Wednesday, 18 June 2025
TheStatesTimes

13 กันยายน พ.ศ. 2425 วันประสูติ ‘พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม’ ผู้ปรีชาสามารถด้านดนตรี นิพนธ์เพลงอมตะ ‘ลาวดวงเดือน’

ครบรอบ 142 ปี ประสูติกาล ‘พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม’ พระราชโอรสพระองค์ที่ 38 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ราชสกุลเพ็ญพัฒน เป็นผู้นิพนธ์เพลงลาวดวงเดือน

‘พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม’ พระนามเดิม พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 38 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อันประสูติแต่เจ้าจอมมารดามรกฎ ในรัชกาลที่ 5 ธิดาของเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง (เพ็ง เพ็ญกุล) ประสูติเมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2425 เสด็จไปศึกษาทางด้านเกษตรศาสตร์จากประเทศอังกฤษ สำเร็จการศึกษาเมื่อ พ.ศ. 2446 ขณะพระชันษา 20 ปี กลับมารับราชการเป็นผู้ช่วยปลัดทูลฉลองกระทรวงเกษตราธิการ

ในปี พ.ศ. 2445 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชวินิจฉัยให้อุดหนุนการทำไหมและทอผ้าของประเทศ โดยได้ว่าจ้าง ดร.คาเมทาโร่ โทยาม่า จากมหาวิทยาลัยโตเกียว ทดลองเลี้ยงไหมตามแบบฉบับของญี่ปุ่น สอนและฝึกอบรมนักเรียนไทยในวิชาการเลี้ยงและการทำไหม พร้อมกับสร้างสวนหม่อนและสถานีเลี้ยงไหมขึ้นที่ตำบลศาลาแดง กรุงเทพ ทรงจัดตั้งกองช่างไหมขึ้นในกระทรวงเกษตราธิการ 

ต่อมา วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2446 กระทรวงเกษตราธิการได้รวมกองการผลิต, กองการเลี้ยงสัตว์ และกองช่างไหม ตั้งขึ้นเป็น ‘กรมช่างไหม’ โดยมี พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงษ์ เป็นอธิบดีกรมช่างไหมพระองค์แรก นับว่ามีพระกรณียกิจในการวางรากฐานเรื่องไหมไทย โดยตั้งโรงเรียนและโรงเลี้ยงไหมขึ้นที่กรุงเทพฯ นครราชสีมา และบุรีรัมย์

งานหลักของกรมช่างไหม คือ การดำเนินงานตามโครงการของสถานีทดลองเลี้ยงไหม เริ่มด้วยการก่อตั้งโรงเรียนสอนการทำไหมขึ้นในพระราชวังดุสิต เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2446 และเปิดโรงเรียนสอนการทำไหมขึ้นที่ปทุมวัน เรียกว่า ‘โรงเรียนกรมช่างไหม’ เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2447 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผู้เชี่ยวชาญ ศึกษาวิจัย และฝึกพนักงานคนไทยขึ้นแทนคนญี่ปุ่น ในเวลาต่อมาโรงเรียนแห่งนี้ได้พัฒนาเป็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 

กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม ทรงสนพระทัยดนตรีไทย โปรดให้มีวงปี่พาทย์วงหนึ่ง เรียกกันว่า ‘วงพระองค์เพ็ญ’ พระองค์ยังทรงเล่นดนตรีได้หลายชนิด และทรงเป็นนักแต่งเพลงที่สามารถ เมื่อครั้งเสด็จกลับจากประเทศอังกฤษ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมได้เสด็จไปนครเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2446 ทรงชอบพอกับ เจ้าหญิงชมชื่น ณ เชียงใหม่ พระธิดาใน เจ้าราชสัมพันธวงศ์ ธรรมลังกา ณ เชียงใหม่, เจ้าราชสัมพันธวงศ์นครเชียงใหม่ กับเจ้าหญิงคำย่น (ณ ลำพูน) ณ เชียงใหม่ ได้โปรดให้ข้าหลวงใหญ่มณฑลพายัพเป็นเฒ่าแก่เจรจาสู่ขอ แต่ได้รับการทัดทาน ไม่มีโอกาสที่จะได้สมรสกัน ทำให้พระองค์โศกเศร้ามาก และได้ทรงพระนิพนธ์เพลงลาวดำเนินเกวียน (หรือลาวดวงเดือน) ขึ้น เมื่อใดที่ทรงระลึกถึง เจ้าหญิงชมชื่น ก็จะทรงดนตรีเพลงนี้มาตลอดพระชนมชีพ

วังที่ประทับของกรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม เป็นบ้านของเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง (เพ็ง เพ็ญกุล) บิดาของเจ้าจอมมารดามรกฎ มีชื่อเรียกว่าวังท่าเตียน (เรียกชื่อตามสถานที่ตั้งวัง เช่นเดียวกับวังท่าเตียนหรือวังจักรพงษ์ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์) มีโรงละครอยู่โรงหนึ่ง ในสมัยนั้นเรียกกันว่า ปรินส์เทียเตอร์

วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 ได้รับสถาปนาเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม ทรงศักดินา 15000

กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม ผู้เป็นต้นราชนิกุล ‘เพ็ญพัฒน์’ มีพระพลามัยไม่สมบูรณ์นัก อาจจะเป็นเพราะพระทัยที่เศร้าสร้อยจากความผิดหวังเรื่องความรัก จึงมีพระชนมายุสั้นเพียง 28 พรรษา สิ้นพระชนม์ด้วยโรคปอดเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2452

และบังเอิญเสียเหลือเกิน ในปี 2453 เจ้าหญิงชมชื่นก็สิ้นชีพิตักษัยในวัยเพียง 21 ปีเท่านั้น

‘โซเชียล’ ชื่นชม!! ‘เจ้าของปั๊มน้ำมันลำปาง’ จิตใจงาม ประกาศให้กู้ภัยช่วยน้ำท่วมเติมน้ำมันรถฟรี 1 แสนบาท

(12 ก.ย. 67) จากกรณีที่ นายจักรี จันทร์ไพจิตร เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาอำเภองาว จังหวัดลำปาง ได้ประกาศเติมน้ำมันทุกประเภทฟรีให้กับหน่วยกู้ภัยทั่วประเทศที่จะเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดเชียงรายที่ประสบอุทกภัย จำนวนเงิน 100,000 บาท หลังมีการแชร์ข่าวออกไปทำให้มีกู้ภัยได้เดินทางมาเติมน้ำมันจำนวนมาก

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ปั๊มน้ำมันดังกล่าวพบกับ นายวสันต์ จันทร์ไพจิตร อายุ 45 ปี ผู้จัดการ พร้อมเปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันนี้ นายจักรี จันทร์ไพจิตร เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาอำเภองาว จังหวัดลำปาง แจ้งให้ทราบว่าจะสนับสนุนน้ำมันให้กับกู้ภัยที่ไปช่วยชาวเชียงรายที่ประสบอุทกภัยใหญ่ จำนวน 100,000 บาท หลังจากที่โซเชียลมีการแชร์ออกไปมีกู้ภัยหลายแห่งติดต่อเข้ามาประสานเพื่อเติมน้ำมัน

ตอนนี้มีทีมกู้ภัยมากกว่า 20 กลุ่มเข้ามาใช้บริการ มียอดเติมน้ำมันกลุ่มละ 1,000-5,000 บาท ตอนนี้ยอดเติมน้ำมันทะลุไปกว่า 80,000 บาทแล้ว ซึ่งจากการพูดคุยกับกู้ภัย เขาดีใจมากที่มีผู้ใจบุญสนับสนุนงานของกู้ภัย ซึ่งตนเองก็ดีใจและขอเป็นกำลังใจให้กับชาวเชียงรายและกู้ภัยที่เข้าไปช่วยเหลือทุกคนด้วย

ด้าน สมยศ ศิลป์พูน อายุ 48 ปี ประธานกู้ภัยข่าวภาพกำแพงเพชร เปิดเผยว่า พอทราบข่าวว่าปั๊มน้ำมัน ปตท. งาว มีการสนับสนุนน้ำมันให้กับทีมงานกู้ภัยทั่วประเทศที่เข้าไปช่วยชาวจังหวัดเชียงราย

ส่วนตัวรู้สึกดีใจที่มีผู้ใจบุญอย่างนี้และถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะกู้ภัยทุกคนทำงานด้วยจิตอาสา และหากมีเจ้าของปั๊มน้ำมันท่านอื่น ๆ ตั้งแต่กรุงเทพฯ จนถึงเชียงรายมาสนับสนุนแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมไม่น้อย ซึ่งทีมกู้ภัยของตนเองได้นำเอาข้าวของน้ำดื่มที่คนช่วยบริจาคมารวมถึงอุปกรณ์ในการช่วยเหลือด้านกู้ภัยและเรือท้องแบนลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบอุทกภัย โดยจะลงพื้นที่อำเภอแม่สายและอำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งขณะนี้ถือว่าน้ำท่วมหนักมากและต้องขอบคุณเจ้าของปั๊มที่ใจดีด้วย

ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น. ทางปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาอำเภองาว จังหวัดลำปาง ได้อัปเดตว่า ตอนนี้ยอดเติมน้ำมันฟรีครบ 100,000 แล้ว

14 กันยายน พ.ศ. 2485 คนไทยร่วมใจ ‘ยืนตรงเคารพธงชาติ’ วันแรก ต้นแบบที่ถือปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน

“ธงชาติและเพลงชาติไทย…เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย…เราจงร่วมใจกันยืนตรงเคารพธงชาติ…ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราชและความเสียสละของบรรพบุรุษไทย…” 

นี่คือเสียงเชิญชวนให้ยืนตรง ‘เคารพธงชาติ’ ที่ฟังกันจนคุ้นหู และปฏิบัติกันจนเป็นกิจวัตร โดยเราจะยืนเคารพธงชาติเมื่อถึงเวลา 8.00 น. และ 18.00 น. โดยทำติดต่อกันเป็นจริงเป็นจังมา 82 ปีแล้ว (ตั้งแต่ปี 2485) ทั้งที่ประเทศไทยมีการใช้ธงชาติมานาน เฉพาะธงไตรรงค์ที่ใช้เป็นธงชาติในปัจจุบันก็มีอายุกว่า 100 ปีแล้ว

เหตุใดคนไทยจึงยืนเคารพธงชาติ?

ต้องย้อนกลับไปในสมัยรัฐบาลพระยาพหลพลพยุหเสนา ที่ออกกฎกระทรวงมหาดไทยเรื่อง ระเบียบการชักธงชาติ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2478 ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับแรกที่กำหนดถึงระเบียบในการชักธงและการประดับธงชาติ แต่การยืนเคารพธงชาติก็ยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก

แต่ความสำเร็จในการยืนเคารพธงชาตินั้น เกิดจากรายการวิทยุกระจายเสียง ‘นายมั่น-นายคง’ ซึ่งผู้ดำเนินการทั้ง 2 คนจะสนทนากับผู้ฟังทางบ้านในประเด็นต่าง ๆ (วิทยุเป็นเครื่องมือโฆษณาที่สำคัญของรัฐบาลในเวลานั้น) โดยการออกอากาศวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2485 ได้เชิญชวนและนัดหมายกับประชาชนให้ยืนตรงเคารพธงชาติพร้อมกันว่า…

“เวลา 8.00 น. นับตั้งแต่เช้าวันพรุ่งนี้เปนต้นไปผู้ที่มีเครื่องรับวิทยุ ก็ขอได้โปรดเปิดไห้ดัง ๆ ด้วย เพื่อเพื่อนบ้านไกล้เรือนเคียง และคนสัญจรไปมาจะได้ยินทั่ว ๆ กัน…

“สิ่งแรกฉันหยากขอไห้ยุวชนช่วยฉันไห้พร้อมเพรียง เมื่อเวลาประกาสไห้เคารพทงชาติไห้ทำทุกคนเปนการเคารพชาติที่มีคุนแก่เรา และไห้บอกคนไนบ้านทุกคนทำการเคารพด้วยบอกว่าทงชาติยังหยู่ชักขึ้นแล้ว เอกราชของไทยยังบุญมั่นขวันยืนดี เราต้องพร้อมไจกันทำการเคารพทั่วทั้งชาติ และไนเวลาเดียวกันแหละ…

“ฉันเชื่อมั่นว่าการเคารพทงชาติคราวหน้านี้จะสำเหร็ดได้ด้วยความรักชาติของยุวชนเปนสำคัน ทำตามนี้เรียกว่ายุวชนสร้างชาติ”

'ผลสำรวจ' ชี้!! 'มะกัน' ยังเชื่อมั่นใน ‘ทรัมป์’ แม้ ‘กมลา’ ดีเบตได้ดีกว่า แต่ผิดหวัง!! ทั้งคู่ยังพูดถึง 'แผน-นโยบาย' พัฒนาประเทศได้ไม่ชัดนัก

(12 ก.ย. 67) หลังการดีเบตยกแรกของ ‘ทรัมป์-แฮร์ริส’ ผู้สื่อข่าวพีพีทีวีในสหรัฐฯ ได้สำรวจความเห็นประชาชนในวอชิงตันดีซีและรัฐแมรีแลนด์ พบชาวอเมริกันยังเชื่อมั่นในตัว ‘ทรัมป์’ มากกว่า

จากการลงพื้นที่สำรวจความเห็นประชาชนหลังการดีเบตครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 67 ชาวอเมริกันมองว่า พวกเขาต้องการแผนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากกว่าการโต้เถียงเรื่องอื่น ๆ

ด้านผลโพลล่าสุดชี้ การดีเบตในครั้งนี้ ‘กมลา แฮร์ริส’ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำผลงานได้ดีกว่าคู่แข่งอย่างอดีตประธานาธิบดี ‘โดนัล ทรัมป์’ แต่หากเจาะลึกความเชื่อมั่นแล้ว ชาวอเมริกันยังเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของทรัมป์มากกว่า

การพบกันครั้งแรกในศึกดีเบตระหว่างแฮร์ริสจากพรรค ‘เดโมแครต’ และทรัมป์จากพรรค ‘รีพับลิกัน’ ทั้งสองได้แสดงวิสัยทัศน์ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจที่เน้นเรื่องภาษี สิทธิการทำแท้งในผู้หญิง และบทบาทของสหรัฐฯ ในด้านการต่างประเทศ จุดยืนในการช่วยเหลือสงครามในตะวันออกกลางหรือสงครามยูเครน

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นการจัดการแนวชายแดน และแรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ทรัมป์เลือกที่จะโจมตีแฮร์ริส ที่ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในตอนนี้และรับผิดชอบโดยตรงแต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ด้านนางกมลาก็หันไปโจมตี โดนัล ทรัมป์กลับ ว่าเป็นผู้ที่มีคดีความติดตัวและโกหก

จากการลงพื้นที่สำรวจความเห็นประชาชนในกรุงวอชิงตันดีซีและรัฐแมรีแลนด์ พบว่า ชาวอเมริกันต้องการเห็นแผนการบริหารงานที่ชัดเจน มากกว่าการโจมตีกัน 

ไมค์ ซี จากรัฐแมรีแลนด์ กล่าวว่า การดีเบตครั้งนี้ มองโดยรวมแล้วไม่สามารถโน้มน้าวให้เปลี่ยนการตัดสินใจในการลงคะแนนเสียงเลือกประธานาธิบดีในวันที่ 5 พ.ย. 67 นี้ได้ เพราะต่างคนต่างเลี่ยงตอบคำถามและไม่มีแผน หรือแนวทางที่ชัดเจน

ไมค์ ซี ชาวอเมริกัน บอกว่า “ผมคาดหวังให้ทั้งคู่พูดถึงแผนการ และนโยบายให้ชัดเจนมากขึ้น เพราะพวกเขาไม่ได้ตอบคำถามมากนัก หรือให้ข้อมูลตามจริงในสิ่งที่พวกเขาวางไว้”

ก่อนจะเสริมว่า “ผมไม่คิดว่าการอภิปรายครั้งนี้จะทำให้สามารถเปลี่ยนผลการลงคะแนนเลือกตั้งของใครได้”

ด้านลูเซียร์ วัย 29 ปี ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางมาเที่ยวที่กรุงวอชิงตัน ดีซี มองว่า การดีเบตครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายมีแต่การโจมตีกันเป็นส่วนใหญ่ โดยส่วนตัวเธอมองว่า การดีเบตมุ่งแต่ถกเถียงเรื่องการต่างประเทศ โดยไม่ได้มีแผนในการดำเนินงาน หรือแก้ปัญหาการพัฒนาเศรษฐกิจภายในสหรัฐฯ

ลูเซียร์บอกว่า “ฉันคิดว่าพวกเขาโฟกัสปัญหาต่างประเทศ และอภิปรายแผนแบบนามธรรม ฉันอยากรู้แผนการพัฒนาด้านประกันสุขภาพ หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตสำหรับรุ่นลูก ฉันยังไม่เห็นแผนการพัฒนาประเทศในการดีเบต”

สอดคล้องกับผลการสำรวจจาก ‘CNN Polls’ ในผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่เข้ารับการลงทะเบียนชมการถ่ายทอดสดศึกดีเบต ระหว่าง ทรัมป์และแฮริส ได้มองว่า หากเลือกถึงผลงานการอภิปรายบนเวทีดีเบต กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี จากเดโมแครต ทำผลงานได้ดีกว่าทรัมป์ ถึง 63% โดยหลังจากนั้น ทีมหาเสียงของแฮร์ริสได้เรียกร้องให้มีการจัดดีเบตผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง แต่ทรัมป์ปฏิเสธและอ้างว่า การดีเบตครั้งนี้เป็นชัยชนะของเขา 

ศึกดีเบตที่มีหัวข้อที่โจมตีทั้งสองฝ่าย โดยทรัมป์เลือกเลี่ยงตอบคำถามในหลายประเด็น ขณะที่แฮร์ริสเลือกที่จะตอบคำถามอย่างมั่นใจมากกว่า หากแตกประเด็นลงไปดูการสำรวจความเชื่อมั่นด้านการแก้ไขปัญหาในด้านต่าง ๆ แล้วนั้น ด้านปัญหาการป้องกันชายแดนและแก้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย  ทรัมป์ยังเอาชนะแฮร์ริสได้กว่า 56%

รวมถึงประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ ทรัมป์ยังสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้มากกว่า ทางด้านแฮร์ริส ได้รับความเชื่อมั่นในด้านการปกป้องประชาธิปไตย และการดูแลสิทธิสตรีให้เข้าถึงการทำแท้งถูกกฎหมาย

'ฝนหลวงฯ' นำเฮลิคอปเตอร์ ออกส่ง 'ข้าวกล่อง-น้ำดื่ม' กว่า 10 เที่ยว หลังมีผู้ที่ติดอยู่ตามบ้านเรือนและไม่ได้ทานอาหารมากว่า 2 วัน

(12 ก.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วม อ.แม่สาย จ.เชียงราย เข้าสู่วันที่ 3 หลายพื้นที่น้ำเริ่มลดปริมาณลง แต่ยังคงมีหลายพื้นที่ ที่ยังเดือดร้อน ประชาชนติดอยู่ตามบ้านเรือนและไม่ได้ทานอาหารมากว่า 2 วัน

โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้สนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ฝนหลวง ร่วมกับเกษตร และสหกรณ์จังหวัดเชียงราย และหน่วยงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในภารกิจแจกอาหาร ข้าวกล่อง และน้ำดื่ม รวมประมาณ 1,000 ชุด รวม 10 เที่ยวบิน บริเวณพื้นที่เทศบาล ตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ที่ขาดน้ำและอาหารมากกว่า 2 วัน

‘ทหาร’ แจงปมทำไม่ครบ 3 มิติ ‘โครงการเติมคนดี 1 ล้านคนให้สังคม’ ต้องซ้ำชั้น ชี้!! เพราะการทำดีไม่มีอะไรเสียหาย ควรอยู่ในกิจวัตรของ รด.ทุกคน

(12 ก.ย. 67) พล.ท.ทวีพูล ริมสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) กล่าวชี้แจงถึงโครงการ ‘เติมคนดีครั้งยิ่งใหญ่ 1 ล้านคน ให้สังคม’ รด.จิตอาสา ว่า จุดประสงค์การมีโครงการดังกล่าว ต้องการปลุกพลังความดีที่มีอยู่ในหัวใจของแต่ละคน ซึ่งเชื่อว่ามีความตั้งใจที่จะทำความดีอยู่แล้ว แต่หลายคนยังอายไม่กล้าที่จะแสดงออกในสิ่งที่ดี จึงเป็นที่มาของโครงการนี้ 

โดยนักศึกษาวิชาทหาร 1 คน ไปหาสมาชิกเพิ่มจำนวน 4 คน เพื่ออัพเลเวลของตัวเอง โครงการนี้ ไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้องหรือใช้งบประมาณแม้แต่บาทเดียว เราทำกันด้วยใจ มีเพื่อนฝูงก็ชักจูงคนมาทำความดี 

พล.ท.ทวีพูล ยังอธิบายต่อว่า สาเหตุที่ต้องให้นักศึกษาวิชาทหาร 1 คน ชวนเพื่อน 4 คนมาทำความดี เพราะปัจจุบัน เรามีนักศึกษาวิชาทหารประมาณ 300,000 นาย อยากให้ลองนึกภาพ แต่ละคนไปชวนมาเพิ่มอีก 4 คน ลองคิดดูว่าเราสามารถเติมคนดีครบ 3 มิติ ประกอบด้วย ครอบครัว โรงเรียน สถานศึกษา และสังคม จะได้จำนวนเท่าไหร่ 

และการทำความดีไม่เรื่องยาก เช่น จัดที่นอนให้เป็นระเบียบ ทำความสะอาดบ้าน ชวนพ่อแม่ออกกำลังกาย สอนน้องทำการบ้าน หารายได้พิเศษแบ่งเบาภาระพ่อแม่ ช่วยเหลือเพื่อนฝูง แบ่งเบาภาระครูบาอาจารย์ มีความซื่อสัตย์ ตั้งใจเรียนหนังสือ ช่วยเหลือผู้พิการ ผู้สูงอายุ ข้ามถนน 

พล.ท.ทวีพูล ย้ำว่า การทำความดี อยู่ในกิจวัตรประจำวันของนักศึกษาวิชาทหารอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า หากทำไม่ครบ 3 มิติ ต้องซ้ำชั้นนั้น อยากให้เข้าใจว่า  โครงการนี้ เปรียบเสมือนวิชาหนึ่งของนักศึกษาวิชาทหาร ที่จะต้องทำให้ผ่านเกณฑ์ ครบ 3 มิติ เช่นเดียวกับการเรียนวิชาหลัก จะมีเกณฑ์ชี้วัดว่าต้องได้คะแนนเท่าไหร่ ถึงจะผ่านวิชานั้น กรณีนี้เช่นเดียวกัน ไม่มีอะไรผิดปกติ ขออย่าเอาไปบิดเบือน ขอย้ำ การให้ นศท.ทำความดีไม่ได้มีอะไรเสียหาย ในทางตรงกันข้ามกลับเป็นการเพิ่มคนดีให้สังคม

"อย่ามองว่าเป็นภาระ เราปลูกฝังสิ่งที่ดีให้กับเยาวชน ให้นักศึกษาวิชาทหาร มีความภาคภูมิใจมากกว่า ผมเชื่อว่าความดีมีอยู่ในหัวใจของทุกคน เพียงแต่ว่าไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ผมจึงต้องการให้ นศท.เป็นผู้ที่กระตุ้นการทำความดีที่ทุกคนต้องการทำออกมา และทำการบันทึกเพื่อเห็นผลเป็นรูปธรรม ชัดเจน จับต้องได้ เป็นการสร้างแรงบันดาลใจ เกิดการแข่งขันกันในการทำความดี และหากมีการบันทึกไว้จะเกิดประโยชน์ในระยะยาว จะเป็นเหมือน portfolio ของผู้ที่ทำความดี และสิ่งเหล่านี้จะสามารถนำไปใช้ได้ในกรณีที่ไปสมัครงานหรือสมัครเรียนต่อในสถาบันต่างๆ ซึ่งสามารถบอกได้ว่าคนๆนี้ เป็นบุคคลที่มีความเสียสละ มีสัมมาคารวะ มีน้ำใจ มีความเอื้ออาทร ต่อครอบครัว เพื่อนๆ มิตรสหาย เป็นต้น " 

พล.ท.ทวีพูล กล่าวและย้ำว่า โครงการนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีให้กับสังคม สาเหตุที่ใช้ นศท. เพราะตนรับผิดชอบ นศท. ตนทำตามขีดความสามารถที่ทำได้ เพื่อให้น้องๆ นศท.มีจุดเริ่มต้น โดยมี นรด.เป็นคนปลุกกระแสในการทำความดีของ นศท. และเพื่อให้กิจกรรมนี้แพร่หลายไปสู่เพื่อนๆ ญาติๆ พ่อแม่ ผู้ปกครอง มาร่วมกันทำให้สังคมน่าอยู่ และมีความสุข ซึ่งที่ผ่านมาลูกๆ หลายคนอาจจะยังไม่เคยไปดูแลปู่ย่าตายาย แต่พอจัดกิจกรรมนี้ถึงวันหยุดมีเวลาว่างกลับไปดูแลเข็นรถเข็นให้ปู่ย่าตายาย พาไปดูของ ไปซื้อของ เดินเล่น ออกกำลังกาย ค่อนข้างได้รับคำชื่นชมกลับมา

15 กันยายน ของทุกปี กำหนดเป็น ‘วันศิลป์ พีระศรี’ เพื่อรำลึกถึง ‘ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี’ บิดาแห่งศิลปะร่วมสมัยของไทย ผู้ก่อตั้ง ‘มหาวิทยาลัยศิลปากร’

วันที่ 15 กันยายน ของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น ‘วันศิลป์ พีระศรี’ เพื่อรำลึกถึง ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี บิดาแห่งศิลปะร่วมสมัยของไทย และผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร ครูผู้อุทิศตนทั้งชีวิต เพื่อนักเรียนและศิลปะ

ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี มีชื่อเดิมว่า CORRADO FEROCI เกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2435 ในเขตซานโจวันนี (San Giovanni) เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี บิดาชื่อ นาย Artudo Feroci และมารดาชื่อ นาง Santina Feroci เมื่ออายุ 23 ปี สามารถสอบผ่านเป็นศาสตราจารย์ จากราชวิทยาลัยศิลปะแห่งนครฟลอเรนซ์ (The Royal Academy of Art of Florence)

สำหรับเรื่องการศึกษานั้น ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เข้าศึกษาในระดับชั้นประถม เมื่อปี 2441 พอจบหลักสูตร 5 ปี ก็ได้เข้าศึกษาในโรงเรียนมัธยมอีก 5 ปี หลังจากนั้นก็ได้เข้าศึกษาทางด้านศิลปะในโรงเรียนราชวิทยาลัยศิลปะแห่งนครฟลอเรนซ์ จนจบหลักสูตรวิชาช่าง 7 ปี และได้รับประกาศนียบัตรช่างปั้นช่างเขียน ในขณะที่มีอายุ 23 ปี หลังจากนั้นไม่นานก็รับปริญญาบัตรเป็นศาสตราจารย์ ที่มีความรอบรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ศิลป์ วิจารณ์ศิลป์และปรัชญา นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ยังมีความสามารถทางด้านศิลปะแขนงประติมากรรมและจิตรกรรมอีกด้วย

เมื่อปี 2466 ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้ชนะการประกวดการออกแบบเหรียญเงินตราสยามที่จัดขึ้นในยุโรป ซึ่งผลการประกวดครั้งนี้เองที่ทำให้ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้เดินทางมารับราชการเป็นช่างปั้นประจำกรมศิลปากร ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และในวันที่ 14 มกราคม 2466 ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์สอนวิชาช่างปั้นหล่อ แผนกศิลปากรสถานแห่งราชบัณฑิตยสภา

จนกระทั่งในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงปี 2484 ประเทศอิตาลียอมพ่ายแพ้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตร ส่งผลให้ชาวอิตาเลียนที่อาศัยอยู่ภายในประเทศไทยตกเป็นเชลยของประเทศเยอรมนีกับญี่ปุ่น แต่รัฐบาลไทยได้ขอควบคุมตัวศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ไว้เอง ก่อนที่จะให้หลวงวิจิตรวาทการ ดำเนินการเดินเรื่องขอโอนสัญชาติจากอิตาเลียนมาเป็นสัญชาติไทย พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ‘นายศิลป์ พีระศรี’ เพื่อป้องกันมิให้ต้องถูกเกณฑ์เป็นเชลยศึกไปสร้างทางรถไฟสายมรณะ และสะพานข้ามแม่น้ำแคว เมืองกาญจนบุรี

สำหรับการวางรากฐานการศึกษา ในช่วงแรก ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้จัดตั้ง ‘โรงเรียนประณีตศิลปกรรม’ ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘โรงเรียนศิลปากรแผนกช่าง’ เมื่อปี 2480 ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้ได้มีการเปิดสอนหลักสูตรวิชาจิตรกรรมและประติมากรรม และในสมัยของจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้สั่งให้แยกกรมศิลปากรออกจากกระทรวงศึกษาธิการ และให้มาขึ้นอยู่กับสำนักนายกรัฐมนตรีแทน เนื่องจากจอมพล ป. พิบูลสงคราม ตระหนักถึงความสำคัญของศิลปะว่าเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญยิ่งสาขาหนึ่งของชาติ จึงได้มีคำสั่งให้ พระยาอนุมานราชธน อธิบดีกรมศิลปากร ในขณะนั้น ดำเนินการปรับปรุงหลักสูตรและตราพระราชบัญญัติ เพื่อยกฐานะ ‘โรงเรียนศิลปากร’ ขึ้นเป็น ‘มหาวิทยาลัยศิลปากร’ เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2486 

โดยมหาวิทยาลัยศิลปากรในขณะนั้น มีศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้อำนวยการสอนและดำรงตำแหน่งคณบดีคนแรก และคณะวิชาเดียวที่มีการเปิดสอน คือ คณะจิตรกรรมประติมากรรม (สาขาจิตรกรรมและสาขาประติมากรรม)

นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลไทยให้ออกแบบปั้นและควบคุมการหล่อพระราชานุสาวรีย์ และอนุสาวรีย์สำคัญของประเทศไทย อาทิ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (ปี 2475), อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ปี 2477), พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า (ปี 2484) และพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช (ปี 2493-2494) เป็นต้น

ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ยังมีประโยคที่มักใช้สอนนักเรียนอยู่เสมอว่า "ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น" เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่า ชีวิตของมนุษย์ช่างแสนสั้นนัก เมื่อเปรียบเทียบกับการยืนยงคงอยู่ของศิลปกรรมที่จะยืนยงคงอยู่ยาวนานนับร้อยนับพันปี หรือประโยคที่ว่า "นายไม่อ่านหนังสือ นายจะรู้อะไร" เพื่อเตือนใจลูกศิษย์ให้หมั่นศึกษาหาความรู้ โดยเฉพาะความรู้ใหม่ ๆ 

และเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2505 ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ถึงแก่กรรมที่โรงพยาบาลศิริราช สิริอายุได้ 69 ปี 7 เดือน 29 วัน

'ปตท.' รวมพลัง 'คนเล็กเปลี่ยนโลก' ให้ยั่งยืน จัดพิธีมอบรางวัลหญ้าแฝก-ลูกโลกสีเขียว

(12 ก.ย. 67) บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) (ปตท.) จัดพิธีมอบรางวัลการประกวดการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ครั้งที่ 13 และ พิธีมอบรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ 22 ภายใต้แนวคิด 'คนเล็กเปลี่ยนโลก' ที่สะท้อนพลังของคนเล็กๆ กว่า 7,800 คนทั่วประเทศที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกให้ยั่งยืนได้จากการมุ่งมั่นทุ่มเทดูแล รักษา ฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอันมีคุณค่า

สำหรับ พิธีมอบรางวัลการประกวดการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ครั้งที่ 13 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานโล่รางวัลแก่ผู้ชนะเลิศการประกวด 

ส่วนผู้ที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศและรางวัลชมเชยได้รับโล่พร้อมรับเกียรติบัตรจากองค์กรร่วมจัด อันประกอบด้วยมูลนิธิชัยพัฒนา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.), กรมพัฒนาที่ดิน และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยมีผู้ได้รับรางวัลทั้งสิ้น 32 ผลงาน แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทส่งเสริมการปลูกและขยายผล 22 รางวัล และ ประเภทส่งเสริมหัตถกรรมผลิตภัณฑ์จากใบหญ้าแฝก 10 รางวัล

ขณะที่ พิธีมอบรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ 22 โดยสถาบันลูกโลกสีเขียว มีผู้ได้รับรางวัล 38 ผลงาน จาก 5 ประเภทผลงาน คือ ประเภทชุมชน ประเภทบุคคล ประเภทกลุ่มเยาวชน ประเภทสิปปนนท์ เกตุทัต รางวัลแห่งความยั่งยืน และประเภทงานเขียน

ด้าน ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) กล่าวว่า “บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติ มีพันธกิจหลักในการสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ควบคู่กับการดูแลสังคม สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างสมดุล ภายใต้วิสัยทัศน์ 'ปตท. แข็งแรงร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน' พร้อมทั้งให้การสนับสนุนการดำเนินงานการประกวดการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และสถาบันลูกโลกสีเขียวมาอย่างต่อเนื่องกว่า 20 ปี เพื่อยกย่อง เชิดชู บุคคลต้นแบบด้านการดูแลรักษาความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศ”

ปตท. ให้ความสำคัญในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด การจัดงานในปีนี้เป็นโอกาสอันดีที่เครือข่ายผู้ได้รับรางวัลทั้งสองรางวัล มีโอกาสได้มาพบปะ ร่วมแสดงความยินดี แลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมต่อยอด ขยายผลองค์ความรู้ สร้างภาคีเครือข่ายให้เข้มแข็ง สร้างผลลัพธ์ต่อคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่สังคมไทยในวงกว้าง รวมพลังทำให้โลกใบนี้น่าอยู่เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

ระทึก!! เรือกู้ภัยฯ 'ไทด์ เอกพันธ์' ถูกซัดล่ม ระหว่างช่วยผู้ประสบภัย เคราะห์ดีทุกคนสวมเสื้อชูชีพ เผย!! รู้ว่าเสี่ยง แต่ชาวบ้านรออยู่

(13 ก.ย. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก NAKON45 อัญวุฒิ โพธิ์อำไพ ซึ่งเป็นอาสาสมัครร่วมกตัญญู ได้โพสต์คลิปไลฟ์สด อาสาสมัครลอยเกาะเรือท้องแบนที่ไหลมาตามกระแสน้ำ ระหว่างที่อาสาสมัครกู้ภัยฯ เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมบริเวณชุมชนวังทอง อำเภอแม่สาย โดยเรือนี้มี 'ไทด์ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์' ทีมสื่อมวลชน และกู้ภัย รวมถึงผู้ประสบภัยนั่งมากับในเรือลำนี้ด้วย ทั้งนี้ยังมีข้อความระบุว่า "รู้แหละว่าเสี่ยง แต่ชาวบ้านรอพวกเราอยู่"

โดยขณะเกิดเหตุพบว่า ระหว่างที่ขับเรือเข้าไปพื้นที่นั้นกระแสน้ำยังคงไหลเชี่ยว จู่ ๆ เครื่องเรือดับ เพราะมีเศษหญ้า เศษผ้า เศษขยะ และกิ่งไม้ เข้าไปพันที่ตัวเครื่องยนต์ จึงทำให้ ได้ซัดเข้าตัวเรือ ทำให้เรือค่อย ๆ เอียง และล่ม ทำให้ไทด์ เอกพันธ์ ทีมสื่อมวลชน และกู้ภัย รวมถึงผู้อยู่บนเรือทุกคน จมน้ำ และถูกน้ำซัดไหลไปตามกระแส ทีมกู้ภัยทีมร่วมภารกิจได้ช่วยกันตะโกนให้ช่วยเหลือ เคราะห์ดีที่เจ้าหน้าที่สวมเสื้อชูชีพ ทำให้ทุกคนปลอดภัย ไม่ได้รับอันตราย ทราบต่อมาว่าอาสาสมัครได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ส่วนอาสาสมัครที่เหลือปลอดภัย รวมไปถึง 'ไทด์ เอกพันธ์' ด้วย

'รมว.คลัง' รับ!! ดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 แจกไม่ทันปี 67 ชี้!! ต้องดูหลายปัจจัย รวมถึงความพร้อมช่องทางการจ่าย

(13 ก.ย. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟสที่ 2 จะสามารถดำเนินการจ่ายได้วันไหน ว่า ขอดำเนินการเฟส 1 ให้เสร็จก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เฟสที่สองจะสามารถดำเนินการภายในปี 2567 ได้หรือไม่ นายพิชัยตอบว่า ”ไม่น่าจะทันครับ“

เมื่อถามว่า หากเป็นปี 2568 ในเฟสที่สอง จะสามารถดำเนินการได้ภายในเดือนใด นายพิชัย กล่าวว่า เราจะดูความต่อเนื่องอีก 2-3 เรื่อง โดยจะดูพร้อม ๆ กัน ว่าอันไหนดีที่สุด ส่วนจะได้ไตรมาสไหนนั้นจะต้องขอดูหลังจากนี้ก่อน

ส่วนการจ่ายเงินเฟสที่ 2 จะเป็นการแบ่งจ่ายอีกหรือไม่นั้น นายพิชัย กล่าวว่า ก็ต้องดูหลายปัจจัย ในความพร้อมทุก ๆ อย่าง รวมถึงความพร้อมของช่องทางการจ่ายด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า งบประมาณที่เหลือจะไปดำเนินในโครงการใด หากว่าไม่นำมาใช้ในโครงการนี้ หรือมีโครงการอื่นรองรับแล้ว อย่างเช่นเรื่องการลงทุนต่าง ๆ นายพิชัย กล่าวว่า เรื่องนั้นเราถือว่ามีความสำคัญ ถ้าอะไรตัดปัญหาและสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศก็ต้องมาที่หนึ่ง

เมื่อถามย้ำว่า การสร้างความเข้มแข็งคือ การลงทุนในระดับฐานรากใช่หรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า วิธีการจัดเงินก็คงต้องจัดอะไรที่สำคัญ และให้ผลต่อเนื่องอย่างเร็วที่สุด

เมื่อถามย้ำว่า เหตุใดถึงไม่สามารถจ่ายเงินในเฟสที่ 2 ได้ภายในปีนี้ นายพิชัยไม่ตอบ ก่อนเดินขึ้นตึกบัญชาการทันที


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top