผู้ใดเห็นวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่หมดสติ ให้โทร 911 และกดกลางหน้าอกอย่างหนักและรวดเร็ว”

'ฮ่องกง' จ่อยัดคุกหนุ่มใส่เสื้อ ‘ปลุกระดม’ เซ่นกฎหมายความมั่นคง ‘มาตรา 23’

(16 ก.ย. 67) รอยเตอร์ส รายงานว่า ชู ไคพง (Chu Kai-pong) วัย 27 ปี รับสารภาพความผิดฐาน ‘กระทำการปลุกระดมโดยเจตนา’ จำนวน 1 กระทง ซึ่งตามกฎหมายมาตรา 23 ได้ขยายระวางโทษจำคุกสูงสุด 2 ปี กลายเป็น 7 ปี และอาจเพิ่มเป็น 10 ปี หากพบว่ามีการ ‘สมคบคิดกับต่างชาติ’ ร่วมด้วย

ชู ถูกจับเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ที่สถานีรถไฟฟ้าแห่งหนึ่งขณะสวมเสื้อทีเชิ้ตซึ่งเขียนสโลแกนว่า “ปลดปล่อยฮ่องกง การปฏิวัติของคนรุ่นเรา” (Liberate Hong Kong, revolution of our times) และยังสวมหน้ากากที่เพนต์ตัวอักษร FDNOL ซึ่งย่อมาจาก ‘five demands, not one less’ หรือ ‘ข้อเรียกร้อง 5 ข้อ ไม่น้อยลงแม้แต่ข้อเดียว’

สโลแกนทั้งสองนี้มักจะถูกป่าวร้องในกิจกรรมของกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยฮ่องกงเมื่อช่วงปี 2019 และวันที่ 12 มิ.ย. ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวซึ่งนำไปสู่สถานการณ์รุนแรงในเวลาต่อมา

ศาลฮ่องกงอ้างคำรับสารภาพของ ชู ซึ่งบอกกับตำรวจว่า เขาสวมเสื้อตัวนี้ก็เพราะต้องการย้ำเตือนคนฮ่องกงให้รำลึกถึงการชุมนุมประท้วงดังกล่าว

วิกเตอร์ โซ (Victor So) หัวหน้าผู้พิพากษาซึ่งถูกคัดเลือกโดย จอห์น ลี ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงให้มาทำหน้าที่ไต่สวนคดีความมั่นคง ได้นัดอ่านคำพิพากษาในวันพฤหัสบดีนี้ (19 ก.ย.)

อังกฤษส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนให้จีนในปี 1997 โดยรัฐบาลจีนในขณะนั้นได้ให้สัญญาว่าสิทธิเสรีภาพของพลเมืองฮ่องกง ซึ่งรวมถึงเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น จะได้รับการปกป้องภายใต้สูตรการปกครอง ‘หนึ่งประเทศ-สองระบบ’

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลปักกิ่งภายใต้การนำของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้นำกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติมาบังคับใช้กับฮ่องกงในปี 2020 ซึ่งมีบทลงโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิตสำหรับผู้ที่พยายามแบ่งแยกดินแดน บ่อนทำลายรัฐ ก่อการร้าย และสมคบคิดกับต่างชาติ

ต่อมาในเดือน มี.ค.ปีนี้ ฝ่ายบริหารฮ่องกงยังได้ออกกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ที่เรียกกันว่ามาตรา 23 ซึ่งกำหนดบทลงโทษสำหรับความผิดฐานเป็นกบฏ ก่อวินาศกรรม ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยก ขโมยความลับของรัฐ การแทรกแซงจากภายนอก และการจารกรรมข้อมูล โดยมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่หลายปีไปจนถึงตลอดชีวิต

นักวิจารณ์รวมถึงรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งให้คำนิยามของการ ‘ปลุกปั่นยุยง’ เอาไว้อย่างกว้าง ๆ จนอาจกลายเป็นเครื่องมือกดขี่ผู้ต่อต้านรัฐ

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่จีนและฮ่องกงยืนยันว่ากฎหมายฉบับนี้จำเป็นสำหรับการ ‘อุดช่องโหว่’ เพื่อช่วยปกป้องความมั่นคงของชาติไว้

'โพนี หม่า' แห่ง Tencent ทวงบัลลังก์คนรวยที่สุดในจีนคืนอีกครั้ง ชี้!! ส่วนหนึ่งเพราะความสำเร็จจากเกม Black Myth : Wukong

(16 ก.ย. 67) สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า โพนี หม่า (Pony Ma) ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท Tencent Holdings Ltd. กลับมาทวงบัลลังก์มหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของจีน ของการจัดอันดับความมั่งคั่งในประเทศจีนอีกครั้ง ซึ่งทำให้กลายเป็นมหาเศรษฐีด้านเทคโนโลยีคนล่าสุดที่สามารถบรรลุสถานะดังกล่าวได้

ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากเศรษฐกิจจีนส่งผลให้หุ้นที่จดทะเบียนในฮ่องกงบางส่วนลดลงในวันที่ 16 ก.ย.2567 ทำให้ โพนี หม่า แซงหน้าจงซานซาน ผู้ประกอบการน้ำดื่มบรรจุขวด ด้วยทรัพย์สินมูลค่า 43,900 ล้านดอลลาร์ ณ เวลา 14.23 น. ตามเวลาท้องถิ่น ตามดัชนีมหาเศรษฐี Bloomberg จงซานซานหล่นลงมาอยู่ที่อันดับ 3 และจางอี้หมิง ผู้ก่อตั้ง ByteDance Ltd. เจ้าของ TikTok ซึ่งเป็นบริษัทเอกชน อยู่ในอันดับสอง

ความมั่งคั่งของโพนี หม่า เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อไม่นานนี้ เนื่องจากผลกำไรของ Tencent แซงหน้าคู่แข่งที่มีขนาดใกล้เคียงกัน โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเกมในจีน ซึ่งเป็นตลาดเกมบนมือถือที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความสำเร็จของเกมดังอย่าง DnF Mobile ไปจนถึง Black Myth: Wukong ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่บริษัทให้การสนับสนุน ประกอบกับคำมั่นสัญญาที่จะสนับสนุนจากจีน ช่วยผลักดันให้ Tencent ก้าวไปสู่ระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่ยุคอินเทอร์เน็ตพีคในยุคโควิด

หลังจากที่จีนใช้เวลาเกือบ 2 ปีในการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีที่ทรงอิทธิพลที่สุดของประเทศ รวมถึง Alibaba Group Holding Ltd. และ Didi Global Inc. พร้อมด้วยผู้ก่อตั้งที่ร่ำรวยมหาศาล การปราบปรามดังกล่าวกัดกร่อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้ประกอบการ และทำให้ภาคเอกชน ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนปาฏิหาริย์ทางเศรษฐกิจของจีนในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาหดตัวลง

ความมั่งคั่งของ โพนี หม่า ลดลงประมาณ 40% จากจุดสูงสุดในเดือนมกราคม 2564 ตามดัชนีความมั่งคั่งของ Bloomberg เขาเป็นคนที่สามที่ได้รับการจัดอันดับเป็นผู้ร่ำรวยที่สุดในจีนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม หลังจากการขายหุ้นที่ทำลายสถิติทำให้ทรัพย์สินของผู้ร่ำรวยที่สุดของประเทศหายไปหลายพันล้านดอลลาร์และเผยให้เห็นความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นของนักลงทุนเกี่ยวกับสถานะของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย Colin Huang ผู้ก่อตั้ง PDD Holdings Inc. ครองตำแหน่งนี้เพียง 18 วันในเดือนที่แล้ว

ทั้งนี้ โพนี หม่าก่อตั้ง Tencent ขึ้นในปี 1998 ด้วยเงินที่หาได้จากการร่วมทุนครั้งก่อนด้วยต้นทุน 500,000 หยวน หรือราว 70,450 ดอลลาร์ ซึ่งเทียบเท่ากับ 62 ปีของค่าจ้างเฉลี่ยของชาวจีนในขณะนั้น หม่าเกิดที่มณฑลกวางตุ้งทางตอนใต้ของจีน ศึกษาวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยเซินเจิ้น และเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ก่อนที่จะร่วมก่อตั้ง Tencent กับอีก 4 คน

Tencent ผู้จัดจำหน่ายเกมที่ใหญ่ที่สุดในโลก พุ่งทะยานในช่วงหลายปีก่อนที่จีนจะเริ่มปราบปราม โดยขึ้นถึงจุดสูงสุดในฐานะบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 5 ของโลก นอกจากนี้ Tencent ยังซื้อหุ้นใน Tesla Inc., Reddit Inc., Snap Inc., Spotify Technology SA และแบรนด์ความบันเทิงระดับโลกอีกมากมาย

ในเวลานั้น โพนี หม่าเป็นหนึ่งในเจ้าพ่ออุตสาหกรรมจีนที่สะสมทรัพย์สินมหาศาลจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่พุ่งสูง จนกลายเป็นบุคคลที่รวยที่สุดของประเทศ ในเดือนมิถุนายน 2563 ความมั่งคั่งส่วนใหญ่ของหม่าได้มาจากการถือหุ้นในบริษัท Tencent ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเซินเจิ้น ตามดัชนีมหาเศรษฐีของ Bloomberg

หลังจากที่จีนมีท่าทีเคลื่อนไหวเพื่อควบคุมอิทธิพลของบริษัทเทคโนโลยีและกำจัดคอร์รัปชันที่เชื่อมโยงกับการขยายตัวของทุนอย่างไม่เป็นระเบียบ บริษัท Tencent ก็ได้ลดขนาดลงโดยการขายหุ้นในสินทรัพย์ด้านอีคอมเมิร์ซและเกม และรัฐบาลได้สั่งให้บริษัทดังกล่าวยกเครื่องธุรกิจการเงิน

ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 จีนได้ส่งสัญญาณชัดเจนถึงความผ่อนปรน ซึ่ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความจำเป็นในการว่าจ้างบริษัทเอกชนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ เมื่อปีที่แล้วจีนได้ยุติการตรวจสอบ Ant Group Co. และภาคเทคโนโลยีทางการเงินมาหลายปี หลังจากปรับเงินไปกว่า 1 พันล้านดอลลาร์

‘อัครเดช’ ชี้!! ‘การเลือกตั้ง’ เท่ากับประชาชนได้ใช้อำนาจตาม รธน. ติง!! ‘หัวหน้าพรรคส้ม’ ไม่ควรสร้างวาทกรรมทำให้สังคมแตกแยก

(16 ก.ย. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงกรณี ผลการเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขต 1 ว่า ก่อนอื่นขอแสดงความยินดี กับ ผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทย ที่ชนะการเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขต 1 หลังจากที่ได้รับเสียงจากพี่น้องประชาชนให้มาทำงานในฐานะตัวแทนของพี่น้องประชาชนในสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

ขณะเดียวกัน ตนขอชื่นชมในสปิริตของพรรคประชาชน ที่ออกมาแสดงความยินดีและยอมรับในผลการเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้

แต่อย่างไรก็ดี ขอติงและฝากข้อเสนอแนะไปถึง ‘นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ’ หัวหน้าพรรคประชาชน กรณีออกมาระบุว่า "หนทางในการเปลี่ยนแปลงการเมือง เพื่อทำให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนนั้นไม่ง่าย" นั้น ตนมองว่าไม่เหมาะสม ตามมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันก็บัญญัติไว้อยู่แล้วว่า อำนาจอธิปไตยซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดเป็นของปวงชนชาวไทย 

ดังนั้นการที่ประชาชนได้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งถือว่าเป็นการใช้อำนาจของประชาชนผ่านการเลือกตั้ง การแสดงวาทกรรมของหัวหน้าพรรคประชาชนเช่นนี้ ถือเป็นการบ่อนเซาะระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือไม่ เป็นการแสดงออกที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก กับวาทกรรมแบบนี้

"ดังนั้น พรรคประชาชนควรยอมรับว่า ผลการเลือกตั้งในครั้งนี้ว่ามาจากอำนาจประชาชนอย่างแท้จริง อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนอยู่แล้วในปัจจุบันตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดและขอให้แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ ไม่สร้างวาทกรรมให้แตกแยกกันในสังคม ควรมุ่งเน้นทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจะดีกว่า” นายอัครเดช กล่าว

กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม แถลงข่าววัน ”โอโซนสากล ประจําปี 2567 “

วันที่ 16 กันยายน 2567 เนื่องในวันโอโซนสากล ประจําปี 2567 กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้จัดงานแถลงข่าว วันโอโซนสากล ประจําปี 2567 โดยมีนางอลิสรา รังษีภโนดร ผู้อํานวยการกองบริหารจัดการวัตถุอันตราย กล่าวรายงาน  นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดี กรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นผู้แถลงข่าว และตอบข้อซักถาม ต่อสื่อมวลชน ณ.โรงแรมอมารี กรุงเทพฯ 

นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดี กรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติ (United Nations General Assembly - UNGA) ได้กําหนดให้วันที่ 16 กันยายน เป็น วัน โอโซนโลก อย่างเป็นทางการในปี 1994 โดยวันที่นี้ถูกเลือกเพื่อระลึกถึงการลงนามใน พิธีสารมอนทรีออลว่าด้วย สารที่ทําลายชั้นโอโซน ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 16 กันยายน ปี ค.ศ. 1987 โดยองค์การสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme - UNEP) เป็นผู้ที่มีบทบาทสําคัญในการจัดและส่งเสริมวันโอโซนโลกเพื่อสร้าง ความตระหนักและกระตุ้นการดําเนินการระดับโลกในการปกป้องชั้นโอโซนวันโอโซนโลก ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 16 กันยายน ของทุกปี เป็นเหตุการณ์ระดับโลกที่มุ่งเน้นการสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการลดลงของชั้นโอโซนและ กระตุ้นให้มีการดําเนินการเพื่อปกป้องชั้นโอโซน

วันนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อระลึกถึงการลงนามใน “พิธีสารมอนทรีออล” ซึ่ง เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศที่มุ่งเน้นการยุติการผลิตและการใช้สารที่ทําลายชั้นโอโซน ชั้นโอโซนเป็นส่วนสําคัญ ของบรรยากาศโลกซึ่งอยู่ในชั้นสตราโตสเฟียร์และมีบทบาทสําคัญในการปกป้องชีวิตบนโลกโดยการดดูซับรังสี อัลตราไวโอเลต (UV) ที่เป็นอันตรายจากดวงอาทิตย์ หากปราศจากชั้นโอโซนนี้ รังสี UV ที่เพิ่มขึ้นจะเข้าสู่พื้นโลกมาก ขึ้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดอัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังที่สูงขึ้น ก่อให้เกิดภาวะต้อกระจก และทําลายระบบนิเวศต่างๆ

พิธีสารมอนทรีออลถือเป็นหนึ่งในข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อมที่ประสบความสําเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมี 197 ประเทศที่ร่วมกันลดการใช้สารที่ทําลายชั้นโอโซน เช่น คลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFCs) ตั้งแต่การบังคับ ใช้ พิธีสารมอนทรีออลทําให้ชั้นโอโซนเริ่มฟื้นตัว แต่ความร่วมมือระดับโลกยังคงเป็นสิ่งจําเป็นเพื่อให้ชั้นโอโซน กลับมาฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ ในแต่ละปี วันโอโซนโลกจะมีหัวข้อเฉพาะเพื่อเน้นถึงความพยายามอย่างต่อเนื่อง และ กระตุ้นให้มีการปฏิบัติที่ยั่งยืนในการปกป้องชั้นโอโซนและสิ่งแวดล้อม 

พิธีสารมอนทรีออลนี้มีส่วนสําคัญในการ ปกป้องมนุษยชาติในมิติต่างๆที่สําคัญ ดังเช่น
1. ความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศของโลกซึ่งสิ่งมีชีวิตอาจถูกทําร้ายถ้าหากไม่ได้รับการ ปกป้องจากรังสียูวี
2. ความมั่นคงทางอาหารและรายได้ของเกษตรกร การสัมผัสรังสียูวีเกินไปจะทําลายระบบนิเวศ ส่งผล ต่อแมลงผสมเกสร ลดผลผลิตพืชและแหล่งปลาสัตว์น้ํา
3. การปกป้องชั้นโอโซนจะช่วยป้องกันความเสียหายต่อเกษตรกรรมประมงและวัสดุต่างๆมูลค่า ประมาณ 460 พันล้านดอลลาร์ ระหว่างปี 1987 ถึง 2060
4. สุขภาพของมนุษย์หลีกเลี่ยงโรคมะเร็งผิวหนังมากถึง2ล้านรายต่อปีภายในปี2030และป้องกัน ผู้ป่วยต้อกระจกรายใหม่หลายล้านคนทั่วโลก

ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกในอนุสัญญาเวียนนาและพิธีสารมอนทรีออลเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2532 รวมทั้งให้สัตยาบันพิธีสารมอนทรีออลส่วนที่มีการปรับปรุงและแก้ไขเพิ่มเติม อีก 5 ครั้ง โดยครั้ง ล่าสุดเกิดขึ้นที่ กรุงคิกาลี (The Kigali Amendment to the Montreal Protocol (2016)) เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 ที่ผ่าน มาโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักในการควบคุมการผลติ การนําเข้าการ ใช้สารเคมีที่ทําลายชั้นบรรยากาศโอโซน และเป็นศูนย์ประสานงานในการติดต่อกับโครงการสิ่งแวดล้อมแห่ง สหประชาชาติเพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปตามพันธกรณีภายใต้พิธีสารมอนทรีออล 

โดยพิธีสารมอนทรีออลฉบับแก้ไข ณ กรุงคิกาลี (Kigali Amendment) กําหนดขึ้นเพื่อควบคุม ยับยั้ง และรณรงค์ให้ลดการผลิตและการใช้สารทําลายชั้น โอโซนเพื่อรักษาชั้นบรรยากาศโอโซนที่ถูกทําลายจากการใช้สารทําลายชั้นบรรยากาศโอโซนเหล่านี้ได้แก่สารคลอ โรฟลูออโรคาร์บอน (Chlorofluorocarbons: CFCs) สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (Hydrochlorofluorocarbons: HCFCs) สารฮาลอน (Halons) และ สารเมทิลโบรไมด์ (Methyl Bromide: CH3Br) ซึ่งที่ผ่านมาสามารถลดก๊าซเรือนกระจก ตั้งแต่ ค.ศ.1989 – 2023 ลงไปได้ถึง 1,460 ล้านตัน CO2 เทียบเท่าโรงไฟฟ้าถ่านหิน 3,896 โรง หรือ การใช้รถยนต์ 387 ล้านคัน 

ซึ่งพิธีสารมอนทรีออลส่วนที่มีการปรับปรุงและแก้ไขเพิ่มเติม มีการปรับปรุงและแก้ไขเนื้อหาในประเด็น สําคัญ ดังนี้
1. การแก้ไขเนื้อหาพิธีสารมอนทรีออล (Amendment)
1.1เพิ่มสารควบคุมกลุ่มใหม่คือสารไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน(HFCs)ในภาคผนวกF(AnnexF) โดย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
• กลุ่ม 1 จํานวน 17 ตัว ได้แก่ HFC-134, HFC-134a, HFC-143, HFC-245fa, HFC-365mfc, HFC-227ea, HFC-236cb, HFC-236ea, HFC-236fa, HFC-245ca, HFC-43-10mee, HFC-32, HFC-125, HFC-143a, HFC- 41, HFC-152, HFC-152a

• กลุ่ม 2 จํานวน 1 ตัว ได้แก่ HFC-23
1.2 เพิ่มข้อกําหนดในการควบคุมการผลิตและการใช้สารไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFCs) และสําหรับ ประเทศกําลังพัฒนา (Article 5 Parties) กลุ่ม 1 เช่น ประเทศไทย เป็นต้น กําหนดให้ปี พ.ศ. 2567 เป็นปี เริ่มต้นควบคุมปริมาณ (Freeze) การผลิตและการใช้สาร HFCs โดยไม่ให้เกินค่าพื้นฐาน (ซึ่งค่าพื้นฐานจะ เท่ากับผลรวมของค่าเฉลี่ยของปริมาณการใช้สาร HFCs ในปี พ.ศ. 2563 - 2565 กับร้อยละ 65 ของ ค่าเฉลี่ยของปริมาณการใช้สาร HCFCs ในปี พ.ศ. 2552 - 2553)

• ปี พ.ศ. 2572 ลดปริมาณการใช้สาร HFCs ลง 10% ของค่าพื้นฐาน                                                                  • ปี พ.ศ. 2578 ลดปริมาณการใช้สาร HFCs ลง 30% ของค่าพื้นฐาน
• ปี พ.ศ. 2583 ลดปริมาณการใช้สาร HFCs ลง 50% ของค่าพื้นฐาน
• ปี พ.ศ. 2588 ลดปริมาณการใช้สาร HFCs ลง 80% ของค่าพื้นฐาน

1.3 รายงานปริมาณการใช้ และการผลิตสาร HFCs ประจําปี ตามมาตรา 7 ของพิธีสารมอนทรีออล เพิ่มเติม ซึ่งจากเดิมที่มีการรายงานประจําปีเฉพาะการใช้สารคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (Chlorofluorocarbons: CFCs) สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (Hydrochlorofluorocarbons: HCFCs) สารฮาลอน (Halons) และสาร เมทิลโบรไมด์ (Methyl Bromide: CH3Br) ในภาคผนวก A, B, C และ E (Annex A, B, C และ E) ของพิธีสารมอนทรี ออล

1.4 จัดทําระบบการนําเข้าและส่งออก (Licensing System) ของสาร HFCs ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน หลังจากพันธกรณีภายใต้พิธีสารมอนทรีออล ฉบับแก้ไข ณ กรุงคิกาลี มีผลบังคับใช้ในประเทศ ซึ่ง กรอ. ใช้ระบบการอนุญาตภายใต้ พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535

2. การปรับปรุงข้อกําหนด (Adjustment)
เกี่ยวกับกําหนดระยะเวลาในการควบคุมการค้าขายสารควบคุมกับประเทศที่ไม่เป็นประเทศภาคี สมาชิก จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2576 ประโยชน์ที่จะได้รับ และผลกระทบต่อประเทศไทยใน การให้สัตยาบันต่อพิธีสารมอนทรีออล ฉบับแก้ไข ณ กรุงคิกาลี มีดังนี้

2.1) ประโยชน์ที่จะได้รับ
- ประเทศไทยสามารถซื้อขายสาร HFCs กับประเทศภาคีสมาชิกได้ โดยภาคอุตสาหกรรมที่มีการใช้สาร HFCs เช่น ภาคอุตสาหกรรมผลิตเครื่องปรับอากาศที่ใช้ตามบ้านเรือน ภาคอุตสาหกรรมผลิต เครื่องปรับอากาศที่ใช้ในรถยนต์ ภาคอุตสาหกรรมผลิตโฟม ภาคอุตสาหกรรมผลิตตู้เย็น ตู้แช่ เชิงพาณิชย์ เป็นต้น
- เนื่องจากสาร HFCs เป็นสารควบคุมภายใต้พิธีสารมอนทรีออล และเป็นก๊าซเรือนกระจกซึ่งมีค่า ศักยภาพที่ทําให้โลกร้อนภายใต้ข้อตกลงปารีส ดังนั้น การลดการใช้สาร HFCs โดยการปรับเปลี่ยน กระบวนการผลิตไปใช้สารทดแทนที่มีค่าศักยภาพที่ทําให้โลกร้อนต่ํา จึงเป็นการสนับสนุนต่อการดําเนิน นโยบายของรัฐบาล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emission) ภายในปี ค.ศ. 2065
- ประเทศไทยจะสามารถขอรับเงินช่วยเหลือ รวมถึงความช่วยเหลือทางด้านนโยบายและด้านเทคนิค จากกองทุนพหุภาคี ภายใต้พิธีสารมอนทรีออล เพื่อนํามาดําเนินการลดการใช้สาร HFCs ซึ่งจะทําให้

ภาคอุตสาหกรรมของไทยไม่เสียโอกาสในการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตไปใช้สารทดแทนที่เป็น เทคโนโลยีใหม่ที่ไม่ทําลายชั้นบรรยากาศโอโซน และมีค่าศักยภาพที่ทําให้โลกร้อนต่ํา เป็นการยกระดับ ผลิตภัณฑ์ของประเทศไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้มากขึ้น
- อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้สาร HFCs เช่น เครื่องปรับอากาศในบ้านเรือน เครื่องปรับอากาศที่ใช้ในรถยนต์ ตู้เย็น ตู้แช่เชิงพาณิชย์ เป็นต้น ยังคงมีสารเพียงพอเพื่อการซ่อมบํารุงจนกว่าอุปกรณ์นั้น ๆ จะหมดอายุ การใช้งาน

2.2) ผลกระทบ
- ภาคอุตสาหกรรมที่ใช้สาร HFCs ของไทยจะถูกจํากัดปริมาณการใช้สาร HFCs อย่างไรก็ตามพันธกรณี ภายใต้พิธีสารมอนทรีออลได้ยืดระยะเวลาในการเริ่มการลดการใช้สาร HFCs ออกไป 5 ปี หลังจากพิธีสารฯ ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ซึ่งเพียงพอต่อการลดการใช้สาร HFCs
- ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมที่ใช้สาร HFCs จะต้องลงทุนในการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต เพื่อไปใช้สารทดแทนใหม่ที่ไม่ทําลายชั้นบรรยากาศโอโซน และมีค่าศักยภาพที่ทําให้โลกร้อนต่ำ
ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมได้ปฏิบัติตามพันธกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามพิธีสารมอนทรอีอลฉบับแก้ไข ณ กรุงคิกาลีโดยไดจ้ัดทํากิจกรรมต่างๆมากมาย เพื่อสร้างความตระหนักและกระตุ้นการดําเนินการปกป้องชั้นโอโซนโลก อาทิเช่น
- ส่งมอบบัตรกํานัลสําหรับแลกซื้อเครื่องมือ/อุปกรณ์เพื่อใช้ในการฝึกอบรมช่างติดตั้งและซ่อมบํารุง เครื่องปรับอากาศให้แก่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานและสํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และ ส่งมอบให้ศูนย์ฝึกอบรมในสังกัด สําหรับแลกซื้อเครื่องมือ/อุปกรณ์ แห่งละ 36 ฉบับ รวม 72 ฉบับ
- สนับสนุนงบประมาณการดําเนินโครงการฝึกอบรมให้แก่ช่างติดตั้งและซ่อมบํารุงเครื่องปรับอากาศ จํานวน 4,560 คน รวมทั้งสิ้น 30,408,000 บาท
- ร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดฝึกอบรม จํานวน 110 ครั้ง ครั้งละ 20 คน จํานวนรวม 2,200 คน
- ร่วมกับสํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จัดฝึกอบรม จํานวน 118 ครั้ง ครั้งละ 20 คน จํานวนรวม 2,360 คน
- จัดกิจกรรม “Walk & Run for Ozone and Climate 2065 Net zero” กิจกรรมเดินวิ่ง จัดขึ้น 5 จังหวัด ได้แก่ ครั้งที่ 1 จ.ตรัง ครั้งที่ 2 จ.อุดรธานี ครั้งที่ 3 จ.เชียงใหม่ ครั้งที่ 4 จ.นครศรีธรรมราช และครั้งที่ 5 กทม.

โดยกิจกรรมที่ผ่านมาจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการลดและเลิกใช้สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน ( HCFCs) ซึ่ง ส่งผลกระทบต่อการทําลายชั้นบรรยากาศโอโซน และเชิญชวนให้เกิดความสนใจในการปกป้องชั้นบรรยากาศโอโซน รวมถึงการสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการลดการใช้สารไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFCs) ภายใต้พิธีสารมอนทรี ออลฉบับแก้ไข ณ กรุงคิกาลี(KigaliAmendment) ซึ่งในปีที่ผ่านมากิจกรรมงานเดินวิ่งได้กระแสตอบรับที่ดีมากในปีนี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมมีแผนงานที่จะจัดกิจกรรมลักษณะนี้ขึ้นอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้อยู่ใน ระหว่างการดําเนินงานจัดเตรียมแผนงาน และจะทําการประชาสัมพันธ์ให้ทราบในโอกาสต่อไป

CEO กุลพรภัสร์ สร้างเศรษฐกิจชุมชน คว้ารางวัล ISB Award

(16 ก.ย. 67) บริษัท ดับเบิ้ล พี แลนด์ นิคมอุตสาหกรรมบลูเทคซิตี้ สร้างเศรษฐกิจชุมชน ดันโครงการทุ่งสมุนไพรป่าชายเลน สร้างความหลากหลายทางชีวภาพ ส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น คว้ารางวัล ISB Award จาก การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้จัดโครงการยกระดับผู้ประกอบการอุตสาหกรรม สู่เกณฑ์การประเมินผลสัมฤทธิ์ทางสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ กนอ. ในปี 2567 เพื่อคัดเลือกผู้ประกอบการธุรกิจที่มีศักยภาพ คำนึงถึงความสมดุลเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมเข้าสู่การประเมินผลสัมฤทธิ์ทางสังคมตามมาตรฐานสากล

โดยบริษัท ดับเบิ้ล พี แลนด์ จำกัด (Double P Land) ภายใต้การบริหารงานของ นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานบริหารนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทราบลูเทคซิตี้ ที่ได้ดำเนินโครงการ "ทุ่งสมุนไพรป่าชายเลน" มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ชุมชนในพื้นที่รอบข้างได้นำความรู้ ภูมิปัญญาชาวบ้าน ปราชญ์ชุมชน มายกระดับพืชในท้องถิ่นให้เกิดมูลค่าเพิ่ม แก่ 3 วิสาหกิจชุมชน สร้างอาชีพกว่า 120 คน ปลูกต้นไม้เพิ่ม 15,000 ต้น จนได้รับการยอมรับว่าเป็นโครงการที่สร้างความยั่งยืนของการพัฒนาสังคม ชุมชน อาชีพ ได้อย่างแท้จริง

สำหรับโครงการดังกล่าว ได้ผ่านเกณฑ์การตรวจรับรองการประเมินผลของ กนอ. ที่ขึ้นทะเบียนเป็น I-EA-T Sustainable Business List 2024 พร้อมรับมอบประกาศนียบัตรในงาน ISB  Forum & Awards 2024

ทั้งนี้ ซีอีโอ กุลพรภัสร์ กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า เรามุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเพื่อสังคม เพิ่มคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อวิถีชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทยทุกคน ให้อุตสาหกรรมอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างมีความสุขและยั่งยืน

สมุทรปราการ - AOT ระดมกำลังช่วยเหลือผู้ประสบภัย จัดทีมจิตอาสาดูแลครบวงจร

(17 ก.ย. 67) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) ระดมเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จังหวัดเชียงราย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบภัยน้ำท่วมแบบฉับพลัน ประกอบด้วย เด็ก คนชรา ผู้ป่วยติดเตียง รวมถึงผู้พิการที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในบริเวณชุมชนโดยรอบท่าอากาศยานและพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัด

นาวาอากาศตรี สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย พร้อมกำชับให้ทีมจิตอาสาทุกคนดูแลความปลอดภัยของตนเองและของผู้ประสบภัยน้ำท่วมเป็นสำคัญ ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง ซึ่งที่ผ่านมาพนักงาน ทชร.ได้ร่วมกันลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยด้วยการนำเรือกู้ภัยทางน้ำเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมออกจากพื้นที่ การนำรถบรรทุกน้ำ (น้ำสะอาด) เข้าไปแจกจ่ายชุมชนโดยรอบ ตลอดจนการแจกจ่ายน้ำดื่มให้แก่ผู้ประสบภัย โดยกำลังพลจิตอาสาของ ทชร. ประกอบด้วย พนักงานส่วนดับเพลิงและกู้ภัย ส่วนบำรุงรักษา รวมทั้งส่วนรักษาความปลอดภัย

ทั้งนี้ AOT มุ่งสู่การดำเนินการและการจัดการท่าอากาศยานที่ดีระดับโลก รวมทั้งดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม และการพัฒนาที่ยั่งยืน ภายใต้แนวคิดการเป็นสนามบินที่เป็นพลเมืองที่ดีของสังคมและเป็นเพื่อนบ้านที่ดีของชุมชน (Corporate Citizenship Airport)

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

กระจ่าง!! เหตุใด ‘หน่วย SEAL’ ต้องฝึกโหดและหนัก

(17 ก.ย. 67) ครั้งหนึ่ง พ.อ.นายแพทย์ ภาคย์ โลหารชุน หรือ 'หมอภาคย์' นายแพทย์ใหญ่ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จังหวัดลพบุรี จบหลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม (มนุษย์กบ) SEAL/UDT รุ่นที่ 34 เคยให้มุมมองในช่วงหนึ่งของ Woody Live เมื่อปี 2562 เกี่ยวกับการฝึกหนักของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ หรือที่ทั่วไปเรียก ซีล (SEAL) หรือ 'มนุษย์กบ' ซึ่งเป็นหน่วยรบพิเศษ สังกัดกองเรือยุทธการ ของกองทัพเรือไทย ที่ฝึกหนักที่สุดในบรรดาหน่วยรบพิเศษของทุกเหล่าทัพไทย ว่า...

หลายคนมองว่าทำไมหน่วย SEAL ถึงต้องฝึกโหดหรือฝึกหนักอะไรขนาดนั้น 

ผมได้เรียนรู้ด้วยตัวเองเลยว่า ทำไมเราต้องฝึกมาขนาดนั้น

เพราะการฝึกหนัก ทำให้เรามีความพร้อม

พร้อมที่จะเผชิญเหตุการณ์ที่มันหนักหนาสาหัส ที่ไม่คาดคิดมาก่อน แต่เราก็ต้องทำ เพราะมันเป็นภารกิจ

นี่คือเป้าหมายของการฝึกหนักครับ

ตัวอย่าง เช่น ภารกิจ ถ้ำหลวง ที่ผ่านมา การดำน้ำทุกห้วงเวลา มีภาวะเสี่ยงกับชีวิตได้ตลอด

เสี่ยงที่จะสูญเสีย เสี่ยงที่จะเสียชีวิต

ความกลัว มีแน่ กลัวว่าจะตายหรือเปล่า มีแน่ มันแว่บขึ้นมาในหัวตลอด

แต่เราไม่หันหลัง เพราะนี่คือผลลัพธ์จากการฝึกของหน่วยซีล


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top