Monday, 9 June 2025
TheStatesTimes

‘EA’ โชว์ครึ่งแรกปี 67 กวาดรายได้หมื่นล้าน-กำไรสุทธิ 1.4 พันล้านบาท มั่นใจ!! เคลียร์ดอกเบี้ยหุ้นกู้ตามนัด พร้อมเดินหน้าหาพาร์ทเนอร์เสริมแกร่ง

(15 ส.ค. 67) นายวสุ กลมเกลี้ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน กล่าวว่า “แม้รายได้และกำไรในครึ่งแรกของปี 2567 จะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้มีการส่งมอบ EV Bus ให้กับลูกค้ารายใหญ่ลดต่ำลง แต่ EA ยังมีรายได้ประจำที่เกิดขึ้นจากการขายไฟให้กับภาครัฐเดือนละประมาณ 1,000 ล้านบาทเพียงพอสำหรับการชำระคืนดอกเบี้ยหุ้นกู้ให้กับผู้ถือหุ้นกู้และคืนหนี้ให้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงิน” 

ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 กำไรสุทธิของบริษัทอยู่ที่ 1,430.44 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยลดลงจากผลการดำเนินงานของธุรกิจผลิตและจำหน่าย รถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์ จากผลการดำเนินงานของธุรกิจแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและจากผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ เนื่องจากการหมดระยะเวลาการรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล (adder) 

สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2567 ในส่วนของธุรกิจรถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์ บริษัทฯจะมุ่งเน้นไปที่การจำหน่ายรถหัวลากไฟฟ้า (EV Truck) เป็นหลัก โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการส่งมอบให้กับกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่หลายราย เช่น กลุ่มบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) JWD กลุ่มบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) PTTGC กลุ่มบริษัท ดับบลิวเอช เอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) WHA เป็นต้น 

นอกจากนี้ยังมีคู่ค้าอีกหลายรายที่อยู่ระหว่างการเจรจา และเตรียมการส่งมอบ EV Truck เพราะช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการจากปัญหาราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง และสอดรับกระแส Green Energy ซึ่งอยู่ในเมกะเทรนด์โลก 

ในส่วนของธุรกิจแบตเตอรี่บริษัทฯ อยู่ในระหว่างปรับปรุงการออกแบบเพื่อนำแบตเตอรี่ไฟฟ้าไปใช้ในการผลิตรถหัวลากไฟฟ้า รวมถึงการนำแบตเตอรี่ไปจำหน่ายในรูปแบบของ Energy Storage (ESS) 

ในส่วนของธุรกิจไบโอดีเซล บริษัทมีรายได้จํานวน 2,042.40 ล้านบาท จากรายได้จากการผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล (B100) จากการผลิตและจำหน่ายกลีเซอรีนบริสุทธิ์ และจากการผลิตและน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) รวมถึงรายได้จากการผลิตและจำหน่าย PCM

นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจอื่น ๆ บริษัทฯยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจบริการสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า รายได้โครงการรับเหมาก่อสร้างติดตั้ง Solar Rooftop และรายได้จากโครงการกำจัดขยะมูลฝอยในพื้นที่เกาะล้านที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และเทศบาลนครภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต

ในส่วนของงบดุล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 110,006.34 ล้านบาท โดยมีหนี้สินรวมจำนวน 69,709.87 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 40,296.48 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 2566 จำนวน 3,713.14 ล้านบาท โดยหลักลดลงจากการจ่ายการจ่ายปันผลจำนวน 1,113.85 ล้านบาท ลดลงจากองค์ประกอบอื่นของส่วนของเจ้าของจำนวน 3,426.25 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 1,430.44 ล้านบาท

สำหรับการบริหารจัดการสภาพคล่อง หลังจากที่บริษัทได้ถูกปรับลดระดับความน่าเชื่อถือจาก BBB+ (Negative) เป็น BB+ (Negative) ผู้บริหารได้ใช้นโยบายและการจัดการความเสี่ยงด้านสภาพคล่องในการบริหารจัดการอย่างเร่งด่วน กล่าวคือ ในวันที่ 8 สิงหาคม 2567 กลุ่มกิจการได้เข้าทำสัญญาเงินกู้ยืม ระยะยาวและเงินกู้ยืมร่วม (Syndicated Loan) กับสถาบันการเงินหลายแห่งคิดเป็นจำนวนเงินรวมประมาณ 8,500 ล้านบาท เพื่อวัตถุประสงค์ในการชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน โดยมีการกำหนดเงื่อนไขการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยภายใน 3 ปี โดยกลุ่มกิจการจะทยอยจ่ายคืนเงินกู้ผ่านกระแสเงินสด (Cash Flow) จากการดำเนินงานตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาครัฐ (PPA) 

ในวันที่ 9 สิงหาคม 2567 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2567 สำหรับหุ้นกู้รุ่น EA248A ผู้ถือหุ้นกู้มีมติอนุมัติการขยายวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้โดยไม่ถือเป็นเหตุให้ผิดนัดจำนวน 1,500 ล้านบาท จากเดิมครบกำหนดในวันที่15 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เป็นวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยจากเดิมร้อยละ 3.11 ต่อปีเป็นร้อยละ 5.00 ต่อปี และมีหลักประกันให้เพิ่มเติม โดยไม่ถือเป็นเหตุผิดนัดชำระ  

ในวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้รุ่น EA249A บริษัทได้ขออนุมัติการขยายวันครบกำหนด ไถ่ถอนหุ้นกู้โดยไม่ถือเป็นเหตุให้ผิดนัดจำนวน 4,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นกู้ที่เข้าร่วมประชุม ในวันดังกล่าวไม่ครบองค์ประชุมซึ่งกำหนดไว้ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 66 ของหุ้นกู้ที่ยังไม่ได้ไถ่ถอน จึงจะจัดการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2567 ในวันที่ 23 สิงหาคม โดยการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ครั้งนี้ จะต้องมีองค์ประชุมมาเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของหุ้นกู้ที่ยังไม่ได้ไถ่ถอน บริษัทคาดว่า จะครบองค์ประชุมและได้รับการอนุมัติ

อย่างไรก็ตาม เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการเงิน บริษัทฯอยู่ในระหว่างการเจรจาหาผู้ร่วมทุนรายใหม่ Strategic Partner ที่มีศักยภาพสามารถเข้ามาเพิ่มทุน และเพิ่ม Synergy ระหว่างกัน รวมถึงการจำหน่ายสินทรัพย์ของบริษัทฯ ซึ่งรวมถึงการระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) หรือการจำหน่ายสินทรัพย์ให้แก่นักลงทุนที่ให้ความสนใจ

นอกจากนี้ บริษัทยังมีพัฒนาการที่สำคัญในไตรมาสที่สอง 2 โครงการที่สำคัญ คือ โครงการที่ 1 EA ได้ลงนามในสัญญาร่วมพัฒนาโครงการ (Joint Development Agreement) กับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) จัดตั้งบริษัทร่วมทุน Super Holding Company ในบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดแบบรวมศูนย์ของ สปป.ลาว ริเริ่มการเป็นศูนย์กลางการจำหน่าย และบริหารพลังงานสะอาดแบบครบวงจรของประเทศ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศให้มีเสถียรภาพในระยะยาว และตั้งเป้าภายใน 3 ปี เพิ่มรายได้ค่าไฟฟ้า ลดภาระ การนำเข้าน้ำมันดิบพัฒนาโครงการกักเก็บพลังงานไฟฟ้า จัดหาโซลูชั่น EV ลงทุนพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมร่วมผลักดันสู่เป้าหมายยุทธศาสตร์แห่งชาติ ‘Battery of Asia’

โครงการที่ 2  EA ได้เข้าร่วมลงนามเป็น Strategic Partner กับ CRRC Dalain ซึ่งเป็นการส่งเสริมการลดคาร์บอนไดออกไซด์ของเครื่องยนต์สันดาปในแบบเก่า การเปลี่ยนแปลงเพื่อการยกระดับอุปกรณ์เส้นทางคมนาคม ซึ่ง EA และ CRRC Dalian ได้ร่วมมือใน 

1. ร่วมกันออกแบบและพัฒนาระบบไฟฟ้าแบตเตอรี่ และ/หรือระบบไฟฟ้าแบตเตอรี่ดีเซลไฮบริด สำหรับรถไฟหัวรถจักรและรถไฟโดยสาร

2. ร่วมกันสำรวจและประเมินความต้องการของลูกค้า จำหน่ายและจัดหาผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาร่วมกันในประเทศไทยและตลาดต่างประเทศ 

3. ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ตามความต้องการของตลาดเป้าหมาย โดยใช้เทคโนโลยี การผลิตรถไฟที่แข็งแกร่งของ CRRC Dalian และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเทียมและเทคโนโลยี Ultra-fast charge ของ EA เพื่อสร้างขีดความสามารถของเทคโนโลยีในระยะยาว ในด้านต้นทุน และประสิทธิภาพ 

4. ร่วมกันพิจารณาจัดตั้งโรงงานผลิตและประกอบในประเทศไทย

จัดยิ่งใหญ่! สถาบันพระปกเกล้า-วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร เปิดสนามศุภชลาศัย เตรียมระเบิดศึก ฟุตบอลประเพณี “รักเมืองไทย” ครั้งที่ 2

เมื่อวานนี้ (14 ส.ค.67) ที่ โรงแรม Siam At Siam Hotel รศ.ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ รองเลขาธิการ ในฐานะ (ผู้แทนเลขาธิการ) สถาบันพระปกเกล้า พล.ท.ทักษิณ สิริสิงห ผู้อำนวยการ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร คุณอรรถพล เสื้อคำรณ ประธานจัดงาน ปปร.27 พล.ท.ฐิตวัชร์ เสถียรทิพย์ อดีตประธานรุ่น และประธานที่ปรึกษา วปอ.66 คุณวิกร ภูวพัชร์ ประธานจัดงาน วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร พ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ หัวหน้าทีมฟุตบอล สถาบันพระปกเกล้า และ พลเรือตรี วิชาญ วันทนี่ยกุล หัวหน้าทีมฟุตบอล วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ร่วมแถลงข่าวการแข่งขันฟุตบอลประเพณี "รักเมืองไทย" ครั้งที่ 2 โดย สถาบันพระปกเกล้า และ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร

รศ.ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ รองเลขาฯ สถาบันพระปกเกล้า เปิดเผยว่า กิจกรรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสื่อ และสร้างจิตสำนึกให้สังคมเห็นถึงความปรองดองสมานฉันท์ นำพาประเทศ ก้าวข้ามความขัดแย้งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ เนื่องจากทั้ง 2 สถาบัน เป็นสถาบันหลักของประเทศที่ให้ความรู้ และผลิตบุคลากรของชาติ ระดับคุณภาพอย่างมากมาย ซึ่งการแข่งขัน ยึดรูปแบบฟุตบอลประเพณี "จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์" ที่โด่งดังมาช้านาน เป็นโมเดล

ด้าน พล.ท.ทักษิณ สิริสิงห ผู้อำนวยการ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
เปิดเผยว่า การแข่งขันฟุตบอลประเพณี “รักเมืองไทย” ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นจากความสำเร็จจากกิจกรรมครั้งที่ 1 เป็นการสร้างโอกาสให้นักศึกษาในอดีตและปัจจุบันของทั้งสองสถาบัน ได้พบปะและสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น พร้อมเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านประชาธิปไตยและความปรองดองในสังคม ผ่านกีฬาฟุตบอลเป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ 

งานนี้เป็นความร่วมมือจากนักศึกษาทั้ง 2 สถาบัน โดยเฉพาะ นักศึกษาหลักสูตร ปปร. รุ่น 27 และ วปอ. รุ่น 66 ที่เป็นเหมือนเจ้าภาพและแกนหลักการจัดงาน รวมถึงพลังความร่วมมือจากนักศึกษาหลักสูตรต่างๆจากสองสถาบัน อาทิ สสสส. ปรม. ปศส. ปนป. SML วปอ.บอ.

ทางด้าน คุณวิกร ภูวพัชร์ ประธานจัดงาน วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร เปิดเผยว่า การแข่งขันฟตบอลประเพณี "รักเมืองไทย" ครั้งที่ 1 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ.2566 ณ สนามศุภชลาศัย กรีทาสถานแห่งชาติ แข่งขันกัน 2 ประเภท คือ Junior กับ Senior ในครั้งนี้มีการแข่งขันประเภท Young เพิ่มเข้ามา เพื่อผลักดันคนรุ่นใหม่ ที่มีความสามารถในทางกีฬา และเพื่อสืบสานเจตนารมณ์ของรุ่นก่อน สืบไปในอนาคต

คุณอรรถพล เสื้อคำรณ ประธานจัดงาน ปปร.27 เปิดเผยว่า ฟุตบอลประเพณี "รักเมืองไทย" ครั้งที่ 2 เริ่มแข่งขันวันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ.2567 ณ สนามศุภชลาศัย กรีฑาสถานแห่งชาติ เริ่มตั้งแต่เวลา 15:30 น. จะมีการแข่งขันฟุตบอลคู่แรก ประเภท Young และการแข่งขันฟุตบอลคู่ที่ 2 ประเภท Junior ในเวลา 16.45 น. และจะทำพิธีเปิดการแข่งขันพร้อมการแสดงขบวนพาเหรดของศิษย์ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร - สถาบันพระปกเกล้า และการแสดงมินิคอนเสิร์ตจากศิลปิน ก่อนจะมีการแข่งขันฟุตบอลคู่ที่สาม ประเภท Senior ในเวลา 19.00 น และพิธีมอบรางวัล ในเวลา 20.35 น.

‘สุทิน’ การันตี ‘ชัยเกษม’ สุขภาพดี แข็งแรง ไม่มีปัญหา ความรู้ความสามารถประสบการณ์ไม่ได้เป็นรองใคร

(15 ส.ค. 67) ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยและรักษาการรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม สส. พรรคเพื่อไทย ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเข้าหารือที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้หลายคนมองว่าแทรกแซงจากบุคคลภายนอก ว่า เขารู้จักกันก็เรียกไปปรึกษาหารือเป็นธรรมดา ไม่มีอะไรเป็นทางการ ปรึกษาหารือธรรมดา

ต่อข้อคำถามว่า ‘ห่วงว่าจะมีคนยื่นเอาผิดภายหลังหรือไม่ กรณีคนนอกเข้ามาแทรกแซงพรรค?’ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่น่ามีอะไรถึงขั้นนั้น เพราะสถานการณ์เป็นแบบนี้ คนรู้จักกัน ต้องหารือกัน ซึ่งการหารือดังกล่าว ไม่ใช่การเคาะชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ให้เสนอชื่อโหวตเป็นนายกฯ ทั้งนี้ชื่อดังกล่าวเป็นการคาดหมายกันเท่านั้น เพราะการเสนอชื่อต้องเป็นมติพรรคที่ต้องออกมาอย่างเป็นทางการ

เมื่อถามถึง ‘ความพร้อมของนายชัยเกษมต่อการรับตำแหน่งนายกฯ เพื่อบริหารประเทศ’ นายสุทิน กล่าวว่า ดูแล้วล่าสุดนายชัยเกษมสุขภาพดี แข็งแรง ไม่มีปัญหา และโดยความรู้ความสามารถประสบการณ์ไม่ได้เป็นรองใคร ดังนั้นหากพรรคเพื่อไทยมีมติเสนอชื่อนายชัยเกษมต่อสภาฯ มั่นใจว่า จะได้รับเสียงโหวตเพราะพรรคเห็นด้วย แต่หากที่ประชุมมีมติไม่ส่งชื่อนายชัยเกษมแสดงว่าพรรควิเคราะห์แล้วว่าไม่ได้รับการยอมรับ 

“เราเป็นพรรคเดียวกันและทำงานต่อเนื่อง ไม่มีปัญหาต่อความเชื่อมั่น อีกทั้งยังทำงานเป็นทีมและมีทีมที่ดีจึงไปต่อไป ทั้งนี้ผมเชื่อว่าหากสส. และสภาฯ ยอมรับก็ขายได้ ส่วนประชาชนจะยอมรับหรือไม่ ที่ผ่านมานายชัยเกษมเสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ ตั้งแต่ต้น ถือว่าผ่านการเสนอตัวและพิจารณาจากประชาชนมาแล้ว” นายสุทิน กล่าว

เมื่อถามถึง ‘ปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีหลังจากนี้’ นายสุทิน กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ต้องรอหลังจากได้ตัวนายกฯ แล้ว

สุดท้ายเมื่อถามย้ำว่านายสุทิน ‘ยังดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหมต่อหรือไม่’ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่แน่ เรากำหนดตัวเองไม่ได้ ไม่รู้จะอยู่ที่ไหนอย่างไร เมื่อถามว่าเหนื่อยหรือยังกับตำแหน่งนี้ นายสุทิน กล่าวว่า “ยังฟิตอยู่ อยู่ที่โอกาส” 

'คปท.' ลั่น!! ชงชื่อ 'ชัยเกษม' นั่งนายกฯ เจอตอปมจริยธรรม ชี้!! เรื่องนี้จะเป็นจุดบอดระบอบทักษิณอีกเรื่องในอนาคต

(15 ส.ค. 67) นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ ‘ถ้านายกฯ เป็น ชัยเกษม’ ระบุว่า…

ชัยเกษม เป็นอดีตอัยการสูงสุด ที่ใช้ดุลพินิจสั่งไม่ฟ้อง คดีอาญา พิชิต ชื่นบาน คดีถุงขนม

พิชิต ชื่นบาน ทำให้ เศรษฐา ทวีสิน พ้นนายกฯ สภาทนายความให้ พิชิต ชื่นบาน ผิดจริยธรรมร้ายแรง ศาลปกครองยืนตามสภาทนายความ ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ เศรษฐา พ้นนายกฯ เพราะ พิชิต ชื่นบาน

ชัยเกษม นิติสิริ เกี่ยวพันทางจริยธรรมคดีตั้งแต่ต้น ถ้าชัยเกษม เป็นนายกฯ มีคนไปร้อง จริยธรรมเรื่องดุลพินิจมิชอบ เรื่องนี้เป็นจุดบอดระบอบทักษิณอีกเรื่องในอนาคต

‘เศรษฐา’ เคลื่อนไหวผ่าน X หลังพ้นสถานะ ‘นายกฯ’ เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ใหม่ สวมถุงเท้าแดง-มีสุนัขตัวโปรด

(15 ส.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ใหม่หลังจากพ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี โดยในแอปพลิเคชัน X หรือ ทวิตเตอร์ ได้ใส่แฮชแท็กว่า #NewProfilePic โดยรูปภาพดังกล่าวเป็นรูปในลักษณะพักผ่อนอิริยาบถสบาย ๆ นั่งอยู่กับสุนัขตัวโปรด โดยในรูปนายเศรษฐาสวมถุงเท้าสีแดง ซึ่งเป็นสีที่เจ้าตัวชื่นชอบ

ทางด้านผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กส่วนตัวของนายเศรษฐา ได้มีประชาชนเข้ามาแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก อาทิ เป็นกำลังใจให้ท่านนายกค่ะรู้สึกเสียดาย, ท่านคือแบบอย่างที่ดีงามในทุกด้าน, นายกที่ขยันและแข็งแกร่งที่สุด นายกในดวงใจค่ะ my role model,นายกที่ทำงานเยอะที่สุด คนนึง ใจเย็น พูดจาดีไพเราะ และเก่งมาก ๆ คนหนึ่ง เสียดายค่ะ และ ขอบคุณการทำงานอย่างหนักเพื่อประเทศชาติในตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาครับ เป็นต้น

โดยวันนี้บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลในเช้าวันเดียวกันนี้ เป็นไปอย่างเงียบเหงามีเพียงบรรดาสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ และข้าราชการที่เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ในส่วนของนักการเมืองยังไม่มีบุคคลใดเข้ามา 

ส่วนบรรยากาศบนตึกไทยคู่ฟ้า ยังไม่มีความเคลื่อนไหว ประตูยังคงปิดเงียบไม่มีบุคคลใดเข้าและออก  และในเวลา 14.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรักษาการรมว.พาณิชย์ ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีรักษาการเป็นครั้งแรกที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

ย้อนคำ ‘ชัยเกษม’ ติด 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย และความรู้สึกหากได้นั่งเก้าอี้ ‘นายกรัฐมนตรี’

จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปมเสนอชื่อ ‘พิชิต ชื่นบาน’ ขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งถือว่าขาดคุณสมบัติในความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ ต่อมา ได้มีข่าวออกมาว่าพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อ ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนถัดไป

สำหรับเรื่องการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และอาจจะได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีนั้น ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ เคยได้เอ่ยถึงไว้เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2566 ในงานปราศรัยใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ภายใต้แนวคิด ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน ตอน One Team for all Thais : หนึ่งทีมเพื่อไทยทุกคน’ ณ ธันเดอร์โดม สเตเดียม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คนของพรรค ตามที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ได้นำชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย (ในขณะนั้น) นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

โดยน.ส.แพทองธาร ได้ให้สัมภาษณ์ ไว้ว่า วันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะประกาศให้ประชาชนทราบว่าเราพร้อม พรรคเพื่อไทยพร้อมฟูลทีม สำหรับจุดเด่นของทั้ง 3 คนนั้นไม่เหมือนกันเลย บอกแล้วว่าหากเลือกพรรคเพื่อไทยจะได้ทั้ง 3 คนไปทำงาน

ผู้สื่อข่าวถามถึงการเลือกแคนดิเดตเบอร์ 1 มาจากอะไร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าใครคือเบอร์ 1 2 3 ทุกบัญชีเราเสนอชื่อเต็มหมด ไม่ว่าจะเป็น สส.เขต / ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกฯ เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด

ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงความชัดเจนของรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 1 ของพรรคเพื่อไทย เพราะอาจจะเป็นแรงดึงดูดให้ประชาชนเลือกพรรค น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า สำหรับแคนดิเดตนายกฯ 3 คนของพรรคเพื่อไทย ไม่มีใครเหมือนกันเลย แต่ไม่ว่าจะเป็นเบอร์ไหนก็ทำงานร่วมกันอยู่ดี นี่คือสิ่งสำคัญ วันนี้จะอาศัยแค่พรรคเพื่อไทย เราต้องชนะไปด้วยกัน ประชาชนต้องออกมาเลือกอนาคตของตัวเองไปพร้อมกับพรรคเพื่อไทย

ผู้สื่อข่าวถามเพิ่มเติมว่ามั่นใจกว่าพรรคอื่นหรือไม่ที่มีแคนดิเดตนายกฯ 3 คน ในขณะที่พรรคอื่นมีคนเดียว น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า อย่างที่บอกว่าเราเจออะไรกันมาเยอะ และเราตั้งใจกันจริง ๆ ในเรื่องนโยบาย พวกเราทั้ง 3 คนพร้อมเป็นตัวเลือกให้ประชาชน เพราะเราอยากได้นายกฯ ที่มาจากพรรคเพื่อไทย เพื่อพลักดันนโยบายของพรรคเพื่อไทยให้เป็นจริงได้

ต่อมาผู้สื่อข่าวต่างประเทศถามว่า หลังการเลือกตั้งจะไปร่วมมือกับพรรคพลังประชารัฐ หรือไม่ น.ส.แพทองธาร บอกว่าเร็วเกินไปที่จะพูด ขอโฟกัสที่การเลือกตั้ง สนใจผลการเลือกตั้งของพรรคเราเป็นอันดับแรกก่อน

ผู้สื่อข่าวถามนายเศรษฐาว่ามองแคนดิเดตนายกฯ ทั้ง 3 คนอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า แม้ทั้ง 3 มีบุคลิกที่ต่างกันแต่เราทำงานเป็นทีม นายชัยเกษม ก็มาด้วยความอาวุโส เป็นนักวิชาการทางด้านกฎหมาย เป็นบุคคลที่มีคุณภาพของพรรค ส่วนหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง จะเสนอชื่อใครเป็นนายกฯ นั้น ขอให้เป็นทีละขั้นตอน ขอให้ผ่านวันที่ 14 พ.ค. แล้วค่อยว่ากันอีกครั้ง เราจะพยายามไปพบปะพี่น้องให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และขอให้รอฟังนโยบาย ซึ่งจะมีการประกาศตัวเลขบางตัว ซึ่งน่าตื่นเต้น

ผู้สื่อข่าวถามนายชัยเกษมว่า รู้สึกตื่นเต้นหรือไม่ ที่ได้ตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง นายชัยเกษม กล่าวว่า “ไม่เห็นมีเหตุที่จะต้องตื่นเต้น”

ระหว่างนั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวเสริมติดตลกว่า "เก่าแล้วๆ" นายชัยเกษม กล่าวต่อว่า “รู้สึกเฉยๆ เพราะโอกาสเป็นนายกฯ จะมาลงที่ตนมันยาก” ทำให้ น.ส.แพทองธาร หัวเราะ นำศีรษะพิงไหล่นายชัยเกษม พร้อมกล่าวว่า "อาจารย์พูดแบบนี้ได้อย่างไร" ขณะที่ นายเศรษฐากล่าวเสริมว่า "อ.ชัยเกษม พูดถ่อมตัวมาก"

'นสพ.ไทยรัฐ' ออกประกาศ!! คุณสมบัติโครงการสมัครใจลาออก ยอมรับ!! ประสบปัญหาขาดทุน ยอดขายลดลง

(15 ส.ค.67) สำนักข่าวอิศรารายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา บริษัท วัชรพล จํากัด ผู้จัดพิมพ์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ออกประกาศโครงการสมัครใจลาออก ถึงพนักงานในบริษัท โดยระบุว่า เนื่องจากปัจจุบันยอดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ลดลงมาก ส่งผลกระทบกับธุรกิจ ทำให้บริษัทฯ ประสบภาวะขาดทุน ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทฯ จำเป็นต้องดำเนินการปรับลดค่าใช้จ่ายและลดอัตรากำลังในทุกหน่วยงาน 25% เพื่อให้ดำเนินธุรกิจได้ โดยรายละเอียดของโครงการดังกล่าว มีดังนี้ต่อไป 

1. คุณสมบัติของพนักงานที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการ
พนักงานสังกัดบริษัท วัชรพล จํากัด ทุกระดับ ที่ได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจํา

2. วิธีการดำเนินการ 
2.1) พนักงานที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการ ให้กรอกรายละเอียดในแบบฟอร์มหนังสือแสดงความประสงค์ได้ที่ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ตั้งแต่วันที่ 14 - 30 สิงหาคม 2567
2.2) ฝ่ายทรัพยากรบุคคล จะพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติพนักงาน ที่บ่นความประสงค์เข้าร่วมโครงการ และจัดทํารายชื่อ เพื่อนําเสนอในการพิจารณาของสายบังคับบัญชา ตามขั้นตอนต่อไป
2.3) ผลการพิจารณาอนุมัติจากประธานกรรมการบริหาร ให้ถือเป็นที่สิ้นสุด

3. ผลประโยชน์ตอบแทนตามโครงการ
3.1) เงินช่วยเหลือตามอายุงาน โดยให้นับอายุงานตั้งแต่วันที่เข้าทํางานกับบริษัทฯ จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2567

>> สำหรับเงินช่วยเหลือนั้นสอดคล้องกับอายุงานจะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1.ครบ 120 วันขึ้นไป แต่ไม่ครบ 1 ปี ได้เงินเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน
2.ครบ 1 ปีขึ้นไป แต่ไม่ครบ 3 ปี ได้เงินเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 90 วัน
3.ครบ 3 ปีขึ้นไปแต่ไม่ครบ 6 ปีได้เงินเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 180 วัน
4.ครบ 6 ปีขึ้นไป แต่ไม่ครบ 10 ปี ได้เงินเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 240 วัน
5.ครบ 10 ปีขึ้นไป แต่ไม่ครบ 20 ปี ได้เงินเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน
6.ครบ 20 ปีขึ้นไป ได้เงินเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 400 วัน

ทั้งนี้ พนักงานที่ได้รับการพิจารณาอนุมัติ จะพ้นสภาพการเป็นพนักงาน ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ส่วนพนักงานที่ได้รับอนุมัติตามโครงการ จะได้รับเงินช่วยเหลือเป็นเช็ค ในวันที่ 22-31 ตุลาคม 2567 ที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล

‘สส.เพื่อไทย’ หนุน ‘อุ๊งอิ๊ง’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ฟาก ‘กก.บห.’ ต้องฟังเสียง สส. ก่อนมีมติเด็ดขาด

กรณีที่มีกระแสข่าวว่าบ้านจันทร์ส่องหล้าเคาะจะส่งนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนถัดไป ในวันพรุ่งนี้ (16 ส.ค.) ว่า…

จริง ๆ มีการพูดคุยกัน แต่ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ตนอยู่ที่สภาฯ เพื่อเคลียร์วาระการประชุมต่าง ๆ กับวิปฝ่ายค้านและวิปรัฐบาล อย่างไรก็ตามแม้จะมีข่าวออกมาแล้ว แต่ตนก็มองว่าเป็นแค่การพูดคุยกัน ส่วนเรื่องอื่นต้องรอสรุป หลังการประชุมคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคบ่ายวันนี้

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เหมือน สส. ส่วนใหญ่จะสนับสนุน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นบุคคลที่จะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี นายสรวงศ์กล่าวว่า จริง ๆ แล้วพรรคเพื่อไทยยังเหลือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีก 2 คน ซึ่งต้องดูความเหมาะสม และจะมีการประชุม กก.บห. ซึ่งจะมีการประชุม สส. เพื่อเรียกกำลังใจกลับมา การที่เราจะปฏิบัติหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป ส่วนเรื่องของฝ่ายบริหารขอให้เป็นมติของที่ประชุม กก.บห.

ผู้สื่อข่าวถามเพิ่มว่า มติ สส. ที่สนับสนุน น.ส.แพทองธาร จะสามารถสู้มติของกก.บห.พรรคได้หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า แน่นอนว่ากก.บห.ก็ ฟังมติของสส. ฉะนั้นหากมีประชุม ยกเหตุผลมาแล้ว ก็น่าจะสรุปได้ในบ่ายวันนี้

‘ชาวเน็ต’ ติง!! ‘เพจท่องเที่ยว’ หลังแปะสติกเกอร์บนเสาเหล็กภูเขาฟูจิ ชี้!! ‘การเคารพ-ให้เกียรติสถานที่’ เป็นเรื่องที่นักท่องเที่ยวควรทำ

เมื่อวานนี้ (14 ส.ค. 67) กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ เมื่อเพจเฟซบุ๊กท่องเที่ยว ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 37,000 คน ได้เผยภาพโมเมนต์แฟนหนุ่มคุกเข่าขอแต่งงานบนยอดเขาฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น โดยได้โพสต์ภาพที่ลูกเพจทักอินบ็อกซ์มาชื่นชมด้วยที่เจ้าของเพจนำสติกเกอร์ข้อความเดียวกับชื่อเพจไปติดบนเสาที่ใช้กั้นเขตทางเดินบนภูเขาฟูจิ

ภายหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไปได้กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ต่างมากว่าเป็นการกระทำที่อาจจะไม่เหมาะสมหรือไม่ บ้างก็มองว่าเป็นเพจท่องเที่ยวอาจจะต้องมีการศึกษากติกาก่อนว่าทำได้หรือไม่ ทั้งนี้ ภูเขาฟูจิ และเสาโทริอิ ยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวญี่ปุ่นด้วย แม้จะอ้างว่าสอบถามคนแถวนั้นก่อนติดแล้ว แต่จริง ๆ อาจจะต้องขออนุญาตกับเจ้าหน้าที่หรือไม่

- อ้างว่าได้ขออนุญาตจากร้านค้าแถวนั้นแล้ว พอติดเสร็จก็เอาออกเลย (แต่ก็ไม่รู้ว่าได้แกะออกจริงหรือเปล่า) ประเด็นสำคัญคือ คุณไม่ควรคิดที่จะไปติดตรงนั้นตั้งแต่แรกแล้ว แค่คิดก็ผิดแล้ว การเคารพการให้เกียรติต่อสถานที่ เป็นเรื่องที่ควรทำสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะเหมือนเป็นการให้เกียรติกับตัวเองด้วย
- ตอนเที่ยวไม่ได้ศึกษาก่อนเหรอว่าอันไหนสมควรหรือไม่?
- เมื่อคืนเจอดรามาในต็อก ๆ แต่หาต้นตอไม่เจอ ตอนนี้เจอละ
- แบบนี้ก็เคยเป็นข่าวแล้วไม่ใช่หรอ อย่างว่าอุทาหรณ์ ไม่ได้มีไว้สอนคนจริง ๆ

ทั้งนี้ ทางเจ้าของเพจได้ชี้แจงว่า “ขออนุญาตเจ้าหน้าที่แล้ว เป็นพื้นที่ที่เขาสามารถติดได้ และไม่ใช่พลอยติดคนเดียว ท่านอื่น ๆ ขอติดได้ ลองขึ้นไปถึงจุดติด พอครบ 1 ปีจะแกะออกตามปกติ ขอบคุณและน้อมรับ”

ล่าสุดโพสต์ดังกล่าวถูกลบ และเพจไปเที่ยวกับพลอยมั้ย PlayLand ได้ปิดไปแล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top