Monday, 9 June 2025
TheStatesTimes

'GAC Group' ประกาศศักดา 'HYPTEC SSR' ที่สุดแห่งไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า ก้าวกระโดดครั้งใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์จีน จ่อลุยตลาดโลก

ประกาศศักดาอย่างเต็มตัวไปเมื่อ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจาก GAC Group ได้เปิดตัว HYPTEC SSR เวอร์ชัน Global Model อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ให้กับไฮเปอร์คาร์จากประเทศจีนที่พร้อมจะทำตลาดในระดับโลก นับเป็นการยกระดับเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ของประเทศจีนไปสู่มาตรฐานระดับโลก โดยรถไฮเปอร์คาร์ถือเป็น 'ที่สุดของรถยนต์สมรรถนะสูง' ในอุตสาหกรรมยานยนต์ การผลิต HYPTEC SSR และจำหน่ายในต่างประเทศได้สำเร็จ ไม่เพียงแต่เป็นการทำลายการผูกขาดเทคโนโลยีของไฮเปอร์คาร์จากชาติตะวันตกเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งออกผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี วัฒนธรรม และแบรนด์รถยนต์ระดับสูงของจีนอีกด้วย นับเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์จีน

นับตั้งแต่ HYPTEC SSR เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา HYPTEC ได้มุ่งมั่นพัฒนารถยนต์ในทุกด้าน ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนา การออกแบบ การทดสอบ การผลิตอัจฉริยะ และระบบห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาจะช่วยยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมยานยนต์จีน อีกทั้งยังได้ส่งเสริมนวัตกรรมยานยนต์และวงการมอเตอร์สปอร์ตในประเทศ ทำให้จีนก้าวสู่การเป็นประเทศที่มีอิทธิพลในวงการยานยนต์ระดับโลก

HYPTEC ยึดมั่นในแนวทางที่จริงจังและมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนารถยนต์ระดับพรีเมียม ซึ่งสามารถดึงดูดนักออกแบบดีไซน์รถยนต์ระดับโลกอย่างคุณ Pontus Fontaeus นักออกแบบรถยนต์ชื่อดังที่เคยร่วมงานกับแบรนด์รถยนต์ระดับโลกอย่าง Ferrari, Bugatti และ Lamborghini ได้เลือกที่จะร่วมมือกับ HYPTEC ในการรังสรรค์ HYPTEC SSR ให้เป็นงานศิลปะชิ้นเอก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคุณภาพสูงสุดของไฮเปอร์คาร์ยุคใหม่

ในงาน Thailand International Motor Expo 2023 ที่ผ่านมา HYPTEC SSR ได้สร้างสถิติราคาสูงสุดสำหรับการส่งออกรถยนต์ของประเทศจีน และยังมีการสั่งซื้อจากลูกค้าภายในงานอีกด้วย นอกจากนี้ที่งาน Milan Design Week ไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า HYPTEC SSR ได้รับความสนใจจากนักออกแบบทั่วโลก ด้วยการผสมผสานศิลปะจีนและตะวันตกเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว สร้างความประทับใจให้กับผู้คนภายในงานเป็นอย่างยิ่ง และในเดือนตุลาคมนี้ HYPTEC SSR ยังมีแผนที่จะเข้าร่วมงาน Paris Motor Show เพื่อแสดงศักยภาพเทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศจีนในภูมิภาคยุโรปอีกด้วย

การเปิดตัวรถเวอร์ชัน Global Model ของ HYPTEC SSR ยังเป็นการเสริมสร้างการยอมรับในความสามารถของอุตสาหกรรมยานยนต์จีนจากผู้บริโภคในต่างประเทศอีกด้วย HYPTEC ได้ก้าวข้ามพรมแดนออกจากประเทศจีน และไม่เพียงแต่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาสู่ตลาดโลก แต่ยังยกระดับสถานะของอุตสาหกรรมยานยนต์จีนในระดับสากล HYPTEC ใช้ความสามารถและนวัตกรรมที่โดดเด่น เพื่อเปลี่ยนมุมมองของผู้บริโภคที่ให้ความเชื่อมั่นแบรนด์รถยนต์ระดับไฮเอนด์จากฝั่งตะวันตก ให้หันมาสนใจรถยนต์ระดับไฮเอนด์จากประเทศจีนมากยิ่งขึ้น 

ทั้งนี้ การเปิดตัว HYPTEC SSR เวอร์ชัน Global Model เป็นสัญญาณของการก้าวสู่แบรนด์ระดับโลกในระดับไฮเอนด์ โดย HYPTEC SSR ซึ่งเป็นไฮเปอร์คาร์ที่ถูกออกแบบ วิจัย พัฒนา และผลิตขึ้นเองโดย GAC ทั้งหมด ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในวงการซูเปอร์คาร์และไฮเปอร์คาร์ เป็นการเปิดประตูให้กับไฮเปอร์คาร์จากประเทศจีนสู่เวทีระดับโลกอย่างแท้จริง เพื่อสร้างรถไฮเปอร์คาร์หมายเลขหนึ่งของจีน HYPTEC ได้ก้าวผ่านความท้าทายทางเทคนิคหลายประการ ตั้งแต่การออกแบบจนถึงการวิจัยและพัฒนา และในที่สุดก็ประสบความสำเร็จในการสร้างสายการผลิตไฮเปอร์คาร์ของประเทศจีนเป็นครั้งแรก HYPTEC SSR ได้ใช้มาตรฐานการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ถึง 1,184 มาตรฐาน ในการสร้างสรรค์ศิลปะและเทคโนโลยีเพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับให้กับผู้ใช้งาน ทั้งยังเป็นการกำหนดมาตรฐานการผลิตไฮเปอร์คาร์ในระดับสากลอีกด้วย

HYPTEC SSR ได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยีระดับโลกหลายอย่าง รวมถึงตัวถังที่ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ 100% โครงสร้างที่ทำจากอะลูมิเนียมมีน้ำหนักเบาและมีความแข็งแรงสูง ในด้านเทคโนโลยีระบบไฟฟ้า HYPTEC SSR ได้พัฒนาระบบแบตเตอรี่ที่สามารถจัดการความร้อนได้ดี ช่วยให้สามารถส่งพลังงานไปสู่ระบบขับเคลื่อนได้อย่างต่อเนื่อง ในส่วนของมอเตอร์ไฟฟ้า HYPTEC SSR ใช้มอเตอร์สามตัวที่ให้กำลังมากกว่า 1,000 แรงม้า นอกจากนี้ยังใช้ยางที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นยางเกรดเดียวกับที่ใช้ในอากาศยาน พร้อมด้วยจานเบรกที่ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์คุณภาพสูง ถือเป็นการเติมเต็มช่องว่างในเทคโนโลยีรถสมรรถนะสูงของประเทศจีน

นอกจากนี้ การเปิดตัว HYPTEC SSR เวอร์ชัน Global Model ยังได้รับความสนใจจากผู้บริโภคในต่างประเทศมากมาย ซึ่งเป็นการเริ่มต้นบทใหม่ของแบรนด์ HYPTEC ในระดับสากล HYPTEC SSR จะเริ่มต้นการส่งมอบในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเดือนสิงหาคมนี้ และจะขยายตลาดไปยังตะวันออกกลาง อเมริกาใต้ และยุโรปอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะทำให้ HYPTEC ได้รับการยอมรับในฐานะแบรนด์รถยนต์ระดับไฮเอนด์ของโลก อีกทั้งการเปิดตัว HYPTEC SSR เวอร์ชัน Global Model ยังเป็นสัญลักษณ์ของการพัฒนาที่ครอบคลุมทั้งในด้านการวิจัย การออกแบบ การทดสอบ การผลิตอัจฉริยะ และห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์จีน และเป็นการแสดงให้เห็นถึงเสน่ห์และนวัตกรรมของยานยนต์ระดับไฮเอนด์จากประเทศจีนอีกด้วย

สำหรับลูกค้าที่สนใจรถยนต์ไฟฟ้า AION รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่มาพร้อมกับฟีเจอร์และเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับโลก สามารถเข้าไปทดลองขับได้ที่ศูนย์บริการ AION ทั่วประเทศ และสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:

Website : https://www.aionauto.com/
Facebook : https://www.facebook.com/AIONthailand
Instagram : https://www.instagram.com/aion_thailand/
X (Twitter) : https://x.com/AION_TH
Tiktok : https://www.tiktok.com/@aion_thailand

'เจ๊หน่อย' เดือด!! 6 สส.ไทยสร้างไทย โหวต 'อุ๊งอิ๊ง' นั่งนายกฯ ชี้!! ผิดมารยาทในการทำงานร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน

(16 ส.ค.67) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก หลัง 6 สส.พรรคไทยสร้างไทย โหวตเห็นชอบ ให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ระบุว่า...

ดิฉัน และผู้บริหารพรรคไทยสร้างไทย ขอยืนยันว่าพรรคไทยสร้างไทย เรามีจุดยืนรักษาอุดมการณ์ประชาธิปไตย และทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านที่ซื่อสัตย์ต่อเสียงประชาชน และต้องปฏิบัติตามมติของพรรคฝ่ายค้านร่วม 

ดังนั้นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคไทยสร้างไทย ควรมีจิตสำนึกต่อการทำหน้าที่อย่างสุจริต ในฐานะพรรคฝ่ายค้านในสภา การลงมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี จากพรรครัฐบาลในวันนี้ ถือว่าเป็นการขัดต่อจุดยืนและอุดมการณ์ของพรรคไทยสร้างไทย และผิดมารยาทในการทำงานร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน

ซึ่งในเวลา 14:00 น. วันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อพิจารณาการกระทำของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคไทยสร้างไทย ที่ขัดต่อจุดยืนและอุดมการณ์ของพรรคไทยสร้างไทย 

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบในเบื้องต้น

โดยหลังประชุมกรรมการบริหาร จะมีการออกแถลงการณ์ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ

และต้องกราบขอโทษต่อพี่น้องประชาชนสำหรับการกระทำของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อเสียงของประชาชน

สมุทรปราการ-พิพิธภัณฑ์ครุฑ จัดพิธีบวงสรวงพญาครุฑ พร้อมมอบโล่ใบประกาศเชิดชูเกียรติแก่เยาวชนกตัญญู ประจำปี 2567

ที่พิพิธภัณฑ์ครุฑ โดยธนาคารทหารไทยธนชาต ภายในนิคมอุตสาหกรรมบางปู ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นายสุจินต์ วาจากิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีบวงสรวงมหามงคลฉลองบูรณะองค์พญาครุฑ ที่ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์รับสิริมงคล   

โดยมี พล.ต.จินตมัย ชีกว้าง รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบกส่งเสริมกิจกรรมเด็กและเยาวชน เรื่องคุณธรรมจริยธรรม ความซื่อสัตย์สถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมด้วย นางสาวมาริสา จงคงคาวุฒิ หัวหน้ากิจกรรมสังคมเพื่อความยั่งยืน ทีเอ็มบีธนชาต ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากร่วมในพิธีครั้งนี้

ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก นางสาวสุมลฑา เจริญศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย ดร.วิชัย จันทร์จำรูญ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรปราการ นางสาวจรรยารักษ์ สาธิตกิจ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสมุทรปราการ คณะครูและนักเรียนจากสถานการศึกษาต่าง ๆ ทั้งในเขตพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร ที่เดินทางมารับมอบโล่และใบประกาศเชิดชูเกียรติพร้อมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมกันเป็นจำนวนมาก

โดยกิจกรรมในช่วงเช้าได้จัดพิธีบวงสรวงองค์พญาครุฑที่ตั้งประดิษฐานอยู่ด้านหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์ จากนั้น ได้จัดให้มีพิธีมอบโล่และใบประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติแก่หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ที่ให้การสนับสนุนพิพิธภัณฑ์ในทุกด้าน รวมถึงคณะครูและผู้บริหารจากสถานการศึกษาต่างๆ พร้อมได้มอบโล่และใบประกาศการยกย่องเชิญชูเกียรตินักเรียนต้นแบบคนกตัญญู ประจำปี 2567 อีกด้วย

ธรรมะประจำวันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม 2567 : การเกิดเป็นทุกข์ แล้วทำไมยังต้องเกิด?

จากช่องติ๊กต็อก @dhamma_tv ได้เผยแพร่คำสอนเรื่อง ‘การเกิดเป็นทุกข์ ทำไมยังต้องเกิด?’ จากรายการ ‘ธรรมะทำไม’ โดย ‘พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท)’ รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เจ้าอาวาสวัดด่านใน

คำถาม: ถ้าการเกิดเป็นทุกข์ แล้วทําไมถึงยังให้มนุษย์เกิดอีก? แล้วอะไรจะการันตีว่าถ้าเดินตามทางพุทธศาสนา จะพบความสุขหรือนิพพาน ทั้งที่บางคนก็เกิดมาทุกข์บางคนก็เกิดมาสุข เพราะบางศาสนาหลักการมันง่ายกว่าศาสนาพุทธหรือเปล่า?

พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท): การเกิดหรือไม่เกิด เป็นเรื่องของเรานะ ไม่มีใครมาให้เกิดหรือไม่ให้เกิดนะ ไม่มีเทพหรือศาสดาองค์ใดมาอนุมัติให้เราเกิด เพียงแต่ว่าในคําสอนทางพุทธเจ้า สอนไว้ว่าถ้าไม่อยากเกิดก็ให้ปฏิบัติธรรมให้ได้บรรลุเป็นขั้น ๆ ไป แต่การจะบรรลุธรรมให้สิ้นภพสิ้นชาติ ก็ไม่ได้ทำกันได้ง่าย ๆ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าทำไม่ได้ ถ้าเรามานะและทำถึง

ยกตัวอย่าง การเรียนจบปริญญาตรี โท เอก มีคนเรียนจบมากมาย คนเรียนไม่จบก็มาก คำถามคือคนที่เรียนไม่จบ ทำไมถึงไม่เรียน ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นก็มีเหตุ มีปัจจัยมากมายต่างกัน เช่น สุขภาพไม่ดี เงินทองไม่พอ เวลาไม่เอื้ออำนวย จึงไม่สามารถกำหนดให้ทุกคนเหมือนกันหมดไม่ได้

ฉะนั้น ตามหลักคำสอนของศาสนาพุทธที่พระพุทธเจ้าสอนไว้เปรียบเสมือนพระองค์บอกทาง ส่วนการเดินไปถึงจุดหมายหรือไม่เป็นเรื่องของเรา บางคนอยากไปถึงไว ก็รีบเดิน บางคนไม่ได้อยากถึงไว ก็จะเดินช้า ๆ ดังนั้นไม่มีใครมาทําให้เราเกิด หรือไม่เกิด

ส่วนเรื่องที่บอกว่า ‘การเกิดเป็นทุกข์’ พระพุทธเจ้าตรัสสอนอย่างนี้ เพื่อให้เราหาทางออกจากทุกข์ เพราะว่าต้นธารแห่งความทุกข์ มีที่มาจากการเกิด การเจ็บป่วยก็มาจากการเกิด แก่ชราก็มาจากการเกิด หรือแม้กระทั่งความตายก็มาจากการเกิด

สุดท้าย ‘พระนิพพาน’ อยากจะบอกทุกท่านว่าอย่าไปเถียงกัน เพราะจะไม่จบด้วยการเถียง การคุยกันเรื่องนิพพาน ก็เหมือนกันการคุยเรื่องรสชาติ (หวาน เค็ม มัน เผ็ด) แต่ทั้งคู่ไม่เคยกินเลย ต่อให้เถียงกันจนตายก็ไม่รู้เรื่อง ทางเดียวที่จะรู้คือเอาเข้าปากแล้วเคี้ยว ถึงจะรู้ว่านั้นคือรสชาติอะไร 

ดังนั้นในเรื่องของ ‘นิพพาน’ การรู้กับความรู้ ไม่เหมือนกัน

📌ส่อง ‘6 ผู้นำ’ อายุน้อยที่สุดในโลก ‘นายกฯ ไทย’ ก็ติดโผด้วยนะ!!

วันนี้ 16 ส.ค. 67 นับเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ทางการเมืองของประเทศไทย เพราะที่ประชุมรัฐสภา มีมติเห็นชอบให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ด้วยเสียงเห็นชอบ 319 เสียง ไม่เห็นชอบ 145 เสียง และงดออกเสียง 27 เสียง

ถือว่า ‘นายกฯ อิ๊งค์’ เป็นนายกฯ หญิงคนที่ 2 และยังครองตำแหน่งนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดของไทยอีกด้วย ซึ่งอีกเพียง 5 วันก็จะถึงวันคล้ายวันเกิด (21 ส.ค.) ของนายกฯ อิ๊งค์แล้วด้วย ✨❤

'สุริยะ' มั่นใจ!! 'อุ๊งอิ๊ง' มุ่งมั่นทำงาน คนไทยฝากความหวังได้ เชื่อ!! บทเรียนในอดีตช่วยให้ไม่พลาด ส่วนอายุน้อยไม่ใช่ปัญหา

(16 ส.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม กล่าวภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับการโหวตจากสภาให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า…

ต้องขอแสดงความยินดีกับนายกฯ คนใหม่ ซึ่งเป็นคนที่ 3 แล้วของคนในตระกูลชินวัตร น.ส.แพทองธารอยู่ในแวดวงการเมืองตั้งแต่สมัยที่ตนเป็นเลขาธิการพรรคไทยรักไทยแล้ว ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่ว่าจะไปไหนก็จะพา น.ส.แพทองธารไปด้วย เชื่อว่า น.ส.แพทองธารได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องการเมืองมานาน และตอนที่ น.ส.แพทองธาร มาเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็มีการสะสมประสบการณ์มาเรื่อย ๆ จึงคิดว่า เมื่อ น.ส.แพทองธารมารับตำแหน่งนายกฯ ในวันนี้ ได้รับเสียงโหวตจากสภาฯ และหลังจากได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ อย่างเป็นทางการ ก็เชื่อมั่นว่า น.ส.แพทองธารจะสามารถช่วยประเทศชาติได้หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจ สังคม ได้อย่างดี

ต่อคำถามที่ว่า แม้ น.ส.แพทองธารจะตามนายทักษิณมานาน แต่ด้วยอายุและประสบการณ์ยังน้อยเกินไปสำหรับการเป็นนายกฯ ที่จะมาบริหารประเทศ นายสุริยะ กล่าวว่า ยุคนี้เป็นยุคของคนรุ่นใหม่ อย่างนายกฯฝรั่งเศสก็อายุยังน้อย ฉะนั้น คนรุ่นใหม่มีความกระฉับกระเฉง โลกวันนี้ไม่ได้แข่งกันที่ความใหญ่ แต่มันแข่งกันที่ความรวดเร็ว โลกยุคใหม่ คนรุ่นใหม่ จะทำได้ดีมาก ตนเชื่อมั่นอย่างนั้น

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มองอย่างไรที่คนมองว่า น.ส.แพทองธารอาจจะมีจุดจบทางการเมืองเหมือนกับพ่อและอา นายสุริยะ กล่าวว่า ตนไม่เชื่ออย่างนั้น แต่เชื่อว่า ถ้าตราบใดที่เรามีบทเรียนในอดีตอยู่แล้ว ที่ผ่านมามีความผิดพลาดอย่างไร แต่ต้องยอมรับว่า ในอดีตมันมีระบบที่เข้ามาพยายามทำลายระบอบประชาธิปไตย แต่ทุกครั้งเราก็กลับมาได้ ดังนั้น จึงเชื่อว่า จากบทเรียนที่ผ่านมา นายกฯ คนใหม่จะเอาบทเรียนในอดีตมาพิจารณา

ผู้สื่อข่าวถามซักต่อว่า เรื่องของดิจิทัลวอลเล็ต ไม่น่าห่วงสำหรับนายกฯ ใหม่ใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า โครงการนี้หลังจากฟอร์มรัฐบาลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางพรรคร่วมรัฐบาลจะมาดูกันอีกทีว่า จะดำเนินการกันอย่างไร 

ผู้สื่อข่าวถามเพิ่มว่า ยังต้องรับฟังความคิดเห็นจากรัฐบาลอีกหรือ ในเมื่อให้ประชาชนลงทะเบียนไปแล้ว นายสุริยะ กล่าวว่า เนื่องจากตอนนี้มีการเปลี่ยนนายกฯ คนใหม่ พรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องมาคุยกันอีกครั้ง 

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ยืนยันว่าโครงการนี้จะไม่หยุดชะงักกลางคันใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า รอพรรคร่วมรัฐบาลคุยกันอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ประชาชนฝากความหวังกับนายกฯ คนใหม่ได้ใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า เชื่อว่า น.ส.แพทองธาร จะมุ่งมั่นและตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ในส่วนของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลทุกคนก็มั่นใจว่า น.ส.แพทองธาร จะทำหน้าที่ได้ดี ฉะนั้น มั่นใจว่า ประชาชนฝากความหวังไว้ได้

'ลุงป้อม' ปลื้ม!! นักกีฬาโอลิมปิก ครั้งนี้ทำดีที่สุดแล้ว ขอให้มุ่งมั่นต่อไป พร้อมบ่นสื่อ "ถามอะไรก็ไม่รู้' หลังถูกซักเรื่อง 'อุ๊งอิ๊ง' เป็นนายกฯ

(16 ส.ค.67) ที่สำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถนนศรีอยุธยา กทม. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ เปิดห้องรับรองสำนักงานคณะกรรมการฯ เลี้ยงต้อนรับและแสดงความยินดีให้แก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬา และคณะเจ้าหน้าที่ ที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยมีนักกีฬา ผู้ฝึกสอน สมาคม เข้าร่วม

โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก พล.อ.ประวิตร ได้ให้กำลังใจและมอบของที่ระลึกกับบรรดานักกีฬา รวมถึงเซลฟี่กับ น้องเทนนิส น.ส.พานิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ที่ได้เหรียญทองในครั้งนี้ รวมถึงทำท่าซารางเฮโย กับโค้ช ชัชชัย เช อย่างอารมณ์ดี

จากนั้นเวลา 12.15 น. พล.อ.ประวิตร กล่าวภายหลังงานเลี้ยงรับรองนักกีฬาโอลิมปิกถึงการพูดคุยกับนักกีฬา ว่า ให้กำลังใจเขา แล้วสื่อให้กำลังใจเขาหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องพัฒนานักกีฬาเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเข้าร่วมโอลิมปิกในครั้งหน้าอย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องทำให้ได้เหรียญมากขึ้น ครั้งนี้ถือว่ามากที่สุดแล้ว แต่ต่อไปต้องมากกว่านี้อีก ต้องให้กำลังใจและชักชวนเด็ก ๆ คนไทยทุกคนมาเล่นกีฬาอะไรก็ได้ เพื่อทำชื่อเสียงให้ประเทศชาติและคนไทยมีความสุข

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ติดตามเรื่องการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร ตอบว่า ถามอะไรก็ไม่ได้ยิน ก่อนจะเดินขึ้นรถยนต์และเปิดกระจกลงมาถามผู้สื่อข่าวว่า อยากจะถามอะไร ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า มองอย่างไรที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 พล.อ.ประวิตร อุทานว่า "หูย ! ถามอะไรก็ไม่รู้" ก่อนเดินทางกลับทันที

ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2567

✨ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล
✨ประจำวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2567

🟢รางวัลที่ 1 รางวัลละ 6,000,000 บาท : 095867

🔴รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 100,000 บาท : 095866 / 095868

🔴รางวัลเลขหน้า 3 ตัว รางวัลละ 4,000 บาท : 334 / 212

🔴รางวัลเลขท้าย 3 ตัว รางวัลละ 4,000 บาท : 697 / 728

🔴รางวัลเลขท้าย 2 ตัว รางวัลละ 2,000 บาท : 28

🟢รางวัลที่ 2 รางวัลละ 200,000 บาท :
226374  469899  974224  038546  469262

🟢รางวัลที่ 3 รางวัลละ 80,000 บาท :
602409  605705  351293  870121  870199  
918535  854153  635741  792643  500076  

🟢รางวัลที่ 4 รางวัลละ 40,000 บาท :
362708  769072  176131  915869  535571  
993372  492713  852326  896010  637241  
297370  531163  657429  972893  334863  
944230  491697  826219  929860  407016  
788403  216743  492425  795096  724029  
239745  650811  739679  356841  054378  
358285  239634  064127  934227  320191  
484382  189882  525880  720544  483416  
061220  353159  285832  277743  080324  
647195  080935  971492  567078  908323  

🟢รางวัลที่ 5 รางวัลละ 20,000 บาท :
025262  358243  142585  663880  905672  
557358  552918  727189  511891  415136  
617582  607346  429285  758194  098847  
125567  750176  723059  625546  114925  
943070  796590  839199  673641  107471  
963350  164904  113884  967411  430576  
484180  847344  838234  601216  919797  
720970  079389  810785  799415  614351  
564552  192930  939312  097582  068055  
158151  532754  315088  537016  784362  
023901  858210  537232  185518  523900  
327964  723188  817943  399634  439974  
341894  255582  829353  749286  432767  
667669  253956  532771  134811  487933  
446710  869949  093803  025367  949050  
124481  339017  162642  625571  798917  
066572  983768  412167  236059  403429  
820542  683276  405000  468010  202685  
493380  786141  131975  229531  477765  
435309  583198  856340  543493  116703  

‘กฟผ.’ จับมือ ‘CNOS’ เซ็น MOU แลกเปลี่ยนความรู้-เทคโนโลยี เตรียมความพร้อมพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็กในไทย

กฟผ. และบริษัทยักษ์ใหญ่จีน CNOS ร่วมลงนาม MOU แลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ตลอดจนศึกษาความเป็นไปได้ในการนำโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) มาใช้ในไทย มุ่งเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างความมั่นคงและยั่งยืนด้านการจัดหาพลังงานระยะยาว

เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 67 นายทิเดช เอี่ยมสาย รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ Mr.Qiao Gang, Vice President of China National Nuclear Corporation Overseas Ltd. (CNOS) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ มุ่งส่งเสริมพลังงานสะอาด สร้างความมั่นคงและความยั่งยืนด้านการจัดหาพลังงาน ณ ห้อง Press Conference ชั้น 3 อาคาร 50 ปี กฟผ. สำนักงานใหญ่ กฟผ.

นายทิเดช เอี่ยมสาย รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน กฟผ. เปิดเผยว่า กฟผ. มีเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 ด้วยการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ซึ่งพลังงานนิวเคลียร์เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าสูง ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการผลิตไฟฟ้า สามารถช่วยเพิ่มความมั่นคงและความยั่งยืนด้านการจัดหาพลังงานในระยะยาวได้ 

ปัจจุบัน กฟผ. อยู่ระหว่างศึกษาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor: SMR) ตลอดจนการเตรียมโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อรองรับโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศไทย ซึ่ง SMR เป็นหนึ่งในพลังงานทางเลือกที่มีความเป็นไปได้ในแผนพลังงานชาติ เพื่อตอบสนองความต้องการใช้พลังงานในอนาคตและเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน นอกจากนี้โรงไฟฟ้า SMR มีขนาดเล็กจึงมีความยืดหยุ่นและความปลอดภัยสูง โดยออกแบบและผลิตเป็นโมดูลในโรงงานแล้วนำไปติดตั้งในพื้นที่ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาการก่อสร้างได้ 

ด้าน Mr.Qiao Gang, Vice President of CNOS กล่าวว่า สาธารณรัฐประชาชนจีนมีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าแล้ว 57 เครื่อง (Unit) และกำลังก่อสร้างหรืออยู่ในระหว่างขออนุมัติจากรัฐบาล 36 เครื่อง โดยเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของ China National Nuclear Corporation (CNNC) ที่เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าแล้ว 26 เครื่อง และอยู่ระหว่างก่อสร้างหรืออนุมัติ 18 เครื่อง ซึ่ง CNNC เป็นบริษัทแม่ของ CNOS และเป็นบริษัทเดียวในสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ดำเนินธุรกิจด้านนิวเคลียร์อย่างครบวงจรตั้งแต่ การทำเหมืองยูเรเนียมที่เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ การออกแบบและก่อสร้าง จนถึงการจัดการเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว และเป็นกำลังหลักในการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ของสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเฉพาะการพัฒนาโรงไฟฟ้า SMR ที่ทั่วโลกให้ความสนใจเป็นอย่างมาก CNNC อยู่ระหว่างการก่อสร้าง SMR แห่งแรก 

โดยกำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ภายในสิ้นปี 2568 สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อทราบว่า กฟผ. เป็นหน่วยงานสำคัญด้านพลังงานไฟฟ้าของประเทศไทย มีความมุ่งมั่นในการสำรวจและพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของประเทศไปสู่ความยั่งยืน ตามแนวทางที่รัฐบาลไทยกำลังพิจารณาและวางแผนการใช้โรงไฟฟ้า SMR ในทศวรรษหน้า เนื่องจากพลังงานนิวเคลียร์เป็นพลังงานสะอาด มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย รวมทั้งมีบทบาทสำคัญในการลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก

การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ กฟผ. และ CNOS จะร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ และโรงไฟฟ้า SMR ทั้งในด้านเชื้อเพลิง งานวิศวกรรม งานก่อสร้าง การดำเนินงานและการบำรุงรักษา รวมถึงการจัดการกากกัมมันตรังสีและเชื้อเพลิงใช้แล้ว โดย CNOS จะให้การสนับสนุนการศึกษาและเตรียมการพัฒนาโรงไฟฟ้า SMR ของ กฟผ. เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ด้านพลังงานนิวเคลียร์และการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสู่การดำเนินงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ย้อนอดีต 'ทางรถไฟไนโรบี' การแบ่งแยกแอฟริกาจากนักล่าอาณานิคมชาวสหราชอาณาจักร สู่การกระตุ้น 'การค้า-ศก.' แก่ 'เคนยา' ด้วย 'มาดารากา เอ็กซ์เพรส' จากมิตรสหายที่ชื่อ 'จีน'

เมื่อวันที่ 14 ส.ค.67 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า "การที่ประเทศหนึ่งจะสร้างทางรถไฟนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การที่ทางรถไฟนำพาให้เกิดประเทศหนึ่งขึ้นมานั้นเป็นเรื่องแปลก" เซอร์ ชาร์ลส์ อีเลียต กรรมาธิการอาณานิคมแอฟริกาตะวันออกแห่งสหราชอาณาจักร (British East Africa) ในเวลานั้นกล่าวในปี 1903

อีเลียต ผู้ซึ่งเว็บไซต์สารานุกรมบริแทนนิกา ระบุว่า เป็นผู้ริเริ่มนโยบายคนผิวขาวสูงส่งกว่าในอาณานิคมแอฟริกาตะวันออกแห่งสหราชอาณาจักร (เคนยาในปัจจุบัน) กล่าวอ้างถึงทางรถไฟรางกว้างหนึ่งเมตรที่ก่อสร้างโดยเหล่านักล่าอาณานิคมชาวสหราชอาณาจักรในแอฟริกาตะวันออกระหว่างปี 1896-1901

ทางรถไฟสายนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของการล่าอาณานิคมของอารยธรรมตะวันตก เป็นเส้นทางที่คนผิวขาวใช้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในทวีปแอฟริกาเพื่อแสวงหาการผจญภัยและการล่าอาณานิคม รวมถึงเป็นสักขีพยานในกระบวนการตื่นรู้และต่อสู้ฝ่าฟันเพื่อเอกราชของเคนยา

การแบ่งแยกแอฟริกาโดยชาวยุโรป

ทางรถไฟไนโรบี ซึ่งถูกก่อสร้างขึ้นระหว่างปี 1896-1901 มีจุดเริ่มต้นที่เมืองท่ามอมบาซาบนชายฝั่งมหาสมุทรอินเดีย และทอดยาวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือจนถึงท่าเรือฟลอเรนซ์ (เมืองคิซูมูในปัจจุบัน) บนชายฝั่งทะเลสาบวิกตอเรีย

รัฐบาลสหราชอาณาจักรก่อสร้างทางรถไฟสายนี้เพื่อควบคุมพื้นที่ลุ่มแม่น้ำไนล์ทั้งหมด แม้เป็นโครงการที่รัฐสภาและสื่อของสหราชอาณาจักรไม่ชอบใจมากเพราะใช้เงินทุนสูงราว 5 ล้านปอนด์ (ราว 225 ล้านบาท) โดยเฮนรี ลาบูเชร์ นักการเมืองสหราชอาณาจักร เคยเขียนบทกวีล้อเลียนว่าเป็น ‘ทางรถไฟสายคนบ้า’

อย่างไรก็ดี สำหรับนักล่าอาณานิคมแล้ว ทางรถไฟสายนี้มีความคุ้มค่า โดยการก่อสร้างทางรถไฟสายนี้ไม่เพียงเป็นก้าวหนึ่งในการแบ่งแยกแอฟริกา แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างระบบอาณานิคมแบบจักรวรรดินิยมอีกด้วย

>> ‘งูเหล็ก’ เปื้อนเลือด

ทางรถไฟสายไนโรบีในสายตาชนเผ่าท้องถิ่นเปรียบเสมือน ‘งูเหล็ก’ ที่ข้ามพาดดินแดนของพวกเขาและกลายเป็นลางร้ายสร้างปัญหาความวุ่นวาย โดยการก่อสร้างทางรถไฟสายนี้ที่ยาว 931 กิโลเมตร ใช้แต่แรงงานมนุษย์และเครื่องมือธรรมดาเท่านั้น ขณะวัสดุก่อสร้างต้องขนส่งมาจากที่อื่น

พิพิธภัณฑ์ทางรถไฟไนโรบีระบุว่า มีแรงงานสังเวยชีวิตแก่ทางรถไฟสายนี้ 2,493 ราย หรือคิดเป็นผู้เสียชีวิต 4 รายต่อรางรถไฟยาวหนึ่งไมล์ ขณะกลุ่มคนเลี้ยงสัตว์ในท้องถิ่น เช่น กลุ่มชาติพันธุ์มาไซ ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการขยายตัวของการล่าอาณานิคม การต่อต้านของพวกเขาถูกปราบปรามอย่างรุนแรง

ด้าน ลอตเต ฮิวจ์ส นักเขียนชาวสหราชอาณาจักร เจ้าของหนังสือ ‘การเคลื่อนย้ายชาวมาไซ : โชคร้ายของชาวเมืองขึ้น’ ระบุว่า ชาวมาไซจำนวนมากถูกบังคับอพยพย้ายและถูกปล้นเอาส่วนที่ดีที่สุดของดินแดน ซึ่งเป็นชะตากรรมเดียวกันที่กลุ่มชาติพันธุ์คิคุยุในภูมิภาคนี้ต้องประสบพบเจอ

>> การเคลื่อนไหวต่อต้านอาณานิคม

ช่วงทศวรรษ 1930-1940 กระแสต่อต้านปะทุขึ้นในหมู่ชุมชนท้องถิ่นที่ถูกยึดครองที่ดิน ความไม่พอใจของพวกเขานำสู่การเคลื่อนไหวของผู้รักชาติชาวเคนยาหลายหลุ่ม ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มเมาเมา (Mau Mau movement) ที่ประกอบด้วยชาวคิคุยุเป็นหลัก ซึ่งรวมตัวกันภายใต้สโลแกน ‘ดินแดนและเสรีภาพ’ และได้รับการสนับสนุนจากชุมชนท้องถิ่น

เหล่าผู้รักชาติใช้ทางรถไฟสายไนโรบีเดินทางจากสุดขอบหนึ่งไปยังอีกสุดขอบหนึ่งของเคนยาเพื่อเข้าร่วมการชุมนุมทางการเมืองเรียกร้องเอกราชของเคนยา ทั้งกล่าวกันว่าประชาชนใช้ทางรถไฟสายไนโรบีในการขนส่งอาวุธแก่ผู้ต่อสู้เพื่อเอกราชด้วย

เดือนตุลาคม 1952 รัฐบาลอาณานิคมของสหราชอาณาจักรประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเนื่องด้วยการก่อกบฏของกลุ่มเมาเมา ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการกดขี่นองเลือด ต่อมาปี 1956 มีการจับกุมเดดาน คิมาธี ผู้นำก่อการกบฏ ซึ่งเป็นความพ่ายแพ้ของกลุ่มเมาเมา แต่การก่อกบฏยังคงมีอยู่จนถึงต้นทศวรรษ 1960

โดยเว็บไซต์สารานุกรมบริแทนนิกา ระบุว่ามีกบฏถูกสังหารในการสู้รบมากกว่า 11,000 ราย เมื่อนับถึงสิ้นปี 1956

เคนยาเป็นอิสระจากการปกครองแบบอาณานิคมอย่างสมบูรณ์ในวันที่ 12 ธ.ค. 1963 และคลื่นแห่งการปลดปล่อยอาณานิคมแผ่กระจายทั่วแอฟริกาในช่วงทศวรรษ 1950-1960 นำสู่การประกาศเอกราชของประเทศในแอฟริการาว 30 แห่ง

>> จากทางรถไฟสายคนบ้าสู่ ‘มาดารากา เอ็กซ์เพรส’

ทางรถไฟรางมาตรฐาน (SGR) สายมอมบาซา-ไนโรบี หรือ ‘มาดารากา เอ็กซ์เพรส’ (Madaraka Express) ซึ่งก่อสร้างโดยจีนและวิ่งขนานกับทางรถไฟสายเก่า กลายเป็นจุดดึงดูดความสนใจจากผู้มาเยือน โดยทางรถไฟรางมาตรฐานสายนี้เปิดทำการวันที่ 31 พ.ค. 2017 หนึ่งวันก่อนวันมาดารากา ซึ่งเป็นวันรำลึกถึงการปกครองตนเองภายในของเคนยาในวันที่ 1 มิ.ย. 1963

มาดารากา เอ็กซ์เพรส ช่วยลดเวลาเดินทางและต้นทุนการบริการขนส่งสินค้าอย่างมาก กลายเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมในการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า ทั้งยังช่วยกระตุ้นการค้า เศรษฐกิจ และส่งเสริมเมืองเล็ก ๆ ตามแนวทางรถไฟ รวมถึงช่วยเคนยาบูรณาการตัวเองเข้ากับประเทศแอฟริกาตะวันออกแห่งอื่น ๆ

ทางรถไฟสายใหม่นี้ดำเนินงานอย่างราบรื่นต่อเนื่องกว่า 2,300 วันแล้ว ขนส่งผู้โดยสารหลายล้านคนและสินค้าหลายล้านตัน มีส่วนส่งเสริมการเติบโตทางสังคมและเศรษฐกิจของเคนยาอย่างมาก และเป็นตัวอย่างอันดีของความร่วมมือหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางระหว่างจีนกับเคนยา

จากทางรถไฟสายคนบ้าสู่ ‘มาดารากา เอ็กซ์เพรส’ ในวันนี้ เคนยากำลังก้าวสู่อนาคตอันสดใสด้วยทางรถไฟสายใหม่ และค่อย ๆ ปิดฉากอดีตของการเป็นอาณานิคมที่มีทางรถไฟสายเก่าเป็นตัวแทน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top