Thursday, 19 June 2025
TheStatesTimes

พนักงานโรงงานขอลาป่วยต่อ แต่หัวหน้าไม่ให้ ต้องมาทำงานทั้งที่ยังป่วยอยู่ สุดท้ายเสียชีวิต

(16 ก.ย. 67) จากเพจ 'หนุ่มสาว-โรงงาน' ได้โพสต์เหตุการณ์กรณีพนักงานโรงงานคนหนึ่งขอลาป่วยต่อ แต่หัวหน้าไม่ให้ลา เลยต้องมาทำงานทั้งที่ยังป่วยอยู่ จะขอออกโอหัวหน้าก็ไม่ให้ออก สรุปพนักงานคนดังกล่าวไปหาหมอช้าจึงเสียชีวิต ระบุว่า...

หัวหน้าบริษัทดังในนิคมบางปู สมุทรปราการ

ลูกน้องไม่สบายไม่ให้ลูกน้องหยุด บีบบังคับให้น้องมาทำงานทางอ้อม โดยที่น้องไม่เคยหยุดงานเลย

น้องไม่สบายตอนนี้เสียแล้ว 

#ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวด้วยนะครับ

📍เพิ่มเติมให้นะครับ โพสต์ด้านบนตอนแรกเอามาจากคนที่ทำงานน้อง แต่เขาลบไปแล้ว จะสรุปให้นะครับ จริง ๆ คือ น้องเขาจะขอลาป่วยต่อ แต่หัวหน้าไม่ให้ลา ไม่รู้เขาบีบบังคับแบบไหน น้องเลยต้องมาทำงานทั้งที่ยังป่วยอยู่ จะขอออกโอหัวหน้าก็ไม่ให้ออก สรุปน้องไปหาหมอช้าเลยเสียชีวิต ประมาณนี้ครับ

'ผู้ประสบภัยน้ำท่วม' ตำหนิ!! อาหารรสชาติไม่อร่อย ด้านผู้นำมาแจกรู้สึกผิด ขอโทษที่ต้องลุยน้ำมาให้

(16 ก.ย. 67) โลกโซเชียลแห่วิจารณ์สนั่น หลังมีผู้ประสบภัยน้ำท่วมโพสต์ตำหนิอาหารที่ผู้ใจบุญนำมาแจกฟรีว่ารสชาติไม่อร่อยและจำเจ ด้านผู้นำมาแจกรู้สึกผิด ขอโทษที่ต้องลุยน้ำมาให้

จากกรณีพายุ 'ยางิ' ถล่มภาคเหนือของประเทศไทย ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ก.ย. มีรายงานว่า ตัวเมืองเชียงรายหลังน้ำกกลดระดับสาหัสไม่แพ้กัน เศษซากกิ่งไม้-ดินโคลนเต็มพื้นที่ ขณะที่หลายหมู่บ้านพื้นที่ 'แม่ฟ้าหลวง' ยังถูกตัดขาดจากดินสไลด์ปิดถนน จนท.ต้องเดินเท้า-ใช้เฮลิคอปเตอร์ส่งข้าวส่งน้ำช่วยชาวบ้าน

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความร่วมมือร่วมใจของหน่วยงานต่าง ๆ และภาคประชาชนที่แสดงน้ำใจทำอาหารไปแจกจ่ายผู้ประสบภัย ก็พบว่ามีผู้ประสบภัยบางรายไม่ได้มองเห็นความมีน้ำใจเหล่านี้ โดยเมื่อวันที่ 15 ก.ย. ผู้ใช้ TikTok รายหนึ่ง เผยภาพโพสต์ของผู้ประสบภัยรายหนึ่ง ออกมาตำหนิอาหารที่นำไปแจกว่ามีแต่ผัดผัก และผัดกะเพรา อีกทั้งตำหนิรสชาติอาหารว่าไม่ได้เรื่อง

ทำให้ผู้โพสต์ต้องออกมาระบุข้อความขอโทษผู้ประสบภัยที่ทำอาหารไม่ถูกปาก นำอาหารไปส่งช้า เนื่องจากต้องลุยน้ำไปส่ง

ทั้งนี้ โพสต์ดังกล่าวก็ได้มีคนเข้ามาคอมเมนต์และวิพากษ์วิจารณ์ผู้ประสบภัยรายนี้กันเป็นจำนวนมาก

17 กันยายน พ.ศ. 2403 ‘ในหลวง รัชกาลที่ 4’ ปฏิวัติระบบเงินตราครั้งใหญ่ ประกาศใช้ ‘เงินเหรียญบาท’ ครั้งแรกในสยาม

วันนี้เมื่อ 17 กันยายน พ.ศ. 2403 หรือ 164 ปีก่อน ‘สยาม’ ประกาศใช้เงินเหรียญบาทเป็นครั้งแรก โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดฯ ให้ผลิตขึ้นโดยเครื่องจักรที่สั่งจากประเทศอังกฤษ เพื่อใช้แทนเงินพดด้วง เป็นตราพระมหามงกุฎ-ช้างในวงจักร

ในรัชสมัย ‘พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4’ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง ‘โรงกระสาปน์สิทธิการ’ โรงกษาปณ์แห่งแรกของไทย ภายในพระบรมมหาราชวังบริเวณที่เคยเป็นโรง ทำเงินพดด้วงเดิม ด้านหน้าพระคลังมหาสมบัติ บริเวณมุมถนนใกล้กับทางออกประตูสุวรรณบริบาลด้านทิศตะวันออก และติดตั้งเครื่องจักรผลิตเหรียญกษาปณ์ขับเคลื่อนด้วยแรงดันไอน้ำเป็นเครื่องแรก ซึ่งเป็นเครื่องจักรที่สั่งจากประเทศอังกฤษ

วันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2403 รัชกาลที่ 4 ได้ออกประกาศพิกัดราคาเงินเหรียญบาทและเงินแป โดยให้นำเงินเหรียญอย่างใหม่ซึ่งเป็นเงินแบนที่ผลิตได้จากโรงกระสาปน์สิทธิการ นำออกใช้แทน เงินพดด้วง เหรียญดังกล่าวนั้น ด้านหน้าเป็นรูปพระมหามงกุฎ มีฉัตรกระหนาบทั้ง 2 ข้าง ด้านหลังเป็นรูปช้าง อยู่กลางพระแสงจักร เหรียญเนื้อเงินแท้ ราคา ๑ บาท น้ำหนัก 15.33 กรัม เส้นผ่าศูนย์กลางเหรียญ 31 มิลลิเมตร

และเหรียญชนิดต่าง ๆ ประกอบด้วยเหรียญเงินราคา 1 บาท กึ่งบาท สลึง เฟื้อง กึ่งเฟื้อง และเหรียทองพัดดึงส์อีกจำนวนหนึ่ง นับเป็นการปฏิวัติระบบเงินตราครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของไทย

อนึ่ง โรงกษาปณ์แห่งนี้ ภายหลังจากการสร้างโรงกษาปณ์แห่งที่ 2 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้เป็นโรงหมอตอนหนึ่ง และเป็นคลังราชพัสดุอีกตอนหนึ่ง และต่อมาในปี พ.ศ. 2440 เกิดไฟไหม้หมดทั้งหลัง

‘รมว.พิชัย’ แถลง 10 นโยบายพาณิชย์ เร่งเครื่องฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส’

(16 ก.ย. 67) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงทิศทางและนโยบายสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ โดยมีนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ ร่วมด้วยที่ห้องกิตติยากรวรลักษณ์ ชั้น 4 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ 

นายพิชัย กล่าวว่า ตนและท่านรัฐมนตรีช่วยทั้งสองท่าน สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ที่ได้มอบหมายงานให้ตนมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ใช้ความรู้ความสามารถขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยประสบความสำเร็จและตนได้มาพบกับข้าราชการที่นี่เก่งมาก ประทับใจมีประสิทธิภาพสูง ท่านปลัดคล่องแคล่วมีแนวคิดที่ดี 

ตนได้ให้นโยบาย 10 ข้อ บางส่วนเป็นของท่านภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ทำไว้ ตนจะสานต่อและเพิ่มบางเรื่องเข้าไป เพราะวันนี้โลกเปลี่ยนไปเร็วมาก กระทรวงพาณิชย์จำเป็นจะต้องมีการปรับตัว ปรับแนวคิด โดยคำนึงถึงการค้าและธุรกิจรูปแบบใหม่ โดยนโยบาย 10 ข้อ ประกอบด้วย

1. ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส เน้นการลดค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน เพิ่มรายได้ ผ่านการสร้างอาชีพ และช่องทางการจำหน่าย เร่งขยายโอกาส นำเทคโนโลยีนวัตกรรมเข้ามาเสริมสร้างศักยภาพการค้าให้เป็นรูปธรรม 

2. บริหารให้เกิดความสมดุลระหว่างผู้บริโภค เกษตรกร ผู้ประกอบการ โดยผู้บริโภคได้สินค้าดี ราคาเป็นธรรม ขณะที่เกษตรกรและผู้ประกอบการรายได้สุทธิเพิ่มพูนอย่างยั่งยืน

3. ทำงานเชิงรุก ระหว่างพาณิชย์จังหวัด และทูตพาณิชย์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการนำสินค้าไทยไปขายในต่างประเทศ โดย ‘รักษาตลาดเดิม เสริมตลาดใหม่’

4. แก้ไขข้อจำกัดของกฎหมายหรือปรับปรุงข้อกฎหมายที่เก่าล้าสมัย ซึ่งพรรคเพื่อไทยเราเน้นแก้ปัญหาข้อกฎหมายที่เก่าล้าสมัย และต้องแก้ให้เร็วเพราะโลกเปลี่ยนเร็ว และมีทั้งเรื่องใหม่ เช่น เรื่อง e-Commerce การปรับกฎหมายให้ทันเป็นเรื่องที่จำเป็น

5. ร่วมขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงตลาดและเชื่อมต่อกับการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

6. เร่งผลักดันการส่งออกให้ตัวเลขเป็นบวกยิ่งกว่าเดิม ผ่านกลไกการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก เปิดตลาดการค้าใหม่ ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และการพัฒนาระบบโลจิสติกส์

7. ผลักดันให้มีการใช้ประโยชน์จาก FTA เร่งเจรจาให้เร็วที่สุด เพื่อให้มีการลงทุนเพิ่มขึ้นส่งออกให้มากขึ้น หลังจากนี้จะมี FTA กำลังจะเกิดขึ้นอีกหลายประเทศ

8. พานักธุรกิจไทยไปบุกต่างประเทศ อยากเห็นนักธุรกิจไทยเข้มแข็งขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้สนับสนุนให้เกิดขึ้นได้จริง

9. ปรับโครงสร้างการส่งออกให้ทันสมัย สินค้าส่งออกไทยเริ่มจะล้าสมัย ต้องทำในธุรกิจใหม่ เช่น เรื่อง PCB (แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์) ต้องเร่งให้เกิดมากขึ้น ปีที่แล้วมีการลงทุนแล้วกว่า 150,000 ล้านบาท เชื่อว่าอีกไม่นานจะเป็นหลายแสนล้านถึงล้านล้านบาท น่าจะมีธุรกิจที่ต่อเนื่องจากชิปเพิ่มขึ้นในไทยและสินค้าที่ใช้ PCB ไทย เช่น พวกสมาร์ตโฟน สมาร์ตทีวี เป็นต้น หรือ AI Big Data หวังว่าเราจะช่วยสร้าง S-Curve ใหม่ และธุรกิจอื่น ๆ ซึ่งเทคโนโลยีเป็นอุตสาหกรรมที่มีรายได้สูง สามารถสร้างการจ้างงานได้เยอะและเงินเดือนสูง

10. ส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้เข้าถึงตลาดสินค้ารักสิ่งแวดล้อม ต้องผลิตสินค้าที่โลกให้ความสำคัญ ซึ่งเรื่องสิ่งแวดล้อมต้องระมัดระวังต้องขายของที่รักษ์ธรรมชาติไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม

รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า นโยบายทั้ง 10 ข้อ จะเป็นทิศทางการดำเนินงานของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ตนเชื่อว่าด้วยศักยภาพของข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ เราจะสามารถนำพาการค้าการลงทุนของประเทศให้เจริญก้าวหน้าต่อไปได้ เพราะมีทั้งคนหนุ่มสาวและคนอาวุโสให้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งตนเปิดรับตลอดใครมีไอเดียและแนวคิดพร้อมรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายมาช่วยพัฒนากระทรวงไปด้วยกัน

‘เพจดัง’ แชร์อุทาหรณ์ รพ.สลับตัวทารกแรกเกิด ‘ไทย-เมียนมา’ โชคดี!! พ่อคนไทยถ่ายรูปลูกไว้ แจ้งให้ รพ. ตามหาลูกได้สำเร็จ

(16 ก.ย. 67) เพจ ‘อีซ้อขยี้ข่าว’ เล่าเหตุการณ์อุทาหรณ์โรงพยาบาลสลับตัวเด็ก โดยได้ระบุข้อความว่า…

“เรื่องคือ ลูกสาวผมเกิดวันที่ 11/8/67 น้องหายใจเร็วเลยต้องแยกห้องกับแม่…แม่นอนห้องพักฟื้นลูกนอนห้องอภิบาล แล้วโรงพยาบาลให้เยี่ยมได้ 18:30 - 20:00 ผมกับแฟนก็ไปเยี่ยมตั้งแต่วันที่ 12 เขาห้ามถ่ายรูปแต่ผมก็แอบถ่ายลูกผมไว้ทุกวันส่งให้แม่ผมดูส่งให้ญาติ ๆ ผมตามปกติ

วันที่ 13-14-15-16 ผมก็ไปเยี่ยมปกติผมก็แอบถ่ายรูปลูกผมทุกวันพอวันที่ 17 ก็ไปเยี่ยม ‘หน้าลูกผมเปลี่ยน จากผมยาวก็สั้น’ จากมีคิ้วคิ้วก็หาย ป้ายชื่อที่ข้อมือซ้ายกับขาขวาก็หาย เสื้อผ้า ผ้าขนหนูก็ไม่ใช่ของลูกผม

ถามพยาบาลว่าป้ายชื่อหายไปไหน เขาบอกว่าอาจหายตอนอาบน้ำ แล้วเสื้อผ้าในกล่องอ่ะครับ อาจจะสลับกันได้ ตอนแรกกะว่าจะเดินดูเด็กทุกคนแต่มีเด็กข้าง ๆ มีการเอกซเรย์เลยต้องออกจากห้องก่อนแล้ว วันที่ 18 ลูกผมครบกำหนด ก็กลับบ้านไปรับกลับบ้าน ผมมองลูกที่ได้กลับมาบ้าน มองยังไงก็ไม่ใช่ลูกผม ผมสับสนกับตัวเองว่าใช่หรือไม่ใช่ ดูรูปที่ถ่ายไว้กับตัวจริงตลอด

จนวันจันทร์ผมได้โทรไปสอบถามโรง’บาลอีกทีว่า…ผมสงสัยว่าไม่ใช่ลูกผม…ผมให้โรงพยาบาลบาลการันตีหรือพูดให้ผมสบายใจหน่อยได้ไหมว่าคนนี้เป็นลูกผม...เขาก็บอกว่าลูกของคุณพ่อไม่เหมือนเด็กคนอื่น ลูกคุณพ่อต้องให้ยา 7 วันที่ข้อมือจะมีรอยช้ำจากการถูกเจาะเลือด มันก็มีจริง ผมก็ถามไปอีกว่าแล้วทำไมผมสั้น ลงคิ้วหายไป...เขาก็บอกว่าเด็กหน้าเปลี่ยนทุกวัน จนคืนวันอังคารผมทนไม่ไหวเลยโพสต์ลงในกลุ่มข่าวกระทุ่มแบนให้เพื่อน ๆ ดูว่าเด็กในรูปคนเดียวกันไหม...ส่วนใหญ่บอกว่าคนละคน แนะนำให้ไปโรงบาลไปตรวจ DNA

เช้าวันพุธที่ 21/8/67 จึงรีบพาลูกกับแฟนไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบ แล้วก็เล่าเหตุการณ์ให้พยาบาลฟังทั้งหมด...แล้วก็เริ่มการเจาะเลือดผม แฟนผม แล้วก็เด็กที่ผมนำกลับบ้านไปวันที่ 18/8/67…ผลออกมาคือเด็กกรุ๊ป B ผมกรุ๊ป AB แฟนผมกรุ๊ป A ผมโกรธและโมโหมาก เสียใจมากสงสารลูกผมมาก แล้วรองผ.อ.ก็มาคุย…ผมบอกทำยังไงก็ได้ผมขอเจอลูกผมตัวจริง

วันที่ 21/8/67 ทางโรงพยาบาลก็หามาจนเจอก็มีการเจาะเลือดทั้งสองครอบครัว ครอบครัวเขา B ทั้งบ้าน ส่วนลูกผม AB แล้วผมได้คุยกับอีกครอบครัวนั้น เขาบอกว่าน่าจะสลับวันเสาร์ เพราะเขาก็ว่าอยู่ทำไมลูกเขามีคิ้ว ทั้งที่ตอนแรกไม่มี ครอบครัวนั้นเป็น (พม่า) นะครับ 

ลูกผมถูกให้ยาฆ่าเชื้อเกิน ลูกพม่าถูกให้ยาฆ่าเชื้อขาด กำหนดคือต้อง 7 วันตามที่พยาบาลบอกผม วันแรกที่ลูกผมแยกห้องกับแม่เขาแล้วก็ไม่รู้ว่าจะมีผลอะไรไหม ตอนนี้ที่ทางโรงพยาบาลรับผิดชอบคือเจาะเลือดให้ฟรีแล้วก็พาไปตรวจ DNA ที่โรงบาลรามาฯ

ล่าสุด 15/9/67 ผล DNA ออกแล้ว ผลก็เป็นไปตามนั้น เด็กสลับตัวกันจริง ทางโรงบาลจึงรับผิดชอบโดยให้สิทธิรักษาลูกผมฟรีแบบพิเศษ แบบพิเศษที่เขาว่าคือไม่ต้องต่อคิว ถ้าจะไปรักษาให้โทรไปบอกเขาว่าเป็นไร แต่ต้องจ่ายค่ารักษาเอง เขาจะเตรียมทำเอกสารไว้ให้จนน้องอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ครับ แค่นั้น

..ผมจึงขอค่าเยียวยาจิตใจไปสองแสนบาท โดยแบ่งให้บ้านของพม่าด้วยหนึ่งแสนบาท...โดยสองครอบครัวไม่ได้เข้าไปคุยพร้อมกันนะครับ คุยคนละวัน แต่ที่หมอบอกเขาจะให้สิทธิเหมือนกันครับทั้งสองครอบครัว...โดยทางโรงพยาบาลบอกว่ารักษาฟรีทำได้เลยทันที ส่วนเงินเขาให้รอไปอีก 2 อาทิตย์แต่ไม่รับปากนะว่าจะได้ครบไหม อาจจะครบหรือไม่ครบ เขาจะไปลงขันรับบริจาคกันก่อน...มีแบบนี้ด้วยเหรอครับ??

ไม่เป็นไรรอก็รอครับ เรื่องแบบนี้ทางโรงพยาบาลน่าจะทำให้จบให้เร็วที่สุด ไม่น่าปล่อยเวลาให้มันนานเดี๋ยวมันจะเป็นเรื่องใหญ่ ฝากด้วยครับเพื่อน ๆ ทำไรอย่าประมาท ทำไรควรมีหลักฐานยืนยัน ในกรณีนี้ถ้าผมไม่มีหลักฐานยืนยัน จบครับ ลูกผมไปอยู่พม่าแล้ว!!!

เป็นกรณีศึกษาไว้นะครับ”

สมุทรปราการ - ‘น้องแชมป์’ เด็กหนุ่มบางพลี!! ดีกรีแชมป์โลก นักเจ็ตสกีทีมชาติไทย ระดมทุนช่วยผู้ประสบภัยเชียงราย

(16 ก.ย. 67) ‘น้องแชมป์’ กษิดิศ ธีระประทีป นักเจ็ตสกีดีกรีแชมป์โลก และยังเป็นนักกีฬาเจ็ตกรีทีมชาติไทยเด็กหนุ่มอำเภอบางพลีจังหวัดสมุทรปราการ ล่าสุดได้เป็นฮีโร่ขวัญใจพี่น้องคนแม่สายจังหวัดเชียงราย โดยน้องแชมป์และทีมเจ็ตสกีร่วมกับทีมงานกันจอมพลัง ได้เข้าช่วยเหลือคุณลุงเขียงหมูซึ่งติดอยู่บนหลังคาร้าน นานกว่า 2 วัน ในอำเภอแม่สายจังหวัดเชียงราย จนกระทั่งได้รับคำชื่นชมจากประชาชนในโซเชียลเป็นจำนวนมาก

โดยล่าสุด “น้องแชมป์” หรือ นายกษิดิศ ธีระประทีป นักเจ็ตสกีทีมชาติไทยได้เดินทางกลับมายังบ้านเกิดที่จังหวัดสมุทรปราการเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในจังหวัดเชียงราย โดยล่าสุดผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า น้องแชมป์พร้อมด้วยคุณพ่อ หรือ นายไกรสร ธีระประทีป ลงพื้นที่ภายในตลาดเรือบินเพื่อเดินรับบริจาคเงินระดมทุนเร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่จังหวัดเชียงราย อีกทั้งยังได้เปิดจุดรับบริจาคบริเวณด้านหน้าร้านย่างเนยภายในตลาดเรือบิน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยมี กลุ่มพ่อค้า แม่ค้า รวมถึงประชาชนและแฟนคลับน้องแชมป์จำนวนมาก ร่วมบริจาคเงินพร้อมทั้งสิ่งของและน้ำดื่มเพื่อนำไปช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนกับผู้ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

น้องแชมป์ ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองมีความรู้สึกห่วงใยผู้ที่ประสบอุทกภัยกับเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ นับว่ามวลน้ำค่อนข้างมากและมีกระแสน้ำที่รุนแรงและยากต่อการลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือ จึงได้ปรึกษากับทางคุณพ่อเพื่อนำเงินบางส่วนจาก บริษัทไฟว์เคที จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายคอนกรีตผสมเสร็จ รวมทั้งเงินกิจการของร้านอาหารย่างเนยภายในตลาดเรือบิน โดยการนำยอดเงินทั้งหมดที่ได้จากการจำหน่ายอาหารภายในร้านของวันนี้ทั้งหมด โดยไม่หักค่าใช้จ่ายเพื่อนำเงินไปบริจาคสมทบทุนช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

โดยนายสมบัติ เนียมพาง กรรมการสมาคมเจ็ตสกีแห่งประเทศไทย ได้เดินทางมารับมอบเงินจากน้องแชมป์ โดยมียอดบริจาครวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 309,080 บาท พร้อมทั้งขอแรงใจจากพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศร่วมส่งแรงใจแรงเชียร์ “น้องแชมป์” ที่จะเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันเจ็ตสกีที่ประเทศอเมริกา ในวันที่ 5-6-7 ตุลาคม 2567 นี้

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

" จากเหนือ.. สู่อีสาน " ทีมบรรเทาสาธารณภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมอุปกรณ์ รถยกสูง 4x4 รถพยาบาลขับเคลื่อน 4 ล้อ โรงครัวเคลื่อนที่ ลุยพื้นที่จังหวัดหนองคาย เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมต่อเนื่อง

(16 ก.ย. 67) ตามที่สถานการณ์น้ำท่วมบางพื้นที่จังหวัดเชียงรายเริ่มคลี่คลาย ประจวบกับได้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดหนองคาย เมื่อวันเสาร์ที่ 14 กันยายน 2567 ทีมบรรเทาสาธารณภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวรพจน์ จรัสเศรษฐสิริ รักษาการผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ นำทีมกู้ภัย กู้ชีพ อาสาสมัคร พร้อมเรือท้องแบน อุปกรณ์กู้ภัยทางน้ำ รถยกสูง 4x4 รถพยาบาลขับเคลื่อน 4 ล้อ  โรงครัวเคลื่อนที่ ถุงยังชีพ ชุดยาสามัญประจำบ้าน อาหารสุนัขและแมว เคลื่อนกำลังพลออกจากเชียงราย ไปยังจังหวัดหนองคาย โดยขณะนี้ได้จัดตั้งกองอำนวยการ และโรงครัวประกอบอาหารปรุงสุก ณ วัดท่าบ่อ อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย

เมื่อถึงพื้นที่ประสบภัย มูลนิธิฯ ได้จัดทีมปฏิบัติการเร่งสำรวจพื้นที่ และให้ความช่วยเหลือในทันที รวมถึงอพยพประชาชน  ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และผู้ป่วยออกนอกพื้นที่ประสบภัยไปยังพื้นที่ปลอดภัย โดยมี อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิฯ จุดต่างๆ  อาสาสมัครศิลปิน นำโดย นายธวัชชัย คชาอนันต์ (แฮ็ค ชวนชื่น) พร้อมด้วย หน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา มูลนิธิมิตรภาพสามัคคี (ท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง) หาดใหญ่ และ หน่วยกู้ภัยจีตัมเกาะอุบลราชธานี ร่วมปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้

และในขณะนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ยังคงอยู่ระหว่างปฏิบัติการภารกิจอพยพในพื้นที่ต่อเนื่อง รวมทั้งประกอบอาหารปรุงสุก พร้อมจัดเตรียมน้ำดื่ม และถุงยังชีพ เพื่อบรรทุกรถและเรือ ลงพื้นที่แจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัย  และเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินและเข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านต่าง ๆ ต่อไป

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคทรัพย์ รวมถึงเครื่องอุปโภคบริโภค สมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยต่าง ๆ ทั้งที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ และที่กองอำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่

สำหรับผู้มีจิตศรัทธาที่มีความประสงค์จะบริจาคสมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม  หรือติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org  เฟซบุ๊ก แฟนเพจ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง หรือ ติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418

#มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง #ช่วยชีวิต #รักษาชีวิต #สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

'กนอ.' จัดงานใหญ่ ISB Forum & Awards 2024 ปลุกผู้ประกอบการใช้นวัตกรรมสร้างมูลค่าเพิ่ม

(16 ก.ย. 67) นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ISB Forum & Awards 2024 ภายใต้โครงการยกระดับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสู่เกณฑ์ผลสัมฤทธิ์ทางสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ กนอ. ปี 2567 (I-EA-T Sustainable Business 2024) โดยปีนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ 'Inclusive and Sustainable Industrialization Towards New Growth' (การพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างครอบคลุมและยั่งยืนสู่การเติบโตครั้งใหม่) โดยมีผู้บริหาร กนอ. และผู้ประกอบการเข้าร่วมงาน

นายสุเมธ กล่าวว่า การจัดงาน งาน ISB Forum & Awards 2024 ในปีนี้ เพื่อส่งเสริมแนวคิดการพัฒนาอุตสาหกรรม ที่ไม่เพียงแต่สร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แต่ยังคำนึงถึงความเป็นธรรมในสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนใน 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่...

1.การพัฒนาอุตสาหกรรมที่ครอบคลุม (Inclusive Industrialization) เปิดโอกาสให้ทุกกลุ่มในสังคมมีส่วนร่วมและเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจได้อย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมความหลากหลายในการทำงาน 

2.การพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน (Sustainable Industrialization) มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างความเจริญเติบโตที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในระยะยาว 

และ 3.การปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย (New Industrialization) นำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มผลิตภาพและมูลค่า ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ส่งเสริมการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมใหม่

“ผมเชื่อมั่นว่าผู้ประกอบการภายใต้การกำกับดูแลของ กนอ. ต่างมีกิจกรรมโครงการเพื่อสังคม ตลอดจนความรู้ความชำนาญ และทรัพยากรที่สนับสนุนลงไปยังชุมชนโดยรอบ หากมีการพัฒนาออกแบบแนวทางการดำเนินงานที่มุ่งผลลัพธ์ และเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ตลอดจนความร่วมมือร่วมกัน การผนึกกำลังของภาคอุตสาหกรรมจะพลิกวิกฤติ ช่วยสร้างโอกาสการพัฒนาสังคมเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างจับต้องได้ คุ้มค่า และเป็นรูปธรรม” นายสุเมธ กล่าว

สำหรับ โครงการ ISB (I-EA-T Sustainable Business) ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2565 เพื่อส่งเสริมความพร้อมของผู้ประกอบการในการยกระดับมาตรฐานการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเปิดเผยข้อมูลผลกระทบทางสังคม (Social Impact) ในระดับสากล โดยในปี 2567 กนอ. ขยายผลกลุ่มเป้าหมายไปสู่สำนักงานนิคมอุตสาหกรรม/ท่าเรืออุตสาหกรรม และผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน มีผู้เข้าร่วมโครงการ ISB Roadshow กว่า 61 สถานประกอบการ และผู้เข้าร่วม BIA/SIA Workshop จำนวน 45 ราย ซึ่งผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินงานของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ ISB ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาพบว่า มีการสนับสนุนงบประมาณในกิจกรรมทางสังคม รวม 575.87 ล้านบาท และเกิดผลตอบแทนทางสังคม (SROI) สูงถึง 4.87 เท่า คิดเป็นมูลค่ารวม 2,801.46 ล้านบาท

ภายในงาน ISB Forum & Awards 2024 มีการมอบรางวัล ISB List จำนวน 16 รางวัลให้แก่ สำนักงานนิคมอุตสาหกรรม ผู้พัฒนานิคมฯ ผู้ประกอบการที่สะท้อนการรับรองตามเกณฑ์มาตรฐานผลสัมฤทธิ์ BIA และ SIA และมอบรางวัล ISB Awards 2024 แก่ผู้ประกอบการที่มีความโดดเด่นด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน จำนวน 11 ราย และมอบรางวัลแก่สำนักงานนิคมอุตสาหกรรม/ท่าเรืออุตสาหกรรม ในบทบาท ISB Accelerator จำนวน 8 ราย

“กนอ. มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้เป็นไปอย่างครอบคลุมและยั่งยืน ผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ, โครงการธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม, โครงการ Smart I.E., โครงการพัฒนาและสนับสนุน SMEs, โครงการการพัฒนาแรงงานและทักษะ, โครงการพัฒนาท้องถิ่น, โครงการการสร้างนวัตกรรมและการวิจัย โดยเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เราจะสร้างอุตสาหกรรมที่ทุกคนเติบโตไปด้วยกัน ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างยั่งยืน ผลักดันทุกภาคส่วนให้เข้มแข็งไปด้วยกัน” รักษาการในตำแหน่ง ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวทิ้งท้าย

18 กันยายน พ.ศ. 2521 ‘ในหลวง ร.9’ ทรงมีรับสั่ง “ถ้าน้ำแรง ทำไมไม่คิดทำไฟฟ้าด้วย” จุดเริ่มต้นก่อสร้าง ‘โรงไฟฟ้าพลังน้ำบ้านสันติ’ จังหวัดยะลา

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2521 หรือ 46 ปีที่แล้ว พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวง ร.9 พร้อมด้วยสมเด็จฯพระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้ง 2 พระองค์ เสด็จฯ ไปทรงวางศิลาฤกษ์เขื่อนบางลาง ตำบลบาเจาะ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ซึ่งจากการเสด็จฯ ในวันนี้ ได้ทำให้เกิดโครงการ ‘โรงไฟฟ้าพลังน้ำบ้านสันติ’ ขึ้นบริเวณเหนือเขื่อนบางลาง ในเวลาต่อมา 

ในช่วงเวลาของการก่อสร้างเขื่อนบางลาง จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำแห่งแรกของภาคใต้ตอนล่างนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบากในการก่อสร้าง เนื่องด้วยในขณะนั้นยังมีการต่อสู้กับผู้ก่อการความไม่สงบคอมมิวนิสต์ โดยในระหว่างการก่อสร้างในหลวง ร.9 และพระราชินี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาที่เขื่อนแห่งนี้หลายครั้ง ด้วยพระราชประสงค์จะพระราชทานกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงาน 

ในการเสด็จพระราชดำเนิน เมื่อ 46 ปีก่อน เพื่อมาทรงวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างเขื่อนบางลาง โดยมีนายเกษม จาติกวณิช ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยในขณะนั้นร่วมรับเสด็จ พระองค์ได้เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรฝายละแอ ซึ่งเป็นฝายทดน้ำขนาดเล็กจากคลองละแอที่สร้างด้วยการเจาะอุโมงค์ขนาดเล็กและต่อท่อส่งน้ำไปให้ประชาชนในหมู่บ้านสันติใช้ 

พลอากาศตรีกำธน สินธวานนท์ องคมนตรี ซึ่งเวลานั้นดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กราบบังคมทูลว่า น้ำประปาไหลแรง เพราะต่อน้ำลงมาจากที่สูงทำให้ก๊อกน้ำเสียเป็นประจำ ในหลวง ร.9 จึงทรงมีรับสั่งขึ้นว่า 

“ถ้าน้ำแรง ทำไมไม่คิดทำไฟฟ้าด้วย”

จากแนวพระราชดำริดังกล่าวนั้นเอง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จึงก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำบ้านสันติขึ้นบริเวณเหนือเขื่อนบางลาง โดยติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด 1,275 กิโลวัตต์ จำนวน 1 เครื่อง และติดตั้งท่อส่งน้ำยาว 1,800 เมตร สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ในเดือนตุลาคม 2525 

นับเป็นอีกหนึ่งโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก ที่เกิดขึ้นจากแนวพระราชดำริ เพราะทรงห่วงใยต่อพสกนิกรในท้องถิ่นทุรกันดารหรือในพื้นที่ห่างไกล ทรงสนพระทัยสอบถามถึงความเป็นอยู่ โดยเฉพาะเรื่องน้ำบริโภคและทำการเกษตร ด้วยทรงมีพระราชประสงค์ให้แต่ละชุมชนใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด พึ่งพาตนเองได้ และทุกครั้งที่ทรงมองเห็นโอกาสในการสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน จะทรงมีแนวพระราชดำริ ให้ใช้ประโยชน์จากการก่อสร้างเขื่อนขนาดเล็ก ที่นอกจากเพื่อเก็บกักน้ำแล้วยังสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าไว้ใช้ในชุมชนได้อีกด้วย

เปิดข้อมูล 'ไรอัน รูธ' ผู้ต้องสงสัยคิดลอบสังหาร 'ทรัมป์' เป็นผู้สนับสนุนยูเครนตัวยงเรื่องการทำสงครามกับรัสเซีย

(16 ก.ย. 67) ผลการสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับชายต้องสงสัยพยายามลอบสังหารนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐพบว่า เขาเป็นผู้สนับสนุนยูเครนตัวยงเรื่องการทำสงครามกับรัสเซีย

รอยเตอร์รายงานว่า พบข้อมูลของนายไรอัน รูธ ชาวรัฐฮาวาย วัย 58 ปี ในแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) เฟซบุ๊ก และลิงก์อิน (LinkedIn) แต่การเข้าถึงเอ็กซ์และเฟซบุ๊กของเขาแบบสาธารณะ ถูกลบไปไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดเหตุพยายามลอบสังหารทรัมป์ที่สนามกอล์ฟ เมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา เมื่อบ่ายวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น บัญชีที่ใช้ชื่อนายรูธ 3 บัญชีบ่งชี้ว่า เขาเป็นผู้สนับสนุนยูเครนตัวยง

โดยเมื่อวันที่ 21 เมษายน เขาโพสต์ข้อความผ่านเอ็กซ์ถึงนายอีลอน มัสก์ เจ้าของแพลตฟอร์มโดยตรงว่า "อยากซื้อจรวดของมัสก์เพื่อนำไปติดหัวรบถล่มคฤหาสน์ที่ทะเลดำของวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เพื่อจบชีวิตปูติน ขอให้แจ้งราคามาด้วย"

ส่วนเมื่อต้นปีนี้เขาโพสต์เอ็กซ์โดยติดแท็กชื่อบัญชีของประธานาธิบดีโจ ไบเดนว่า "การหาเสียงของไบเดนควรใช้ชื่อว่า KADAF ย่อมาจากคำว่า Keep America democratic and free แปลได้ว่า ทำให้อเมริกาเป็นประชาธิปไตยและเสรีต่อไป ส่วนการหาเสียงของทรัมป์ควรใช้ชื่อว่า MASA ย่อมาจากคำว่า make Americans slaves again master แปลได้ว่า ทำให้อเมริกาเป็นทาสอีกครั้ง"

ทั้งนี้ นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า เคยสัมภาษณ์นายรูธในปี 2566 เรื่องชาวอเมริกันที่อาสาไปช่วยยูเครนรบกับรัสเซีย โดยเขาอ้างว่าเคยอยู่ในยูเครนหลายเดือนในปี 2565 และหาทางรับสมัครทหารอัฟกันที่หนีรัฐบาลตอลิบานในอัฟกานิสถานไปรบในยูเครน

รอยเตอร์และซีเอ็นเอ็นได้ติดต่อสอบถามบุตรชาย 2 คนของนายรูธ แต่ทั้งคู่ปฏิเสธว่าไม่ทราบเรื่องลอบสังหาร


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top