Sunday, 18 May 2025
TheStatesTimes

‘ชาวเน็ต’ ชื่นชม!! ‘วัดตระพังทอง’ ติดป้ายประกาศ ‘ห้ามปล่อยปลาดุก’ เหตุเป็นตัวทำลายระบบนิเวศ เชื่อ!! หลายคนไม่รู้ - หวังให้ทุกวัดทำตาม

(25 มิ.ย. 67) กลายเป็นไวรัลที่ถูกแชร์ในโลกออนไลน์อย่างมากมาย สำหรับ วัดตระพังทอง อ.เมือง จ.สุโขทัย ที่ทางวัดได้มีการติดป้ายประกาศไว้บริเวณริมเกาะกลางน้ำรอบวัด โดยมีข้อความระบุดังนี้

‘เตือนคนทำบุญห้ามปล่อยปลาดุก ทำลายระบบนิเวศ’

พร้อมกันนี้ ยังระบุเพิ่มเติมว่า “ปล่อยปลาอย่างไรให้ได้บุญ ?”

“ไม่แนะนำให้ปล่อยถ้าเป็นไปได้ เพราะส่วนใหญ่กลายพันธุ์มา มันแดกปลาตัวอื่นที่เล็กกว่าหมด ปล่อยปลาดุกลงแหล่งน้ำ เหมือนปล่อยฝูงซอมบี้บุกหมู่บ้าน ทำบุญ แต่จะได้บาปแทน”

ซึ่งหลังจากโพสต์ถูกเผยแพร่ ได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็น และชื่นชมวัดเป็นอย่างมาก ที่มีส่วนช่วยประชาสัมพันธ์ให้คนรับรู้โทษของการ ‘ปล่อยปลาดุก’ พร้อมระบุอีกว่า หากทุกวัดติดป้ายประกาศแบบนี้ก็คงดี เพราะยังมีหลายคนที่ไม่รู้ ว่าการปล่อยปลาดุกเป็นการทำลายระบบนิเวศ

ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2566 ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญระบบนิเวศน้ำจืด เคยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงเรื่องดังกล่าวไว้ว่า ปลาดุก 1 ตันกินสัตว์น้ำประมาณ 1,800,000 ตัวต่อปี ปลาดุกที่นิยมปล่อยกันส่วนใหญ่เป็น ปลาดุกบิ๊กอุย เป็นลูกผสมของ ปลาดุกอุย ของไทยกับ ปลาดุกรัสเซีย เพื่อให้ได้ปลาดุกตัวใหญ่ แต่ปัจจุบันมีปลาดุกอื่นมาผสมอีก ซึ่งปลาดุกเดิมกินไม่เลือก พอผสมพันธุ์ใหม่ยิ่งตัวใหญ่ กินจุขึ้นกว่าเดิม เมื่อมีคนนำมาปล่อยจึงทำให้เกิดปัญหาต่อระบบนิเวศ 

เลื่อนเซ็นสัญญา 4-5 'บ้านโพ-พระแก้ว' รอความชัดเจน HIA 'สถานีอยุธยา'

(25 มิ.ย. 67) จากเพจ 'วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร-สำรอง' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

#ทุกคนคะ ช่วยตาม 14 ล้านเสียงมาอ่านค่ะ

จากกรณี สส.ก้าวไกล นำโดย เต้ ยุดยา และ ไอซ์ บางบอน ร่วมกันให้ข้อมูลบิดเบือนชาวบ้านในพื้นที่ตั้งแต่ปีที่แล้ว 

รวมถึงการยื่นหนังสือ เพื่อให้ชะลอการก่อสร้าง สถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่อยุธยา ผลคือ..

ระงับการเซ็นสัญญาก่อสร้างไม่มีกำหนด รฟท. ต้องรอความชัดเจนเรื่อง HIA ให้จบก่อนดำเนินการใด ๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง 

ส่งผลให้ ภาพรวมการก่อสร้างทั้งโครงการฯ อาจล่าช้าจากแผนงานที่วางไว้ว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 71 

และอาจมีปัญหาถึง มหกรรมพืชสวนโลก โคราช ที่ชาวต่างชาติจะมาท่องเที่ยวหลายแสนคน (อ่านรายละเอียด >> https://www.dailynews.co.th/news/3569883/)

ขณะเดียวกัน ด้านเพจ 'ก้าวไกลอาสา ทั่วอยุธยามีรอยยิ้ม' ก็ได้แสดงความคิดเห็นว่า "การกระทำใด ๆ ในส่วนของ สส.เขต 1 ไม่เกี่ยวข้องกับทางพรรคก้าวไกลทั้งสิ้น"

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือ สหภาพแรงงานฮอนด้าแห่งประเทศไทย และรายการร้องทุกข์ลงป้ายนี้ ไทยพีบีเอส  มอบรถเข็นวีลแชร์ เสริมกำลังใจผู้สูงอายุ กทม 

วันที่ 25  มิถุนายน 2567 นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วย นายวสันต์ มหิงษา ผู้บริหารสหภาพแรงงานฮอนด้าแห่งประเทศไทย และ นางกานดา จำปาทิพย์ บรรณาธิการรายการ สถานีประชาชน ไทยพีบีเอส   พร้อมด้วย ทีมงานมวลชนสัมพันธ์ กลุ่มไทย สมายล์ กรุ๊ป 
ลงพื้นที่  ณ เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร 

นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ได้รับการติดต่อประสานขอรับบริจาครถเข็นวีลแชร์ จากสหภาพแรงงานฮอนด้าแห่งประเทศไทย เพื่อมอบให้ ผู้สูงอายุ ในพื้นที่  เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 ราย คือ นางโฉมยา  หวังสะเล็บ อายุ 86 ปี พักอาศัย ณ บ้านเลขที่ 1998 ถ.ประชาชนร่วมใจ แขวงทรายกองดินใต้  เขตคลองสามวา  กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นผู้สูงอายุที่ชราภาพ ไม่สามาถช่วยเหลือตัวเองได้ และทางบ้านมีฐานะยากจน จึงได้มามอบให้ในวันนี้  โดยมูลนิธิได้รับการบริจาครถวีลแชร์ จาก กลุ่มไทยสมายล์กรุ๊ป ผู้ให้บริการรถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 

“การที่มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ  มามอบในครั้งนี้ เพื่อต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน เติมกำลังใจ ให้แก่ ผู้สูงอายุ ถือเป็นกิจกรรมหลักที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิในด้านการสร้างสาธารณประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และที่สำคัญจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ที่มีความยากลำบากในการดำเนินชีวิต ต้องการอุปกรณ์ช่วยเหลือดังกล่าวมากกว่าบุคคลทั่วไป  ทั้งนี้ ท่านที่มีความประสงค์จะร่วมบริจาคหรือสมทบทุน ให้แก่ มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ สามารถติดต่อได้ที่ เพจมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ หรือ ติ๊กต๊อก มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์” นางเธียรรัตน์ กล่าว

'ชาวรัสเซีย' เริ่มหวั่น!! หลังเกิดเหตุกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงถล่มแคว้นดาเกสถาน ชวนกังวล-ไม่แน่ใจ 'เครมลิน' จะคุมเหตุรุนแรงในประเทศได้อยู่อีกหรือไม่?

เกิดเหตุก่อการร้ายขึ้นอีกครั้งในแคว้นดาเกสถาน ทางตะวันตกด้านชายฝั่งทะเลแคสเปียนของรัสเซีย เมื่อช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมาในกรุงมาฮัชคาลา เมืองหลวงของแคว้น และ เมืองเดอร์เบนท์ ที่อยู่ริมชายฝั่ง  

โดยกลุ่มก่อการร้าย ที่ภายหลังระบุว่าเป็นกลุ่มชาวมุสลิมหัวรุนแรง จำนวน 4 คนได้โจมตีกรุงมาฮัชคาลา ส่วนอีก 2 คนก่อเหตุในเมืองเดอร์เบนท์ ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ด้วยการกราดยิงเข้าไปในป้อมตำรวจ โบสถ์คริสต์ออร์โทดอกซ์ และโบสถ์ยิว แล้วจุดไฟเผา เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บถึง 46 ราย และ เสียชีวิตกว่า 20 ราย ซึ่ง 15 ใน 20 รายนี้ เป็นตำรวจ

ทางการรัสเซียรายงานว่าได้จัดการวิสามัญคนร้ายไป 5 ราย และได้มีการจับภาพการดวลปืนเสียงดังสนั่นระหว่างผู้ก่อการร้าย และ เจ้าหน้าที่ ในหมู่บ้านที่เคยเงียบสงบในเมืองเดอร์เบนท์ที่กลายเป็นคลิปข่าวที่สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วรัสเซีย และเกิดคำถามถึงรัฐบาลกลางรัสเซียว่า ละเลยภัยซ่อนเร้นในบ้านตัวเองหรือไม่?

ดาเกสถาน เป็นแคว้นทางตอนใต้ฝั่งตะวันตกติดกับทะเลแคสเปียน มีพรมแดนติดกับเชสเนีย, จอร์เจีย และ อาเซอร์ไบจาน ถือเป็นแคว้นที่มีกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลายที่สุดแห่งหนึ่งของรัสเซีย และมีพลเมืองกว่า 83% เป็นชาวมุสลิม

แต่ทั้งนี้ เดอร์เบนท์ เมืองสำคัญในแคว้นนี้กลับได้รับสมญานามว่าเป็น 'เมืองแห่ง 3 ศาสนา' อันได้แก่ศาสนาอิสลาม, คริสต์ และ ยูดาห์ เนื่องจากเมืองนี้มีที่ที่อยู่อาศัยของชุมชนชาวคริสต์ที่เก่าแก่ที่สุดในรัสเซีย และ ชุมชนชาวยิวรุ่นบุกเบิกมานานหลายชั่วอายุคน ที่เป็นเป้าหมายในการโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงมานานแล้ว 

หากไม่นับรวมเหตุการณ์กราดยิงในคอนเสิร์ต ฮอลล์ ใจกลางกรุงมอสโก เมื่อเดือนมีนาคมของปีนี้ ที่มีผู้เสียชีวิตมากถึง 145 ราย โดยกลุ่มก่อการร้าย ISIS-K ออกมาประกาศแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุครั้งนั้น แคว้นดาเกสถาน ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่มักเกิดเหตุโจมตีชุมชนชาวคริสต์ และ ชาวยิว ในพื้นที่มานานหลายสิบปีแล้ว  

สาเหตุหนึ่งมาจากแคว้นนี้เป็นแหล่งลี้ภัยของกลุ่มลัทธิหัวรุนแรงจากเชสเนีย และแคว้นใกล้เคียง มาอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นเมืองด่านหน้าของการปะทะกันระหว่างกองกำลังรัสเซีย กับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในช่วงสงครามเชสเนีย 

จนทำให้ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา เมืองนี้มักเกิดเหตุไม่สงบอยู่เนือง ๆ โดยตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐ และ โบสถ์สำคัญทางศาสนาคริสต์ และยิว มักถูกใช้เป็นเป้าหมายในการก่อเหตุ

อีกทั้งสภาพเศรษฐกิจ สังคมโดยรวมของแคว้นดาเกสถาน ค่อนข้างอ่อนแอ และ ย่ำแย่จากภายใน มีการคอร์รัปชันภายในรัฐบาลท้องถิ่น อัตราการว่างงานสูง ความหลากหลายด้านเชื้อชาติ ภาษา และ ศาสนาในแคว้น เป็นอุปสรรคต่อการสร้างความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกันของประชากรในพื้นที่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นแหล่งฟูมฟักชั้นดีของลัทธิก่อการร้าย 

และจากเหตุก่อการร้ายในดาเกสถาน เป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่าภัยคุกคามจากกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงในประเทศไม่เคยหายไปไหน และรอคอยโอกาสที่จะสร้างความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ 

ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกประจำทำเนียบเครมลิน ยังคงปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะเกิดคลื่นแห่งความรุนแรงในภูมิภาคคอเคซัสเหนือ (แคว้นที่อยู่คั่นกลางระหว่างทะเลอาซอฟ ทะเลดำทางทิศตะวันตก และทะเลแคสเปียนทางตะวันออก รวมถึง ดาเกสถานด้วย) และยืนยันว่าสังคมรัสเซียมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากพอ ที่จะไม่สนับสนุนการก่อการร้ายในชุมชนของพวกเขา เหมือนเมื่อ 20 ปีที่แล้วอีกต่อไป

เช่นเดียวกับ วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่เคยออกมากล่าวหลังเหตุกราดยิงในคอนเสิร์ต ฮอลล์ ในกรุง มอสโกว่า รัสเซียไม่ใช่เป้าหมายของกลุ่มก่อการร้ายชาวมุสลิมหัวรุนแรง เพราะเชื่อมั่นในความสามัคคีระหว่างศาสนา และกลุ่มชาติพันธุ์ในรัสเซียอันเป็นเอกลักษณ์ที่หาได้ยากในโลก ส่วนภัยจากเหตุก่อการร้ายเป็นการแทรกซึมของฝ่ายยูเครน และ อริชาติตะวันตก 

แต่ใช่ว่าชาวรัสเซียทุกคนจะคิดเช่นนี้ และกำลังมองว่ารัฐบาลรัสเซียกำลังใช้ทรัพยากรของประเทศไปทุ่มให้กับสงครามในยูเครนมากเกินไปจนละเลยภัยซ่อนเร้นภายในบ้าน อันเป็นปัญหาที่หมักหมมค้างเติ่งที่รัฐบาลมองข้ามมานานนับสิบปี 

สำหรับเหตุกราดยิงกลางเมืองในดาเกสถาน ที่อุกอาจขนาดถล่มป้อมตำรวจ เผาโบสถ์คริสต์-ยิว ยิงบาทหลวงเสียวิต โดยเจาะจงเลือกช่วงเทศกาล Trinity Sunday ของชาวคริสต์ออร์โทดอกซ์พอดี และห่างจากเหตุก่อการร้ายของกลุ่ม ISIS-K ในกรุงมอสโกเพียงไม่กี่เดือนนั้น ก็ชวนให้ชาวรัสเซียเริ่มไม่แน่ใจว่า รัฐบาลเครมลินจะคุมสถานการณ์ของกลุ่มหัวรุนแรงในประเทศได้อยู่หรือไม่

เชื้อไฟสงครามปะทุ!! เตรียมดันราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น หลังภัย 'ตะวันออกกลาง' และ 'รัสเซีย' ยังคุกรุ่น

(25 มิ.ย.67) หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานสถานการณ์ตลาดน้ำมันโลก ประจำสัปดาห์วันที่ 17-21 มิ.ย. 67 และแนวโน้มในสัปดาห์วันที่ 24-28 มิ.ย. 67 โดยระบุว่า ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์สงครามคุกรุ่นในตะวันออกกลางและรัสเซีย

- นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล นาย Benjamin Netanyahu ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 67 ว่า การโจมตีกลุ่มฮามาส (ในฉนวนกาซา) กำลังจะสิ้นสุดลง และเป้าหมายของกองทัพอิสราเอลจะเปลี่ยนไปเป็นที่ชายแดนทางตอนเหนือของอิสราเอลติดกับเลบานอน ทั้งนี้กองทัพอิสราเอลประกาศจะปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ต่อฐานที่มั่นของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ทางตอนใต้ของเลบานอน ซึ่งอาจส่งผลให้ความขัดแย้งลุกลามกลายเป็นสงครามในภูมิภาค

- วันที่ 21 มิ.ย. 67 ทหารยูเครนใช้โดรน (Unmanned Aerial Vehicles) โจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซีย 4 แห่ง กำลังการกลั่นรวมกว่า 400,000 บาร์เรลต่อวัน (ประมาณ 6% ของกำลังการกลั่นรวม) ทำให้เกิดเหตุระเบิดและไฟไหม้ อนึ่งรัสเซียใช้โรงกลั่นดังกล่าวผลิตเชื้อเพลิงให้เรือรบที่ปฏิบัติการในทะเลดำ

- Energy Information Administration (EIA) รายงานว่าอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 มิ.ย. 67 เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 1.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 21.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากประชาชนจำนวนมากออกมาใช้รถยนต์ช่วงฤดูขับขี่ท่องเที่ยว (วันที่ 27 พ.ค.-2 ก.ย. 67)

- Petroleum Planning and Analysis Cell (PPAC) ของอินเดียรายงานว่าปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบในเดือน พ.ค. 67 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5.7% อยู่ที่ 5.12 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เร่งผลักดันเพื่อขับเคลื่อนให้เกิดระบบ 

หมายเหตุ >> SPR : Strategic Petroleum Reserve หรือ การสำรองเชื้อเพลิงปิโตรเลียมทางยุทธศาสตร์ ภายใต้การเร่งผลักดันให้เกิดโดย ‘นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะเข้ามามีบทบาททำหน้าแทนที่กองทุนน้ำมันได้มากขึ้น โดยในอนาคตเมื่อรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานเป็นผู้ถือครองปริมาณน้ำมันมากที่สุดในประเทศจนเพียงพอสำหรับการใช้งานในประเทศได้ถึง 90 วันแล้ว รัฐบาลย่อมสามารถนำปริมาณสำรองเข้าไปมีส่วนในการบริหารจัดการราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นธรรมในประเทศได้ 

‘เกาหลีใต้’ ปัดข้อเรียกร้องผ่อนผัน K-ETA ‘ไทย’ แม้ยอดนทท.ไทยลดลง หลังพบประชากรแฝงชาวไทยเพิ่มขึ้นสามเท่าในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา

(25 มิ.ย.67) หนังสือพิมพ์ The Korea Herald ของเกาหลีใต้ รายงานข่าว S. Korea unlikely to grant temporary K-ETA exemption to Thailand ระบุว่า จากกรณีที่กระทรวงวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยวของเกาหลีใต้ เรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมของเกาหลีใต้ ผ่อนผันประเทศไทยไม่ต้องเข้าระบบการขออนุญาตเดินทางเข้าประเทศ หรือ K-ETA อย่างน้อยจนถึงสิ้นปี 2567 เนื่องจากพบจำนวนท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางมาเกาหลีใต้ลดลง 

ล่าสุด กระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้ดูแลระบบ K-ETA ได้ออกแถลงการณ์ ยืนยันว่า เป็นการยากที่จะดำเนินการผ่อนผันดังกล่าว

“เราจำเป็นต้องระมัดระวังในการใช้ข้อยกเว้น K-ETA สำหรับประเทศต้นทางที่มีผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารจำนวนมาก K-ETA เป็นระบบที่ถูกนำมาใช้หลังจากตระหนักว่า มีข้อจำกัดในการควบคุมการเข้าเมืองและป้องกันการอยู่อาศัยอย่างผิดกฎหมายตามนโยบายวีซ่าของประเทศเท่านั้น” แถลงการณ์ของกระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้ ระบุ

แถลงการณ์ยังกล่าวด้วยว่า ส่วนข้อร้องเรียนจากนักเดินทางชาวไทยว่าแผนการเยือนเกาหลีใต้ถูกยกเลิกเนื่องจากการปฏิเสธการเข้าประเทศผ่าน K-ETA กรณีของบางครอบครัวและนักท่องเที่ยวกลุ่ม (ที่ไม่สามารถเข้าเกาหลีได้) เนื่องจากการปฏิเสธ K-ETA ถูกพบเห็นในช่วงแรกของการดำเนินการ ทั้งนี้ ระบบ K-ETA มีเสถียรภาพเพียงพอที่จะไม่ขัดขวางความต้องการของนักเดินทางที่เดินทางมายังเกาหลีใต้

รายงานของสื่อเกาหลีใต้ กล่าวต่อไปว่า K-ETA ซึ่งเปิดตัวเต็มรูปแบบในเดือน ก.ย. 2564 กำหนดให้นักเดินทางจากประเทศที่ได้รับยกเว้นการทำวีซ่า ต้องได้รับอนุญาตก่อนเข้าเกาหลีใต้ เพื่อปรับปรุงการตรวจสอบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พร้อมทั้งสกัดกั้นบุคคลที่จะเข้ามาอยู่อาศัยในประเทศอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งในขณะที่กระทรวงวัฒนธรรมฯ ของเกาหลีใต้ คาดหวังว่าจะมีชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยว 20 ล้านคนในปี 2567 

อย่างไรก็ตาม ผู้สังเกตการณ์บางคนชี้ว่า การคัดกรองด้วยระบบ K-ETA ถือเป็นอุปสรรคสำคัญ ซึ่งถือว่ายากเมื่อเทียบกับระบบอนุญาตการเดินทางทำนองเดียวกันในประเทศเพื่อนบ้านอย่างญี่ปุ่นและจีน

ข้อมูลล่าสุดที่รวบรวมโดยองค์การการท่องเที่ยวเกาหลีเผยว่า เกาหลีใต้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยราว 119,000 คนในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. 2567 ลดลงร้อยละ 21.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่ข้อมูลเดียวกันนี้แสดงให้เห็นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 87 เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วงเวลาที่อ้างถึง ซึ่งแสดงให้เห็นความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ในทางกลับกัน ข้อมูลจากรัฐบาลเกาหลีใต้ พบว่า ประชากรแฝงชาวไทยในเกาหลีใต้ได้เพิ่มขึ้นสามเท่าในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ทำให้ไทยเป็นหนึ่งในชาติที่มีประชากรแฝงอยู่ในเกาหลีใต้มากที่สุด

ทรภ.1 จัดกิจกรรมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่และเสริมสร้างความสามัคคีของคนในชาติ

วันที่ 25 มิถุนายน 2567 ทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1) จัดกิจกรรมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่และการเสริมสร้างความสามัคคีของคนในชาติ ณ โรงเรียนโสตศึกษาเทพรัตน์ อ.บางสะพาน จว.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมี นาวาเอก กฤษดา จิระไตรพร รองเสนาธิการ ทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธานในพิธี สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีของคนในชุมชน ให้สามารถร่วมมือร่วมใจกันแก้ปัญหาในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เครือข่ายชาวประมง ผู้นำชุมชน โรงเรียน และประชาชนในพื้นที่ทุกภาคส่วน โดยกิจกรรมประกอบด้วย การพัฒนาโรงเรียน การปรับปรุงภูมิทัศน์ การส่งมอบป้ายธนาคารปู การปล่อยพันธ์ุปูที่เพาะพันธุ์ได้จากธนาคารปู การมอบอุปกรณ์สำหรับทาสี ผ้าห่ม และหน้ากากอนามัย รวมทั้ง การเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยินและบกพร่องทางสติปัญญา อีกด้วย

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

ตอบอีกครั้ง!! เหตุผลที่ผู้ผลิต 'แอนิเมชัน 2475' ไม่นำเข้าโรงหนัง 'ปล่อยชมฟรี-สร้างความเข้าใจ' เหตุการณ์จริงช่วง 2475 แค่นี้พอ

(25 มิ.ย. 67) จากเพจ '2475 Dawn of Revolution' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

“เมื่อต้นเดือน มีการสอบถามว่าทำไมเราไม่กล้าเอาหนังเข้าโรง จะได้รู้ว่าแอนิเมชันมันดังจริงมั้ย คนจะยอมเสียเงินมาดูสักกี่คน ผมก็ได้ทำโพสต์อธิบายไปแล้วว่า การเอาหนังเข้าโรงมันไม่ใช่ง่าย ๆ ซึ่งพวกเรามองแค่การฉายเป็นรอบพิเศษตามโอกาสต่าง ๆ เมื่อทาง รทสช. เห็นเข้า ก็ติดต่อมาขอจัดรอบพิเศษ ซึ่งเราก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะมอบประสบการณ์ฉายโรงให้กับผู้ที่สนใจรับชม”

“แต่หลังจากเราประกาศฉายรอบพิเศษในโรงไป ก็ยังมีการถามมาอีกว่าทำไมไม่เอาเข้าโปรแกรมตามปกติ เพื่อแข่งขันกับหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้”

“ผมขอเรียนอย่างนี้ครับว่า…”

“แอนิเมชันนี้เป็นงานประวัติศาสตร์ เป้าหมายคือ เน้นให้เกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ 2475 ดังนั้น เราจึงเลือกที่จะฉายออนไลน์ให้ชมฟรีทางยูทูบ เพื่อให้คนดูเข้าถึงง่าย ไม่จำเป็นต้องเข้าไปดูในโรงภาพยนตร์”

“การเข้าโรงภาพยนตร์ ไม่ใช่แค่ค่าใช้จ่ายที่ต้องให้ผู้จัดจำหน่าย ค่าประกันโรง และ ยังมีค่าโปรโมท อื่น ๆอีกมากมาย ทางคนดูเองก็ต้องเสียเงินมาดู และทางเราไม่มีทรัพยากรมากพอที่จะเอามาทำอะไรแบบนี้” 

“และต่อให้เราฉายโรง ได้รายได้ 1 ล้าน ก็เท่ากับตั๋วหนังประมาณ 5พันใบ หรือมีคนดูเพียง 5 พันคนเท่านั้น  (และยังต้องแบ่งรายได้ครึ่งนึงให้โรงหนังอีกนะครับ)” 

“เมื่อเทียบกับ การฉายยูทูบ ที่มีคนดูวันแรก 1.2 แสน เพราะมันเข้าถึงง่ายกว่า เราจึงมองว่า ถ้าจุดประสงค์ของเราคือต้องการให้เข้าถึงคนมาก ๆ ยูทูบจึงเหมาะสมที่สุดครับ” 

“ตอนนี้ก็เริ่มมีถามมาอีกว่าทำไมไม่เอาเข้า Netflix  ทำไมไม่เข้า Prime ไม่เข้า Disney เรื่องสตรีมมิ่งเคยคุยไว้แล้วครับ เขาบอกว่า หนังเราลงยูทูบให้ดูฟรีไปแล้ว เขาคงไม่รับ (แม้เราจะยืนยันว่าให้ลงฟรีๆ ก็ได้ แค่อยากเพิ่มช่องทางการรับชม)”

“เมื่อเราตัดสินใจไปแล้วว่า ลงยูทูบให้ดูฟรี ก็ต้องตามนั้นครับ เราคงไม่ไปลบออกเพื่อหวังจะลง Netflix”

“ในส่วนของโรงภาพยนตร์ เมื่อวานผมก็ตอบไปหลายท่านว่า ผมไม่เอาแอนิเมชันเข้าโปรแกรมฉายตามปกติครับ เพราะมันไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ สมมติว่า ถ้าผมต้องจ่ายเงินประกันค่าโรง 2 ล้าน แล้วสุดท้ายคนมาโหรงเหรง ผมว่าผมเอา 2 ล้านนั้น มาจัดรอบพิเศษ สัก 30-40 รอบ ทั่วประเทศ น่าจะดีกว่าครับ”

“ถ้าจังหวัดไหนอยากดูในโรงภาพยนตร์จริง ๆ ลองรวมตัวกันส่งเสียงดัง ๆ ถ้ามีคนเรียกร้องมาก ๆ ก็อาจจะหาทางจัดที่นั่นได้ครับ ผมเชื่อว่า ถ้ามีคนจำนวนมากต้องการ เราสามารถหาทางจัดอีเวนต์ได้ครับ รวมกันไปดูเป็นรอบพิเศษ แบบนี้สนุกกว่าเยอะ”  

“แอนิเมชันของเราก็มีความเฉพาะตัวของเรา ไม่จำเป็นต้องไปแข่งขันกับหนังเรื่องไหนหรอกครับ เพราะมันคนละแนวทาง คนละเป้าหมาย สิ่งที่ได้มันต่างกัน และผมมั่นใจว่า แอนิเมชันของเรา ผลิตมาเพื่อให้ใช้เรียนรู้ในระยะยาว ที่จะอยู่กับชาติไทยไปเป็นสิบปี เป็นร้อยปีครับ (ซึ่งมีการติดต่อมาเพื่อขอบรรจุแอนิเมชันเป็นหนังอนุรักษ์แล้วครับ)” 

“และยังไม่หมดแค่นี้ ยังมีวิธีต่อยอดอีกมากมายครับ ซึ่งกำลังคุยกันอยู่ บางส่วนขออุบไว้ก่อนนะ เชื่อว่าเป็นสิ่งดี ๆ ที่ทุกท่านจะต้องชื่นใจครับ” 

“เพิ่มเติม เรื่องการประกวดเอารางวัลอะไรนั่น ผมเรียนตรง ๆ นะครับ ตอนที่พวกผมกำลังตัดสินใจว่าจะเผยแพร่ในช่องทางไหน มีคนถามผมว่า ‘อยากได้เงินหรือกล่อง’ ด้วยความสัตย์จริง ผมตอบไปว่า ‘ผมแค่ทำงานนี้ออกมาแล้วอยากให้มันทำประโยชน์ได้’ นั่นล่ะครับ จึงได้ข้อสรุปว่า Youtube” 

“ขอบคุณครับ”

‘จีน’ จ่อสนับสนุน 'อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฯ' ขับเคลื่อนด้วย ‘AI’ ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ด้าน ‘การสื่อสาร-กีฬา-สุขภาพ-ชำระเงิน’

(25 มิ.ย.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน เผยว่าจีนจะสนับสนุนการบริโภคอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไฮเทครุ่นใหม่ เช่น อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ และหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI)

คณะกรรมการฯ จะทำงานเพื่อผลักดันการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์-คอมพิวเตอร์ด้วยการส่งเสริมการพัฒนาหลายเทคโนโลยี เช่น จอแสดงผลที่ยืดหยุ่น ซูเปอร์ชาร์จ ผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ และโมเดลขนาดใหญ่บนอุปกรณ์ อีกทั้งจะสนับสนุนการใช้งานอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะในด้านต่าง ๆ เช่น การสื่อสาร ความบันเทิง กีฬา การติดตามสุขภาพ และการชำระเงินผ่านมือถือ

จีนมีแผนสำรวจการพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์โดยใช้โมเดลปัญญาประดิษฐ์ และขยายขอบเขตการประยุกต์ใช้หุ่นยนต์อัจฉริยะในการทำความสะอาด การพักผ่อนหย่อนใจและสันทนาการ การดูแลผู้สูงอายุและผู้พิการ ตลอดจนการศึกษาและการฝึกอบรม

ขณะเดียวกัน จีนจะส่งเสริมโมเดลการผลิตใหม่ ๆ เช่น การปรับแต่งตามความต้องการลูกค้าแบบย้อนกลับ (reverse customization) การออกแบบแบบเฉพาะบุคคล และการผลิตที่ยืดหยุ่น รวมทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อเพิ่มการรับรู้ของผู้บริโภคและการเจาะตลาดของกลุ่มผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ

‘ยานฉางเอ๋อ-6’ กลับถึงโลก พร้อมชิ้นส่วน ‘หิน-ดิน’ จากอีกฟาก ‘ดวงจันทร์’ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ หลังใช้เวลา 53 วันปฏิบัติภารกิจ 

(25 มิ.ย.67) สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ยานสำรวจฉางเอ๋อ-6 ของจีน ได้กลับมาถึงโลกโดยลงจอดในเขตมองโกเลียในทางตอนเหนือของจีน พร้อมตัวอย่างหินและดินจากอีกฟากหนึ่งของดวงจันทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ไม่เคยมีการสำรวจมาก่อน จึงถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติที่มีการเก็บตัวอย่างหินและดินมาจากด้านไกลของดวงจันทร์

จาง เค่อเจี้ยน ผู้อำนวยการองค์การบริหารอวกาศแห่งชาติจีน แถลงข่าวทางสถานีโทรทัศน์หลังการลงจอดของยานฉางเอ๋อ-6 เพียงไม่นานว่า “ผมขอประกาศว่าภารกิจสำรวจดวงจันทร์ฉางเอ๋อ-6 ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แล้ว”

ด้านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้ส่งข้อความแสดงความยินดีกับทีมนักบินอวกาศของฉางเอ๋อ โดยกล่าวว่านี่คือ “ความสำเร็จครั้งสำคัญในความพยายามของประเทศของจีน ที่จะเป็นมหาอำนาจในด้านเทคโนโลยีและอวกาศ”

ทั้งนี้ด้านใกล้ของดวงจันทร์คือสิ่งที่มองเห็นได้จากโลก ในขณะที่ด้านไกลของดวงจันทร์หันไปทางอวกาศ โดยเป็นที่ทราบกันว่าด้านไกลมีภูเขาและหลุมอุกกาบาต ตรงกันข้ามกับพื้นที่ราบที่มองเห็นได้จากด้านใกล้

ในขณะที่ในอดีต สหรัฐและสหภาพโซเวียตต่างเก็บตัวอย่างมาจากด้านใกล้ของดวงจันทร์ จึงถือว่าภารกิจของจีนเป็นภารกิจแรกที่เก็บตัวอย่างจากด้านไกลของดวงจันทร์

โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนคาดว่าตัวอย่างที่นำกลับมาจากดวงจันทร์ จะรวมถึงหินภูเขาไฟอายุ 2.5 ล้านปี และวัสดุอื่นๆ ที่นักวิทยาศาสตร์หวังว่าจะช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับความแตกต่างทางภูมิศาสตร์บนสองด้านของดวงจันทร์

ซงยู เยว่ นักธรณีวิทยาจากสถาบันวิทยาศาสตร์จีน ระบุในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ใน Innovation Monday ซึ่งเป็นวารสารที่ตีพิมพ์ร่วมกับสถาบันวิทยาศาสตร์จีนว่า “คาดว่ากลุ่มตัวอย่างที่เก็บมาจะตอบคำถามทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานที่สุดข้อหนึ่งในการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ของดวงจันทร์ นั่นคือปฏิกริยาทางธรณีวิทยาประเภทใดที่ส่งผลต่อความแตกต่างระหว่างทั้งสองด้านของดวงจันทร์”

ทั้งนี้ จีนยังหวังว่ายานสำรวจจะกลับมาพร้อมกับวัสดุที่มีร่องรอยอุกกาบาตพุ่งชนจากดวงจันทร์ในอดีต เมื่อยานฉางเอ๋อ-6 กลับมาถึงอย่างปลอดภัย นักวิทยาศาสตร์จะเริ่มศึกษาตัวอย่างเหล่านั้น

ยานสำรวจฉางเอ๋อ 6 ออกจากโลกเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา และ ใช้เวลาเดินทาง 53 วันในปฏิบัติการในครั้งนี้ โดยยานสำรวจสัญชาติจีนได้เจาะเข้าไปในแกนกลางของดวงจันทร์ และตักหินออกจากพื้นผิวของดวงจันทร์กลับมา

โครงการสำรวจดวงจันทร์เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างจีนกับสหรัฐ ซึ่งยังคงเป็นผู้นำด้านการสำรวจอวกาศ รวมไปถึงประเทศอื่นๆ อย่างญี่ปุ่นและอินเดีย โดยจีนได้ส่งสถานีอวกาศของตนเองขึ้นสู่วงโคจรและส่งลูกเรือไปที่นั่นเป็นประจำ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ จีนมีภารกิจไปยังดวงจันทร์ที่ประสบความสำเร็จหลายครั้ง รวมถึงการเก็บตัวอย่างจากด้านใกล้ของดวงจันทร์ด้วยยานสำรวจฉางเอ๋อ-5 ก่อนหน้านี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top