Monday, 9 June 2025
TheStatesTimes

'ประธานกิตติมศักดิ์สภาอุตฯ ลำปาง' เปิด 7 ข้อเท็จจริง 'ชามตราไก่ลำปาง' ยัน!! ด่ากราดจีน ผ่านปมชามละ 5 บาท เป็นเรื่องเอาแพะกับแกะมาผสมกัน

(14 ส.ค.67) จากกรณีการพบชามตราไก่ นำเข้าจากจีน ขายในประเทศไทย และพบผลกระทบอย่างหนัก ทำให้ผู้ประกอบการเซรามิกขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีกว่า 300 โรงงาน ต้องหยุดไปแล้วกว่า 200 โรงงาน เพื่อรอดูท่าที และรอความหวังว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น

ด้าน นายอธิภูมิ กำธรวรรินทร์ ประธานกิตติมศักดิ์สภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า วันสองวันนี้มีประเด็นเรื่อง เซรามิกลำปาง ย่ำแย่ผลมาจากการทุ่มตลาดของจีนทำชามไก่เหมือนลำปางขายใบละ 5 บาท ผมคิดว่ารายละเอียดมีความคลาดเคลื่อนค่อนข้างมากทีเดียว ขอให้รายละเอียดเกี่ยวกับเซรามิกลำปางโดยเฉพาะชามไก่ลำปาง และปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ดังนี้

1. ลายไก่ลำปางเดิมไม่ใช่ของลำปาง แต่มีที่มาจากประเทศจีน ซึ่งชาวจีนที่มาตั้งรกรากในลำปางได้นำลายไก่จากจีนมาผลิตที่ลำปางด้วย เพราะลำปางมีแหล่งดินขาวที่สามารถผลิตเป็นเซรามิกได้ใกล้เคียงกับจีน

2. ไม่ว่าชามไก่ของจีนในสมัยก่อน หรือชามไก่ของลำปางในสมัยก่อน จะเขียนลายด้วยมือ แต่ในปัจจุบันการผลิตชามไก่ของจีนจะใช้รูปลอกเซรามิกแทนการเขียนลาย จึงมีความเหมือนของลวดลายไก่ทุกใบ แต่ชามไก่ของลำปางในปัจจุบันยังนิยมเขียนลายด้วยมือเหมือนเดิม ที่ทุกใบมีความแตกต่างกัน

3. ชามไก่จีนใบละ 5 บาท ผมคิดว่า เป็นเรื่องเอาแพะกับแกะมาผสมกัน แล้วมองว่าเหมือนกัน แต่ในข้อเท็จจริง ชามใบละ 5 บาทเป็นสินค้าที่มีตำหนิมาก เน้นขายถูกและไม่มีลวดลายอะไร หากมีตำหนิน้อยจะขายแพงขึ้นและการโฆษณาว่าเซรามิกใบละ 5 บาท เพื่อผลในการดึงดูดลูกค้าเข้าร้านมากกว่าจะขายใบละ 5 บาทอย่างจริงจัง

4. ผมอยู่กับเซรามิกลำปางมาเกือบ 30 ปี เห็นความเปลี่ยนแปลงมาตลอด และเห็นปัญหาของเซรามิกลำปางมาตลอด ความเป็นจริงของเซรามิกลำปางคือยิ่งขายยิ่งถูก ยิ่งผลิตคุณภาพยิ่งต่ำ ด้วยสองเหตุผลหลักคือ 4.1 วัตถุดิบต้นน้ำและต้นทุนผลิตเราสู้จีนไม่ได้ 4.2 ผู้ผลิตในลำปางแข่งขันกันเองทั้งแข่งขันด้านราคาและแข่งขัน ในการลดต้นทุนการผลิต ทั้งที่ต้นทุนการผลิตของไทยสูงมากอยู่แล้ว

5. อาจจะมีบางส่วนที่สินค้าจีนไม่ได้คุณภาพในเรื่องของสารพิษที่มีจากรูปลอกบนเคลือบอุณหภูมิต่ำ แต่ไม่ได้มีสารพิษทุกชิ้น ซึ่งเรื่องนี้ต้องตรวจสอบผลิตภัณฑ์

6. ตั้งแต่มกราคม - พฤษภาคม 2567 มีการนำเข้าเซรามิกจากจีนมากกว่า 3,000 ตันในราคาเฉลี่ย 8.96 บาทต่อกิโลกรัม (ดูตารางประกอบ) ปล.ราคาที่แจ้ง 8.96 บาทต่อกิโลกรัม เป็นราคาสำแดงขณะนำเข้า ซึ่งข้อเท็จจริงราคาต้องสูงกว่านี้

7. สิ่งที่มาตามถนนหรือจะสู้สิ่งที่ข้ามเขาลงห้วยมาจากป่า นั่นหมายความว่าข้อเท็จจริงมีการนำเข้าจากจีนมากกว่าที่แสดง แต่ไม่มีการลงบันทึกตามพิธีการศุลกากร ประเมินนำเข้ามามากกว่านี้ 2-3 เท่าของที่สำแดงตามตาราง นั่นแปลว่าเซรามิกจากจีนเข้ามาท่วมตลาดและเข้ามาแข่งขันกับผู้ประกอบการในประเทศอย่างหนัก

ทั้ง 7 ข้อเป็นข้อเท็จจริงในเบื้องต้นที่ทำให้เซรามิกที่ผลิตในประเทศสู้จีนไม่ได้ ไว้จะมาเพิ่มเติมรายละเอียดเจาะลึกให้อีกครั้งครับ

'รมว.ปุ้ย' สั่ง สมอ.คุมเข้ม 'สินค้าด้อยคุณภาพ-ราคาถูก' แพลตฟอร์มข้ามชาติ พร้อมเดินหน้าจัดเก็บภาษี 'อีคอมเมิร์ซ' สร้างความเป็นธรรมในการแข่งขัน

(14 ส.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากกรณีที่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติได้เข้ามาบุกตลาดสินค้าไทย ได้ส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อธุรกิจ SME รวมถึงความไม่ปลอดภัยของประชาชนจากการใช้สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน กระทรวงอุตสาหกรรม ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และเร่งดำเนินการตามภารกิจ 'Quick win' เพื่อสกัดกั้นสินค้าไม่ได้มาตรฐานเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าที่ สมอ. ควบคุม ทั้ง 144 รายการ ที่ สมอ. สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายเพื่อความปลอดภัยของประชาชน 

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการของกระทรวงอุตสาหกรรม ยังไม่ครอบคลุมสินค้าที่มีการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีจำนวนกว่า 1,000 รายการ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วนร่วมดำเนินการควบคุมและกำกับติดตาม ทั้งกระทรวงการคลัง, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงดิจิทัลฯ,  กระทรวงสาธารณสุข, สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) เพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ไม่มีคุณภาพหรือเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค รวมทั้ง พิจารณาให้มีการจัดเก็บภาษีอีคอมเมิร์ซ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน โดยการกำหนดนโยบายการจัดเก็บภาษีที่เหมาะสมสำหรับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติ เพื่อให้บริษัทเหล่านี้เสียภาษีอย่างถูกต้องและไม่เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ

ด้าน นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สมอ. ได้เร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งภารกิจ 'Quick win' กวาดล้างสินค้าด้อยคุณภาพที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาด และทางออนไลน์ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 จนถึง เดือนกรกฎาคม 2567 ได้ยึดอายัดสินค้าไม่ได้มาตรฐานเป็นมูลค่า 322,420,097 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้ เป็นสินค้าไม่ได้มาตรฐานที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน มูลค่า 92,767,374 บาท คิดเป็น 29% จากทั้งหมด

นอกจากนี้ สมอ. ยังได้กำหนดมาตรฐานสินค้าเพิ่มในปีนี้อีกจำนวนกว่า 1,400 มาตรฐาน จากเดิมที่ประกาศใช้แล้วจำนวน 2,722 มาตรฐาน และอยู่ระหว่างดำเนินการประกาศเป็นสินค้าควบคุมอีกจำนวน 52 มาตรฐาน เพิ่มเติมจากเดิมจำนวน 144 มาตรฐาน ครอบคลุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เช่น ภาชนะและเครื่องใช้สแตนเลส กระทะ/ตะหลิว/หม้อ/ช้อน/ส้อม/ปิ่นโต/ถาดหลุม/ถุงพลาสติกสำหรับบรรจุอาหาร/ถุงพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับอุ่นในไมโครเวฟ/เตาหุงต้มในครัวเรือนใช้กับก๊าซปิโตรเลียมเหลว/ท่อยางและท่อพลาสติกสำหรับใช้กับก๊าซหุงต้ม/ฟิล์มติดกระจกสำหรับรถยนต์/ภาชนะพลาสติกสำหรับบรรจุน้ำบริโภค/ที่รองนั่งไฟฟ้าสำหรับโถส้วมนั่งราบ/ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก และแผงโซลาร์เซลล์ เป็นต้น 

นอกจากการดำเนินการข้างต้น สมอ. ยังมีแนวทางการดำเนินงานเพื่อป้องกันการเข้าถึงแพลตฟอร์มออนไลน์รายใหม่เพิ่มเติม ดังนี้...

1) เร่งทำความเข้าใจและชี้แจงข้อกฎหมายกับผู้ประกอบการที่ให้บริการขนส่งสินค้า และให้บริการดำเนินพิธีการศุลกากร (Shipping) เพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน 
2) สร้างความตระหนักให้ประชาชนเลือกซื้อสินค้าที่มีเครื่องหมายมาตรฐานบนแพลตฟอร์มออนไลน์ 
3) บูรณาการการทำงานร่วมกับกรมศุลกากร เพื่อการนำเข้าสินค้าที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานจากแพลตฟอร์มออนไลน์ 
4) บูรณาการการทำงานร่วมกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) เกี่ยวกับการควบคุมแพลตฟอร์มออนไลน์  
และ 5) บูรณาการการทำงานกับสภาองค์กรของผู้บริโภค เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างยั่งยืน

ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ EA รุ่น EA249A เลื่อนโหวตไปเป็น 23 สิงหาคม เหตุไม่ครบองค์ประชุม

(14 ส.ค. 67) บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) ได้มีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้รุ่น EA249A  เพื่อพิจารณาอนุมัติขยายวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ไปปรากฏว่ามีจำนวนผู้ถือหุ้นกู้และผู้รับมอบฉันทะเข้าร่วมประชุมไม่ครบเป็นองค์ประชุม 

สำหรับการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2567 ของหุ้นกู้รุ่น EA249A ในวันนี้มีจํานวนผู้เข้าร่วมประชุม 889 คน คิดเป็น 1,900,600 หน่วย หรือ คิดเป็นร้อยละ 47.5 ตามกำหนดต้องมีผู้ถือหุ้นเป็นจำนวนรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 66 ของทั้งหมดจึงจะครบองค์ประชุม 

จึงจำเป็นต้องเลื่อนการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ออกไปเป็นการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ครั้งที่ 2/2567  ในวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2567 เวลา 10:00 น. ซึ่งบริษัทจะส่งหนังสือเชิญประชุมให้กับผู้ถือหุ้นกู้อีกครั้ง โดยในครั้งถัดไปจะต้องมีองค์ประชุมมาเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของหุ้นกู้ที่ยังไม่ได้ไถ่ถอน ทั้งนี้ มั่นใจว่าในครั้งหน้าจะครบองค์ประชุม และได้รับการอนุมัติ

'ศาสตรา-รวมไทยสร้างชาติ' ยกเมืองหาดใหญ่ เมืองพหุวัฒนธรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ชี้!! รัฐบาลควรเร่งปลดล็อกศักยภาพเมือง เพื่อดึงนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ทุกมิติ

(14 ส.ค.67) นายศาสตรา ศรีปาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา เขต 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงกรณี เมืองหาดใหญ่เป็นเมืองที่คุ้มค่าที่สุดจากการสำรวจของ Agoda ว่า...

ลำดับแรกเมืองหาดใหญ่ ถือเป็นเมืองพหุวัฒนธรรม เรามีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทย จีน และมุสลิม ทำให้เมืองหาดใหญ่เป็นเมืองที่มีจุดเด่นที่หลากหลาย โดยเฉพาะด้านอาหารการกิน 

ต่อมาในด้านที่พัก เมืองหาดใหญ่มีความหลากหลายตั้งแต่ Budget Hotel หรือ โรงแรมราคาประหยัด ไปจนถึงโรงแรมหรู ซึ่งทำให้เมืองสามารถรองรับนักท่องเที่ยวหลากหลายกลุ่ม 

สำหรับการเดินทางภายในเมืองหาดใหญ่ ค่อนข้างมีความสะดวก ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 10 นาที สามารถไปทุกจุดในเมืองได้ นอกจากนี้เมืองหาดใหญ่ยังเป็นฮับของการเดินทางทั้งสนามบิน สถานีรถไฟ ที่บริการรถโดยสารระหว่างจังหวัด 

โดยส่วนตัวที่เป็นคนหาดใหญ่ ตนคิดว่าเมืองหาดใหญ่ที่มีงบประมาณค่อนข้างครบถ้วน หาดใหญ่เป็นเมืองที่จ่ายภาษีไปลำดับต้น ๆ ของประเทศหากภาษีเหล่านี้ย้อนกลับมาพัฒนาเมือง ตนเชื่อว่าหาดใหญ่จะกลายเป็นเมืองแห่งโอกาสสำหรับทุก ๆ คน ปัญหาในพื้นที่ รวมทั้งการพัฒนาเมืองจะสามารถทำได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น 

ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตนเชื่อว่า 'หาดใหญ่เป็นเมืองที่พร้อมจะพัฒนาให้ดีขึ้นได้ในทุกมิติ' ในมิติโครงสร้างพื้นฐานในเมือง ตนได้ประสานงานและติดตามอย่างต่อเนื่องถึงโครงการทั้งการพัฒนาถนนหนทาง การนำสายไฟฟ้าและสายสื่อสารลงดิน 

นอกจากนี้ ปัญหาในเมืองหาดใหญ่ ที่ทำให้พี่น้องชาวหาดใหญ่ต่างเจ็บปวด คือ ปัญหาน้ำท่วม ตนได้ติดตามผลักดัน คลอง ร.1 โครงการพระราชดำริ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 จนแล้วเสร็จซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมแก่คนในพื้นที่ได้ 

นอกจากนี้ ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตนยังได้ติดตามและผลักดันอีกหลายเรื่อง เช่น รถไฟทางคู่ในวงเงินงบประมาณ 66,000 ล้านบาท จะเริ่มสร้างในปี 68 เป็นการเชื่อมโยงจาก จ.สุราษฎร์ธานี มาที่หาดใหญ่ เราจะเป็นศูนย์กลางการคมนาคม ขนส่งและกระจายสินค้า ซึ่งจะเชื่อมต่อกับทางมาเลเซีย นำเงินเข้าประเทศมหาศาล ควบคู่ไปกับการดูแล เยียวยาชาวบ้านในชุมชนรถไฟให้ได้มีที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ 

มากกว่านั้นหาดใหญ่ต้องเตรียมพร้อม และ ร่วมพัฒนาไปพร้อมกับ จังหวัดข้างเคียง และประเทศเพื่อนบ้าน เราต้อง บูรณาการ ทั้ง 16 อำเภอ ร่วมกัน หลังจากภาครัฐผลักดันโครงการขนาดใหญ่ เช่น Landbridge สะพานเชื่อมเศรษฐกิจภาคใต้ ท่าเรือ ระนอง - ชุมพร ระเบียงเศรษฐกิจ เชื่อม มหาสมุทรแปซิฟิก และ มหาสมุทรอินเดีย เข้าด้วยกัน ทำให้ภาคใต้เป็นศูนย์กลางการขนส่ง ศูนย์กลางด้านพลังงาน และศูนย์กลางด้านการเงิน ซึ่งจะเกิดการแข่งขันทางการค้า การจ้างงาน เราจะทำอย่างไรให้คนหาดใหญ่ ได้ประโยชน์ เข้าไปมีส่วนร่วม มีรายได้ มีโอกาส จากการลงทุนมหาศาล ช่วยคนรากหญ้าให้ลืมตาอ้าปาก มีเงินในกระเป๋า เกิดธุรกิจขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ให้คนในพื้นที่ได้ลงทุนต่อยอด

นอกจากนี้ Entertainment Complex สถานบันเทิงครบวงจร ภายใต้ข้อกฎหมายที่รัดกุม หากเกิดขึ้นในเมืองหาดใหญ่ที่มีความเหมาะสมและความพร้อมในทุกด้าน จะสามารถปลดล็อกศักยภาพของเมืองหาดใหญ่ได้ดียิ่งขึ้น

ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการการท่องเที่ยวเห็นว่า ที่ผ่านมาได้มีการยกเลิกใบ ตม. 6 เพื่อความสะดวกในการเข้าออก เป็นสิ่งที่ดีมาก แต่ต้องทำควบคุมเรื่องความปลอดภัยให้มากขึ้น ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการ Register ล่วงหน้า ด่านสะเดาของเราก็จะมีความรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น 

รัฐบาลต้องการกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยการเปิดประเทศโดย จึงมีนโยบาย Free Visa ให้ชาวต่างชาติ ถึง 93 ประเทศ แต่จะต้องป้องกันไม่ให้ คนต่างชาติมาแย่งงานคนไทย เหมือนในหลายพื้นที่วันนี้ คนจีน คนรัสเซีย, คนพม่า เข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมาย แย่งงานคนไทยเป็นจำนวนมาก 

รัฐบาลต้องเอาหาดใหญ่ออกจาก Red Flag พื้นที่สีแดง เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าใจผิดเหมารวมทั้งจังหวัดสงขลา ว่าเป็นพื้นที่อันตราย พาลเหมารวมหาดใหญ่ไปด้วย ซึ่ง 16 อำเภอในจังหวัดสงขลา มีเพียง 4 อำเภอเท่านั้น ที่ยังต้องมีในเรื่องของความมั่นคง ซึ่งไม่ควรมีชื่อ 'หาดใหญ่' อยู่ในนั้น 

และรัฐบาลต้องแก้ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ ไกด์เถื่อน ทัวร์เถื่อน อย่างจริงจัง ทั้ง Offline และ Online ดูแลผู้บริโภค ที่โดนหลอก โดยตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนแบบ One Stop Service ให้กับคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมถึง ออกกฎหมาย แก้ไขกฎกระทรวงให้มีความทันสมัยเป็นประโยชน์ให้ผู้ประกอบการ โรงแรมขนาดเล็ก-กลาง-ใหญ่

‘ผู้โดยสาร’ แฉ!! ‘รถแดงเชียงใหม่’ ไล่ลูกค้าคนไทยลงกลางทาง เหตุอยากรับลูกค้าต่างชาติ-ราคาแพงกว่า แต่สุดท้ายก็โดนปฏิเสธ

เมื่อวานนี้ (13 ส.ค. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพพร้อมบอกเล่าประสบการณ์แย่ ๆ จากการใช้บริการรถสี่ล้อแดงรับจ้างในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยระบุว่า ตัวเองได้ใช้บริการรถสี่ล้อแดงรับจ้าง ซึ่งแต่กลับถูกไล่ลงจากรถระหว่างทาง เพราะคนขับจะรับผู้โดยสารชาวต่างชาติ ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีการแชร์และผู้เข้าไปแสดงความเห็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ต่างตำหนิการกระทำของคนขับรถสี่ล้อแดงรับจ้างดังกล่าว

ขณะที่จากการสอบถามป้าศรี (นามสมมติ) อายุ 63 ปี ซึ่งเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว เปิดเผยว่า ตัวเองมีบ้านอยู่ย่านศรีประกาศ ตำบลวัดเกตุ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ช่วงสายวันที่ 13 ส.ค.67 ตัวเองกับเพื่อนได้ขึ้นรถสี่ล้อแดงบริเวณเชิงสะพานนวรัฐ ด้านตะวันตก เพื่อให้ไปส่งย่านตลาดประตูก้อม ในตัวเมืองเชียงใหม่ ตกลงค่าโดยสารคนละ 30 บาท แต่เมื่อรถไปถึงย่านกำแพงดิน พบมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 4-5 คน โบกรถ ทางคนขับที่เป็นผู้ชายสูงอายุได้จอดรถรับ และบอกให้ตัวเองลงจากรถโดยไม่เก็บค่าโดยสาร ซึ่งตัวเองรู้สึกงงอย่างมาก และถ่ายภาพไว้ จากนั้นตั้งใจเดินเท้าไปกันเอง

ส่วนคนขับได้ไปพูดคุยเจรจาตกลงค่าโดยสารกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อย่างไรก็ตามปรากฏว่าสุดท้ายแล้วไม่สามารถตกลงกันได้และคนขับได้มาเรียกให้ตัวเองกลับขึ้นรถและใช้บริการตามเดิม แต่ตัวเองและเพื่อนปฏิเสธ ซึ่งทำให้คนขับรถไม่พอใจ รวมทั้งพยายามเข้ามาแย่งโทรศัพท์เพื่อให้ลบภาพที่ถ่ายไว้ แต่ไม่สำเร็จ และขับรถออกไปในที่สุด ทั้งนี้ตัวเองใช้บริการรถสี่ล้อแดงมานานหลายสิบปี เพิ่งเคยพบเจอประสบการณ์ตรงที่เลวร้ายเช่นนี้ แม้จะเคยเห็นข่าวหลายครั้งแล้ว จึงอยากจะเตือนให้ปรับปรุงและอย่าเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติดีกว่าคนไทยด้วยกัน

ด้านนายบุญเนียม บุญทา ประธานสหกรณ์นครลานนาเดินรถ จำกัด ยอมรับว่า เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของรถสี่ล้อแดงเป็นอย่างมาก ซึ่งหลังทราบเหตุได้ตรวจสอบจนทราบแล้วว่าคนขับรถดังกล่าวชื่อ นายวัฒนา และเตรียมเชิญตัวคนขับรถสี่ล้อแดงคันดังกล่าวมาพูดคุยสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมตักเตือนคาดโทษ แต่หากยังมีพฤติกรรมเช่นนี้อีก จะปลดออกจากการเป็นสมาชิกสหกรณ์ อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถโทรศัพท์ติดต่อนายวัฒนาได้

นอกจากนี้นายบุญเนียม ย้ำว่า ที่ผ่านมาทางสหกรณ์นครลานนาเดินรถ จำกัด ได้พยายามปรับปรุงแก้ไขและป้องกันปัญหาเกี่ยวกับการให้บริการเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความพอใจให้กับผู้ใช้บริการให้มากที่สุด แต่ยอมรับว่าหนักใจเพราะสี่ล้อแดงเชียงใหม่ประกอบด้วยสมาชิกที่หลากหลาย จึงอยากเน้นย้ำคนขับสี่ล้อแดงทุกคนให้นึกถึงอยู่เสมอว่ามีอาชีพให้บริการ ต้องมีความอดทนอดกลั้นให้มากไม่โต้แย้งหรือต่อล้อต่อเถียงกับผู้โดยสาร เนื่องจากเขาเป็นผู้มีอุปการคุณช่วยเหลือทำให้คนขับสี่ล้อแดงมีรายได้

‘ชาวเน็ต’ อึ้ง!! หลังเจอประกาศรับสมัครงานตำแหน่งแอดมิน ฐานเงินเดือน 5,000 บาท ทำงาน 14 ชม. หยุดเดือนละ 2 วัน

(14 ส.ค. 67) กลายเป็นประเด็นขึ้นมาทันทีเมื่อเพจเฟซบุ๊ก 'Thai Work From Home งานประจำทำที่บ้าน' ที่มีผู้ติดตาม 2.2 แสนราย หลังจากที่มีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ประกาศหาพนักงานพร้อมระบุคุณสมบัติว่า…

"‼️รับสมัครแอดมิน Work from anywhere‼️ แอดมินร้าน skincare (งานจริง ไม่ใช่มิจฉาชีพ) ทำงานจากที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ 

>> หน้าที่
1. เวลางาน 8.00-22.00
2. ตอบแชทลูกค้าเร็ว ภายใน 5 นาที ไม่ดองแชท
3. รับออเดอร์ ให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ เชียร์ขายสินค้า
4. อัปเดตสต็อกสินค้า
5. ลงสินค้าในกลุ่มไลน์
6. งานอื่น ๆ ที่ได้รับมอบหมาย เช่น แต่งภาพรูปสินค้า ตัดต่อวิดีโอง่าย ๆ คิดแคปชันขายสินค้า รวบรวมข้อมูลลูกค้า

>> คุณสมบัติ 
1. เพศ ญ. / LGBTQ+
2. อายุ 20-30 ปี ไม่มีภาระทางการเรียน
3. ไม่ทำงานอื่นหรือเป็นแอดมินร้านอื่น เนื่องจากลูกค้าทักมาทั้งวัน
4. จบการศึกษาขั้นต่ำ ม.6
5. อ่านภาษาอังกฤษได้ เนื่องจากชื่อสินค้าทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ
6. ตอบแชทไวภายใน 5 นาที ไม่ดองแชท ทั้งกับลูกค้าและเจ้าของร้าน ในเวลางาน 8.00-22.00 ต้องตามตัวได้ตลอด
7. มีมารยาท สุภาพ ใจเย็น สามารถทำงานภายใต้คำสั่งได้ดี
8. ใช้โปรแกรม excel, google sheet พื้นฐานได้ (แค่พื้นฐานจริง ๆ คับ แค่ใส่สต็อกง่าย ๆ)
9. หากสามารถแต่งรูปสินค้าได้ หรือตัดต่อวิดีโอได้ จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
10. สามารถเริ่มงานได้ทันที (มีการสอนงานให้เบื้องต้น)

>> ผลตอบแทน
1. เงินเดือน 5,000 + ค่าคอมมิสชั่น ยิ่งเชียร์ขายมาก ยิ่งได้ค่าคอมมาก (รวมแล้วประมาณ 6,500-9,000)
2. วันหยุด เดือนละ 2 วัน

งานนี้ทำเอาชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์สนั่น อาทิเช่น เงินเดือนนี่พิมพ์เลข 1 ที่อยู่หน้าเลข 5 ตกไปปะคะ ช็อคเลย คุณสมบัติที่ต้องการเยอะมาก แต่เงินเดือน, ทำงาน 14 ชม. ต้องตามตัวได้ตลอด เงินเดือน 5,000, รวมค่าคอมด้วย ยังไม่ถึง 10,000 ทำ 14 ชม. หยุดเดือนละ 2 วัน ทำที่ไหนก็ได้ ค่าเน็ต ค่าไฟชาร์จแบต พนักงานจัดการเองหรอคะ ว้าวมาก

เชียงใหม่-ผบช.ภ.5 แถลงข่าวจับกุมกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายร่างกาย ในพื้นที่ อ.สารภี จ.เชียงใหม่

ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงข่าว "จับแก๊งอันธพาลเชียงใหม่ ไม่เข็ด มีดฟันเด็ก ถูกจับข้อหาหนักยกแก๊ง" เหตุเกิดพื้นที่ สภ.สารภี จ.เชียงใหม่โดยมี พล.ต.ท.กฤตธาพล  ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานการแถลงข่าว จับกุมกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายร่างกาย ในพื้นที่ อ.สารภี ณ ลานแถลงข่าว อาคารกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

วันพุธที่ 14 สิงหาคม 2567 เวลา 11.00 น. ตำรวจภูธรภาค 5 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5,พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5, พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, พ.ต.อ.กฤษดา พันธ์เกษม รอง ผบก.ฯ ช่วยราชการ ภ.จว.เชียงใหม่, พ.ต.อ.นพฤทธิ์ กันทา
ผกก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่, พ.ต.อ.จิรภาส ศักดิ์สูง ผกก.สภ.สารภี, พ.ต.ท.โชติพัฒน์ แสงโรจน์ รอง ผกก.สภ.สารภี, พ.ต.ท.เสตกมล คนเที่ยง สว.สส.ฯ, ร.ต.อ.เสฏฐวัฒน์ พิเคราะห์ รอง สว.สส.ฯ, ร.ต.อ.ณรงค์ชัย ต๊ะปวน รอง สว.สส.ฯ, ร.ต.อ.ธวัชชัย ไกลถิ่น รอง สว.สส.ฯ, ร.ต.ต.สุวรรณ เกิดเวียงใหม่, ด.ต.ยงยุทธ พรหมมา, ด.ต.เทิดศักดิ์ คำลือ, ด.ต.ฐณธรณ์ ชูจิตต์, จ.ส.ต.กฤติกรณ์ ชัยยา, จ.ส.ต.ทศพล ปินต๊ะ, ส.ต.อ.อภิรักษ์ มณีทอง, ส.ต.อ.อาติยะ ทองลับแก้ว, ส.ต.อ.ณัฐพล อินทรา และ ส.ต.อ.ชนกันต์ คำกลาง

โดยเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2567 เวลาประมาณ 03.55 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สารภี ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายบริเวณถนนหน้า หจก.บ้านอบอุ่นใจ ม.1 ต.ชมภู อ.สารภี จว.เชียงใหม่ โดยถูกอาวุธมีดฟันได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 คน คือ นายวัชระพล โนทะวงศ์ อายุ 20 ปี ที่อยู่ 119 ม.9 ต.ดงมะดะ อ.แม่ลาว จว.ชียงราย ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ ส่งโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่รักษาตัว ด.ช.กิตติศักดิ์ กันอินทร์ อายุ 14 ปี ที่อยู่ 44 ม.9 ต.ดงมะดะ อ.แม่ลาว จว.เชียงราย ได้รับบาดเจ็บบริเวณขาอาการสาหัสต้องได้รับการผ่าตัด ส่งโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่รักษาตัว

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ออกสืบสวนติดตามหาผู้ก่อเหตุจนทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุดังกล่าว ทราบว่าเป็นการก่อเหตุของแก๊งเยาวราช ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของกลุ่มวัยรุ่นใน อ.เมืองลำพูน ซึ่งได้นัดหมายกับแก๊งดอยหล่อ ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของกลุ่มวัยรุ่นใน อ.ดอยหล่อ สืบสวนจากพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุทราบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมีตำหนิรูปพรรณตรงกับกลุ่มของนายวัชรพันธ์ หรือบาส ยศนาทราย

ซึ่งเป็นแกนนำของแก๊งเยาวราช เคยมีประวัติการก่ออาชญากรรมมาก่อน จึงได้ติดตามตัวนายวัชรพันธ์ฯ จนพบพร้อมของกลางที่ได้ใช้ก่อเหตุ นายวัชรพันธ์ฯได้ให้การว่าได้นัดหมายกับกลุ่มของนายชาญณรงค์ บูญมี จาก อ.ดอยหล่อ จว.เชียงใหม่ บริเวณถนนเชียงใหม่-ลำปางได้เตรียมอาวุธมีด และระเบิดปิงปองที่ทำขึ้นเอง เพื่อออกไปทำร้ายร่างกายกลุ่มของคู่อริ (แก๊งหางดง HANGDONG) ที่บริเวณถนนเรียบทางรถไฟ

ต่อมากลุ่มของนายวัชรพันธ์ฯ และกลุ่มของนายชาญณรงค์ฯ ได้รวมตัวกันอยู่บริเวณแยกสารภี ได้เห็นนายวัชระพลฯ และด.ช.กิตติศักดิ์ฯ ผู้เสียหาย ขับรถจักรยานยนต์ผ่านกลุ่มของตนไป จึงได้เข้าใจว่าเป็นกลุ่มคู่อริจึงได้ขับรถจักรยานยนต์ตามไปจนกระทั่งถึงบริเวณถนนหน้า หจก.บ้านอบอุ่นใจ ม.1 ต.ชมภู อ.สารภี จว.เชียงใหม่ จึงได้แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกได้ร่วมกันทำร้ายนายวัชระพลฯ และกลุ่มที่ 2 ได้ร่วมกันทำร้าย ด.ช.กิตติศักดิ์ฯ โดยได้ใช้อาวุธมีด และระเบิดปิงปองที่พกพามาด้วยจนทำให้นายวัชระพลฯ และด.ช.กิตติศักดิ์ฯ ได้รับบาดเจ็บ ก่อนหลบหนีไป

จากการสืบสวนขยายผลพบว่า สามารถนำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีแล้ว 8 คน คือ นายวัชรพันธ์ หรือบาส ยศนาทราย อายุ 21 ปี ที่อยู่ 37 ม.7 ต.ต้นธง อ.เมืองลำพูน จว.ลำพูน นายภานุวัฒน์ หรือนน คะละตัน อายุ 19 ปี ที่อยู่ 57/1 ม.5 ต.เวียงยอง อ.เมืองลำพูน จว.ลำพูน นายพุฒิพงษ์ ราวัลย์ อายุ 18 ปี 11 เดือน ที่อยู่ 29/9 ม.3 ต.คุระ อ.คุระบุรี จว.ลำพูน นายคำอ่อง ลุงกอ อายุ 22 ปี ที่อยู่ตามทะเบียน 5/ช ม.6 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ นายกันตภณ มงคล อายุ 21 ปี ที่อยู่ 39 ม.9 ต.หางดง อ.หางดง จว.เชียงใหม่ นายรัษฎาธร วงศธร อายุ 16 ปี ที่อยู่ 424 ม.4 ต.เมืองแหง อ.เวียงแหง จว.ลำพูน นายณัฐวุฒิ หรือป๋อ ทามัน อายุ 20 ปี ที่อยู่ 48/2 ม.7 ต.ต้นธง อ.เมืองลำพูน จว.ลำพูน นายณัฐวิชญ์ ธงวิชัย อายุ 27 ปี ที่อยู่ 123 ม.8 ต.ต้นธง อ.เมืองลำพูน จว.ลำพูน

ยืดของกลาง เสื้อผ้าที่ผู้ต้องหาสวมใส่ขณะก่อเหตุ จำนวน 7 รายการ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นR15 สีดำ หมายเลขทะเบียน 1กง 2049 ลำพูน (คันที่ก่อเหตุ) รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นPCX สีเทา ไม่ติดป้ายทะเบียน (คันที่ก่อเหตุ) อาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ 2 ด้าม

ผู้ต้องหาแต่ละรายจะต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกัน และสนับสนุน เป็นซ่องโจร, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย และ อันตรายสาหัส โดยไตร่ตรองไว้ก่อน และ ร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดตั้งแต่ 15 ปี ถึง 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,210,288,294,295 และ371 ตำรวจภูธรภาค 5 ขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ให้สอดส่องหากพบพฤติกรรมการรวมกลุ่มของวัยรุ่นสามารถแจ้งให้ทางตำรวจได้ตลอด

24 สิงหาคม พ.ศ. 2557 โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ‘พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย

หากย้อนกลับไปวันนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของไทย

ประกาศราชกิจจานุเบกษา พระบรมราชโองการ ประกาศแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี มีเนื้อหาดังนี้

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

โดยที่ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ได้บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งตามมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ลงมติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เห็นชอบด้วยในการแต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

จึงทรงพระราชดำริว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้ที่สมควรไว้วางพระราชหฤทัยให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 19 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี บริหารราชการแผ่นดินตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2557 เป็นปีที่ 69 ในรัชกาลปัจจุบัน
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

'ศาลรัฐธรรมนูญ' ลงมติ 5 ต่อ 4 'นายกฯ เศรษฐา' มีความผิด กรณีแต่งตั้ง ‘นายพิชิต’ เป็นรัฐมนตรี ส่งผลให้ ครม.พ้นทั้งคณะ

(14 ส.ค.67) ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยในคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 40 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5 ) หรือไม่

จากกรณี นายเศรษฐา ได้นำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้ หรือ ควรรู้อยู่แล้วว่า นายพิชิต ขาดคุณสมบัติ หรือ มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 

เนื่องจากเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืน หรือ ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา สิ้นสุดลงได้  

ส่งผลให้ นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30  

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2567 ศาลรัฐธรรมนูญ ‘รับคำร้อง’ ไว้วินิจฉัย ด้วยมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 โดยตุลาการเสียงข้างมาก 6 เสียง ประกอบด้วย 1.นายปัญญา อุดชาชน 2.นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม 3.นายวิรุฬห์ แสงเทียน 4.นายจิรนิติ หะวานนท์ 5.นายนภดล เทพพิทักษ์  และ 6.นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ 

ส่วนตุลาการฯ เสียงข้างน้อย 3 เสียง ประกอบด้วย 1.นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ 2.นายอุดม รัฐอมฤต และ 3.นายสุเมธ รอยกุลเจริญ 

ขณะเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ไม่สั่งให้ นายเศรษฐา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ  

โดยตุลาการฯ เสียงข้างมาก 5 เสียง ประกอบด้วย 1.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ 2.นายนภดล เทพพิทักษ์ 3.นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ 4.นายอุดม รัฐอมฤต และ 5.สุเมธ  รอยกุลเจริญ

ส่วนตุลาการฯ เสียงข้างน้อย 4 เสียง ประกอบด้วย 1.นายปัญญา อุดชาชน 2.นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม 3.นายวิรุฬห์ แสงเทียน 4.นายจิรนิติ หะวานนท์

‘ไต้หวัน’ แต่งตั้ง 'หลิน ยู่ถิง' เป็น 'ทูตด้านการต่อต้านการบูลลี่แห่งชาติ' หลังผ่านความขมขื่นเรื่องเพศ สู่เจ้าของเหรียญทองมวยสากลหญิง

ไต้หวันต้อนรับยิ่งใหญ่ นักกีฬาทีมชาติที่กลับจากการแข่งขันปารีส โอลิมปิก 2024 ซึ่งหนึ่งในนักกีฬาที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนไต้หวันมากที่สุด คือ หลิน ยู่ถิง นักกีฬามวยสากลหญิง ในรุ่น 57 กิโลกรัม ที่สามารถคว้าเหรียญทองมวยสากลให้กับไต้หวันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ จนชาวไต้หวัน ต่างขั้นยกฉายาให้เธอว่าเป็น 'ลูกสาวของชาวไต้หวัน'

แต่กว่าที่ หลิน ยู่ถิง ก้าวมาถึงจุดนี้ เธอต้องผ่านความขมขื่นจากการถูกบูลลี่ ด้วยข้อความหยามเหยียด เกลียดชัง บนโลกออนไลน์มากมาย 

เช่นเดียวกับ อิมาน เคลิฟ นักชกหญิงจากแอลจีเรีย ในประเด็นความคลุมเครือเรื่องเพศสภาพ ที่ทำให้ทั้งคู่ไม่ผ่านการรับรองจากสมาคมมวยสากล (IBA) ให้เข้าแข่งขันในประเภทมวยสากลหญิง แต่ทว่า ทั้ง หลิน ยู่ถิง และ อิมาน เคลิฟ กลับผ่านเกณฑ์การพิจารณาจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ให้สามารถแข่งขันในงานโอลิมปิกได้

เรื่องนี้จึงกลายเป็นประเด็นถกเถียงอย่างร้อนแรง ถึงสิทธิ และความเท่าเทียมในการแข่งขันกีฬา ในกรณีความผิดปกติที่เกิดจากโครโมโซมเพศ ส่งผลให้เพศสภาพไม่ชัดเจน อันเป็นผลให้พวกเธอ ถูกโจมตีโดยชาวเน็ตจากทั่วโลก ที่มองว่าพวกเธอไม่ใช่ผู้หญิงแท้ และไม่เห็นด้วยที่ทั้งคู่จะได้ขึ้นชกกับนักมวยที่มีเพศสภาพเป็นหญิงชัดเจน 

แต่ในขณะเดียวกัน นักมวยทั้งคู่ก็ได้รับแรงสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากเพื่อนร่วมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชาวไต้หวันที่พร้อมออกมาปกป้อง หลิน ยู่ถิง ในฐานะ 'ลูกสาวของชาวไต้หวัน' อีกทั้ง ไล่ ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน สั่งให้ทีมกฎหมายเตรียมดำเนินคดีเอาผิดกับชาวเน็ตที่ออกมาบูลลี่ลูกสาวแห่งชาติของชาวไต้หวัน 

และล่าสุด หลิน ยู่ถิง ได้รับการแต่งตั้งจากหน่วยงานด้านกีฬาให้เป็น 'ทูตด้านการต่อต้านการบูลลี่แห่งชาติ' และยังได้ตำแหน่งทางวิชาการเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ในภาควิชาพลศึกษาของมหาวิทยาลัยวัฒนธรรมจีน โดยเธอจะได้สอนวิชาการชกมวยสากล และ ทักษะทางกีฬา ตั้งแต่ภาคเรียนฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึงนี้เป็นต้นไป 

ประเด็นเรื่องความคลุมเครือทางเพศสภาพของ หลิน ยู่ถิง ทำให้เธอถูกเพิกถอนเหรียญรางวัลในการแข่งขันชิงแชมป์มวยโลก ที่จัดโดย IBA ที่ยังแสดงความเห็นขัดแย้งกับ IOC เรื่องสิทธิในการเข้าแข่งขันของเธอ อันเป็นเหตุให้หน่วยงานด้านกีฬาของไต้หวันกำลังพิจารณาฟ้องร้องเอาผิดทางกฎหมายกับ IBA  

ด้าน นายกรัฐมนตรี โช จุงไต เรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการมอบเหรียญเกียรติยศ พร้อมเงินอัดฉีดอีก 9 แสนเหรียญไต้หวันย้อนหลังให้ แม้ หลิน ยู่ถิงจะถูกริบเหรียญจากการแข่งขันชิงแชมป์โลกก็ตาม 

แต่ทั้งนี้ หลิน ยู่ถิง ไม่ต้องการดำเนินคดีกับฝ่ายใดทั้งสิ้น และบอกว่าการได้รับเหรียญทองโอลิมปิกเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวตนของเธอแล้ว และเธอยินดีรับตำแหน่งทูตต่อต้านการบูลลี่ และ ทำหน้าที่สอนกีฬาเพื่อส่งเสริมนักกีฬารุ่นใหม่ของไต้หวันต่อไป

เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top